คลังค้นคว้า
โอกาสและความรับผิดชอบของครูซีอีเอสในศตวรรษที่ 21


โอกาสและความรับผิดชอบของครูซีอีเอสในศตวรรษที่ 21

ยามค่ำกับเอ็ลเดอร์ เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด

ปราศรัยต่อนักการศึกษาศาสนาซีอีเอส • 26 กุมภาพันธ์ 2016 • ซอลท์เลคแทเบอร์นาเคิล

พี่น้องทั้งหลาย ขอบคุณสำหรับความพากเพียรเป็นพิเศษของท่านในการเป็นพรให้แก่ชีวิตหนุ่มสาวของศาสนจักร

เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเล่มใหม่ By Study and Also By Faith: One Hundred Years of Seminaries and Institutes of Religion. (ศึกษาพร้อมด้วยศรัทธา: หนึ่งร้อยปีเซมินารีและสถาบันศาสนา) นับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก ขณะข้าพเจ้ากำลังอ่าน ข้าพเจ้าสังเกตเห็นบทบาทของโจเซฟ เอฟ. สมิธ คุณทวดข้าพเจ้า และเมลวิน เจ. บัลลาร์ดคุณปู่ข้าพเจ้าในการสร้างและขยายการศึกษาของศาสนจักร

วันนี้ข้าพเจ้ารับใช้ตรงจุดที่พวกเขาเคยรับใช้เพราะข้าพเจ้ามีความเกี่ยวพันกับพวกท่าน นับตั้งแต่ปี 1985 ข้าพเจ้ามีสิทธิพิเศษของการรับใช้ในคณะกรรมการการศึกษาเป็นเวลา 14 ปี ข้าพเจ้าเป็นคณะกรรมการบริหาร 7 ปี และในช่วงนั้น ข้าพเจ้ารับใช้เป็นประธานคณะกรรมการเกือบ 4 ปี

ระหว่างที่ข้าพเจ้าอยู่ในคณะกรรมการ ข้าพเจ้าชื่นชมอย่างยิ่งในระบบการศึกษาของศาสนจักร ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าขอพูดแทนบิดามารดา ปู่ย่าตายายทุกคน แม้แต่เหล่าคุณทวดในศาสนจักรเมื่อข้าพเจ้าขอบคุณบรรดาครูและผู้บริหารและครอบครัวของท่านสำหรับการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ สิ่งที่ซีอีเอสทำสำเร็จในช่วงหนึ่ง 100 ปีมานี้ช่างยอดเยี่ยม แต่ที่ข้าพเจ้าสนใจมากกว่าคือในอีก 100 ปีข้างหน้าและวิธีที่ท่านสามารถช่วยนักเรียนของท่านให้เผชิญกับความท้าทายที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลาของศตวรรษที่ 21

ในการประชุมอบรมเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์สอนหัวข้อ “การรักษาหลักคำสอนให้บริสุทธิ์และรักษาศาสนจักรให้อยู่ในครรลองที่ถูกต้อง” ท่านกล่าวว่า “เราไม่ควรรู้สึกว่าเราระมัดระวังมากเกินไป เราต้องเฝ้าดูและไม่ละ [จากเส้นทางของเรา] ในความพยายามของเราที่จะเป็นต้นแบบ มีความสดใหม่และแตกต่าง เราอาจสอนสิ่งที่ไม่สอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ที่ได้รับการฟื้นฟูนี้ … เราต้องตื่นตัวมากขึ้น … เราต้องเป็นยามบนหอสูง”1

ขณะที่เราขับเคลื่อนการศึกษาของศาสนจักรไปข้างหน้าในศตวรรษที่ 21 พวกท่านแต่ละคนต้องพิจารณาว่าท่านควรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในวิธีเตรียมการสอนของท่าน วิธีที่ท่านสอน และสิ่งที่ท่านสอน หากท่านจะสร้างศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนในชีวิตคนหนุ่มสาวที่มีค่าของเรา

ช่วงเวลาที่นักเรียนจะถามคำถามซื่อๆ และครูก็ตอบว่า “อย่ากังวลไปเลย” นั้นผ่านไปแล้ว ช่วงเวลาที่นักเรียนจะพูดถึงข้อกังวลอย่างจริงใจและครูก็แสดงประจักษ์พยานของตนเองเป็นคำตอบเพื่อจะหลีกเลี่ยงการตอบตรงๆนั้นผ่านไปแล้ว ช่วงเวลาที่นักเรียนได้รับการปกป้องจากผู้คนที่โจมตีศาสนจักรผ่านไปแล้ว เราโชคดีที่พระเจ้าทรงเตรียมคำปรึกษาที่เหมาะสมแก่กาลเวลาและไม่ตกยุคไว้ให้ท่านในฐานะครู “และ​เนื่องจาก​คน​ทั้งปวง​ไม่​มี​ศรัทธา, เจ้า​จง​แสวง​หา​อย่าง​ขยัน​หมั่น​เพียร​และสอนถ้อยคำ​แห่งปัญญาให้​กัน; แท้จริง​แล้ว, เจ้า​จง​แสวง​หา​ถ้อยคำ​แห่ง​ปัญญา​จาก​บรรดาหนังสือ​ดี​ที่สุด; แสวง​หา​การ​เรียน​รู้, แม้​โดย​การ​ศึกษา​และ​โดย​ศรัทธา​ด้วย.”2

สิ่งนี้เหมาะอย่างยิ่งกับโลกทุกวันนี้ เพราะไม่ใช่นักเรียนทุกคนของท่านจะมีศรัทธาเพียงพอในการเผชิญกับความท้าทายที่รออยู่ และเพราะพวกเขาหลายคนท่องไปในอินเทอร์เน็ตเข้าสู่พลังบ่อนทำลายของโลกที่เพิ่มพูนสรรพความรู้อันเป็นอันตรายต่อศรัทธา ครอบครัว และมาตรฐานพระกิตติคุณ อินเทอร์เน็ตกำลังขยายวงกว้างไปทั่วโลก ไปสู่บ้านเรือนเกือบทุกหลัง เข้าไปสู่มือและความคิดของนักเรียนของท่าน

ท่านช่วยนักเรียนได้โดยสอนให้พวกเขารู้ความหมายในการเชื่อมโยงการศึกษาและศรัทธาเข้าด้วยกันขณะพวกเขาเรียนรู้ สอนพวกเขาโดยสาธิตทักษะและวิธีการในชั้นเรียน

ประธานฮาร์โรล บี. ลี ให้ข้อสังเกตว่า

“เราขอเตือนท่านว่าการได้รับความรู้โดยศรัทธานั้นไม่ง่าย สิ่งนี้เรียกร้องความพยายามอย่างมากและความมุ่งมั่นด้วยศรัทธาอย่างต่อเนื่อง …

“กล่าวสั้นๆว่า การเรียนรู้โดยศรัทธาไม่ใช่งานสำหรับชาย [หรือหญิง] ที่เกียจคร้าน บางคนกล่าวว่าในกระบวนการนี้เรียกร้องการยินยอมถวายจิตวิญญาณทั้งหมดแด่พระองค์ เรียกหาพระองค์จากส่วนลึกของจิตใจและเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้กับพระผู้เป็นเจ้า—การเชื่อมโยงที่ถูกต้องจะต้องเกิดขึ้น จากนั้น ‘ความรู้โดยศรัทธา’ จะมา”3

ความรู้โดยศรัทธาจะสร้างประจักษ์พยานบริสุทธิ์ และประจักษ์พยานบริสุทธิ์มีพลังในการเปลี่ยนชีวิต ดังที่แสดงไว้ในเรื่องเล่าสั้นๆ สามเรื่องต่อไปนี้

เรื่องแรก ฟีบี คาร์เตอร์ออกจากบ้านของเธอในรัฐเมนเพื่อสมทบกับวิสุทธิชนในรัฐโอไฮโอในทศวรรษ 1830 เธอเล่าว่า “เพื่อนๆ ข้าพเจ้าหรือแม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ประหลาดใจกับการตัดสินใจเข้าร่วมกับวิสุทธิชน แต่บางอย่างภายในผลักดันข้าพเจ้า ข้าพเจ้าแทบทนเห็นความโศกเศร้าของคุณแม่ไม่ได้ที่ข้าพเจ้าออกจากบ้าน ถ้าไม่รู้สึกถึงพระวิญญาณภายใน ข้าพเจ้าคงล้มเลิกการเดินทาง”4

ฟีบีทำตามศาสดาพยากรณ์ เธอเข้าร่วมกับวิสุทธิชนในโอไฮโอและในที่สุดก็มาถึงยูทาห์ เธอสิ้นชีวิตที่นั่นในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์และคู่ทุกข์คู่ยากในฐานะภรรยาของประธานศาสนจักร วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์

เรื่องต่อไปมาจากชีวประวัติของมาเรียน จี. รอมนีย์

ขณะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มาเรียนตัดสินใจว่าเขาคงไม่สามารถรับใช้งานเผยแผ่เพราะสถานภาพทางการเงินของครอบครัวเขา ในชีวประวัติตอนหนึ่งบันทึกว่า ขณะฟังคำพูดของเอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ด “ [มาเรียน] ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น กำลังจะทำให้วิถีชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”

เรื่องราวดำเนินต่อไป “[บิดาของมาเรียน] บอกลูกๆของเขา … ว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างผู้ที่ดำเนินชีวิตตามการดลใจของพระวิญญาณกับผู้ที่ไม่ได้ทำ ซึ่งเปรียบได้กับต้นไม้ที่กำลังเติบโตและตอไม้ที่ตายแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มาเรียน … เข้าใจอย่างถ่องแท้ขณะฟังคำพูดภายใต้อิทธิพลของการดลใจ ความรู้สึกเสียดแทงและซาบซ่านเปี่ยมล้นจิตวิญญาณของเขา … [เขา] ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนขณะฟังถ้อยคำของอัครสาวกที่เพิ่งได้รับเรียก …

“เด็กหนุ่มมาเรียน … รู้สึกถึงอิทธิพลของพระวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม สีหน้าที่ส่องสว่างของอัครสาวกท่านนั้นและความจริงใจในประจักษ์พยานของท่านทำให้มาเรียนปรารถนาจะเป็นผู้สอนศาสนา … เขารู้ว่าเขาต้องเลื่อนแผนการศึกษาต่อออกไป”5

ไม่นาน มาเรียนอยู่บนเส้นทางไปออสเตรเลีย ที่นั่นเขารับใช้อย่างซื่อสัตย์ ต่อมาเขากลายเป็นอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่และเป็นสมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุด

เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องที่ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์เล่าถึงอิทธิพลที่ครูสูงวัยคนหนึ่งมีต่อวิลเลียม อี. เบอร์เรตต์ ครูท่านนี้เป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสจากนอร์เวย์ เขายังขาดทักษะในด้านภาษาอังกฤษ ถึงแม้ครูท่านนี้จะมีข้อจำกัดด้านภาษา แต่ประธานแพคเกอร์กล่าวว่า “บราเดอร์เบอร์เรตต์ยืนยันในหลายเหตุการณ์ว่า ‘เราอบอุ่นจากไฟแห่งศรัทธาของเขา’”6

ต่อมา วิลเลียมเป็นผู้อำนวยการเซมินารี สถาบันศาสนา และโรงเรียนของศาสนจักร

สำหรับฟีบี มาเรียน และวิลเลียม การได้ยินประจักษ์พยานบริสุทธิ์เป็นตัวเร่งซึ่งเปลี่ยนชีวิตพวกเขาตลอดกาล สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นได้กับนักเรียนของท่าน แต่เนื่องด้วยสภาพความเป็นจริงของโลกทุกวันนี้ ประจักษ์พยานบริสุทธิ์อาจไม่เพียงพอ ฟีบี มาเรียน และวิลเลียมมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากสื่อลามกและอิทธิพลฝ่ายโลก เมื่อเขาได้รับการสอนจากผู้สอนศาสนา ครู และผู้นำ พระวิญญาณจึงเข้าไปยังจิตใจที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์ของพวกเขาได้โดยง่าย

ทุกวันนี้ เรื่องราวแตกต่างไปอย่างมาก เพราะนักเรียนของท่านบางคนอาจแปดเปื้อนด้วยสื่อลามกและอิทธิพลทางโลกก่อนที่พวกเขาจะมาถึงชั้นเรียนของท่าน

ย้อนไปเพียงรุ่นก่อนหน้านี้ที่คนหนุ่มสาวของเราเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หลักคำสอน และการปฏิบัติของศาสนจักรได้จากสิ่งพิมพ์ของศาสนจักรเท่านั้น มีนักเรียนไม่กี่คนที่เข้าถึงสิ่งพิมพ์ซึ่งตีความในทัศนะที่แตกต่าง คนหนุ่มสาวของเราส่วนใหญ่ได้รับการปกป้อง

ถึงแม้หลักสูตรของเราจะจัดทำไว้ด้วยเจตนาดี แต่ในเวลานั้นก็ไม่ได้เตรียมนักเรียนไว้สำหรับทุกวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างของศาสนจักรได้ทันที จากทุกมุมมอง ทุกวันนี้สิ่งที่เขาเห็นจากอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นสิ่งที่ท้าทายศรัทธามากเท่าๆ กับยกระดับศรัทธา คนหนุ่มสาวของเราหลายคนคุ้นเคยกับกูเกิ้ลมากกว่าพระกิตติคุณ เปิดกว้างให้อินเทอร์เน็ตมากกว่าการดลใจ และใช้เฟสบุ๊คมากกว่าใช้ศรัทธา

เนื่องจากความท้าทายดังกล่าว เมื่อไม่นานมานี้คณะกรรมการการศึกษาจึงได้อนุมัติโครงการในเซมินารีเรียกว่า ผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอน โดยเสริมสร้างจากสิ่งที่ทำไว้แล้วในผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ โครงการใหม่นี้จะมุ่งเน้นที่การเสริมสร้างพลังศรัทธาในพระเยซูคริสต์ให้นักเรียนของเราและเสริมกำลังพวกเขาด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินชีวิตและประยุกต์ใช้พระกิตติคุณในชีวิต โดยดึงมาจากพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ พวกเขาจะเรียนรู้วิธีปฏิบัติด้วยศรัทธาในพระคริสต์เพื่อได้มาซึ่งความรู้ทางวิญญาณและความเข้าใจพระกิตติคุณของพระองค์ พวกเขาจะมีโอกาสเรียนรู้วิธีประยุกต์ใช้หลักคำสอนของพระคริสต์และหลักธรรมพระกิตติคุณกับคำถามและความท้าทายที่พวกเขาได้ยินและพบเห็นอยู่ทุกวันในบรรดาเพื่อนๆ และสื่อสังคมออนไลน์

โครงการนี้ได้รับการดลใจและเหมาะกับยุคสมัย และจะเป็นอิทธิพลที่ดีเยี่ยมต่อคนหนุ่มสาวของเรา อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ ผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอน และโปรแกรมการศึกษาอื่นๆ ทั้งหมดในซีอีเอสนั้นจะขึ้นอยู่กับท่านเป็นสำคัญ

ในการเผชิญความท้าทายเหล่านี้ โอกาสและความรับผิดชอบของท่านในฐานะครูซีอีเอสในศตวรรษที่ 21 คืออะไร เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ท่านต้องรักพระเจ้า ศาสนจักรของพระองค์ และนักเรียนของท่าน ท่านต้องแบ่งปันประจักษ์พยานบริสุทธิ์อย่างจริงใจและบ่อยๆ ด้วย นอกจากนี้ นักเรียนของท่านจำเป็นต้องได้รับพรมากกว่าช่วงเวลาใดในประวัติศาสตร์ โดยการเรียนรู้หลักคำสอนหรือข้อมูลและบริบททางประวัติศาสตร์ โดยการศึกษาและศรัทธาที่ควบคู่มากับประจักษ์พยานบริสุทธิ์ เพื่อให้พวกเขาได้ประสบกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันสมบูรณ์และยั่งยืนสู่พระกิตติคุณและคำมั่นสัญญาต่อพระเยซูคริสต์ทั้งชีวิต การเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันสมบูรณ์และยั่งยืนหมายถึง พวกเขาจะ “อยู่ในเรือและจับให้แน่น” ตลอดชีวิตของพวกเขา7

เพื่อที่ ท่าน จะเข้าใจเนื้อหาและบริบทด้านหลักคำสอนและประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์และประวัติศาสนจักร ท่านต้องศึกษาจาก “หนังสือดีที่สุด” ตามที่พระเจ้าทรงแนะนำ “หนังสือดีที่สุด” ได้แก่ พระคัมภีร์ คำสอนของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกในปัจจุบัน ตลอดจนงานด้านวิชาการที่ดีที่สุดของแอลดีเอส โดยผ่านความเพียรพยายามที่จะเรียนรู้โดยการศึกษาและศรัทธา ท่านสามารถช่วยนักเรียนของท่านให้เรียนรู้ทักษะและเจตคติที่จำเป็นในการแยกแยะระหว่างข้อมูลที่เชื่อถือได้ที่จะยกระดับจิตใจพวกเขากับข้อมูลที่มีความจริงเพียงครึ่งเดียวและการตีความหลักคำสอน ประวัติศาสตร์และการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องซึ่งจะบั่นทอนจิตใจพวกเขา

จงสอนพวกเขาเกี่ยวกับความท้าทายที่พวกเขาเผชิญเมื่อพึ่งพาอินเทอร์เน็ตในการตอบคำถามที่มีความสำคัญนิรันดร์ เตือนพวกเขาว่า ยากอบไม่ได้กล่าวว่า “หากผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้เขาใช้กูเกิ้ล”8

คนมีปัญญาไม่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตในการวินิจฉัยปัญหาสุขภาพร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ โดยเฉพาะปัญหาที่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่พวกเขาจะแสวงหาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ผู้ได้รับการฝึกฝนอบรมและได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการแพทยสภาที่ถูกต้อง ถึงอย่างนั้น คนที่รอบคอบก็ยังแสวงหาคำวินิจฉัยจากแพทย์คนอื่นๆ ด้วย

หากเรื่องดังกล่าวมีความสมเหตุสมผลในการหาคำตอบสำหรับปัญหาสุขภาพร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าเมื่อมีชีวิตนิรันดร์เป็นเดิมพัน เมื่อบางสิ่งมีศักยภาพที่จะคุกคามชีวิตทางวิญญาณของเรา ความสัมพันธ์ที่มีค่าที่สุดในครอบครัวเรา สมาชิกภาพของเราในอาณาจักร เราควรหาผู้นำในศาสนจักรที่รอบคอบและซื่อสัตย์มาช่วยเรา และหากจำเป็นเราควรขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ได้รับการอบรมทางวิชาการ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ถูกต้อง

นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าทำเมื่อต้องการคำตอบที่ข้าพเจ้าตอบเองไม่ได้ ข้าพเจ้าแสวงหาความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในโควรัมอัครสาวกสิบสองและจากผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และหลักคำสอนของศาสนจักร

ท่านควรอยู่ในบรรดาคนกลุ่มแรก นอกเหนือจากครอบครัวของนักเรียน ที่จะแนะนำแหล่งช่วยที่เหมาะสมสำหรับหัวข้อซึ่งอาจไม่ค่อยเป็นที่รู้หรือยังเป็นข้อถกเถียงกัน เพื่อนักเรียนของท่านจะประเมินสิ่งที่พวกเขาได้ยินหรืออ่านกับสิ่งที่ท่านเคยสอนพวกเขาแล้ว

ดังที่ท่านทราบ เราฉีดวัคซีนให้ผู้สอนศาสนาที่มีค่าของเราก่อนส่งพวกเขาไปยังสนามเผยแผ่เพื่อพวกเขาจะมีภูมิคุ้มกันโรคที่จะทำร้ายหรือคร่าชีวิตพวกเขา ในลักษณะเดียวกัน ก่อนท่านจะส่งพวกเขาออกไปสู่โลกภายนอก ขอให้ วัคซีน แก่นักเรียนของท่านด้วยการให้การตีความที่ซื่อสัตย์ รอบคอบ และถูกต้องสำหรับหลักคำสอนพระกิตติคุณ พระคัมภีร์ ประวัติศาสนจักร และหัวข้อที่เข้าใจผิดในบางครั้ง

เมื่อพูดถึงบางหัวข้อเหล่านี้ซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้ หรือยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ข้าพเจ้ากำลังพูดถึง พหุสมรส ศิลาผู้หยั่งรู้ เรื่องราวของนิมิตแรกที่แตกต่างกัน กระบวนการแปลพระคัมภีร์มอรมอนหรือหนังสือของอับราฮัม ประเด็นเรื่องเพศ เชื้อชาติและฐานะปุโรหิต หรือเกี่ยวกับพระมารดาบนสวรรค์

หน้าที่ในการฉีดวัคซีนให้คนหนุ่มสาวมักจะตกเป็นของท่านในฐานะครูซีอีเอส ขณะพิจารณาถึงความจริงข้อนี้ ขอให้หาเวลาใคร่ครวญโอกาสและความรับผิดชอบของท่าน

วันนี้ผู้นำศาสนจักรทราบดีถึงความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลอันไม่มีขีดจำกัด และเราใช้ความพยายามอย่างมากในการให้ข้อมูลและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการสอนเรื่องการฟื้นฟู ซึ่งพวกท่าน ตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในเรื่องนี้คือบทความ 11 หัวข้อพระกิตติคุณที่ LDS.org ซึ่งให้การตีความที่ปราศจากอคติและเชื่อถือได้ในด้านข้อเท็จจริงของหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับศาสนจักรซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงและไม่คุ้นเคย

เป็นสิ่งสำคัญที่ท่านต้องรู้เนื้อหาของบทความเหล่านี้เป็นอย่างดี หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับบทความดังกล่าว ขอให้ถามผู้ที่ศึกษาและเข้าใจ หรืออีกนัยหนึ่ง “แสวงหาการเรียนรู้ แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย” ขณะที่ท่านทำความเข้าใจเนื้อหาในบทความเหล่านี้

ท่านควรคุ้นเคยกับเว็บไซต์ Joseph Smith Papers และหมวดประวัติศาสนจักรที่ LDS.org ตลอดจนแหล่งช่วยอื่นๆ ซึ่งจัดทำโดยนักวิชาการแอลดีเอสที่ซื่อสัตย์

ความพยายามในการทำให้พระกิตติคุณโปร่งใสและการให้วัคซีนทางวิญญาณโดยตั้งใจศึกษาหลักคำสอนและประวัติศาสตร์ควบคู่กันกับประจักษ์พยานที่มีพลัง สิ่งเหล่านี้คือยาต้านพิษที่ดีที่สุดที่เรามีไว้ช่วยนักเรียนหลีกเลี่ยงและ/หรือรับมือกับคำถาม ข้อสงสัย หรือวิกฤติศรัทธาที่พวกเขาอาจเผชิญในยุคข้อมูลข่าวสารนี้

ขณะที่ท่าน ผู้เป็นครู พยายามเข้าใจประวัติศาสตร์ คำสอน และวิธีปฏิบัติของเรามากขึ้น มากกว่าที่ท่านเข้าใจอยู่เวลานี้ ท่านจะพร้อมตอบคำถามนักเรียนของท่านด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และได้รับการดลใจ

วิธีหนึ่งที่จะรู้ว่านักเรียนของท่านมีคำถามอะไรคือตั้งใจฟังพวกเขา

ลูกสาวคนแรกของเรา เมื่อเธออายุห้าขวบ เธอปีนขึ้นมาบนตักข้าพเจ้าขณะอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เธอกำลังบอกบางอย่างที่สำคัญต่อเธอ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจฟัง ดังนั้น เธอจึงเอื้อมมือน้อยๆ มาดึงหนังสือพิมพ์ลง ประคองใบหน้าข้าพเจ้าด้วยมือน้อยๆ ของเธอ จ้องมองดวงตาข้าพเจ้าและกล่าวว่า “คุณพ่อ คุณพ่อไม่ได้ฟังหนูเลย!” เธอพูดถูก และข้าพเจ้าผิดที่ไม่ได้ฟังเธอ ครูที่ดีทุกคนต้องเป็นผู้ฟังที่ดี

นอกเหนือจากการฟังนักเรียนของท่าน ขอให้กระตุ้นพวกเขาให้เข้ามาในชั้นเรียนหรือเป็นการส่วนตัวเพื่อถามท่านเกี่ยวกับเรื่องใดก็ได้

คำถามสำคัญที่สุดคำถามหนึ่งซึ่งนักเรียนของท่านอาจจะถามคือ “ทำไม”

เมื่อมีคนถามด้วยความปรารถนาที่จะเข้าใจอย่างจริงใจ “ทำไม” เป็นคำถามที่ยอดเยี่ยม นี่คือคำถามที่ผู้สอนศาสนาต้องการให้ผู้สนใจของพวกเขาถาม ทำไมเราจึงอยู่ที่นี่ ทำไมมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนดี ทำไมเราจึงควรสวดอ้อนวอน ทำไมเราควรทำตามพระคริสต์ บ่อยครั้งคำถามว่า “ทำไม” นำไปสู่การดลใจและการเปิดเผย การรู้จักแผนแห่งความรอดของพระบิดาบนสวรรค์จะช่วยตอบคำถามว่า “ทำไม” ได้เป็นส่วนใหญ่ อีกสักครู่ข้าพเจ้าจะขยายความเรื่องนี้

นี่คือข้อคิดสุดท้ายเกี่ยวกับการตอบคำถาม เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องสอนนักเรียนของท่านว่า ถึงแม้พระกิตติคุณจะให้คำตอบมากมายแก่คำถามสำคัญของชีวิต แต่คำถามบางข้อไม่สามารถตอบได้ในความเป็นมรรตัยเพราะเรายังขาดข้อมูลที่จำเป็นต่อคำตอบที่ถูกต้อง ดังที่เราเรียนรู้ในหนังสือเจคอบว่า “ดูเถิด, งาน​ของ​พระเจ้า​สำคัญ​ยิ่ง​และ​น่า​อัศจรรย์. ห้วง​ลึก​แห่ง​ความลี้ลับ​ของ​พระองค์​สุด​จะ​หยั่งถึง; และ​เป็น​ไป​ไม่​ได้ที่​มนุษย์​จะ​ค้น​พบ​ทาง​ของ​พระองค์​ทั้งหมด. และ​หา​ได้​มี​ใคร​รู้จักทางของ​พระองค์​ไม่​นอกจาก​จะ​ทรง​เปิดเผย​ให้​เขา.”9

คำเตือนคือ พึงระลึกว่าท่านอาจจะเชื่อ เช่นเดียวกับนักเรียนของท่านที่เชื่อ ว่าท่านคือ ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ หลักคำสอนและประวัติศาสตร์ งานวิจัยชิ้นหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า “ยิ่งคนคิดว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเท่าใด พวกเขายิ่งอ้างตนว่าเข้าใจเกินกว่าที่พวกเขารู้จริงมากเท่านั้น แม้ไปจนถึงจุดที่อ้างความรู้ในข้อเท็จจริงอย่างผิดๆ และข้อมูลที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นเอง”10

ครูซีอีเอสต้องหลีกเลี่ยงการล่อลวงที่เรียกว่า “การกล่าวอ้างเกินจริง” เป็นสิ่งที่ยอมรับได้แน่นอนหากจะพูดว่า “ผมไม่ทราบ” อย่างไรก็ดี ตามที่เคยกล่าวไว้แล้ว ท่านมีความรับผิดชอบในการหาคำตอบที่ดีที่สุดให้คำถามที่ไตร่ตรองมาดีแล้วของนักเรียน11

ในการสอนและตอบคำถามนักเรียนของท่าน ข้าพเจ้าขอเตือนท่านว่าไม่ควรแบ่งปันข่าวลือที่เป็นการยกระดับศรัทธาหรือพิสูจน์ไม่ได้ หรือความเข้าใจในอดีต และคำอธิบายหลักคำสอนตลอดจนวิธีปฏิบัติของเราจากอดีต เป็นความชาญฉลาดเสมอที่จะยึดถือการศึกษาจากถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่ โดยรับรู้เรื่องราว นโยบาย คำแถลงของศาสนจักรที่เป็นปัจจุบันผ่าน mormonnewsroom.org และ LDS.org ขอคำปรึกษาจากนักวิชาการแอลดีเอสที่รอบคอบ ซื่อสัตย์ และเป็นที่ยอมรับ เพื่อให้แน่ใจว่าท่านไม่ได้สอนสิ่งที่ไม่จริง ตกยุค หรือแปลกประหลาด

ผู้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ “การกล่าวอ้างเกินตัว” เขียนว่า “ความโน้มเอียงที่จะกล่าวอ้างเกินตัว โดยเฉพาะการเข้าใจว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ อาจเป็นการยับยั้งบุคคลนั้นจากการศึกษาหาความรู้ให้ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาวิชาที่พวกเขามองว่าตนเองมีความรู้ดีแล้ว”

รองอธิการบดีด้านวิชาการของบีวายยูให้ข้อสังเกตว่า “การเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะเมื่อนักเรียนและเพื่อนร่วมงานให้ความสนใจกับทุกสิ่งที่เราพูด แต่โดยปราศจากความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ต่อไป เราจะตกเป็นเหยื่อของการกล่าวอ้างเกินตัวและไม่มีใครชอบ “คนที่รู้ทุกอย่าง”12

ข้าพเจ้าขอย้ำคำเตือนของประธานฮิงค์ลีย์ว่า “เราไม่ควรรู้สึกว่าเราระมัดระวังมากเกินไป เราต้องเฝ้าดูและไม่ละ[จากเส้นทางของเรา]”13

นอกจากจะเป็นผู้เรียนตลอดชีวิตแล้ว ท่านต้องทำสิ่งเหล่านี้ในชีวิตส่วนตัว เพื่อให้พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำงานกับท่าน สิ่งเหล่านี้ได้แก่ การสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจทุกวัน การอดอาหารอย่างซื่อสัตย์ การศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ตลอดจนถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต การทำให้วันสะบาโตเป็นวันปีติยินดี การรับส่วนศีลระลึกด้วยความนอบน้อมและระลึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดตลอดเวลา การนมัสการในพระวิหารบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ และสุดท้าย การออกไปช่วยเหลือคนขัดสน ยากไร้ และโดดเดี่ยว—ทั้งคนใกล้เคียงและในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก

เพื่อให้โอกาสและหน้าที่รับผิดชอบของท่านมีสัมฤทธิผลอย่างถูกต้อง เพื่อนครูทั้งหลาย ท่านต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสอน!

จงกล้าหาญโดยแสวงหาคำปรึกษาและการแก้ไขจากผู้ที่ท่านวางใจ อาทิ—คู่สมรส ผู้นำฐานะปุโรหิต หรือหัวหน้างาน ถามพวกเขาว่าท่านจะปรับปรุงการเป็นสานุศิษย์ได้อย่างไร สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับลูกจ้างเต็มเวลาของเรา ผู้ได้รับการสนับสนุนจากเงินส่วนสิบที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักร ท่านต้องหลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่ขับไล่พระวิญญาณ

นอกจากนี้ ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านสัมภาษณ์ส่วนตัวกับตนเองเป็นครั้งคราวและทบทวน 2 นีไฟ 26:29–32, แอลมา 5:14–30, หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:33–46 สิ่งนี้จะช่วยหาการล่อลวงประเภทต่างๆ ที่เราทุกคนอาจเผชิญ หากมีสิ่งใดต้องเปลี่ยนแปลงในชีวิตท่าน จงตั้งมั่นที่จะแก้ไขสิ่งนั้น

หลีกเลี่ยงการล่อลวงให้สงสัยแรงจูงใจของเพื่อนร่วมงาน แต่พึงมองลึกลงไปในจิตใจและค้นหาความปรารถนาและแรงจูงใจของท่านเอง เมื่อนั้นพระผู้ช่วยให้รอดจึงจะทรงเปลี่ยนจิตใจของท่านและวางความปรารถนาและแรงจูงใจของท่านให้ตรงกับพระองค์ได้

คนหนุ่มสาวจำเป็นต้องรู้ เข้าใจ น้อมรับ และมีส่วนร่วมในแผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า การเข้าใจแผนนี้จะให้ความเข้าใจลึกซึ้งแห่งสวรรค์กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขามองตนเองในฐานะบุตรและธิดาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งให้มุมมองที่จะเข้าใจหลักคำสอน วิธีปฏิบัติ และนโยบายเกือบทุกข้อของศาสนจักร

ในฐานะครูซีอีเอสวันนี้ ท่านจำเป็นต้องยอมรับโอกาสและความรับผิดชอบในการสอนคนหนุ่มสาวของศตวรรษที่ 21 เกี่ยวกับหลักธรรมที่ถูกต้องของแผน รวมถึงหลักคำสอนของการแต่งงานที่สวรรค์รับรองและบทบาทของครอบครัวดังนิยามไว้ในถ้อยแถลงเรื่องครอบครัว14

หลักคำสอนของการแต่งงานและครอบครัวนิรันดร์เป็นส่วนสำคัญต่อแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนี้รวมถึงการผนึกในพระวิหารกับครอบครัวของเราอันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์ในอาณาจักรซีเลสเชียล เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับครอบครัวของพระองค์และบุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์ เราเรียนรู้จากปฐมกาลว่าพระองค์ “ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” และทรงบัญชาบิดาอาดัมและมารดาเอวาให้ “มีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน”15

กล่าวกันว่าแผนแห่งความสุขเริ่มต้นและจบลงด้วยครอบครัว แน่นอนว่า การเริ่มต้นครอบครัวมีอยู่ในโลกก่อนเกิด ซึ่งเราอยู่ในฐานะสมาชิกครอบครัวของพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ และในที่สุด คำมั่นสัญญาของครอบครัวและสายสัมพันธ์อันเปี่ยมด้วยความรักไม่เพียงดำรงอยู่ต่อไปเท่านั้น แต่ยังเพิ่มพูนไปตลอดกระบวนการสร้างชีวิตด้วย16

องค์ประกอบที่จำเป็นในการเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน—คือพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ซึ่งแผนของพระผู้เป็นเจ้าและจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของเราขึ้นอยู่กับพระองค์ การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ รวมถึง แต่ไม่จำกัดอยู่ที่ การแต่งงานและครอบครัวนิรันดร์อันเปี่ยมด้วยความรักและการดูแลกัน

พระเจ้าทรงสอนเราว่าคนโสด ไม่ว่าเขาจะชอบธรรมเพียงใด ไม่สามารถได้รับทุกอย่างที่พระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงมีให้ลูกๆ ของพระองค์ได้ บุคคลคนเดียวคือครึ่งหนึ่งของสมการ ไม่สามารถพำนักในระดับสูงสุดของอาณาจักรซีเลสเชียลได้17

นักเรียนของท่านจำเป็นต้องเข้าใจว่าจุดประสงค์ของความเป็นมรรตัยคือเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น โดยการรับร่างกาย การใช้สิทธิ์เสรี และรับบทบาทที่พระบิดาพระมารดาบนสวรรค์เคยเป็นมาก่อน บทบาทของสามี ภรรยา และบิดามารดา

ศาสดาพยากรณ์ยืนยันกับทุกคนที่มีค่าควรและพึ่งพาพระเยซูคริสต์แต่ไม่สามารถผนึกในพระวิหารกับคู่ครองหรือมีบุตรธิดาในชีวิตนี้ว่าพวกเขาอาจจะมีโอกาสในโลกที่จะมาถึง

ขอให้สอนคนหนุ่มสาวของเราว่า ในศาสนจักรของพระเจ้า มีที่ว่างสำหรับคนทั้งปวงในการนมัสการ รับใช้ และเติบโตด้วยกันในฐานะพี่น้องในพระกิตติคุณ เตือนใจพวกเขาถึงสิ่งที่ลีไฮสอน ว่าเป้าหมายและความหวังที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อเราสามารถสรุปรวมได้ดังนี้ “อาดัม​ตก​เพื่อ​มนุษย์​จะ​เป็น​อยู่; และ​มนุษย์​เป็นอยู่, เพื่อ​พวก​เขา​จะ​มีปีติ18

พระบิดาบนสวรรค์ทรงประสงค์ให้เรายอมรับนิยามของการแต่งงานจากพระองค์และเชื่อว่ากฏข้อแรกของพระองค์คือ “ทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน”—ซึ่งไม่เพียงทำให้แผนของพระองค์มีสัมฤทธิผลเท่านั้นแต่ยังทำให้พบปีติดังที่แผนนี้ได้รับการออกแบบมาให้บุตรธิดาของพระองค์

ไม่เฉพาะสมาชิกศาสนจักรเท่านั้นที่เข้าใจหลักธรรมนี้ เดวิด บรูคซ์ นักเขียนคอลัมน์ นิวยอร์กไทมส์ ก็ให้ข้อสังเกตว่า “ชีวิตของคนไม่ได้ดีขึ้นเมื่อเขาใช้อิสรภาพส่วนตัวจนถึงขีดสุดในการทำสิ่งที่เขาต้องการ คนเราจะดีขึ้นเมื่อเขายึดมั่นคำสัญญาที่สูงส่งกว่าการเลือกของตนเอง—นั่นคือคำมั่นสัญญาต่อครอบครัว พระผู้เป็นเจ้า งานอาชีพ และประเทศชาติ”19

ในฐานะนักการศึกษาของศาสนจักร จงช่วยเยาวชนของเราให้มีความเข้าใจชัดเจนถึงแผนแห่งความสุขของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งปีติที่แท้จริงมาสู่ลูกๆ ของพระองค์ จงช่วยให้พวกเขารู้ เข้าใจ น้อมรับ และมีส่วนในแผน และปกป้องแผนนั้น จากประสบการณ์ 40 ปีของข้าพเจ้าในฐานะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้ามีความห่วงใยสมาชิกศาสนจักรในจำนวนมากของเรา ทั้งเยาว์วัยและสูงวัย ที่ไม่เข้าใจแผนสำหรับจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์และเป็นนิรันดร์ของพวกเขา

เพื่อนครูทั้งหลาย เราควรมองหาและเห็นคุณค่าโอกาสเหล่านี้ที่จะอธิบายด้วยหลักคำสอนและพลังทางวิญญาณว่าเพราะเหตุใดเราจึงเชื่อว่าความรู้ในแผนแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าจะตอบคำถาม “ทำไม” ที่เราถูกถามได้เกือบทั้งหมด การแสดงออกถึงความเชื่อของเราในชีวิตก่อนมรรตัยเมื่อเราเป็นบุตรธิดาทางวิญญาณของพระบิดาบนสวรรค์และพระมารดาบนสวรรค์ทำให้เราอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงมีการสร้างโลกนี้ จุดประสงค์ของชีวิตมรรตัยหนึ่งอย่างที่สำคัญคือ เพื่อเราจะจำลองประสบการณ์ครอบครัวด้วยตนเองได้ เพียงแต่เวลานี้ในฐานะบิดามารดา แทนที่จะเป็นเพียงบุตรธิดาเท่านั้น จงทะนุถนอมความเข้าใจพื้นฐานของท่านในหลักคำสอนและจุดประสงค์ในแผนของพระบิดาบนสวรรค์เพื่อความสุขนิรันดร์ของเรา และจงสอนสิ่งนี้ต่อไป

ดังนั้น เพื่อเป็นการปิดท้ายและสรุป: จากคำพูดของเอ็ลเดอร์คิม บี. คลาร์กก่อนหน้านี้ในค่ำคืนนี้ เราเรียนรู้ว่าท่านเป็นครูที่พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมา เปี่ยมด้วยศรัทธา ความหวัง ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความรัก20

ประเด็นที่ข้าพเจ้าได้แบ่งปันกับท่านคือ

  • สอนนักเรียนให้เชื่อมโยงการเรียนรู้โดยการศึกษาและศรัทธาด้วยประจักษ์พยานบริสุทธิ์ สอนพวกเขาให้อยู่ในเรือและยึดให้มั่น!

  • สอนให้นักเรียนควบคุมอุปกรณ์เคลื่อนที่ของพวกเขาและมุ่งเน้นการเชื่อมต่อกับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นแทนการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

  • ให้วัคซีนแก่นักเรียนด้วยความจริงของแผนแห่งความรอดที่พบในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

  • เชี่ยวชาญเนื้อหาของบทความในหัวข้อพระกิตติคุณ

  • จำไว้ว่า “ทำไม” สามารถเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจพระกิตติคุณ

  • อย่างกล่าวอ้างเกินจริงและอย่ากลัวที่จะพูดว่า “ผม/ดิฉันไม่ทราบ”

  • เป็นผู้ศึกษาหาความรู้ตลอดชีวิต

  • แสวงหาคำปรึกษาและการแก้ไขจากผู้ที่ท่านไว้ใจ

  • พิจารณาให้มีการสัมภาษณ์ส่วนตัวเป็นครั้งคราวเพื่อทบทวนความพร้อมทางวิญญาณของท่าน ความขยันหมั่นเพียรของท่าน และความมีประสิทธิผลของท่าน

  • สอนว่าแผนแห่งความสุขเริ่มต้นและจบที่ครอบครัว ให้แผนแห่งความรอดอยู่ในความนึกคิดตลอดเวลา

  • สอนว่าชีวิตแต่งงานและครอบครัวนำมาซึ่งปีติอันยั่งยืนเป็นนิจ

  • พึงจดจำที่จะเชื่อมโยงการเรียนรู้โดยการศึกษา ศรัทธา และประจักษ์พยานบริสุทธิ์ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนใจเลื่อมใสที่แท้จริงและยั่งยืนเป็นนิจ

  • เหนือสิ่งอื่นใด ศรัทธาอันเข้มแข็งในการชดใช้ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์เป็นสิ่งจำเป็นต่อพลังและการเติบโตทางวิญญาณของเรา

บัดนี้ เพื่อนครูที่รักทั้งหลาย ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานพรให้ท่านทุกคน ไม่ว่าท่านแบกภาระใดอยู่ ขอให้มันถูกยกขึ้น ขอให้ท่านพบปีติและสันติสุขที่เกิดจากความรู้ว่าการสอนของท่านได้สัมผัสชีวิตหนึ่ง ได้ยกลูกของพระบิดาบนสวรรค์คนหนึ่งบนเส้นทางของเขาเพื่อวันหนึ่งเขาจะได้รับการสวมกอดอีกครั้งต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าพเจ้าฝากพยานและประจักษ์พยานของข้าพเจ้าว่าเรามีความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณอันเป็นนิจของพระเยซูคริสต์ตามที่ได้รับการฟื้นฟูผ่านท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณอยู่ในมือเรา เราต้องนำสู่ความคิดและจิตใจเราและสอนสิ่งนี้ด้วยพลัง ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานพรแก่เราทุกคน นี่คือพรและคำสวดอ้อนวอนอันอ่อนน้อมถ่อมตนของข้าพเจ้า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน