คลังค้นคว้า
บทที่ 15: 1 นีไฟ 14


บทที่ 15

1 นีไฟ 14

คำนำ

1 นีไฟ 14 สรุปเรื่องราวเกี่ยวกับนิมิตของนีไฟ ในนิมิตส่วนนี้นีไฟทราบถึงพรที่สัญญาไว้กับคนที่กลับใจและสดับฟังพระเจ้า และการสาปแช่งอันจะเกิดแก่คนชั่วผู้ทำใจแข็งกระด้างต่อพระเจ้า นีไฟเป็นพยานเช่นกันว่าพระเจ้าจะทรงช่วยและคุ้มครองคนที่ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมและรักษาพันธสัญญาของพวกเขา และว่าพระองค์จะทรงทำลายศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังของมาร

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

1 นีไฟ 14:1–7

นีไฟเห็นผลอันเกิดแก่คนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตที่เชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังพระเจ้า

เชื้อเชิญนักเรียนให้เปิดพระคัมภีร์ที่ 1 นีไฟ 14 อธิบายว่าวันนี้พวกเขาจะศึกษานิมิตของนีไฟต่อ ขอให้นักเรียนไตร่ตรองว่าพวกเขาจะเติมประโยคต่อไปนี้ให้สมบูรณ์อย่างไร

  • ถ้าเราทำตามพระเจ้า เมื่อนั้น …

  • ถ้าเราไม่ยอมทำตามพระเจ้า เมื่อนั้น …

เมื่อนักเรียนแบ่งปันคำตอบแล้ว ชี้ให้เห็นว่าคำว่า ถ้า บอกเป็นนัยถึงการเลือก เราประสบผลต่างกันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือก อธิบายว่านีไฟเห็นคนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตและสังเกตว่าหากพวกเขาเป็นคนชอบธรรม พวกเขาย่อมได้รับพร หรือหากพวกเขาเลือกความชั่วร้าย พวกเขาย่อมถูกสาปแช่ง เชื้อเชิญชั้นเรียนให้พิจารณาตลอดบทเรียนว่าการเลือกเชื่อฟังพระเจ้านำพรมาให้พวกเขาอย่างไร

วาดแผนภาพต่อไปนี้บนกระดาน

If Then Diagram

ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 14:1–2 ขอให้ชั้นเรียนระบุ (1) การเลือกที่นีไฟบอกว่าคนต่างชาติจะทำ และ (2) พรที่นีไฟเห็นว่าจะมาถึงคนต่างชาติหากพวกเขาทำการเลือกนั้น ขณะนักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาพบ ให้เติมคำในช่องว่างบนกระดานจนออกมาในลักษณะนี้

If Then Diagram 2

ท่านอาจจะต้องอธิบายว่าในพระคัมภีร์ วลี “สิ่งที่กีดขวาง” (1 นีไฟ 14:1) มักหมายถึงอุปสรรคที่ขัดขวางผู้คนไม่ให้ทำตามพระเจ้า การ “ถูกนับอยู่ในบรรดาเชื้อสายแห่งอิสราเอล” (1 นีไฟ 14:2) หมายถึงถูกนับอยู่ในบรรดาผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องอยู่ในบรรดาผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า (เพื่อรับพรแห่งพันธสัญญาอับราฮัม [ดู คพ. 132:30–31])

  • “สดับฟังพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า” หมายความว่าอะไร

  • จากรางวัลสำหรับการเชื่อฟังที่เขียนไว้บนกระดาน รางวัลใดมีความหมายต่อท่านมากที่สุด เพราะเหตุใด

  • ท่านสดับฟังพระเจ้าและเห็นพรของพระองค์ในชีวิตท่านเมื่อใด (เตือนนักเรียนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเล่าประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวมากเกินไป)

อีกส่วนหนึ่งของกระดานให้วาดแผนภาพต่อไปนี้

If Arrows

ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 14:5–7 ขอให้ชั้นเรียนมองหา (1) พรที่มาถึงผู้กลับใจ และ (2) ผลด้านลบที่มาถึงผู้ทำใจแข็งกระด้าง เติมแผนภาพให้สมบูรณ์เหมือนที่ท่านทำในแบบฝึกหัดก่อนหน้านี้ (ถ้าผู้คนกลับใจ “ก็จะดีกับพวกเขา” [1 นีไฟ 14:5]และพวกเขาจะได้รับสันติและนิรันดรแห่งชีวิต” [1 นีไฟ 14:7] ถ้าผู้คนทำใจแข็งกระด้าง พวกเขาจะ “พินาศ” [1 นีไฟ 14:5] และถูก “นำไปสู่การเป็นเชลย” และ “ความพินาศ” [1 นีไฟ 14:7])

ขณะนักเรียนตอบ ท่านอาจจะต้องอธิบายว่า “งานสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์” ดังกล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 14:7 หมายถึงการฟื้นฟูฐานะปุโรหิต พระกิตติคุณ และศาสนจักรของพระเจ้าในยุคสุดท้าย

  • ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย “สำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์” สำหรับท่านอย่างไร ทำให้ท่านเกิดสันติอย่างไร ทำให้ท่านเกิดความหวังสำหรับชีวิตนิรันดร์อย่างไร

ท่านอาจจะให้เวลานักเรียนไตร่ตรองในใจว่าพวกเขากำลังเดินตามเส้นทางใดที่เขียนไว้บนกระดาน เป็นพยานว่า การเชื่อฟังพระเจ้าและกลับใจจากบาปของเรานำไปสู่พรอันสำคัญยิ่งหลายประการ ท่านอาจจะเป็นพยานด้วยว่าการทำใจแข็งกระด้างต่อพระเจ้าและศาสนจักรของพระองค์นำไปสู่การเป็นเชลยและความพินาศทางวิญญาณ

1 นีไฟ 14:8–17

นีไฟเห็นการสู้รบระหว่างศาสนจักรของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้ากับศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง

เชื้อเชิญนักเรียนให้สมมติว่าพวกเขาเพิ่งถูกเกณฑ์ไปรบในสงคราม

  • ท่านจะทำอะไรเพื่อเตรียมสู้รบ

อธิบายว่าเทพสอนนีไฟเกี่ยวกับการสู้รบครั้งใหญ่ซึ่งจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย

เชื้อเชิญนักเรียนให้ผลัดกันอ่านออกเสียงจาก 1 นีไฟ 14:9–11 ขอให้นักเรียนที่เหลือบอกชื่อคนสองกลุ่มที่ขัดแย้งกัน (ท่านอาจต้องการเตือนนักเรียนว่าศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังหมายถึงบุคคลหรือกลุ่มใดก็ตามที่นำผู้คนให้ออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์)

  • พระคัมภีร์ใช้คำและวลีใดพรรณนา “ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง”

  • จากนิมิตของนีไฟ เราจะพบ “ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง” ในวันเวลาสุดท้ายที่ใด

ขอให้นักเรียนอีกสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก 1 นีไฟ 14:12–14 เชื้อเชิญนักเรียนให้มองหาเหตุผลที่เราสามารถมีความหวังเกี่ยวกับอนาคต

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 14:12 ศาสนจักรใดจะมีคนมากกว่า

  • เหตุใดศาสนจักรของพระเมษโปดกจึงมีคนน้อยกว่าศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 14:13 ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังรวบรวมฝูงชนเข้าด้วยกันเพื่อจุดประสงค์ใด

เป็นพยานว่าเราอยู่ในสงครามที่นีไฟพูดถึง—การรบทางวิญญาณกับความชั่วร้ายในยุคสุดท้าย ในฐานะสมาชิกศาสนจักรของพระเมษโปดก เรามีจำนวนน้อยกว่า และเราต้องการความช่วยเหลือถ้าเราอยากชนะกองทัพของมาร

  • ท่านอ่านพบอะไรใน 1 นีไฟ 14:14 ที่ให้ความหวังแก่ท่าน

เน้นว่าคำสัญญาที่ให้ไว้ในพระคัมภีร์เหล่านี้ประยุกต์ใช้เฉพาะกับคนที่ทำและรักษาพันธสัญญากับพระเจ้า เตือนนักเรียนว่าพวกเขาได้เข้าสู่พันธสัญญาบัพติศมากับพระเจ้าแล้ว ดึงความสนใจของนักเรียนมายังข้อความที่ว่า “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” ใน 1 นีไฟ 14:14

  • ข้อความที่ว่า “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” มีความหมายต่อท่านอย่างไร

  • การ “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” เปรียบได้อย่างไรกับการมียุทธภัณฑ์และอาวุธที่เราจะรบกับความชั่วร้าย

  • ท่านรู้สึกเมื่อใดว่าท่าน “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” ท่านรู้สึกอย่างไร

ถามนักเรียนว่าพวกเขาจะสรุปข่าวสารใน 1 นีไฟ 14:1–14 อย่างไร พวกเขาพึงเข้าใจว่า ถ้าเราดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมและรักษาพันธสัญญาของเรา เดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยให้เราเอาชนะความชั่วร้าย

เชื้อเชิญนักเรียนให้ประเมินชีวิตตนเองและพิจารณาว่าพวกเขาจะทำอะไรเพื่อให้มีความชอบธรรมเป็นอาวุธมากขึ้น กระตุ้นพวกเขาให้ทำตามการกระตุ้นเตือนที่ได้รับ ให้พวกเขามั่นใจว่าเมื่อพวกเขายังคงซื่อสัตย์ พวกเขาจะมีโอกาสเข้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์และทำพันธสัญญาเพิ่มเติมกับพระเจ้า คำสัญญาและพันธสัญญาที่พวกเขาทำในนั้นจะนำพลังอันยิ่งใหญ่และความคุ้มครองเข้ามาในชีวิตพวกเขา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 14:3–4 ให้อีกคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 14:15–17

  • จะเกิดอะไรขึ้นกับศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง

  • อะไรจะเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการสู้รบระหว่างศาสนจักรของพระเมษโปดก (อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า) กับกองกำลังของมาร

  • การรู้ผลการต่อสู้ครั้งนี้จะช่วยท่านได้อย่างไร

อ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองให้นักเรียนฟัง

“เรา [สมาชิกของศาสนจักร] เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับคนหลายพันล้านคนบนแผ่นโลก แต่เราเป็นอย่างที่เราเป็น เรารู้สิ่งที่เรารู้ และเราต้องออกไปสั่งสอนพระกิตติคุณ

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์

“พระคัมภีร์มอรมอนกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าเราจะไม่มีจำนวนมากกว่า แต่เรามีอำนาจฐานะปุโรหิต [ดู 1 นีไฟ 14:14] …

“เราสามารถมีอิทธิพลต่อมนุษย์โลกทั้งหมดได้และจะมีแน่นอนเมื่อถึงเวลา พวกเขาจะรู้ว่าเราเป็นใครและเหตุใดเราเป็นเช่นนั้น อาจแป็นเรื่องที่ดูเหมือนสิ้นหวัง และยากอย่างยิ่ง แต่ไม่เพียงอยู่ในวิสัยที่ทำได้เท่านั้น แต่เราจะชนะการสู้รบกับซาตานแน่นอน” (ดู “พลังอำนาจของฐานะปุโรหิต,” หรือ เลียโฮนา, พ.ค. 2010, หน้า 8)

รับรองกับนักเรียนว่า อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจะมีชัยในวันเวลาสุดท้าย แสดงความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถวางใจพระผู้เป็นเจ้าได้และเดชานุภาพของพระองค์จะเอาชนะความชั่วทั้งมวล กระตุ้นพวกเขาให้เป็นกองหนุนความดีในการเป็นอิทธิพลต่อผู้อื่น

1 นีไฟ 14:18–27

นีไฟเห็นยอห์นผู้เปิดเผย

เขียนคำถามต่อไปนี้บนกระดาน

นีไฟเห็นอัครสาวกสิบสองคนใดของพระผู้ช่วยให้รอดในนิมิต

อัครสาวกท่านนี้จะเขียนเกี่ยวกับอะไร

เหตุใดนีไฟจึงได้รับบัญชาไม่ให้เขียนนิมิตที่เหลือ

เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่าน 1 นีไฟ 14:18–27 ในใจ จากนั้นในสนทนาคำตอบของคำถามบนกระดานพอสังเขป

อธิบายว่าข้อเหล่านี้ส่วนหนึ่งพูดถึงงานเขียนของยอห์นในหนังสือวิวรณ์ หัวข้อหลักของหนังสือนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าจะทรงมีชัยเหนือกองกำลังของมาร เช่นเดียวกับยอห์น นีไฟเห็นนิมิตเกี่ยวกับการสิ้นสุดของโลก แต่ท่านได้รับบัญชาไม่ให้บันทึกเพราะยอห์นได้รับหน้าที่ให้ทำเช่นนั้น หากเวลาเอื้ออำนวยท่านอาจจะสรุปบทเรียนด้วยการสนทนาพอสังเขปว่าพระคัมภีร์ไบเบิลกับพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกัน “สถาปนาความจริง” ของกันและกันไว้ “ด้วยกัน” อย่างไร (1 นีไฟ 13:40–41)

ข้อคิดเห็นและข้อมูลภูมิหลัง

1 นีไฟ 14:7 “งานสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์”

พระคัมภีร์เรียกการฟื้นฟูพระกิตติคุณและการจัดตั้งศาสนจักรว่า “งานสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์” (1 นีไฟ 14:7; 3 นีไฟ 21:9) ในบริบทนี้ คำว่า สำคัญยิ่ง หมายถึงยิ่งใหญ่และมีความหมาย ส่วน น่าอัศจรรย์ หมายถึงยอดเยี่ยมและน่าตื่นตาตื่นใจ งาน พูดถึงการกระทำหรือการบรรลุผลสำเร็จ

1 นีไฟ 14:14 “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”

เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่าเราจะ “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” (1 นีไฟ 14:14) ได้อย่างไร

“ฉะนั้นให้เรามองดูตัวเรา ส่วนศาสนจักร พระคัมภีร์บอกเป็นนัยทั้งการฝัดร่อนอย่างรวดเร็วและการเติบโตอย่างรวดเร็วด้านวิญญาณและจำนวน—ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนเวลาที่ผู้คนของพระผู้เป็นเจ้าจะ ‘มีอาวุธคือความชอบธรรม’—ไม่ใช่อาวุธยุทโธปกรณ์—และเมื่อรัศมีภาพของพระเจ้าเทลงมาบนพวกเขา (1 นีไฟ 14:14; ดู 1 เปโตร 4:17; คพ. 112:25) พระเจ้าทรงมุ่งหมายจะมีผู้คนที่รับการทดลอง บริสุทธิ์ และรับการพิสูจน์แล้ว (ดู คพ. 100:16; 101:4; 136:31) และ ‘ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าจะมีพระดำริว่าจะทำนอกจากสิ่งที่พระองค์จะทรงทำ’ (อับราฮัม 3:17)” (“For I Will Lead You Along,Ensign, May 1988, 8)

“สมาชิกศาสนจักรมีสถานที่ให้จัดชุมนุมพิเศษ พี่น้องทั้งหลาย นีไฟเห็นเช่นนั้น วันหนึ่งในอนาคต เขากล่าวว่าผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเยซูที่ ‘กระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ’ จะ ‘มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่’ (1 นีไฟ 14:14) สิ่งนี้จะเกิดขึ้นแต่หลังจากสมาชิกมากขึ้นประพฤติเหมือนวิสุทธิชนมากขึ้นและอุทิศถวายมากขึ้น” (“Repentance,Ensign, Nov. 1991, 32)