ดิจิทัลเท่านั้น
ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก—ผู้นำทางที่ชัดเจนและวางใจได้ของเรา
เมื่อเราแสวงหาการนําทางสําหรับชีวิตเรา เราจะรู้สึกมั่นใจในการทําตามคําแนะนําของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก
เมื่อดิฉันอายุแปดขวบ คุณพ่อพาน้องชายกับดิฉันเดินขึ้นเขาไปไกลๆ
เมื่อเราใกล้ถึงยอดเขาดิฉันกับน้องชายเริ่มถามคําถามที่พ่อแม่ทุกคนกลัว:
“อีกไกลแค่ไหนคะ?”
“เกือบถึงหรือยังครับ?”
คุณพ่อจะตอบอย่างอดทนว่า:
“ใกล้ถึงละจ้ะ!”
“อีกแค่ 15 นาที!”
แต่ 15 นาทีจะผ่านไป แล้วก็อีก 15 นาที คุณพ่อเปลี่ยนจากการให้กําลังใจมาเป็นการโน้มน้าวแกมขอร้อง “อีกแค่นิดเดียว” คุณพ่อจะพูดโดยเชื่อว่าจริง แม้แต่คุณพ่อเองก็ยังประหลาดใจที่เราไม่ถึงสักที
เมื่อเราเดินผ่านนักปีนเขาที่ลงมาจากยอดเขา เราถามอย่างอยากรู้ว่าเราต้องเดินอีกไกลแค่ไหน
“ใกล้ถึงแล้วครับ!” เป็นคําตอบให้กําลังใจของพวกเขา “เกือบถึงแล้วครับ!”
เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนน้องชายดิฉันลงไปนอนกลางทาง กอดอกและประกาศว่า “ผมจะไม่ไปไกลกว่านี้ อีกแล้ว ”
ยามบนหอคอย
ตามที่เราค้นพบระหว่างเดินขึ้นเขา ต่างคนต่างคิดเห็นไม่เหมือนกัน ทุกคนที่เราพบระหว่างทางบอกเราว่า “ใกล้” ถึงยอดแล้ว แต่ทุกคนมีแนวคิดต่างกันเมื่อบอกอย่างนั้น แม้แต่คุณพ่อที่แสนดีของดิฉัน—ผู้พกขนมให้เรา เติมน้ำเต็มขวดให้เรา และพาเราไปจนสุดทางก็ยังจําผิดว่าจริงๆ แล้วเราต้องเดินไกลแค่ไหน เมื่อขาดผู้นำทางที่มีประสบการณ์ ดิฉันกับน้องชายจึงหมดแรงและท้อแท้ถึงจุดที่อยากยอมแพ้
ขณะเดินบนเส้นทางพันธสัญญาทุกวัน เราจะพบเจออิทธิพลและความเห็นต่างกันมากมาย หลายคนจะพยายามเป็นผู้นําทางเรา—ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ครอบครัว มิตรสหาย ผู้นำทางเหล่านี้บางคนไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเรา ผู้นำทางอีกหลายคนต้องการให้เราได้สิ่งที่ดีที่สุด และพวกเขาจะคอยสนับสนุนช่วยเหลือขณะเราก้าวหน้า—เหมือนคุณพ่อดิฉัน—แต่พวกเขาอาจจะไม่มีคําตอบทุกเรื่อง
โชคดีที่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ทรงรอบรู้ผู้ทรงรู้จักเราอย่างสมบูรณ์และทรงทราบสภาพการณ์ปัจจุบันและอนาคตของโลกที่เราอยู่ พระองค์ประทานศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกให้เป็นผู้นำทางและยามของเราบนหอคอย (ดู เอเสเคียล 33:1–7)
ต่อไปนี้เป็นบางวิธีที่พวกท่านนําทางเราไปตามเส้นทางพันธสัญญา:
ให้ความจริงที่สมบูรณ์
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสรุปว่าการแสวงหาและปฏิบัติตามถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกจะให้อะไรเรา: “ความจริงอันบริสุทธิ์ หลักคําสอนอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ และการเปิดเผยอันบริสุทธิ์” ในโลกที่ “มีคนน้อยมากที่จะหันไปหาความจริง” เรารู้สึกมั่นใจได้ว่าเรากําลังเรียนรู้และทําตาม “ความจริงอันสมบูรณ์—ความจริงนิรันดร์” ตราบเท่าที่เราเอาใจใส่ถ้อยคําของผู้นํายุคปัจจุบัน1
อย่างไรก็ตาม เราเรียนรู้ใน อาโมส 3:7 ว่า “แท้จริงพระยาห์เวห์องค์เจ้านายไม่ทรงทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยไม่เปิดเผยความลี้ลับให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ คือผู้เผยพระวจนะ” ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “มีแหล่งความจริงแหล่งหนึ่งที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และไม่มีวันเสื่อมสูญ แหล่งความรู้นั้นคือพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรอบรู้อย่างไม่สิ้นสุด2
พระบิดาบนสวรรค์ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความจริง และพระองค์ทรงสื่อสารความจริงนั้นกับศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ เราสามารถรู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับความสามารถของเราในการแสวงหาและเล็งเห็นความจริงเมื่อเรากําลังทําตามคําแนะนําของศาสดาพยากรณ์
ช่วยให้เราสอดคล้องต้องกันและเป็นหนึ่งเดียวกัน
ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นศาสนจักรระดับโลก สมาชิกของเราอยู่ทั่วโลกและมีประสบการณ์ชีวิตต่างกัน เราทุกคนมีความสอดคล้องต้องกันอย่างไร? เรารู้สึกมั่นใจอย่างไรว่าเราทุกคนกําลังทําสิ่งที่เราควรทํา?
ประธานดัลลิน เอช.โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุดสอนเกี่ยวกับความจําเป็นขององค์การในศาสนจักรระดับโลกและวิธีที่ศาสนจักรประสบความสำเร็จผ่านศาสดาพยากรณ์และอัครสาวดังนี้:
“งานของพระเจ้าจำเป็นต้องมีองค์การที่พระเจ้าทรงนำผ่านผู้นำที่พระองค์ทรงเลือกและทรงมอบอำนาจ พระองค์ทรงกำกับดูแลผู้นำเหล่านั้นในการทำให้จุดประสงค์ของพระองค์ลุล่วง ประวัติในพระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าผู้นำเช่นนั้นคือศาสดาพยากรณ์ หรือไม่ก็ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก …
“เหตุใดจึงต้องมีองค์การเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของพระเจ้า? ถึงแม้พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักและช่วยเหลือเราเป็นรายบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์สำหรับบุตรธิดาทั้งกลุ่มของพระผู้เป็นเจ้า—โดยเฉพาะผู้คนในพันธสัญญาของพระองค์—แต่พระองค์ทรงดำเนินงานผ่านองค์การที่นำโดยศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก
“โดยผ่านองค์การเท่านั้นที่สมาชิกแต่ละคนของกลุ่มคนที่อัครสาวกเปาโลเรียกว่า “กายของพระคริสต์” (1 โครินธ์ 12:27) จะได้รับโอกาสที่พวกเขาต้องมีเพื่อบรรลุการเติบโตทางวิญญาณอันเป็นจุดประสงค์ของการสร้างพวกเขา”3
พรของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่ทําให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เราในฐานะศาสนจักร เรารู้สึกมั่นใจว่าการทําตามถ้อยคําของพวกท่านจะทําให้เราอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาอย่างปลอดภัยและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
แบ่งปันความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อเรา
เรารู้ว่าศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกเป็นพรพิเศษมาก แต่จะทำอย่างไรถ้าพวกท่านขอให้เราทําบางสิ่งที่ดูเหมือนยาก? หรือบางสิ่งที่ขัดแย้งกับสิ่งที่คนรอบข้างเราพูด? ดังประธานเฮนรีย์ บี.อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดกล่าว: “พระเจ้ามักจะทรงขอให้ศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ให้คําแนะนําที่ผู้คนยอมรับได้ยาก ศัตรูของจิตวิญญาณเราจะพยายามนําเราให้ขุ่นเคืองและสงสัยการเรียกของศาสดาพยากรณ์จากพระผู้เป็นเจ้า”4
แต่ดังเอ็ลเดอร์นีล แอล.แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบาย ข้อเท็จจริงนั้นไม่ควรทําให้เรากังวล: “ไม่ต้องตกใจเมื่อเสียงเตือนของศาสดาพยากรณ์ขัดกับความเห็นยอดนิยมของยุคสมัย ลูกไฟเย้ยหยันของผู้ไม่เชื่อที่หงุดหงิดจะถูกขว้างออกมาทันทีที่ศาสดาพยากรณ์เริ่มพูด”5
เอ็ลเดอร์ยูลิซีส ซวาเรสแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองแบ่งปันว่าเหตุใดเราจึงรู้สึกสบายใจได้เมื่อเราฟังผู้นําพูด แม้เมื่อคําแนะนําของพวกเขาอาจทำได้ยาก:
“เราอบอุ่นใจที่รู้ว่าเราไม่โดดเดี่ยวในโลก แม้ต้องเผชิญความท้าทายในชีวิต การมีศาสดาพยากรณ์เป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักบุตรธิดาของพระองค์ ศาสดาพยากรณ์ทำให้คำสัญญาและพระลักษณะแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าและพระเยซูคริสต์เป็นที่รู้แก่ผู้คนของพระองค์ …
[ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก]แสดงให้เห็นพระดำริและพระหทัยของพระเจ้า พวกท่านได้รับเรียกเป็นตัวแทนของพระองค์และสอนสิ่งที่เราต้องทำเพื่อกลับไปอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ โดยทำตามพวกท่าน ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นและซับซ้อนน้อยลง เราจะแบกความยุ่งยากและปัญหาของเราได้ง่ายขึ้น เราสร้างยุทธภัณฑ์ทางวิญญาณรอบตัวเราเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรูในสมัยของเรา”6
ข้อเท็จจริงที่ว่าคําสอนบางอย่างขัดกับคําสอนของโลกคือสาเหตุที่เราต้องมีศาสดาพยากรณ์—พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการนําทางลูกๆ ของพระองค์และปกป้องพวกเขาจากความชั่วร้ายของปฏิปักษ์
เชิดชูความสําคัญของศาสดาพยากรณ์
ในที่สุด น้องชายดิฉันก็ลุกจากพื้นและไปถึงทะเลสาบสวยงามที่เราเดินกันทั้งวันกว่าจะมาถึง นั่นเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและคุ้มค่า
แต่จะดีกว่านั้นเพียงใดถ้าเรารู้ว่าจะได้เจออะไร? การเดินขึ้นเขาคงไม่สั้นกว่าหรือชันน้อยกว่านี้ แต่เราจะพร้อมมากขึ้น ดังประธานเนลสันอธิบาย “การชนะโลก … ทําให้ ทุกอย่าง เกี่ยวกับชีวิตง่ายขึ้น” แม้ไม่จําเป็นต้องทําให้ทุกอย่างง่าย7
เมื่อเราสนับสนุนศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก และทํา “คํามั่นสัญญาส่วนตัวว่าเราจะทําสุดความสามารถเพื่อเชิดชูความสําคัญของศาสดาพยากรณ์”8 ตามที่ประธานเนลสันสอน เราจะได้รับการนําทางและคำแนะนำสําหรับชีวิตเรา