การเลือกเพื่อนิรันดร
การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วโลกกับประธานเนลสัน
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2022
พี่น้องชายหญิงที่รัก ซิสเตอร์เนลสันกับข้าพเจ้าเฝ้ารอค่ำคืนนี้มานานหลายเดือน เวนดี้ภรรยาข้าพเจ้าเป็นสตรีผู้เปี่ยมด้วยปัญญาและศรัทธายิ่ง ข้าพเจ้าขอยกย่องคำสอนที่เธอมอบให้ท่าน
เป็นโอกาสพิเศษยิ่งที่ได้พบกับท่านเนื่องในวันครบรอบการฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน ดังที่ท่านทราบ วันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1829 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและ ออลิเวอร์ คาวเดอรีคุกเข่าในเขตเงียบสงบในป่าใกล้บ้านโจเซฟกับเอ็มมาในฮาร์โมนีย์ เพนน์ซิลเวเนีย ซิสเตอร์เนลสันกับข้าพเจ้าเคยไปที่ป่าชูการ์เมเปิลแห่งนั้นมาแล้ว
ป่าแห่งนี้กลายเป็นป่าศักดิ์สิทธิ์เมื่อยอห์นผู้ถวายบัพติศมาประสาทฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนให้โจเซฟ สมิธ และออลิเวอร์ คาวเดอรี
ต่อมาเปโตร ยากอบ และยอห์นฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคในพื้นที่บริเวณเดียวกัน
ในเดือนกันยายนปี 2015 ข้าพเจ้าอุทิศสถานที่ฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งนั้น ในบรรดางานมอบหมายทั้งหมดที่ได้รับตอนนั้น งานนี้มีนัยสำคัญต่อข้าพเจ้ามากที่สุด สถานที่นั้นเป็นอนุสรณ์ถึงการฟื้นฟูสิทธิอำนาจและกุญแจฐานะปุโรหิตให้แก่มนุษย์บนแผ่นดินโลก กุญแจเหล่านั้นและกุญแจอื่นๆ จำเป็นต่อการนำศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์และทำให้เราสามารถประกอบและรับศาสนพิธีที่จำเป็น รวมถึงการผนึกครอบครัวไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์ วันอุทิศวันนั้นเป็นช่วงเวลาพิเศษยิ่งในชีวิตข้าพเจ้า!
เวลานี้เป็นเวลาพิเศษยิ่งในชีวิต ท่าน จะไม่มีเวลาใดพิเศษเท่านี้อีกแล้ว ท่านกำลังจัดลำดับความสำคัญและวางแบบแผนซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อชีวิตมรรตัยและชีวิตนิรันดร์ของท่านด้วย
เรามาพูดถึงชีวิตกัน ชีวิตเป็นอะไรที่ข้าพเจ้ามีประสบการณ์มาน้อยนิด ข้าพเจ้าเติบโตมาในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เป็นวัยรุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง เคยไปหกทวีปมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยพบผู้คนหรือวัฒนธรรมที่ไม่สร้างแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเคยแบกรับความโศกเศร้ามาแล้วเช่นกัน เคยเฝ้าดูบุตรสาวที่รักสองคนถูกมะเร็งกลืนกินด้วยความเจ็บปวดอย่างช้าๆ จนถึงแก่ความตาย เคยฝังภรรยาผู้งดงาม แดนท์เซล มารดาของบุตร 10 คนของเรา เพราะรู้ว่าไม่ดีที่ชายจะอยู่คนเดียว1 ข้าพเจ้าจึงเลือกแต่งงานอีกครั้ง ข้าพเจ้าแต่งงานกับสตรีที่น่าทึ่งอีกคน เวนดี้ที่รัก
ข้าพเจ้าเคยเห็นเพื่อนๆ และสมาชิกครอบครัวทำการเลือกที่กล้าหาญและดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่าง และเคยเห็นหลายคนทำการตัดสินใจที่เลวร้ายจนทำลายศักยภาพของตน
สรุปคือข้าพเจ้าอยู่มานาน และตอนนี้ข้าพเจ้าก็เลิกซื้อกล้วยดิบมาเก็บไว้กินแล้ว! ข้าพเจ้าเลิกใช้เวลากับสิ่งที่ไม่สำคัญเช่นกัน แต่ ท่าน สำคัญต่อข้าพเจ้า! อนาคตของท่านสำคัญต่อข้าพเจ้ามาก! ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมาอยู่ในค่ำคืนนี้เป็นจำนวนมาก และขอบคุณนักดนตรีที่เปิดการประชุมนี้ด้วยเสียงอันไพเราะ
คืนนี้ข้าพเจ้าอยากพูดเกี่ยวกับอนาคตของท่าน ซิสเตอร์เนลสันกับข้าพเจ้าเพิ่งเข้าร่วมพิธีเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัย ระหว่างพิธีที่ยอดเยี่ยมนั้น ข้าพเจ้านึกถึงผู้ให้การศึกษามากมายนับไม่ถ้วนทั่วโลกผู้อุทิศตนในการสอนชายและหญิงอายุพอๆ กับท่าน การศึกษาสำคัญมาก ข้าพเจ้าถือว่านั่นคือความรับผิดชอบทางศาสนา รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าคือความรู้แจ้ง2
ทว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างความรับผิดชอบของผู้ให้การศึกษาทางโลกกับความรับผิดชอบของข้าพเจ้าในฐานะอัครสาวกอาวุโสบนแผ่นดินโลก งานของพวกเขาคือให้การศึกษาและเตรียมท่านให้พร้อมรับประสบการณ์ มรรตัย —หมายถึงวิธีประสบความสำเร็จในงานอาชีพของท่าน ความรับผิดชอบของข้าพเจ้าคือให้การศึกษาและเตรียมท่านให้พร้อมรับประสบการณ์ อมตะ —หมายถึงวิธีได้รับชีวิตนิรันดร์
การสอนของสถาบันอุดมศึกษาที่ดีที่สุดมีข้อจำกัด เพราะส่วนใหญ่การศึกษาทางโลกละเลยความจริงหลักๆ สามข้อที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง:
-
หนึ่ง เราทุกคนจะตาย3
-
สอง เพราะพระเยซูคริสต์ เราทุกคนจะฟื้นคืนชีวิตและเป็นอมตะ4
-
และสาม วันพิพากษาอยู่ข้างหน้าสำหรับเราทุกคน5
สัจธรรมอันเที่ยงแท้ทั้งสามข้อนี้ควรเป็นรากฐานการศึกษาทางวิญญาณของเรา
เพราะการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในความสมบูรณ์ เราจึงรู้มากมายเกี่ยวกับความเป็นไปได้หลังชีวิตมรรตัย เรารู้ว่าพระนิเวศน์ของพระบิดามีปราสาทมากมาย6 เรารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักลูกๆ ของพระองค์มาก ดังที่ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์สอน ถึงขนาดว่า “ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า”—ด้วยข้อยกเว้นน้อยที่สุด—จะ “ไปอยู่ในอาณาจักรแห่ง รัศมีภาพ หนึ่ง”7 ลองคิดดูสิ! พระบิดาทรงสร้างอาณาจักรแห่ง รัศมีภาพ—ทีเลสเชียล เทอร์เรสเตรียล และซีเลสเชียล—เพื่อจัดเตรียมสถานที่สวยงามมากให้ลูกๆ ของพระองค์
จุดประสงค์ของข้าพเจ้าคืนนี้คือทำให้ดวงตาท่านเบิกกว้างจนเห็นความจริงที่ว่าชีวิตนี้ เป็น เวลาที่ท่านต้องตัดสินใจว่า ท่าน ต้องการมีชีวิตชั่วนิรันดร์แบบไหน บัดนี้ คือ เวลาที่ท่าน “จะเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้า”8
ช่วงชีวิตมรรตัยแทบจะเป็นนาโนวินาทีเมื่อเทียบกับนิรันดร แต่พี่น้องที่รักทั้งหลาย นาโนวินาทีสำคัญอย่างยิ่ง! ในช่วงชีวิตนี้เราต้องเลือกว่าเราจะเต็มใจเชื่อฟังกฎใด—กฎของอาณาจักรซีเลสเชียล หรือเทอร์เรสเตรียล หรือทีเลสเชียล9—และนั่นคืออาณาจักรแห่งรัศมีภาพที่เราจะอยู่ชั่วนิรันดร์
การเลือกที่ชอบธรรมทุกครั้งที่นี่จะจ่ายปันผลก้อนโตเวลานี้ แต่การเลือกที่ชอบธรรมในชีวิตมรรตัยจะจ่ายปันผลที่ไม่อาจจินตนาการได้ชั่วนิรันดร์ ถ้าท่านเลือกทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าและซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาเหล่านั้น ท่านได้รับสัญญาว่าจะมี “รัศมีภาพเพิ่มเติมบนศีรษะ [ของท่าน] ตลอดกาลและตลอดไป”10
ความจริงเหล่านี้ควรปลุกสำนึกสูงสุดของท่านในเรื่อง FOMO (โฟโม)—หรือโรคกลัวตกกระแส ท่านมีศักยภาพที่จะไปถึงอาณาจักรซีเลสเชียล โฟโมสูงสุดคงจะเป็นการพลาดอาณาจักรซีเลสเชียล ด้วยการยอมรับอาณาจักรที่ต่ำกว่าเพราะบนโลกนี้ท่านเลือกดำเนินชีวิตตามกฎของอาณาจักรที่ต่ำกว่าเท่านั้น
แน่นอนว่าปฏิปักษ์ไม่ต้องการให้ท่านนึกถึงแม้แต่วันพรุ่งนี้ อย่าว่าแต่ชีวิตนิรันดร์เลย แต่ได้โปรดอย่าไม่รู้เรื่องรู้ราวหรือไร้เดียงสากับโอกาสและความท้าทายของชีวิตมรรตัย ด้วยเจตนานี้ ท่านจึงต้องเข้าใจความจริงพื้นฐานสามข้อที่จะช่วยท่านเตรียมวิถีอนาคตของท่าน:
-
หนึ่ง รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของท่าน
-
สอง รู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่พระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรทรงมอบให้ท่าน
-
และสาม รู้ความจริงอันเกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของท่าน
ข้าพเจ้าจะพูดถึงสามประเด็นนี้ทีละข้อ
หนึ่ง: รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของท่าน ข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้าพระเจ้าตรัสกับท่านโดยตรงคืนนี้ สิ่งแรกที่พระองค์จะทรงช่วยให้ท่านเข้าใจคืออัตลักษณ์ที่แท้จริงของท่าน11 เพื่อนรักทั้งหลาย ท่านเป็นบุตรธิดาที่เป็นวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ ท่านขับขานความจริงนี้ตั้งแต่ท่านเรียนรู้เนื้อร้องบทเพลง “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า”12 แต่ความจริงนิรันดร์นั้นฝังลึกในใจท่านหรือไม่? ความจริงนี้เคยช่วยท่านเมื่อเผชิญการล่อลวงไหม?13
ข้าพเจ้าเกรงว่าท่านอาจได้ยินความจริงนี้บ่อยจนฟังเหมือนเป็นคำขวัญมากกว่าความจริงอันศักดิ์สิทธิ์ แต่วิธีที่ท่านคิดเกี่ยวกับตัวตนจริงๆ ของท่านส่งผลต่อการตัดสินใจเกือบทุกเรื่องที่ท่านจะทำ
ในปี 2006 เมื่อแต่งงานกับเวนดี้ ข้าพเจ้าประหลาดใจหลายๆ เรื่อง—ส่วนใหญ่เป็นเรื่องดี เรื่องหนึ่งคือจำนวนเสื้อผ้าของเธอที่มีโลโก้—ทั้งมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนจบ สถานที่ที่เธอเคยไปเที่ยว และอื่นๆ เมื่อเธอสวมเสื้อตัวใดตัวหนึ่งเหล่านั้น ข้าพเจ้าจะล้อเธอโดยพูดว่า “วันนี้คุณโฆษณาให้ใคร?” เธอชวนข้าพเจ้าให้ร่วมสนุกด้วย!
ป้ายนิยามต่างๆ อาจ เป็นเรื่องสนุกและบ่งบอกว่าท่านสนับสนุนสิ่งดีๆ กี่อย่างก็ได้ ป้ายนิยามหลายอย่างจะเปลี่ยนให้ท่านตามกาลเวลา และป้ายนิยามทุกอันไม่ได้มีคุณค่าเท่ากัน แต่ถ้าใช้ป้ายนิยามใดมาแทนคำระบุตัวตนสำคัญที่สุดของท่าน อาจเกิดผลเสียทางวิญญาณได้
ตัวอย่างเช่น ถ้าข้าพเจ้าต้องเรียงลำดับความสำคัญของคำเรียกขานที่ใช้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคงบอกว่า: อันดับแรก ข้าพเจ้าเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า—บุตรของพระผู้เป็นเจ้า—จากนั้นคือบุตรแห่งพันธสัญญา จากนั้นคือสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์และสมาชิกที่อุทิศตนของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์
ตำแหน่งที่มีเกียรติต่อมาคือสามีและบิดา แล้วก็อัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์
ป้ายนิยามอื่นๆ ทั้งหมดที่เคยใช้กับข้าพเจ้า—เช่น อายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ นักวิจัย ศาสตราจารย์ ร้อยโท กัปตัน ด็อกเตอร์ ชาวอเมริกัน และอื่นๆ—จะไปอยู่ลำดับท้ายๆ
ทีนี้เรามาย้อนคำถามกลับไปหาท่าน ท่านเป็นใคร?
สำคัญที่สุดอย่างแรกคือท่านเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า
สอง ในฐานะสมาชิกศาสนจักร ท่านเป็นลูกแห่งพันธสัญญา และสาม ท่านเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์
คืนนี้ข้าพเจ้าวิงวอนท่านไม่ให้ใช้อย่างอื่นมา แทน คำระบุตัวตนอันสำคัญยิ่งและไม่เปลี่ยนแปลงสามข้อนี้ เพราะการทำเช่นนั้นอาจขัดขวางความก้าวหน้าของท่านหรือทำให้ท่านติดอยู่กับภาพลักษณ์แบบเหมารวมที่อาจขัดขวางความก้าวหน้านิรันดร์ของท่าน
ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านระบุตัวตนหลักๆ ว่าเป็นคนอเมริกัน คนที่ไม่ใช่คนอเมริกันอาจคิดว่า “ฉันรู้ทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับคุณ” และมีความเชื่อผิดๆ ต่อท่าน
ถ้าท่านระบุตัวตนตามสังกัดทางการเมือง ท่านจะถูกจัดประเภททันทีว่ามีความเชื่อบางอย่าง—แม้ข้าพเจ้าจะไม่รู้จักใครที่เชื่อทุกอย่างตามแนวคิดพรรคการเมืองที่ตนเองชอบ
ยังมีอีกหลายตัวอย่างที่ตอกย้ำข้อจำกัดของป้ายนิยามต่างๆ ที่เราใช้แปะให้ตัวเองหรือคนอื่นแปะให้เรา
บางคนอาจแปะป้ายให้ข้าพเจ้าว่าเป็น “ชายชรา” แต่ข้าพเจ้าอายุน้อยกว่าอาดัม—และโนอาห์ในสมัยก่อนมาก14 การเหยียดอายุ เหยียดเชื้อชาติ เหยียดสัญชาติ เหยียดเพศ และ “การเหยียด” อีกมากมายกำลังจำกัดขอบเขตไปทั่ว
น่าสลดใจเมื่อมีคนเชื่อตามป้ายนิยามที่คนอื่นตั้งให้ ลองนึกภาพความปวดร้าวใจของเด็กที่ถูกบอกว่า “เธอโง่” คำระบุตัวตนและป้ายนิยามมีพลังมาก!
ปฏิปักษ์ชื่นชอบป้ายนิยามเพราะมันแบ่งแยกเราและจำกัดวิธีที่เราคิดเกี่ยวกับตัวเราเองและต่อกัน น่าเศร้าเมื่อเราให้เกียรติป้ายนิยามมากกว่าให้เกียรติกัน
ป้ายนิยามจะนำไปสู่การตัดสินและความเกลียดชัง การข่มเหง หรือ อคติ ต่อกันเพราะสัญชาติ เชื้อชาติ รสนิยมทางเพศ เพศสภาพ ระดับการศึกษา วัฒนธรรม หรือคำระบุตัวตนอื่นๆ ล้วนทำให้พระผู้รังสรรค์ของเราขุ่นเคือง! การทำร้ายเช่นนั้นเป็นเหตุให้เราดำเนินชีวิตต่ำว่าสถานะบุตรธิดาแห่งพันธสัญญาของพระองค์
แน่นอนว่ามีหลายป้ายนิยามที่อาจจะสำคัญต่อท่านมาก โปรดอย่าเข้าใจข้าพเจ้าผิด ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่าคำเรียกขานอื่นและคำระบุตัวตนอื่นไม่สำคัญ ข้าพเจ้าเพียงแต่บอกว่าไม่ควรมีคำระบุตัวตนใดมา ย้ายที่ แทนที่ หรือ สำคัญกว่า คำเรียกขานถาวรสามคำนี้: “ลูกของพระผู้เป็นเจ้า” “ลูกแห่งพันธสัญญา” และ “สานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์”
คำระบุตัวตนใดที่ไม่สอดคล้องกับคำเรียกขานเบื้องต้นสามคำนี้จะทำให้ท่านผิดหวังในที่สุด ป้ายนิยามอื่นจะทำให้ท่านผิดหวังในไม่ช้าเพราะไม่มีพลังนำท่านไปสู่ชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักรซีเลสเชียลของพระผู้เป็นเจ้า
คำระบุตัวตนทางโลกจะ ไม่มีวัน ทำให้ท่านเห็นว่าท่านสามารถเป็นใครได้ในท้ายที่สุด จะไม่มีวันยืนยันดีเอ็นเอแบบพระเจ้าของท่านหรือศักยภาพอันสูงส่งไร้ขีดจำกัดของท่าน
เนื่องจากมีแผนแห่งความรอดอันยิ่งใหญ่ที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงลิขิตไว้ ย่อมมีเหตุผลที่ท่านจะมีจุดหมายอันสูงส่งด้วยมิใช่หรือ?15
โปรดอย่าเข้าใจเป็นอื่น: ศักยภาพของท่านสูงส่ง เมื่อท่านเพียรแสวงหา พระผู้เป็นเจ้าจะประทานให้ท่านเห็นว่าท่านสามารถเป็นใครได้
ดังนั้นท่านเป็นใคร? สำคัญที่สุดอย่างแรกคือท่านเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ลูกแห่งพันธสัญญา และสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ เมื่อท่านน้อมรับความจริงเหล่านี้ พระบิดาบนสวรรค์จะทรงช่วยให้ท่านบรรลุเป้าหมายสูงสุดของการมีชีวิตชั่วนิรันดร์ในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
สอง: รู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ทรงมอบให้ท่านแล้ว
กล่าวสั้นๆ คือทั้งสองพระองค์ทรงมอบทุกสิ่งให้ท่านแล้ว!
แผนของพระบิดาบนสวรรค์สำหรับลูกๆ ของพระองค์เปิดโอกาสให้เราได้มีชีวิตแบบพระองค์ในสถานที่เดียวกันกับพระองค์ และเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด แผนของพระองค์ทำให้พรล้ำค่าที่สุดของนิรันดรมีไว้ให้เรา รวมถึงศักยภาพที่เราจะเป็น “ทายาทร่วมกับพระคริสต์”16
พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้ทุกอย่างและทรงเห็นทุกอย่าง ตลอดชั่วนิรันดรไม่มีใครจะรู้จักท่านหรือห่วงใยท่านมากไปกว่าพระองค์ ไม่มีใครจะอยู่ใกล้ท่านมากไปกว่าพระองค์ ท่านสามารถระบายความในใจต่อพระองค์และวางใจได้ว่าพระองค์จะทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์และเหล่าเทพมาดูแลท่าน พระองค์ทรงแสดงความรักสูงสุดเมื่อทรงส่งพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์มาสิ้นพระชนม์เพื่อท่าน—มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของท่าน!
โดยผ่านการชดใช้ของพระองค์ พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเอาชนะโลก17 ด้วยเหตุนี้จึงทรงมี “อานุภาพจะ … ชำระ [ท่าน] จากความไม่ชอบธรรมทั้งมวล”18 พระองค์จะทรงปลดปล่อยท่านจากสภาพระทมทุกข์ที่สุดของท่านในวิธีและในเวลาของพระองค์เอง19 เมื่อท่านมาหาพระองค์ในศรัทธา พระองค์จะทรงนำทาง ปกปักรักษา และคุ้มครองท่าน จะทรงเยียวยาใจที่ชอกช้ำและปลอบประโลมท่านในความทุกข์20 จะทรงให้ท่านเข้าถึงเดชานุภาพของพระองค์ และจะทรงทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตท่านเป็นไปได้
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแหล่งถาวรแหล่งเดียวของความหวัง สันติสุข และปีติสุขสำหรับท่าน ซาตานไม่มีวันลอกเลียนสิ่งเหล่านี้ได้ ซาตานจะไม่มีวันช่วยเหลือท่าน
ในทางกลับกัน งานและรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าคือทำให้เกิด “ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์”21 พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำทุกสิ่งที่ทำได้โดยไม่ละเมิดสิทธิ์เสรีของท่านเพื่อช่วยท่านไม่ให้พลาดพรประเสริฐสุดในนิรันดร
พระผู้เป็นเจ้าทรงมีความรักเป็นพิเศษต่อทุกคนที่ทำพันธสัญญากับพระองค์ในน้ำบัพติศมา22 และความรักนั้นลึกซึ้งขึ้นเมื่อเราทำพันธสัญญาเพิ่มเติมและรักษาอย่างซื่อสัตย์ ต่อจากนั้นเมื่อสิ้นสุดชีวิตมรรตัย นับเป็นสิ่งล้ำค่าที่ลูกแห่งพันธสัญญาแต่ละคนจะได้อยู่กับพระบิดาบนสวรรค์อีกครั้ง23
พระองค์ทรงห่วงใย อย่างลึกซึ้ง เช่นกันให้ลูกทุกคนมีโอกาสได้ยินข่าวประเสริฐของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู พระบิดาบนสวรรค์ทรงส่งลูกๆ ของพระองค์มายังโลกนี้มากกว่าหกพันปีแล้ว คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับศาสนพิธีที่จะทำให้พวกเขามีคุณสมบัติคู่ควรรับชีวิตนิรันดร์ นั่นคือสาเหตุที่พระวิหารสำคัญมาก นั่นคือสาเหตุที่การรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่านเป็นอุดมการณ์ สำคัญที่สุด บนโลกทุกวันนี้ เพื่อนร่วมงานที่รักของข้าพเจ้าในงานศักดิ์สิทธิ์นี้ ท่านมีบทบาทสำคัญในการรวมนี้ และข้าพเจ้าขอบคุณท่าน
นี่นำข้าพเจ้ามาถึงประเด็นที่สาม
รู้ความจริงเกี่ยวกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของท่าน ความจริงคือท่านต้องเปลี่ยนใจเลื่อมใสด้วยตัวเอง ไม่มีใครทำแทนท่านได้
ต่อไปนี้ขอให้ท่านพิจารณาคำถามสักสามสี่ข้อ? ท่านต้องการรู้สึกสงบท่ามกลางความกังวลที่กำลังรังควานท่านไหม? ท่านต้องการรู้จักพระเยซูคริสต์ดีขึ้นไหม? ท่านต้องการเรียนรู้ไหมว่าเดชานุภาพของพระองค์จะเยียวยาบาดแผลและความอ่อนแอของท่านได้อย่างไร? ท่านต้องการประสบพลังปลอบโยนอันหอมหวานของการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ที่เกิดผลในชีวิตท่านไหม?
การหาวิธีตอบคำถามเหล่านี้ต้องใช้ความพยายาม—อย่างมาก ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านรับผิดชอบประจักษ์พยานของท่าน พยายามให้ได้มา รับผิดชอบ ดูแล บำรุงเลี้ยงให้เติบโต ป้อนความจริงให้ อย่าให้ปนเปื้อนกับปรัชญาของชายหญิงที่ปราศจากความเชื่อ แล้วมาสงสัยว่าทำไมประจักษ์พยานของท่านลดลงเรื่อยๆ
สวดอ้อนวอนอย่างจริงจังด้วยความอ่อนน้อมทุกวัน บำรุงเลี้ยงตัวท่านด้วยถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ในอดีตและปัจจุบัน ทูลขอพระเจ้าให้ทรงสอนวิธีฟังพระองค์ได้ดีขึ้น ใช้เวลามากขึ้นในพระวิหารและในงานประวัติครอบครัว
ขณะให้ประจักษ์พยานของท่านมีความสำคัญสูงสุด จงรอดูปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต
ถ้าท่านมีคำถาม—และข้าพเจ้าหวังว่าท่านมี—จงแสวงหาคำตอบด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะเชื่อ เรียนรู้ทุกอย่างที่เรียนรู้ได้เกี่ยวกับพระกิตติคุณและจงหันมาขอคำแนะนำจากแหล่งที่เต็มไปด้วยความจริง เราอยู่ในสมัยการประทานที่ “ไม่มีสิ่งใดจะยั้งไว้”24 ดังนั้นพระเจ้าจะทรงตอบคำถามทั้งหมดของเราไม่ช้าก็เร็ว
ระหว่างนั้นจงแช่อยู่ในแหล่งน้ำอันอุดมของการเปิดเผยที่อยู่แค่ปลายนิ้วเรา ข้าพเจ้าสัญญาว่าการทำเช่นนั้นจะเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่าน แม้ท่านจะยังไม่ได้รับคำตอบบางข้อก็ตาม คำถามที่จริงใจของท่าน เมื่อทูลถามด้วยศรัทธา จะทำให้ท่านมีศรัทธาแรงกล้าขึ้นและมีความรู้มากขึ้น เสมอ
ถ้าเพื่อนและครอบครัวก้าวออกจากศาสนจักร จงรักพวกเขาต่อไป ไม่ใช่หน้าที่ท่านที่จะไปตัดสินการเลือกของผู้อื่น พอๆ กับที่ท่านไม่ควรถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการยังคงซื่อสัตย์
ทีนี้โปรดฟังเมื่อข้าพเจ้าบอกว่า: อย่าหลงผิดตามคนที่มีความสงสัยรุนแรงขึ้นตามสิ่งที่ ท่านมองไม่เห็น ในชีวิตพวกเขา สำคัญที่สุดคือจงให้เพื่อนที่สงสัยเห็นว่า ท่าน รักพระเจ้าและพระกิตติคุณของพระองค์มากเพียงใด ทำให้ใจที่สงสัยของพวกเขาแปลกใจกับใจที่เชื่อของท่าน!
เมื่อท่านรับผิดชอบประจักษ์พยานตนเองและทำให้เติบโต ท่านจะกลายเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพมากขึ้นในพระหัตถ์พระเจ้า ท่านจะได้รับ “แรงบันดาลใจจากอุดมการณ์ที่ดีกว่า”25—นั่นคืออุดมการณ์ของพระเยซูคริสต์
ไม่มีสิ่งใดที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกนี้สำคัญไปกว่าการรวมอิสราเอล ให้พระองค์ จงให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้ว่าท่านต้องการช่วย ทูลขอให้พระองค์ทรงให้ท่านทำงานในอุดมการณ์อันรุ่งโรจน์นี้ จากนั้นถอยออกมาและพิศวงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อท่านให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่าน
เพื่อนรุ่นเยาว์ที่รัก ข้าพเจ้ารักท่าน ข้าพเจ้าขอบคุณท่าน ข้าพเจ้าเชื่อในตัวท่าน ในฐานะศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้า ข้าพเจ้าอวยพรท่านให้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของท่านและเชิดชูความจริงเกี่ยวกับศักยภาพอันรุ่งโรจน์ที่แท้จริงของท่าน ข้าพเจ้าอวยพรท่านให้รับผิดชอบประจักษ์พยานของตนเอง และอวยพรท่านให้มีความปรารถนาและพลังที่จะรักษาพันธสัญญา
ขณะทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะประสบการเติบโตทางวิญญาณ อิสระจากความกลัว และความเชื่อมั่นที่ท่านแทบนึกไม่ออกตอนนี้ ท่านจะมีพลังที่จะมีอิทธิพลบวกเกินความสามารถตามธรรมชาติของท่าน และข้าพเจ้าสัญญาว่าอนาคตของท่านจะน่าเบิกบานใจเกินกว่าที่ท่านจะเชื่อได้เวลานี้
ข้าพเจ้าอวยพรท่านและแสดงความขอบคุณและความรักต่อท่านในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน