เลียโฮนา
ปีติแห่งการไถ่ของเรา
พฤศจิกายน 2024


12:9

ปีติแห่งการไถ่ของเรา

ความรักและพลังอำนาจของพระเยซูคริสต์ช่วยเราแต่ละคนจากความผิดพลาด ความอ่อนแอ และบาป และช่วยให้เราเป็นบางอย่างมากขึ้นได้

ประมาณ 10 ปีที่แล้วดิฉันเกิดความรู้สึกอยากวาดภาพเหมือนของพระผู้ช่วยให้รอด แม้ว่าดิฉันจะเป็นศิลปิน แต่ก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย ดิฉัน ควรวาดภาพเหมือนของพระเยซูคริสต์ที่สื่อถึงจิตวิญญาณของพระองค์อย่างไร? ดิฉันควรจะเริ่มตรงไหน? แล้วดิฉันจะหาเวลาจากที่ไหน?

แม้จะมีคำถาม ดิฉันก็ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าและวางใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วย แต่ดิฉันต้องเดินหน้าต่อไปและวาง ความเป็นไปได้ ไว้กับพระองค์ ดิฉันสวดอ้อนวอน ไตร่ตรอง ค้นคว้า ร่างภาพ และได้รับพรให้พบความช่วยเหลือและแหล่งช่วยต่างๆ แล้วสิ่งที่เป็นผ้าใบสีขาวก็เริ่มกลายเป็นอะไรบางอย่างมากขึ้น

ภาพพระผู้ช่วยให้รอดอยู่ระหว่างการวาด

กระบวนการนี้ไม่ง่าย บางครั้งภาพดูไม่เหมือนกับที่หวังไว้ บางครั้งก็มีช่วงที่ได้รับการดลใจให้ลากฝีแปรงหรือเกิดความคิดใหม่ๆ และหลายครั้งต้องลองใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่อคิดว่าภาพวาดสีน้ำมันนั้นเสร็จสมบูรณ์และแห้งแล้วในที่สุด ดิฉันจึงเริ่มทาเคลือบเงาใสเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและฝุ่น ขณะที่ทำ ดิฉันสังเกตเห็นว่าผมในภาพเริ่มเปลี่ยนไป มันเลอะและกลืนไปกับสีอื่น ดิฉันรู้เลยทันทีว่าตัวเองรีบทาเคลือบเงาเร็วเกินไป ส่วนนั้นของภาพยังไม่แห้ง!

ดิฉันได้เช็ดส่วนหนึ่งของภาพออกไปแล้วด้วยสารเคลือบเงานั้น หัวใจดิฉันหล่นวูบ รู้สึกราวกับเพิ่งได้ทำลายสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้ทำ ดิฉันร้องไห้และรู้สึกไม่ดีอยู่ข้างใน ด้วยความสิ้นหวัง ดิฉันทำสิ่งที่ใครๆ มักจะทำในสถานการณ์เช่นนี้: โทรหาแม่ ท่านพูดอย่างชาญฉลาดและสงบว่า “ลูกจะไม่ได้สิ่งที่เคยมีกลับคืนมา แต่จงทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่ลูกมีตอนนี้”

ภาพวาดพระผู้ช่วยให้รอดที่วาดเสร็จแล้ว

And I Partook โดย คริสติน เอ็ม. ยี

ดิฉันจึงสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือและวาดตลอดทั้งคืนเพื่อซ่อมแซมส่วนต่างๆ ดิฉันจำได้ว่าดูภาพนี้ในตอนเช้า—มันดูดีขึ้นกว่าเดิม เป็นไปได้อย่างไร? สิ่งที่ดิฉันคิดว่าเป็นความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้คือโอกาสที่พระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระองค์จะปรากฏ พระองค์ไม่ทรงยอมแพ้กับภาพนั้น และไม่ทรงยอมแพ้กับดิฉัน เป็นความสุขใจและโล่งใจอย่างมาก ดิฉันสรรเสริญพระเจ้าสำหรับพระเมตตาของพระองค์ สำหรับปาฏิหาริย์นี้ที่ไม่เพียงรักษาภาพวาดไว้เท่านั้น แต่ยังสอนดิฉันมากขึ้นเกี่ยวกับความรักและพลังอำนาจของพระองค์ที่จะช่วยเราแต่ละคนจากความผิดพลาด ความอ่อนแอ และบาป และช่วยให้เรากลายเป็นบางอย่างมากขึ้น

ความสำนึกคุณที่ดิฉันมีต่อพระผู้ช่วยให้รอดลึกซึ้งยิ่งขึ้นฉันใดเมื่อทรงช่วยซ่อมแซมภาพวาดที่ “ซ่อมแซมไม่ได้” ความรักและความสำนึกคุณส่วนตัวที่ดิฉันมีต่อพระผู้ช่วยให้รอดก็แรงกล้าขึ้นฉันนั้นเมื่อดิฉันพยายามพัฒนาความอ่อนแอร่วมกับพระองค์และได้รับการอภัยจากความผิดพลาด ดิฉันจะสำนึกคุณพระผู้ช่วยให้รอดตลอดไปที่ตนเองสามารถเปลี่ยนแปลงและได้รับการชำระให้สะอาด ใจดิฉันอยู่ที่พระองค์ และหวังจะทำทุกอย่างที่ทรงต้องการให้ดิฉันทำและเป็น

การกลับใจช่วยให้เรารู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้า รู้จักและรักพระองค์ในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถึงหญิงผู้ชโลมพระบาทของพระองค์ว่า “บาปต่างๆ ของนางซึ่งมีมากมายนั้นได้รับการยกโทษแล้ว เพราะนางรักมาก แต่คนที่ได้รับการยกโทษน้อยก็รักน้อย” นางรักพระเยซูมากเพราะพระองค์ทรงให้อภัยนางมาก

มีความโล่งใจและความหวังอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเรา สามารถ พยายามได้อีกครั้ง—ดังที่เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สอน เราจะได้รับการปลดบาปอย่างต่อเนื่องผ่านอำนาจการชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเรากลับใจอย่างจริงใจจริงๆ

อำนาจการไถ่ของพระเยซูคริสต์เป็นพรยิ่งใหญ่ที่สุดที่สัญญาไว้ประการหนึ่งในพันธสัญญาของเรา จงไตร่ตรองพรนี้เมื่อท่านมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มีอำนาจนี้ เราจะไม่สามารถกลับบ้านไปยังที่ประทับของพระบิดาในสวรรค์และไปหาคนที่เรารักได้

ดิฉันรู้ว่าพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ทรงอานุภาพที่จะช่วยให้รอด ในฐานะพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงชดใช้บาปของโลกและสละพระชนม์ชีพของพระองค์เองและรับคืนมาอีกครั้ง พระองค์ทรงมีอำนาจแห่งการไถ่และการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงทำให้ความเป็นอมตะเป็นไปได้สำหรับทุกคนและชีวิตนิรันดร์สำหรับผู้ที่เลือกพระองค์ ดิฉันรู้ว่าโดยผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ เราสามารถกลับใจ ได้รับการไถ่และการชำระให้สะอาดอย่างแท้จริง นับเป็นปาฏิหาริย์ที่พระองค์ทรงรักท่านและดิฉันในวิธีนี้

พระองค์ตรัสว่า “บัดนี้เจ้าจะไม่หันกลับมาหาเรา, และกลับใจจากบาปของเจ้า, และได้รับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสหรือ, เพื่อเราจะรักษาเจ้า?” พระองค์ทรงสามารถรักษา“ที่ทิ้งร้าง” ของจิตวิญญาณท่านได้—สถานที่แห้งแล้ง โหดร้าย และรกร้างเพราะบาปและความโศกเศร้า—และ “ทำให้ถิ่นทุรกันดาร [ของท่าน] เหมือนสวนเอเดน”

เราไม่สามารถเข้าใจถึงความปวดร้าวและความลึกซึ้งของการทนทุกข์ของพระคริสต์ในสวนเกทเสมนีและบนกางเขนฉันใด เราก็ “ไม่สามารถวัดขอบเขตหรือหยั่งถึงความลึกซึ้งของการให้อภัย”ความเมตตา และความรัก [ของพระองค์] ในแบบพระผู้เป็นเจ้าได้ฉันนั้น

บางครั้งท่านอาจรู้สึกว่าการไถ่เป็นไปไม่ได้ รู้สึกว่าบางทีท่านอาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับความรักของพระผู้เป็นเจ้าและอำนาจการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเพราะสิ่งที่ท่านกำลังต่อสู้ดิ้นรนหรือเพราะสิ่งที่เคยทำ แต่ดิฉันเป็นพยานว่าท่านไม่ได้อยู่ต่ำกว่าเอื้อมพระหัตถ์ของพระอาจารย์ พระผู้ช่วยให้รอด “เสด็จลงต่ำกว่าสิ่งทั้งปวง”และอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่งที่จะยกท่านและเรียกท่านจากหุบเหวอันมืดมนที่สุดและนำท่านเข้าสู่ “ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์” โดยผ่านการทนทุกข์ พระองค์ทรงจัดเตรียมหนทางให้เราแต่ละคนเอาชนะความอ่อนแอและบาปส่วนตัว “พระองค์ทรงมีเดชานุภาพ ทั้งปวง ที่จะช่วย ทุกคน ที่เชื่อในพระนามของพระองค์และนำผลที่คู่ควรแก่การกลับใจออกมา”

ต้องใช้การลงมือทำและวิงวอนขอความช่วยเหลือจากสวรรค์เพื่อซ่อมแซมภาพวาดฉันใด ก็ต้องใช้การลงมือทำ ความจริงใจ และความอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อนำ “ผลที่คู่ควรแก่การกลับใจออกมา” ฉันนั้น ผลเหล่านี้รวมถึงการใช้ศรัทธาและการวางใจในพระเยซูคริสต์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ การถวายใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิดแด่พระผู้เป็นเจ้า การสารภาพและละทิ้งบาป การฟื้นฟูความเสียหายอย่างสุดความสามารถ และการพากเพียรดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม

การจะกลับใจและเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ก่อนอื่นเราต้อง “ตระหนักถึงบาปของเรา” คนเราจะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกินยา เว้นแต่จะเข้าใจว่าตนเองป่วย อาจมีหลายครั้งที่เราอาจไม่เต็มใจมองเข้าไปในตัวเราและเห็นว่าสิ่งใดจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาและการซ่อมแซมจริงๆ

ในงานเขียนของซี. เอส. ลูอิส อัสลานกล่าวกับชายคนหนึ่งผู้ติดกับอุบายของตนเองว่า: “โอ้ [มนุษยชาติ] เจ้าช่างฉลาดเหลือเกินในการปกป้องตนเองจากทุกสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์กับเจ้า”

ท่านและดิฉันจะปกป้องตนเองจากสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ต่อเราได้ที่ใด?

ขอให้เราอย่าปกป้องตนเองจากความดีงามที่พระผู้เป็นเจ้าปรารถนาจะประทานพรให้ จากความรักความเมตตาที่ทรงปรารถนาให้เราสัมผัส จากแสงสว่างและความรู้ที่ทรงปรารถนาจะประทานให้เรา จากการเยียวยาที่ทรงรู้ว่าเราต้องการอย่างยิ่ง จากความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญาอันลึกซึ้งที่ทรงมุ่งหมายเพื่อบุตรธิดาทุกคนของพระองค์

ดิฉันสวดอ้อนวอนขอให้เราวาง “อาวุธสงคราม” ที่เราหยิบขึ้นมาโดยที่รู้ตัวหรือแม้ไม่รู้ตัวเพื่อปกป้องตนเองจากพรแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า อาวุธแห่งความจองหอง ความเห็นแก่ตัว ความกลัว ความเกลียดชัง ความขุ่นเคือง ความพึงพอใจ การตัดสินที่ไม่ชอบธรรม ความอิจฉาริษยา—สิ่งใดก็ตามที่จะกีดกันเราไม่ให้รักพระผู้เป็นเจ้าด้วย สุด ใจและรักษาพันธสัญญา ทั้งหมด ที่เราทำกับพระองค์

เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพันธสัญญา พระเจ้าจะประทานความช่วยเหลือและพลังที่จำเป็นเพื่อรับรู้และเอาชนะความอ่อนแอของเรา รวมถึงปรสิตทางวิญญาณแห่งความจองหอง ศาสดาพยากรณ์กล่าวว่า:

“การกลับใจ … เป็นหนทางสู่ความบริสุทธิ์ และความบริสุทธิ์ทำให้เกิดพลัง”

“และโอ้ เราจะต้องการเดชานุภาพของพระองค์มากเพียงใดในวันข้างหน้า”

เช่นเดียวกับภาพวาดของดิฉัน พระเจ้าไม่ทรงยอมแพ้กับเราเมื่อเราทำผิดพลาด และไม่ทรงหนีเมื่อเราสะดุดล้ม การที่เราจำเป็นต้องรับการรักษาและความช่วยเหลือไม่ใช่ภาระต่อพระองค์ แต่เป็นเหตุผลที่พระองค์เสด็จมา พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า:

“ดูเถิด, เรามายังโลกเพื่อนำการไถ่มายังโลก, เพื่อช่วยให้โลกรอดจากบาป”

“แขนแห่งความเมตตาของเรายื่นมายังเจ้า, และผู้ใดก็ตามที่จะมา, ผู้นั้นเราจะรับ; และคนที่มาหาเราจะเป็นสุข”

ดังนั้น มาเถิด—ท่านที่เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า และเศร้าโศก ทิ้งภาระหนักและมาพักผ่อนในพระองค์ผู้ทรงรักท่านมากที่สุด จงเอาแอกของพระองค์แบกไว้ เพราะว่าพระองค์ทรงสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม

พระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดทรงมองเห็นท่าน ทรงรู้ใจท่าน ทรงใส่ใจสิ่งที่ท่านใส่ใจ รวมถึงคนที่ท่านรักด้วย

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสามารถไถ่สิ่งที่สูญเสียไป รวมถึงความสัมพันธ์ที่แตกหักและแตกร้าว ทรงเตรียมทางไว้ให้ทุกสิ่งที่ตกไปได้รับการไถ่—เติมลมหายใจให้สิ่งที่รู้สึกเหมือนตายและสิ้นหวัง

หากท่านกำลังต่อสู้ดิ้นรนกับสถานการณ์ที่ท่านคิดว่าควรจะเอาชนะได้แล้วในตอนนี้ จงอย่ายอมแพ้ จงอดทนกับตนเอง รักษาพันธสัญญา กลับใจบ่อยๆ ขอความช่วยเหลือจากผู้นำหากจำเป็น และไปพระนิเวศน์ของพระเจ้าเป็นประจำเท่าที่จะทำได้ ฟังและเอาใจใส่การกระตุ้นเตือนที่ทรงส่งให้ท่าน พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งความสัมพันธ์ตามพันธสัญญาที่ทรงทำกับท่าน

ในชีวิตดิฉันมีความสัมพันธ์ที่ยากและซับซ้อนซึ่งดิฉันต่อสู้ดิ้นรนและพยายามปรับปรุงอย่างจริงใจ บางครั้ง ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ ดิฉันสงสัยว่า “ครั้งที่แล้วดิฉันไม่ได้แก้ไขอะไรเลยหรือ? ดิฉันไม่ได้เอาชนะความอ่อนแอของตัวเองจริงๆ หรือ?” แต่ก็ได้เรียนรู้เมื่อเวลาผ่านไปว่าดิฉันไม่ได้บกพร่องเสมอไป ในทางกลับกัน มักจะมีสิ่งที่ต้องพยายามมากขึ้นและจำเป็นต้องมีการเยียวยามากขึ้น

เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันสอนว่า: “แน่นอน พระเจ้าย่อมประทานพรแก่ผู้ที่ปรารถนาจะมาสู่การพิพากษาอย่างมีค่าควร ผู้มุ่งมั่นทำงานแต่ละวันเพื่อแทนที่ความอ่อนแอด้วยความเข้มแข็ง การกลับใจหรือการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงอาจเรียกร้องความพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มีบางอย่างบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ในความพยายามเช่นนั้น การให้อภัยและการเยียวยาจากสวรรค์ไหลไปสู่จิตวิญญาณเช่นนี้อย่างแน่นอน”

แต่ละวันเป็นวันใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความเป็นไปได้เพราะพระเยซูคริสต์ ในแต่ละวันท่านและดิฉันสามารถมารู้ถึง “ปีติของการไถ่ของเรา”ดังที่มารดาเอวาประกาศ ปีติของการหายเป็นปกติ ปีติจากการรู้สึกถึงความรักอันไม่สิ้นสุดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อท่าน

ดิฉันรู้ว่าพระบิดาในสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดทรงรักท่าน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของมนุษยชาติทั้งมวล พระองค์ทรงพระชนม์ ผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ขอองพระองค์ สายรัดแห่งบาปและความตายถูกตัดขาด ตลอดกาล เพื่อให้เราเป็น อิสระ ที่จะเลือกการเยียวยา การไถ่ และชีวิตนิรันดร์กับคนที่เรารัก ดิฉันเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ในพระนามของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู มัทธิว 19:26

  2. “ทันทีที่เราทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เราออกจากพื้นที่เป็นกลางตลอดกาล พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งความสัมพันธ์ของพระองค์กับผู้สร้างการผูกมัดเช่นนั้นกับพระองค์ อันที่จริง ทุกคนที่ทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าได้เข้าสู่ความรักความเมตตาอันพิเศษเฉพาะ ในภาษาฮีบรู ความรักตามพันธสัญญานั้นเรียกว่า hessed (เฮเซด) (חֶסֶד)” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” เลียโฮนา, ต.ค. 2022, 5)

  3. “เมื่อท่านและข้าพเจ้าเข้าสู่เส้นทางนั้นเหมือนพวกท่าน เราจะมีวิถีชีวิตใหม่เช่นกัน โดยการนั้น เราสร้างความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเปิดโอกาสให้พระองค์ทรงอวยพรและเปลี่ยนแปลงเรา เส้นทางพันธสัญญานำกลับไปหาพระองค์ หากเรายอมให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิต พันธสัญญานั้นจะนำเราเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นทุกขณะ จุดประสงค์ของพันธสัญญาทุกอย่างคือการผูกมัด พันธสัญญาเหล่านั้นสร้างความสัมพันธ์พร้อมการผูกมัดอันเป็นนิจ” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” 5)

  4. ดู แอลมา 26:35–36

  5. ดู แอลมา 22:18: “ข้าพระองค์จะทิ้งบาปทั้งหมดของข้าพระองค์เพื่อรู้จักพระองค์”

  6. ลูกา 7:47; ดู ข้อ 37–50 ด้วย

  7. เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์กล่าวเกี่ยวกับศีลระลึกว่า:

    “แต่เมื่อเราเตรียมอย่างตั้งใจและมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยใจชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด เมื่อนั้นสัญญาที่ว่าเราจะมีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับเรา ตลอดเวลา จะเป็นจริง และโดยพลังของการชำระให้บริสุทธิ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะเพื่อนที่ยั่งยืน เราสามารถทำให้การปลดบาปของเรา มีอยู่เสมอ” (“การปลดบาปของท่านจะมีอยู่เสมอ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2016, 61–62)

    “ในกระบวนการมาสู่พระผู้ช่วยให้รอดและการเกิดใหม่ทางวิญญาณ การได้รับพลังแห่งการชำระของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตเราทำให้จิตวิญญาณของเราได้รับ การชำระให้สะอาดจากบาปอย่างต่อเนื่อง พรอันน่าปีติยินดีนี้จำเป็นมากเพราะ ‘ไม่มีสิ่งไม่สะอาดใดๆ จะพำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าได้’ [1 นีไฟ 10:21]” (“การปลดบาปของท่านจะมีอยู่เสมอ”, 61)

    เอ็ลเดอร์เบดนาร์สอนที่สัมมนาผู้นำคณะเผยแผ่เดือนมิถุนายน 2023 ว่า: “และโดยพลังของการชำระให้บริสุทธิ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะเพื่อนที่ยั่งยืน เราสามารถทำให้การปลดบาปของเรามีอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จึงให้โอกาสครั้งที่สอง สาม และสี่ และไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อรักษาการปลดบาปของเราให้คงอยู่” (ใน Rachel Sterzer Gibson, “Teach to Build Faith in Jesus Christ, Elder Bednar Instructs,” Church News, 23 June 23, 2023, thechurchnews.com)

  8. “ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสรุปบทบาทที่จำเป็นของศาสนพิธีฐานะปุโรหิตในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไว้อย่างชัดเจนว่า ‘การเกิดใหม่มาโดยพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าผ่านศาสนพิธี’ [คำสอนของประธานศาสนจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 95] คำกล่าวที่ชัดเจนนี้เน้นบทบาททั้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์และศาสพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ในกระบวนการเกิดใหม่ทางวิญญาณ …

    “ศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์คือศูนย์กลางในพระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอด กระบวนการมาหาพระองค์ และการแสวงหาการเกิดใหม่ทางวิญญาณ …

    “ศาสนพิธีแห่งความรอดและความสูงส่งที่ปฏิบัติในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเจ้าเป็นมากกว่าพิธีกรรมหรือการประกอบพิธีเชิงสัญลักษณ์ ศาสนพิธีก่อให้เกิดช่องทางที่ได้รับมอบอำนาจซึ่งทำให้พรและพลังจากสวรรค์ผ่านเข้าสู่ชีวิตของแต่ละคน …

    “ศาสนพิธีที่ได้รับและให้เกียรติด้วยความซื่อตรงคือส่วนสำคัญของการได้รับพลังจากความเป็นพระผู้เป็นเจ้าและพรทั้งหมดที่มีอยู่โดยผ่านการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด” (เดวิด เอ. เบดนาร์, “การปลดบาปของท่านจะมีอยู่เสมอ,” 59–60)

  9. ดู ยอห์น 10:17-18; 3 นีไฟ 9:22

  10. ดู งานแปลของโจเซฟ สมิธ, ยอห์น 1:16; เจคอบ 6:9; โมเสส 1:39

  11. ดู แอลมา 12:33–34

  12. ดู ยอห์น 3:16

  13. 3 นีไฟ 9 :13

  14. “ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านมาหาพระองค์เพื่อให้พระองค์ทรงรักษาท่าน … จากบาปเมื่อท่านกลับใจ รักษาท่านจากความเศร้าเสียใจและความกลัว รักษาท่านจากบาดแผลของโลกนี้” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คําตอบคือพระเยซูคริสต์เสมอ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2023, 127)

  15. อิสยาห์ 51:3; ดู เอเสเคียล 58:10-12; อิสยาห์ 36:33-36 ด้วย

  16. James E. Talmage, Jesus the Christ (1916), 265.

  17. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” 5–7; ดูเชิงอรรถ 2 และ 3 ในข่าวสารนี้ด้วย.

  18. หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:6; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 122:7-9 ด้วย

  19. 1 เปโตร 2:9; ดู แอลมา 26:16, -17 ด้วย

  20. แอลมา 12:15; เน้นตัวเอน

  21. ดู แอลมา 34:17

  22. ดู 2 โครินธ์ 7:10; 3 นีไฟ 9:15–22

  23. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 58:43; 64:7

  24. ดู โมไซยาห์ 27:32-37; แอลมา 26:30

  25. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:32

  26. ดู แอลมา 24:8-10

  27. ดู Robert L. Millet, Becoming New: A Doctrinal Commentary on the Writings of Paul (2022), 26.

  28. C. S. Lewis, The Magician’s Nephew (1955), 185.

  29. ดู โมไซยาห์ 4:6–9

  30. ดู แอลมา 12:9–10; 26:22; 3 นีไฟ 26:9

  31. “เส้นทางพันธสัญญาคือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระผู้เป็นเจ้า” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” 11; ดูเชิงอรรถ 2 และ 3 ในข่าวสารนี้ด้วย)

  32. ดู แอลมา 0:17–19

  33. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 67:10

  34. ดู เจคอบ 4:13 “ผู้ไม่เห็นความอ่อนแอของตนย่อมไม่ก้าวหน้า การรับรู้ความอ่อนแอของท่านเองจึงเป็นพรเพราะจะช่วยให้ท่านยังคงนอบน้อมถ่อมตนและหันไปหาพระผู้ช่วยให้รอด พระวิญญาณไม่เพียงปลอบโยนท่านแต่พระองค์ยังเป็นตัวแทนที่การชดใช้จะเกิดผลและเปลี่ยนตัวตนของท่านอีกด้วย แล้วสิ่งที่อ่อนแอจะกลับเข้มแข็ง” (เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 16)

  35. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เราสามารถทำได้ดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้น,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 68.

  36. “ทุกอย่างที่สอนในพระวิหารผ่านการสอนและผ่านพระวิญญาณจะเพิ่มความเข้าใจเราเรื่องพระเยซูคริสต์ ศาสนพิธีที่จำเป็นผูกมัดเรากับพระองค์ผ่านพันธสัญญาฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเมื่อเรารักษาพันธสัญญา พระองค์ย่อมประสาทพรเราด้วยเดชานุภาพ ของพระองค์ ที่เยียวยาและเสริมความเข้มแข็ง โอ้ เราจะต้องการเดชานุภาพของพระองค์มากเพียงใดในวันข้างหน้า” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระวิหารและรากฐานทางวิญญาณของท่าน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2021, 93–94)

  37. 3 นีไฟ 9:21

  38. 3 นีไฟ 9:14

  39. ดู Erik Dewar, “Come Find His Rest” (song, 2024); ดู Matthew 11:28–30 ด้วย

  40. ดู เฉลยธรรมบัญญัติ 30:20; ยอห์น 11:25; อีเธอร์ 3:14; หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:6, 13

  41. “พี่น้องที่รักทั้งหลาย นี่คือสัญญาของข้าพเจ้า ไม่มีสิ่งใดจะช่วยท่านยึดมั่นบนราวเหล็ก มากไปกว่า การนมัสการในพระวิหารเป็นประจําเท่าที่สภาวการณ์ของท่านเอื้ออํานวย ไม่มีสิ่งใดจะปกป้องท่านได้ มากไปกว่านี้ เมื่อท่านเผชิญหมอกแห่งความมืดของโลก ไม่มีสิ่งใดจะค้ำจุนประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับพระเจ้าพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์หรือช่วยให้ท่านเข้าใจแผนอันล้ำเลิศของพระผู้เป็นเจ้า มากไปกว่านี้ ไม่มีสิ่งใดจะปลอบใจท่าน มากไปกว่านี้ ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด ไม่มีสิ่งใดจะเปิดฟ้าสวรรค์ได้ มากไปกว่านี้ ไม่มีเลย!” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน “ชื่นชมยินดีในของประทานแห่งกุญแจฐานะปุโรหิต,” เลียโฮนา, พ.ค. 2024, 122)

  42. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” 5.

  43. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คำตอบคือพระเยซูคริสต์เสมอ,” 127; ดูเชิงอรรถ 14 ในข่าวสารนี้ด้วย.

  44. ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “ของประทานอันสูงส่งแห่งการกลับใจ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 49.

  45. โมเสส 5:11

  46. ดู 2 นีไฟ 2:26-28