2021
พลังอำนาจของชื่อ
ตุลาคม 2021


“พลังอำนาจของชื่อ,” เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, ต.ค. 2021

จงตามเรามา

พลังอำนาจของชื่อ

หลักคำสอนและพันธสัญญา 115

ชื่อมีความสำคัญ—โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นชื่อของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์

ภาพ
พระเยซูคริสต์

ภาพเหมือนของพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด โดย ไฮน์ริค ฮอฟแมนน์

ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าชื่อนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด? ลองนึกถึงชื่อของท่านเองที่ได้รับมาเมื่อท่านเกิด ซึ่งจะเป็นชื่อที่ผู้อื่นรู้จักท่านไปตลอดชีวิต ชื่อของท่านมักเป็นสิ่งแรกที่ผู้อื่นถามเมื่อพบท่าน และชื่อยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ครอบครัว เพื่อน และคนอื่นๆ จะใช้ในการพูดคุยกับท่านและกล่าวถึงท่าน ขณะที่ท่านเป็นเด็กเล็ก หลายท่านในที่นี้มีสิทธิพิเศษในการรับชื่อและพรโดยอำนาจของฐานะปุโรหิตเช่นกัน

เมื่อท่านรับบัพติศมา ท่านทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าเพื่อแสดงว่าท่านเต็มใจที่จะรับพระนามของพระเยซูคริสต์ ทุกครั้งที่ท่านรับศีลระลึก ท่านต่ออายุพันธสัญญานั้นและสัญญาว่าจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา (ดู โมไซยาห์ 18:8–9; หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:77, 79)

ดังนั้น ชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะชื่อไม่เพียงแต่จะเชื่อมโยงเราแต่ละคนเข้ากับอัตลักษณ์และความเป็นตัวตนของเราเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงพลัง ความรับผิดชอบ และพรได้อีกด้วย นี่เป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงชื่อของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ แม้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

พระผู้ช่วยให้รอดทรงตั้งชื่อศาสนจักรของพระองค์

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ศาสดาพยากรณ์ผู้เป็นที่รักของเราสอนว่าเหตุใดชื่อของศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอดจึงมีความสำคัญ ท่านกล่าวว่า “คือพระบัญชาของพระเจ้า โจเซฟ สมิธไม่ได้ตั้งชื่อศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูผ่านท่าน มอรมอนก็เช่นกัน พระผู้ช่วยให้รอดพระองค์เองตรัสว่า ‘เพราะจะเรียกศาสนจักรของเราในวันเวลาสุดท้ายดังนี้, แม้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย’ [หลักคำสอนและพันธสัญญา115:4]”1

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับชื่อที่จะใช้ตั้งให้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์ปรากฏต่อชาวนีไฟหลังจากพวกเขาสวดอ้อนวอนพระบิดาในพระนามของพระองค์ ผู้คนถามพระองค์ว่าพวกเขาควรเรียกศาสนจักรของพระองค์อย่างไร พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า

“ฉะนั้นเจ้าจงเรียกศาสนจักรตามนามของเรา …

“และจะเป็นศาสนจักรของเราได้อย่างไรนอกจากจะเรียกตามชื่อของเรา? เพราะหากศาสนจักรเรียกตามชื่อของโมเสสมันก็เป็นศาสนจักรของโมเสส; หรือหากศาสนจักรเรียกชื่อตามชื่อของชายคนหนึ่งมันก็เป็นศาสนจักรของชายคนหนึ่ง; แต่หากเรียกตามชื่อของเราก็เป็นศาสนจักรของเรา, หากเป็นไปว่าพวกเขาสร้างบนกิตติคุณของเรา.(3 นีไฟ 27:7–8)

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ประธานเนลสันจึงประกาศว่า “ชื่อของศาสนจักรไม่สามารถต่อรองได้ เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดตรัสอย่างชัดเจนว่าชื่อของศาสนจักรควรเป็นชื่อใด แม้ทรงมีพระดำรัสก่อนทรงประกาศว่า ‘จะเรียกศาสนจักรของเรา…ดังนี้’ พระองค์ทรงจริงจัง”2

ภาพ
พระเยซูคริสต์ทรงอยู่ท่ามกลางชาวนีไฟ

พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระคริสต์ โดย เกรก เค. โอลเซ็น

ประธานเนลสันสัญญาว่าหากเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูและใช้ชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอด “พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของศาสนจักรนี้จะทรงเทพลังอำนาจและพรของพระองค์มาบนศีรษะของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอย่างที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน”3

เราสามารถช่วยให้ผู้อื่นทราบในสิ่งที่เราเชื่อได้

พรประการหนึ่งของการใช้ชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักรเกิดขึ้นเมื่อเรามีหน้าที่รับผิดชอบอย่างจริงจังในการประกาศพระนามของพระผู้ช่วยให้รอดไปทั่วโลก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการใช้ชื่อที่ไม่เป็นทางการ เช่น “ศาสนจักรวิสุทธิชนยุคสุดท้าย” และ “ศาสนจักรมอรมอน” แทนชื่อที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปิดเผย ปัญหาของชื่อที่ไม่เป็นทางการเหล่านี้คือพระนามของพระเยซูคริสต์ถูกละออกจากศาสนจักรของพระองค์ การทำเช่นนี้ถือว่าพวกเขาบิดเบือนความจริงว่าเราเป็นใครและเราเชื่ออะไร

เราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของโลก น่าเสียดายที่บางคนคิดว่าเราไม่เชื่อในพระองค์หรือเรานมัสการบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระองค์ การบอกว่าเราเป็นสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกับผู้อื่นให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จะเป็นการชี้ชัดว่าเรานมัสการพระเยซูคริสต์ จากนั้นผู้ที่เราปฏิสัมพันธ์ด้วยจะเริ่มเห็นว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางของความเชื่อและชีวิตเราอย่างแท้จริง

เราสามารถนำเดชานุภาพของพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเรา

ประธานเนลสันสอนว่า “พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลเราให้เรียกศาสนจักรโดยพระนามของพระองค์เพราะนี่เป็นศาสนจักรของพระองค์ เต็มไปด้วยเดชานุภาพของพระองค์”4

พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินพระชนม์ชีพที่ปราศจากบาป พระองค์ทรงเอาชนะการล่อลวง ความเจ็บปวด ความท้าทาย และความทุกข์ยากทั้งหมดของโลก พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตในเกทเสมนีและบนกางเขนขณะพระองค์ทรงรับความเจ็บปวดแสนสาหัสสุดจะพรรณนา พระองค์ทรงรับเอาความเจ็บปวดและความเจ็บไข้ทุกอย่างของเราไว้กับพระองค์ พระองค์ทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือเราแต่ละคนผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ เมื่อเราใช้ศรัทธาในพระองค์และมาหาพระองค์ เราจะ “มีพลังมากขึ้นที่จะรับมือกับการล่อลวง ความลำบาก และความอ่อนแอ”5

ภาพ
เยาวชนกำลังพูด

เมื่อเราประกาศอย่างชัดเจนว่าเราเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เราก็ตระหนักเช่นกันว่าพระองค์ทรงเป็นผู้มีพลังอำนาจในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เรา แบ่งเบาภาระของเรา นำปีติและสันติสุขมาสู่ชีวิตเรา นอกจากนั้น เรายังสัญญาว่าจะมี “ความรู้และพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าในการช่วยเรานำพรแห่งพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ไปยังทุกประชาชาติ ตระกูล ภาษา และผู้คน และเพื่อเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้า”6

พรมากมายจะเกิดขึ้น

เพื่อนของข้าพเจ้า เพียงนึกถึงผลที่เราจะได้รับโดยใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระประมุขของศาสนจักรของพระองค์ และทรงกำกับดูแลศาสนจักรผ่านศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้และผู้เปิดเผยของพระองค์ ข้าพเจ้าขอเชิญชวนให้ท่านแสวงหาพรของศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอด และแบ่งปันความจริงอันล้ำค่าของศาสนจักรกับผู้อื่น ข้าพเจ้าทราบว่าศาสนจักรของพระองค์ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย จะเป็นพรแก่ท่าน มิตรสหายของท่าน และครอบครัวของท่านในเวลานี้และตราบนิรันดร

พิมพ์