2023
เดชานุภาพของพระเยซูคริสต์ในชีวิตเราทุกวัน
พฤศจิกายน 2023


10:17

เดชานุภาพของพระเยซูคริสต์ในชีวิตเราทุกวัน

บ่อเกิดของความเข้มแข็งนั้นคือศรัทธาในพระเยซูคริสต์เมื่อเราพยายามมาหาพระองค์ทุกๆ วัน

พี่น้องที่รัก นี่คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ช่างน่ายินดีที่ได้มารวมกันในฐานะศาสนจักรของพระองค์ ข้าพเจ้าสำนึกคุณต่อประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันที่เตือนให้เราใช้ชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักรของพระเจ้าบ่อยๆ เพื่อเราจะจำได้ว่านี่คือศาสนจักรของใครและเราปฏิบัติตามคำสอนของใคร

ประธานเนลสันกล่าวไว้ว่า: “ในวันข้างหน้าเราจะเห็นการสำแดงเดชานุภาพอัน ยิ่งใหญ่ที่สุด ของพระผู้ช่วยให้รอดเท่าที่โลก เคย เห็นมา … พระองค์จะทรงมอบเอกสิทธิ์ พร และปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนให้แก่ผู้ซื่อสัตย์”1

สิทธิพิเศษยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับข้าพเจ้าและเรนีภรรยาคือการพบปะกับวิสุทธิชนที่เรารับใช้ เราได้ยินเรื่องราวของพวกเขา เห็นความสูญเสียของพวกเขา เศร้าโศกกับพวกเขา และชื่นชมยินดีกับความสำเร็จของพวกเขา เราได้เห็นพรและปาฏิหาริย์มากมายที่พระผู้ช่วยให้รอดประทานแก่ผู้ที่ซื่อสัตย์ เราได้พบเจอผู้คนที่ฝ่าฟันสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผู้ทนทุกข์กับสิ่งที่เรานึกไม่ถึง

ประธานโฮเซ บาตายา และซิสเตอร์วาเลเรีย บาตายาภรรยาของท่าน
ฟลาเวีย ครูซาโดและคุณพ่อของเธอ

เราได้เห็นการแสดงให้ประจักษ์ถึงเดชานุภาพของพระผู้ช่วยให้รอดในหญิงม่ายผู้สูญเสียสามีขณะพวกเขาทำกิจธุระของพระเจ้าในโบลิเวีย2 เราได้เห็นสิ่งนี้ในเยาวชนหญิงคนหนึ่งในอาร์เจนตินาที่ตกลงไปใต้รถไฟและสูญเสียขาเพียงเพราะมีคนต้องการขโมยโทรศัพท์มือถือของเธอ3 และพ่อเลี้ยงเดี่ยวของเธอที่ตอนนี้ต้องแก้ไขสถานการณ์และสร้างพลังใจให้ลูกสาวหลังจากการกระทำอันโหดร้ายที่บรรยายไม่ได้นี้ เราได้เห็นสิ่งนี้ในครอบครัวที่สูญเสียบ้านและทรัพย์สินทุกอย่างจากเหตุเพลิงไหม้ในชิลีเพียงสองวันก่อนวันคริสต์มาสปี 20224 เราได้เห็นบรรดาผู้ที่ทนทุกข์หลังจากการหย่าร้างอันเจ็บปวดและผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อของการทารุณกรรม

เพลิงไหม้ในชิลี

อะไรทำให้พวกเขามีพลังในการฝ่าฟันเรื่องยากๆ? อะไรทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นในการดำเนินชีวิตต่อไปในเมื่อดูเหมือนทุกอย่างสูญสิ้น?

ข้าพเจ้าพบว่าบ่อเกิดของความเข้มแข็งนั้นคือศรัทธาในพระเยซูคริสต์เมื่อเราตั้งใจมาหาพระองค์ทุกๆ วัน

ศาสดาพยากรณ์เจคอบสอนดังนี้ “และพระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อพระองค์จะทรงช่วยมนุษย์ทั้งปวงให้รอดหากพวกเขาจะสดับฟังสุรเสียงของพระองค์; เพราะดูเถิด, พระองค์ทรงทนรับความเจ็บปวดของมนุษย์ทั้งปวง, แท้จริงแล้ว, ความเจ็บปวดของชาวโลกที่มีชีวิตทุกคน, ทั้งชาย, หญิง, และเด็ก, ที่เป็นของครอบครัวอาดัม”5

บางครั้ง การมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์อาจดูเหมือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แทบจะบรรลุไม่ได้ เราอาจคิดว่าการมาหาพระคริสต์เรียกร้องความเข้มแข็ง พลัง และความดีพร้อมในแบบที่เราไม่มี และเราแค่ไม่มีแรงกำลังที่จะทำทั้งหมด แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากคนเหล่านี้คือศรัทธาในพระเยซูคริสต์คือสิ่งที่ให้แรงกำลังแก่เราในการเริ่มต้นการเดินทาง บางครั้งเราอาจคิดว่า “ฉันต้องแก้ไขชีวิตตนเองก่อนที่จะมาหาพระเยซู” แต่ความจริงคือเรามาหาพระเยซูเพื่อแก้ไขชีวิตเราผ่านพระองค์

เราไม่ได้มาหาพระเยซูเพราะเราดีพร้อม เรามาหาพระองค์เพราะเรามีข้อบกพร่อง และเราจะได้รับการ “ทำให้ดีพร้อม” ในพระองค์6

เราจะเริ่มใช้ศรัทธาทีละนิดในทุกวันได้อย่างไร? สำหรับข้าพเจ้าเริ่มตั้งแต่ตอนเช้า: เมื่อตื่นนอน ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนแทนที่จะดูโทรศัพท์ แม้คำสวดอ้อนวอนที่เรียบง่าย จากนั้นอ่านพระคัมภีร์ ซึ่งช่วยข้าพเจ้าเรื่องพันธสัญญาประจำสัปดาห์ที่ทำขณะรับส่วนศีลระลึกในการ“ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา”7 เมื่อข้าพเจ้าเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการสวดอ้อนวอนและพระคัมภีร์ ข้าพเจ้าสามารถ “ระลึกถึงพระองค์” เมื่อดูโทรศัพท์ ข้าพเจ้าสามารถ “ระลึกถึงพระองค์” เมื่อเผชิญกับปัญหาและความขัดแย้ง และข้าพเจ้าพยายามเผชิญสิ่งเหล่านั้นเหมือนที่พระเยซูจะทรงทำ

เมื่อ “ระลึกถึงพระองค์” ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงและกลับใจ ข้าพเจ้าพบบ่อเกิดของพลังในการรักษาพันธสัญญาและรู้สึกถึงอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิต “และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งพระองค์ประทานให้ [ข้าพเจ้า]; เพื่อ [ข้าพเจ้า] จะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับ [ข้าพเจ้า] ตลอดเวลา”8 ช่วยข้าพเจ้าที่จะอดทนจนวาระสุดท้าย9 หรืออย่างน้อยในตอนท้ายของวัน! และในวันเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าไม่ได้ระลึกถึงพระองค์ตลอดทั้งวัน พระองค์ยังทรงอยู่ที่นั่น ทรงรักข้าพเจ้าและตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ลองใหม่ได้”

แม้เราไม่ดีพร้อมในการระลึกถึงพระองค์ แต่พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราไม่เคยลืมเรา

ความผิดพลาดที่เรามักจะทำอย่างหนึ่งคือคิดว่าการรักษาพันธสัญญาหรือสัญญาที่เราทำกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เราทำกับพระองค์ว่า: ถ้าฉันเชื่อฟัง พระองค์จะทรงปกป้องฉันจากสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับฉัน ถ้าฉันจ่ายส่วนสิบ ฉันจะไม่มีวันตกงานหรือจะไม่เกิดไฟไหม้ที่บ้านฉัน แต่เมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง เราร้องทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่า พวกเรา กำลังจะพินาศหรือ?”10

พันธสัญญาของเราไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลง11 โดยผ่านพันธสัญญา ข้าพเจ้าได้รับเดชานุภาพการชำระล้างและเสริมพลังของพระเยซูคริสต์ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ากลายเป็นคนใหม่ ให้อภัยสิ่งที่ดูเหมือนให้อภัยไม่ได้ และเอาชนะสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การตั้งใจระลึกถึงพระเยซูคริสต์ เสมอ เป็นสิ่งที่ทรงพลัง ทำให้ข้าพเจ้ามีพลังมากขึ้นในการ “รักษาพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งพระองค์ประทานให้ [ข้าพเจ้า]”12 ช่วยให้ข้าพเจ้าเป็นคนดีขึ้น ยิ้มโดยไม่มีเหตุผล เป็นผู้สร้างสันติ13 หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตข้าพเจ้า14

เมื่อความเจ็บปวดของเราหรือของคนที่เรารักมีมากจนไม่สามารถทนได้ การระลึกถึงพระเยซูคริสต์และการมาหาพระองค์ทำให้ภาระเบาลง จิตใจอ่อนลง และบรรเทาความเจ็บปวด นี่คือพลังที่ทำให้ผู้เป็นพ่อสามารถเลี้ยงดูลูกสาวเกินความสามารถตามธรรมชาติของเขาผ่านความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการสูญเสียขา

ฟลาเวีย ครูซาโดกับเอ็ลเดอร์ยูลิซีส ซวาเรส

เมื่อเอ็ลเดอร์ซวาเรสไปเยือนอาร์เจนตินาในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและถามฟลาเวียเกี่ยวกับอุบัติเหตุอันน่าสลดใจ เธอตอบด้วยแบบซื่อๆ ว่า “ฉันประสบกับความสับสนวุ่นวาย ความขมขื่น ความโกรธ และความเกลียดชังเมื่อ [เกิดเรื่องนี้ขึ้น] สิ่งที่ช่วยฉันคือการไม่ถามว่า ‘ทำไมต้องเป็นฉัน?’ แต่ถามว่า ‘เพื่อจุดประสงค์อะไร?’ … ทำให้ฉันใกล้ชิดกับคนอื่นและพระเจ้ามากยิ่งขึ้น … ฉันต้องยึดมั่นกับพระองค์แทนที่จะตีตัวออกห่าง”15

ประธานเนลสันสอนว่า: “รางวัลสำหรับการรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าคือพลังอำนาจสวรรค์—พลังอำนาจที่เพิ่มพลังให้เราต้านทานความยากลำบาก การล่อลวง และความปวดร้าวใจได้ดีขึ้น … ด้วยเหตุนี้ ผู้รักษาพันธสัญญาจึงมีสิทธิ์รับการ หยุดพัก แบบพิเศษ”16 นี่คือสันติสุขและการหยุดพักที่ข้าพเจ้าเห็นในสายตาของหญิงม่าย แม้ว่าจะเจ็บปวดที่ต้องคิดถึงสามีทุกวัน

พายุบนทะเลกาลิลี

พันธสัญญาใหม่เล่าถึงช่วงเวลาที่พระเยซูและสานุศิษย์ของพระองค์อยู่บนเรือ:

“และมีพายุใหญ่เกิดขึ้น คลื่นก็ซัดเข้าไปในเรือ …

“ส่วนพระองค์กำลังบรรทมหนุนหมอนหลับ … พวกสาวกจึงมาปลุกพระองค์ทูลว่า ‘พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเรากำลังจะพินาศหรือ?’

“พระ‍องค์จึงทรงลุก‍ขึ้นห้ามลมและตรัสกับทะเลว่า ‘จงสงบเงียบ’ …

“พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า ‘ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?’”17

เรื่องราวนี้ทำให้ข้าพเจ้าสนใจมาโดยตลอด พระเจ้าทรงคาดหวังให้พวกเขาใช้ศรัทธาเพื่อให้พายุสงบ? หรือห้ามลมพายุอย่างนั้นหรือ? ศรัทธาในพระเยซูคริสต์คือความรู้สึกสงบเมื่อต้านทานพายุ โดยรู้ว่าเราจะไม่พินาศเพราะพระองค์ทรงอยู่ในเรือกับเรา

นี่คือศรัทธาที่เราเห็นเมื่อเราไปเยี่ยมหลายครอบครัวหลังเหตุเพลิงไหม้ในชิลี บ้านของพวกเขาถูกเผาจนราบคาบและสูญเสียทุกอย่าง แต่เมื่อเราเดินอยู่ในที่ซึ่งเคยเป็นบ้านของพวกเขาและฟังประสบการณ์ของพวกเขา เรารู้สึกว่าเรากำลังยืนอยู่บนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซิสเตอร์ท่านหนึ่งพูดกับภรรยาข้าพเจ้าว่า “เมื่อฉันเห็นบ้านใกล้เคียงกำลังไฟไหม้ ฉันรู้สึกว่าบ้านของเราก็กำลังจะไฟไหม้ และเราจะสูญเสียทุกอย่าง แทนที่จะสิ้นหวัง ฉันกลับรู้สึกถึงสันติสุขที่อธิบายไม่ได้ ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร” การวางใจพระผู้เป็นเจ้าและการรักษาพันธสัญญาของเรากับพระองค์นำพลังมาให้ความอ่อนแอและการปลอบโยนมาให้ความโศกเศร้าของเรา

ข้าพเจ้าสำนึกคุณสำหรับโอกาสที่เรนีกับข้าพเจ้าได้พบวิสุทธิชนที่พิเศษเหล่านี้ สำหรับแบบอย่างมากมายของพวกเขาในด้านศรัทธา ความเข้มแข็ง และความมานะบากบั่น สำหรับเรื่องราวต่างๆ ที่น่าหดหู่ใจและผิดหวังที่คงไม่มีวันขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หรือเป็นไวรัลแพร่หลาย สำหรับภาพที่ไม่มีใครถ่ายของน้ำตาและการสวดอ้อนวอนหลังจากการสูญเสียหรือการหย่าร้างที่เจ็บปวด สำหรับโพสต์ที่ไม่มีใครลงของความกลัว ความโศกเศร้า และความเจ็บปวดที่ทนได้เนื่องจากศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ผู้คนเหล่านี้เสริมสร้างศรัทธาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงสำนึกคุณอย่างยิ่ง

ข้าพเจ้ารู้ว่านี่คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงพร้อมประสาทพรเราให้มีเดชานุภาพของพระองค์ หากเรามาหาพระองค์ทุกๆ วัน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน