เลียโฮนา
ท่านอยู่ตรงจุดไหนในวัฏจักรความจองหอง?
ธันวาคม 2024


“ท่านอยู่ตรงจุดไหนในวัฏจักรความจองหอง?,” เลียโฮนา, ธ.ค. 2024.

ท่าน อยู่ตรงจุดไหนในวัฏจักรความจองหอง?

เพื่อออกจากวัฏจักรความจองหอง เราต้องระลึกรู้ว่าพรทุกอย่างที่เราได้รับมาจากพระบิดาบนสวรรค์

นาฬิกา

มีแบบแผนของพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในพระคัมภีร์มอรมอนที่เรียกกันทั่วไปว่า “วัฏจักรความจองหอง” มีการกล่าวซ้ำบ่อยครั้งจนคนเริ่มรู้สึกว่าพระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์กําลังพยายามสอนสิ่งสําคัญบางอย่างแก่เรา—บางทีการรวมเรื่องนี้ไว้ในบันทึกอาจเป็นการเตือนจากพระเจ้าถึงเราแต่ละคนในสมัยของเรา

12:00—จุดสูงสุดของความจองหอง

โดยใช้นาฬิกาเป็นอุปลักษณ์ สมมติว่าวัฏจักรความจองหองเริ่มที่เลขสิบสองของนาฬิกา—ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของความจองหอง เมื่อเราอยู่ในวัฏจักรความจองหองที่เลขสิบสองของนาฬิกา เราเหมือนชาวนีไฟในสมัยโบราณที่รู้สึกประสบความสําเร็จ เฉลียวฉลาด และเป็นที่นิยมจนเริ่มรู้สึกว่าเราจะไม่มีวันพ่ายแพ้ เรามีความสุขเมื่อคนอื่นชื่นชมความสําเร็จของเรา และเราหงุดหงิดเมื่อคนรอบข้างได้รับคําชมเกี่ยวกับความสําเร็จของพวกเขา

ที่เลขสิบสองของนาฬิกาเรามักจะไม่ฟังคําแนะนําของผู้อื่น น่าเศร้าที่สุดท้ายเราไม่ต้องการแม้แต่พระผู้เป็นเจ้าหรือผู้รับใช้ของพระองค์ เรารำคาญคําแนะนําของพวกท่าน เราก็ทําได้ดีอยู่แล้วด้วยตัวเราเอง เราลืมหรือเราปฏิเสธสิ่งที่กษัตริย์เบ็นจามินสอน: ว่าเรา “เป็นหนี้นิรันดร์ต่อพระบิดาบนสวรรค์ [ของเรา], ที่จะถวายทุกสิ่งที่ [เรา] มีอยู่และเป็นอยู่แด่พระองค์” (โมไซยาห์ 2:34)

ศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันของเราเตือนเราให้ระวังความจองหองที่ไม่ชอบธรรม ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) เรียกสิ่งนี้ว่า “บาปสากล” และ “อุปสรรคอันยิ่งใหญ่ต่อไซอัน” เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ.อุคท์ดอร์ฟแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเปรียบเทียบความจองหองกับ “แรมีอัมทัมส่วนตัว แท่นศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงความอิจฉา ความละโมบ และหยิ่งยะโส” ความจองหองทําให้เราเหินห่างจากพระผู้เป็นเจ้า ผลักดันให้เราวนเวียนอยู่ในวัฏจักรความจองหองจนถึงเลขสองของนาฬิกา ซึ่งทําให้เราขุ่นเคืองพระวิญญาณของพระวิญญาณบริสุทธิ์

2:00—การวางใจในแขนแห่งเนื้อหนัง

ตอนแรกเราอาจคิดว่าการทําให้พระวิญญาณของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขุ่นเคืองไม่มีผลที่ตามมา นีไฟอธิบายว่านี่เป็นการ “กล่อม … ไปในความมั่นคงทางเนื้อหนัง … ทุกอย่างดีในไซอัน [เราคิด]; แท้จริงแล้ว, ไซอันรุ่งเรือง, ทุกอย่างดี” (2 นีไฟ 28:21) น่าสนใจที่ ตรงเลขสองของนาฬิกาในวัฏจักรความจองหอง ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อตนเอง เราก็ไม่ได้มีความสุขขนาดนั้นจริงๆ ความรู้สึกที่ว่าเรากําลังลื่นไถลกำลังกัดกร่อนเรา เราพยายามต่อสู้กับกระแสความอึดอัดของวัฏจักรความจองหอง เรายึดติดกับความทรงจําของความสําเร็จในอดีตและยืนกรานที่จะวางใจในแขนแห่งเนื้อหนัง นั่นเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง

พระเยซูทรงสอนว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเรา และเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย” (ยอห์น 15:5) เมื่อเราทําให้พระวิญญาณขุ่นเคือง เราตัดตนเองออกจากแหล่งกําเนิดของการบํารุงเลี้ยงทางวิญญาณทั้งหมด และนั่นเป็นเพียงเรื่องของเวลาจนกว่าเราจะเริ่มเหี่ยวเฉา หากปราศจากความช่วยเหลือจากพระเจ้าและอิทธิพลของพระวิญญาณ แรงดึงดูดของวัฏจักรความจองหองจะลากเราลงไปสู่ความล้มเหลวที่เลขสี่ของนาฬิกา

4:00—ความล้มเหลวที่โง่เขลา

พระเจ้าทรงสอนโจเซฟ สมิธว่า “เพราะแม้ว่ามนุษย์จะ … มีพลังที่จะทํางานยิ่งใหญ่หลายอย่าง, แต่หากเขาโอ้อวดในพละกําลังของตนเอง, และถือว่าคําแนะนําของพระผู้เป็นเจ้าไร้ค่า, และคล้อยตามความประสงค์และความปรารถนาอันเป็นตัณหาของตนเอง, เขาต้องตก” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 3:4)

เราเลือกความประพฤติของเราได้ แต่เราไม่สามารถเลือกผลจากความประพฤติของเรา ที่เลขสี่ของนาฬิกาในวัฏจักรความจองหอง เราประสบผลอันเจ็บปวดของความจองหองที่โง่เขลาของเรา เราอาจตกงาน เราอาจสูญเสียแฟน เราอาจสูญเสียความเคารพจากคนที่สําคัญต่อเรามากที่สุด แย่กว่านั้นคือเราอาจสูญเสียความเคารพตนเอง และเราเผชิญหน้ากับความไม่ดีพอของเราเอง เหมือนโมเสส เราตระหนักว่าเราไม่สําคัญเลย “ซึ่ง [เรา] ไม่เคยคิดมาก่อน” (โมเสส 1:10)

6:00—ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความอ่อนโยน ความว่านอนสอนง่าย

ความล้มเหลวและความทุกข์ไม่ใช่ความคิดที่เป็นสุขสำหรับเราคนใด แต่น่าแปลกที่เรามักพบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพรอันยิ่งใหญ่เพราะมักจะผลักดันเราให้วนตามวัฏจักรความจองหองไปสู่ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เลขหกของนาฬิกา เราไม่ได้พยายามสร้างความประทับใจให้คนรอบข้างอีกต่อไป เราเริ่มเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้นและตรงไปตรงมามากขึ้น เราสบายใจมากขึ้นกับการวิพากษ์วิจารณ์และสามารถยิ้มให้กับความผิดพลาดและความอ่อนแอของเราเอง ตามที่นักเขียนชาวคริสต์คนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่านี่ไม่ใช่การที่เราด้อยค่าตนเองแต่เรานึกถึงตนเองน้อยลงแทน

ที่เลขหกของนาฬิกาในวัฏจักรความจองหอง เรากลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและอ่อนโยนอย่างแท้จริง ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความอ่อนโยนเป็นหลักธรรมพื้นฐานของพระกิตติคุณ เรามักพูดถึงศรัทธา ความหวัง และจิตกุศล แต่ศาสดาพยากรณ์มอรมอนแนะนําว่ายังมีคุณธรรมข้อสี่ที่ทําให้มีคุณธรรมทั้งสามข้อเป็นไปได้:

“ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าเขาจะมีศรัทธาและความหวังไม่ได้, นอกจากเขาจะมีความอ่อนโยน, และใจนอบน้อม.

“หากเป็นเช่นนั้น, ศรัทธาและความหวังของเขาเปล่าประโยชน์, เพราะไม่มีใครจะเป็นที่ยอมรับต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า, นอกจากผู้ที่มีความอ่อนโยนและใจนอบน้อม; และหากผู้ใดมีความอ่อนโยนและใจนอบน้อม, และสารภาพโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระเยซูคือพระคริสต์, เขาจำต้องมีจิตกุศล” (โมโรไน 7:43–44)

คุณลักษณะอีกอย่างหนึ่งในพระคัมภีร์ที่มักเกี่ยวข้องกับความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เลขหกของนาฬิกาคือความว่านอนสอนง่าย กษัตริย์เบ็นจามินสอนว่า “มนุษย์ปุถุชนเป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้า … และจะเป็นไปตลอดกาลและตลอดไป, เว้นแต่เขาจะ … กลายเป็นดังเด็ก, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ถ่อมตน, อดทน, เปี่ยมด้วยความรัก, เต็มใจยอมในสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเห็นควรจะอุบัติแก่เขา, แม้ดังเด็กยินยอมต่อบิดาตน” (โมไซยาห์ 3:19)

กล่าวกันว่าความอ่อนโยนไม่ใช่การยอมรับความอ่อนแอของเราแต่เป็นการรับรู้ถึงแหล่งที่มา ที่แท้จริง ของความเข้มแข็งของเรา ไม่มีอะไรอ่อนแอเกี่ยวกับความอ่อนโยน เมื่อเราอ่อนน้อมถ่อมตนและอ่อนโยน เราไม่ยกตนเองขึ้น เรายกพระผู้เป็นเจ้า

ที่เลขหกของนาฬิกาในวัฏจักรความจองหอง เมื่อเราอ่อนน้อมถ่อมตนและอ่อนโยนอย่างแท้จริง เราจะหันหน้าไปพึ่งพระผู้เป็นเจ้าเพราะไม่มีที่ใดอีกแล้วให้เราหันไปหา ขณะนั้นใจเราชอกช้ำและวิญญาณเราสํานึกผิด ใจที่ชอกช้ำคือใจที่ได้รับการฝึกฝนผ่านประสบการณ์ให้เชื่อฟังและตอบรับพระบัญชาของพระอาจารย์ ด้วยใจที่ชอกช้ำเท่านั้นเราจึงจะเป็นประโยชน์และเกิดผลอย่างแท้จริงในการรับใช้พระเจ้า พระคัมภีร์อธิบายว่าการมีใจที่ชอกช้ำเป็นสภาพที่สงบและมีความหวัง และท้ายที่สุดเป็นเงื่อนไขอันดับแรกของรัศมีภาพนิรันดร์ (ดู 2 นีไฟ 2:7; หลักคําสอนและพันธสัญญา 97:8)

8:00—พรแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

เมื่อเรายอมถวายใจที่ชอกช้ำของเราแด่พระผู้เป็นเจ้าและเพราะเราอ่อนน้อมถ่อมตน พระเจ้าจึงทรงเริ่ม “จูงมือนํา [เรา] ไป, และให้คําตอบคําสวดอ้อนวอน [ของเรา]” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 112:10) ด้วยการนําทางของพระองค์ เราดำเนินต่อไปในวัฏจักรความจองหองจนถึงเลขแปดของนาฬิกาเมื่อเราอัญเชิญพระวิญญาณของพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในชีวิตเราอีกครั้ง

อิทธิพลของพระวิญญาณเปลี่ยนใจเรา เช่นเดียวกับผู้คนของกษัตริย์เบ็นจามิน “เราไม่มีใจที่จะทำความชั่วอีก, แต่จะทำความดีโดยตลอด” (โมไซยาห์ 5:2) เราเริ่มรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงเริ่มเทพรมาให้เรา—พรที่พระองค์ทรงปรารถนาจะประทานแก่เราเสมอเพราะนั่นคือธรรมชาติของพระองค์ แต่เราปฏิเสธที่จะรับเพราะความจองหองอันโง่เขลาของเรา เราเริ่มได้รับพรเพราะเวลานี้เรากําลังเชื่อฟังกฎซึ่งกําหนดพรไว้ (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 130:20–21) เราจ่ายส่วนสิบ และพระเจ้าทรงเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์และเทพรมากมายลงมาจนเราไม่อาจรับได้ทั้งหมด (ดู มาลาคี 3:10)

ผู้หญิงกำลังสวดอ้อนวอน

10:00—ความสุขอันเป็นพร

การเชื่อฟังพระบัญญัติอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนเพิ่มพลังให้เราก้าวหน้าไปตามวัฏจักรความจองหองจนถึงเลขสิบของนาฬิกา เมื่อเราพบว่าตนเองอยู่ในสภาพของความสุขอันเป็นพร เราประสบความสําเร็จ ซึ่งไม่ควรทำให้เราแปลกใจ นี่คือสัญญาในพระคัมภีร์: “ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านพิจารณาถึงสภาพอันเป็นพรและเป็นสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า. เพราะดูเถิด, พวกเขาได้รับพรในทุกสิ่ง, ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ” (โมไซยาห์ 2:41)

ที่เลขสิบของนาฬิกาในวัฏจักรความจองหองเป็นจุดที่น่าอยู่และยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่มันเป็นจุดอันตรายด้วย คนที่คบค้าสมาคมกับเราเริ่มชมเชยในความสําเร็จทั้งหมดของเรา น่าเสียดายที่เราเริ่มเชื่อพวกเขา

ถ้าเราไม่ระวัง คําชมอาจบดบังวิจารณญาณของเราได้และทําให้เรามีความปรารถนาอันไม่เป็นที่พอพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่จะได้รับคํายกย่องสรรเสริญได้รับเกียรติมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับปฏิปักษ์สมัยโบราณของเรา (ดู โมเสส 4:1) เรากระซิบกับตนเองว่า เรา สมควรได้รับเกียรตินั้น เพราะแน่นอนว่าเราทําสําเร็จมาแล้ว

“และดังนั้นเราจะเห็นว่าการหลอกลวง, และความรวนเรของใจลูกหลานมนุษย์เป็นอย่างไรด้วย; แท้จริงแล้ว, เราจะเห็นว่าพระเจ้าในพระมหากรุณาธิคุณอันไม่มีที่สุดของพระองค์ประทานพรและทรงทำให้คนที่มอบความไว้วางใจในพระองค์รุ่งเรือง.

“แท้จริงแล้ว, และเราจะเห็นในเวลานั้นเองเมื่อพระองค์ทรงทำให้ผู้คนของพระองค์รุ่งเรือง, แท้จริงแล้ว, ในการเพิ่มพูนท้องทุ่งของพวกเขา, ฝูงสัตว์เลี้ยงและฝูงสัตว์ใหญ่ของพวกเขา, และในทอง, และในเงิน, และในสิ่งมีค่าทุกประเภทของทุกชนิดและทุกอย่าง; … แท้จริงแล้ว, และท้ายที่สุด, ทรงทำทุกสิ่งเพื่อความผาสุกและความสุขของผู้คนของพระองค์; แท้จริงแล้ว, หลังจากนั้นคือเวลาที่พวกเขาทำใจตนแข็งกระด้าง, และลืมพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา, และเหยียบย่ำพระผู้บริสุทธิ์ไว้ใต้เท้าของพวกเขา—แท้จริงแล้ว, และนี่เพราะความสบายของพวกเขา, และความรุ่งเรืองยิ่งของพวกเขา” (ฮีลามัน 12:1–2)

12:00—จุดสูงสุดของความจองหองอีกครั้ง

เราเข้าใกล้จุดสูงสุดของความจองหองที่เลขสิบสองของนาฬิกาอีกครั้งอย่างช้าๆ —โดยไม่ตระหนักอย่างเต็มที่—เรายุ่งอยู่กับการมองไปรอบๆ เพื่อหาคําสรรเสริญจนลืมมองไปข้างหน้าถึงการตกที่รอเราอยู่เพราะ “ความจองหองมา … ก่อนการล้ม [เสมอ]” (สุภาษิต 16:18) ดังนั้นวัฏจักรนั้นจึงดําเนินต่อไป

ถ้าให้พูดตามตรงคือ พวกเราส่วนใหญ่ เหมือนชาวนีไฟในสมัยโบราณ คือปล่อยให้ตนเองวนอยู่ในวัฏจักรความจองหองมาแล้วสองสามรอบ ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่าชนชาติชาวนีไฟดําเนินไปตลอดวัฏจักรในระยะเวลาสั้นเพียงห้าปีได้อย่างไร ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็เชื่อว่าเราสามารถวิ่งวนอยู่ในวัฏจักรได้ภายในห้าปี และเราสามารถวิ่งวนได้ภายในห้านาที นี่คือรูปแบบอันเป็นภัยของความคิดและพฤติกรรมที่แทรกซึมอยู่ในสังคมของเรา เป็นเรื่องธรรมดามากจนบางครั้งยากที่จะรับรู้

นาฬิกาที่มีช่องเปิดที่ใกล้เลขสิบ

การออกจากวัฏจักรความจองหอง

เราถูกส่งมาให้อยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวังตลอดกาลหรือไม่? ไม่มีทางออกจากวัฏจักรความจองหองหรือ? มี อันที่จริง มีสองจุดที่เราสามารถออกจากวัฏจักรความจองหองได้—จุดหนึ่งไปสู่ความพินาศนิรันดร์ของเราและอีกจุดหนึ่งไปสู่ความสุขอันเป็นนิจของเรา

ที่เลขสี่ของนาฬิกา เมื่อเรากําลังเผชิญกับความล้มเหลวหรือความทุกข์และรู้สึกเหมือนทุกอย่างสูญสิ้น หากแทนที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนเราโกรธ หากเราหมดหวังหรือยอมแพ้ต่อความสงสารตนเอง หรือถ้าเราเริ่มโทษคนอื่น—รวมทั้งพระผู้เป็นเจ้า—สําหรับความโชคร้ายของเรา เราจะออกจากวัฏจักรความจองหอง แต่เราจะลงไปสู่ความพินาศเช่นเดียวกับชาวนีไฟในสมัยโบราณ

แต่ที่เลขสิบของนาฬิกา เมื่อดูเหมือนว่าเราไม่ทำสิ่งผิด เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แทนที่เราจะทะนงตนแต่กลับขอบพระทัยแทน เราก็จะออกจากวัฏจักรความจองหองเช่นกัน แต่ครั้งนี้เราจะออกโดยขึ้นสู่เบื้องบนไปหาพระผู้เป็นเจ้า เพื่อออกจากวัฏจักรความจองหองที่เลขสิบของนาฬิกา เราต้องตระหนักว่าพรทุกประการที่เราได้รับนั้นมาจากพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดของทุกสิ่งที่ดีในชีวิตของเรา—แหล่งกำเนิดของพรทุกประการ เราต้องน้อมนำคำสอนของกษัตริย์เบ็นจามินที่สอนว่าเรา “ทั้งหลาย … พึ่งพิงพระสัตภาวะองค์เดียวกัน, แม้พระผู้เป็นเจ้า, เพื่อทรัพย์สินทั้งสิ้นซึ่งเรามีอยู่, เพื่อทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่ม, และเพื่อทอง, และเพื่อเงิน, และเพื่อของมีค่าทั้งหมดที่เรามีอยู่ทุกชนิด” (โมไซยาห์ 4:19)

การหนีออกจากแรงดึงอันทรงพลังของวัฏจักรความจองหองที่เลขสิบของนาฬิกาสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นไปได้ เรามีตัวอย่างสองสามตัวอย่างในบันทึกชาวนีไฟให้พิสูจน์ จงพิจารณาตัวอย่างนี้:

“แต่ทั้งที่พวกเขามีความมั่งคั่ง, หรือมีกำลัง, หรือมีความรุ่งเรือง, พวกเขายังไม่ทะนงตนด้วยความถือดีในสายตาตน; ทั้งพวกเขาไม่เชื่องช้าที่จะระลึกถึงพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของตน; แต่นอบน้อมถ่อมตนอย่างยิ่งต่อพระพักตร์พระองค์.

“แท้จริงแล้ว, พวกเขาจดจำว่าพระเจ้าได้ทรงทำสิ่งสำคัญยิ่งเพียงใดสำหรับพวกเขา, ว่าพระองค์ได้ทรงปลดปล่อยพวกเขาจากความตาย, และจากพันธนาการ, และจากเรือนจำ, และจากความทุกข์นานาประการ, และพระองค์ได้ทรงปลดปล่อยพวกเขาจากเงื้อมมือศัตรู.

“และพวกเขาสวดอ้อนวอนพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาตลอดเวลา, จนพระเจ้าประทานพรให้พวกเขา, ตามพระวจนะของพระองค์, จนพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและรุ่งเรืองในแผ่นดิน” (แอลมา 62:49–51; ดู แอลมา 1:29–31 ด้วย)

เราแต่ละคนอาจพบตนเองอยู่ตรงจุดไหนสักแห่งในวัฏจักรความจองหอง ท่านอยู่ตรงจุดไหน? หากท่านอยู่ที่เลขสี่ของนาฬิกา ถ้ารู้สึกเหมือนทุกอย่างสูญสิ้นและท่านล้มเหลวโดยสิ้นเชิง อย่าสิ้นหวัง ท่านอยู่ตรงจุดที่ดี หลีกเลี่ยงการโทษผู้อื่นสําหรับความล้มเหลวของท่าน หันไปหาพระผู้เป็นเจ้าอย่างนอบน้อมและยอมรับว่าท่านต้องพึ่งพาพระองค์

“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง

“จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” (สุภาษิต 3:5–6)

แต่ถ้าท่านอยู่ที่เลขสิบของนาฬิกา ดื่มด่ำกับแสงอันเป็นเท็จแห่งความสําเร็จ ให้ระวัง หลีกเลี่ยงแนวโน้มที่จะหันเข้าหาตนเองและกลายเป็นคนจองหอง “มานับพระพรของท่าน นับดูทีละอัน” ทําตามคําแนะนําในพระคัมภีร์เพื่อระลึกถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงทําเพื่อท่าน (ดู โมโรไน 10:3) ขณะที่คําสวดอ้อนวอนศีลระลึกเตือนเรา เราทําพันธสัญญาว่าจะไม่ระลึกถึงพระองค์เพียงหนึ่งหรือสองชั่วโมงแต่ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา (ดู หลักคําสอนและพันธสัญญา 20:77, 79) เราไม่ควรมองข้ามพระองค์หรือการเสียสละของพระองค์ เราไม่ควรละเลยที่จะสํานึกคุณต่อพระองค์สําหรับพรทุกประการ

สิ่งดีทั้งปวงมาจากพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่มาของพรทุกประการที่เราได้รับ การเติมใจเราให้เปี่ยมด้วยความสํานึกคุณต่อน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระองค์จะคุ้มครองเราจากความจองหองและเป็นหนทางให้เราหลุดพ้นจากวัฏจักรความจองหอง

จากคำปราศรัยในหัวข้อ “The Pride Cycle,” ที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ 7 พ.ย. 2017.

อ้างอิง

  1. ดู แอลมา 4, ข้อ 2 (ความล้มเหลว), 3 (ความอ่อนน้อมถ่อมตน), 4 (อัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์), 5 (ความสําเร็จ), 6 (ความจองหอง), 9 (ทําให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ขุ่นเคือง), 11 (ความล้มเหลว).

  2. คำสอนของประธานศาสนจักร: เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (2014).

  3. ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ “ความจองหองและฐานะปุโรหิต,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 70, 74.

  4. ดู Rick Warren, The Purpose Driven Life: What on Earth Am I Here For? (2002), 148; see also C. S. Lewis, Mere Christianity (2001), 125.

  5. นับพระพรท่าน,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 118.