คลังค้นคว้า
การศึกษาที่บ้านหน่วย 27


บทเรียนการศึกษาที่บ้าน

3 นีไฟ 23–30 (หน่วย 27)

การเตรียมเนื้อหาสำหรับครูภาคการศึกษาที่บ้าน

สรุปบทเรียนประจำวันภาคการศึกษาที่บ้าน

ต่อไปนี้เป็นใจความสรุปหลักคำสอนและหลักธรรมที่นักเรียนเรียนรู้ขณะศึกษา 3 นีไฟ 23–30 (หน่วย 27) ไม่ได้ตั้งใจจะให้สอนเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียน บทที่ท่านสอนเน้นเฉพาะหลักคำสอนและหลักธรรมบางประการเหล่านี้ จงทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขณะที่ท่านพิจารณาสิ่งที่นักเรียนจำเป็นต้องเรียนรู้

วัน 1 (3 นีไฟ 23)

นักเรียนยังคงศึกษาพระดำรัสของพระเยซูคริสต์ต่อชาวนีไฟ พวกเขาเรียนรู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงบัญชาผู้คนให้ค้นคว้าถ้อยคำของอิสยาห์และศาสดาพยากรณ์ท่านอื่นอย่างขยันหมั่นเพียร เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงตำหนิผู้คนเพราะไม่จดบันทึกประวัติทางวิญญาณของพวกเขาให้ถูกต้อง นักเรียนเรียนรู้ว่าเมื่อเราบันทึกประสบการณ์ทางวิญญาณ เราเชื้อเชิญพระเจ้าให้ประทานการเปิดเผยแก่เรามากขึ้น

วัน 2 (3 นีไฟ 24–26)

ขณะนักเรียนไตร่ตรองถ้อยคำของมาลาคีที่พระเยซูคริสต์ทรงแบ่งปันกับชาวนีไฟ ถ้อยคำเหล่านั้นเตือนพวกเขาว่า ณ การเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์จะทรงทำให้ผู้คนของพระองค์บริสุทธิ์และจะทรงพิพากษาคนชั่วร้าย การใคร่ครวญเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมเรื่องส่วนสิบและการกลับมาของเอลียาห์ในยุคสุดท้ายตามที่พยากรณ์ไว้ช่วยให้นักเรียนตระหนักว่าถ้าเรากลับมาหาพระเจ้า พระองค์จะทรงกลับมาหาเราและเมื่อใจเราหันไปหาบรรพบุรุษ เรากำลังช่วยเตรียมแผ่นดินโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ คำอธิบายของมอรมอนในเรื่องที่ว่าเหตุใดเขาไม่รวมคำสอนทั้งหมดของพระผู้ช่วยให้รอดในบรรดาชาวนีไฟช่วยให้นักเรียนค้นพบว่าเมื่อเราเชื่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผย เท่ากับเราเตรียมตัวรับการเปิดเผยมากขึ้น

วัน 3 (3 นีไฟ 27)

ขณะที่สานุศิษย์ชาวนีไฟสิบสองคนยังคงสวดอ้อนวอนและอดอาหาร พระผู้ช่วยให้รอดเสด็จเยือนพวกเขาและทรงอธิบายว่าศาสนจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์มีชื่อเรียกตามพระนามของพระองค์และสร้างบนพระกิตติคุณของพระองค์ จากสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนเหล่าสานุศิษย์ของพระองค์ นักเรียนเรียนรู้เช่นกันว่ารากฐานของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์คือ พระองค์ทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดาในการทำให้การชดใช้บรรลุผลสำเร็จ ด้วยความเข้าใจนี้ในพระกิตติคุณ นักเรียนเรียนรู้เช่นกันว่าเมื่อใดที่เราดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณ เมื่อนั้นเราย่อมสามารถยืนอย่างไร้มลทินต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าในวันสุดท้าย

วัน 4 (3 นีไฟ 28–30)

เมื่อพระเยซูคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ประทานเกียรติแก่ความปรารถนาของเหล่าสานุศิษย์ชาวนีไฟ นักเรียนเรียนรู้ว่าพระเจ้าประทานพรเราตามความปรารถนาอันชอบธรรมของเรา จากตัวอย่างที่มอรมอนทูลขอความรู้เพิ่มเติมจากพระเจ้าเกี่ยวกับชาวนีไฟสามคน นักเรียนเรียนรู้ว่าถ้าเราทูลขอความเข้าใจจากพระเจ้า เราจะได้รับการเปิดเผย การสรุปของมอรมอนเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดในบรรดาชาวนีไฟสอนนักเรียนว่าการออกมาของพระคัมภีร์มอรมอนเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่าพระเจ้าทรงกำลังทำให้พันธสัญญาของพระองค์กับเชื้อสายแห่งอิสราเอลเกิดสัมฤทธิผลและหากเรามาหาพระคริสต์ พระองค์จะทรงนับเราอยู่ในบรรดาผู้คนของพระองค์

คำนำ

แม้จะมีหลักธรรมอันทรงคุณค่ามากมายใน 3 นีไฟ 23–30 แต่ครึ่งแรกของบทนี้มุ่งเน้นสิ่งที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ใน 3 นีไฟ 24–25 เกี่ยวกับการเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ครึ่งหลังของบทเรียนมุ่งเน้นหลักธรรมใน 3 นีไฟ 27 ที่สามารถช่วยให้นักเรียนใคร่ครวญว่าการเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์หมายความว่าอย่างไรและพวกเขาจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นได้อย่างไร

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

3 นีไฟ 23–26

พระเยซูคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ทรงอรรถาธิบายพระคัมภีร์ต่อชาวนีไฟ

เชื้อเชิญนักเรียนให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เรียกร้องให้เตรียมตัวอย่างดีในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ตัอย่างเช่น การวิ่งแข่งระยะไกล การแสดงดนตรีคอนเสิร์ต หรือการแสดงละคร) ขอให้นักเรียนอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่พยายามมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านี้โดยไม่เตรียมพร้อมในสิ่งที่จำเป็น

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่าน 3 นีไฟ 24:2 จากนั้นให้ถามชั้นเรียนว่าพวกเขาคิดว่าศาสดาพยากรณ์มาลาคีกำลังทำนายเหตุการณ์ใด เมื่อนักเรียนระบุว่า “วันแห่งการเสด็จมาของพระองค์” คือการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ให้พวกเขาทำเครื่องหมายคำถามที่มาลาคีถาม “ใครเล่าจะยังทนอยู่ในวันแห่งการเสด็จมาของพระองค์, และใครเล่าจะยืนอยู่เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ?”

ถามว่า: เหตุใดนี่จึงเป็นคำถามสำคัญที่ผู้อยู่ในวันเวลาสุดท้ายต้องพิจารณา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดในเรื่องที่ว่าการจ่ายส่วนสิบสามารถช่วยให้เราพร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไร

“ด้วยการตัดสินใจเดี๋ยวนี้ว่าเราจะเป็นผู้จ่ายส่วนสิบเต็มและพยายามเชื่อฟังสม่ำเสมอ เราจะเข้มแข็งในศรัทธาและในที่สุดใจของเราจะอ่อนลง การเปลี่ยนแปลงในใจเราโดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ นอกเหนือจากการถวายเงินหรือสิ่งของ ทำให้พระเจ้าทรงสัญญากับผู้จ่ายส่วนสิบเต็มได้ว่าพวกเขาจะได้รับความคุ้มครองในวันสุดท้าย เรามั่นใจได้ว่าเราจะมีค่าสมกับพรของความคุ้มครองนั้นถ้าเราให้คำมั่นเสียแต่เดี๋ยวนี้ว่าจะจ่ายส่วนสิบเต็มและมั่นคงในการทำเช่นนั้น” (ดู “การเตรียมพร้อมทางวิญญาณเริ่มต้นแต่เนิ่นๆ และมุ่งมั่น,” เลียโฮนา, พ.ย. 2005, หน้า 47)

ถามว่า: ตามที่ประธานอายริงก์กล่าว การจ่ายส่วนสิบสามารถช่วยเราเตรียมพบพระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำพยากรณ์ของมาลาคีเกี่ยวกับการมาของเอลียาห์ใน 3 นีไฟ 25:5–6 เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้นว่าสัมฤทธิผลของคำพยากรณ์นี้จะส่งผลต่อพวกเขาได้อย่างไร ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านคำเชื้อเชิญต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

“ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้เยาวชนของศาสนจักรเรียนรู้และมีประสบการณ์ในวิญญาณแห่งเอลียาห์ …

“เมื่อท่านขานรับคำเชื้อเชิญนี้ด้วยศรัทธา ใจของท่านจะหันไปหาบรรพบุรุษ คำสัญญาที่ทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบจะฝังอยู่ในใจท่าน ปิตุพรของท่านพร้อมด้วยคำประกาศเชื้อสายในนั้นจะเชื่อมโยงท่านไปสู่บรรพบุรุษเหล่านี้และจะมีความหมายต่อท่านมากขึ้น ความรักความกตัญญูที่ท่านมีต่อบรรพชนจะเพิ่มพูน ประจักษ์พยานและการเปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ท่านมีต่อพระผู้ช่วยให้รอดจะลึกซึ้งและยั่งยืน ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะได้รับความคุ้มครองจากอิทธิพลที่รุนแรงขึ้นของปฏิปักษ์เมื่อท่านรักและมีส่วนร่วมในงานศักดิ์สิทธิ์นี้ ท่านจะได้รับการปกป้องระหว่างที่ท่านอยู่ในวัยเยาว์และตลอดชีวิตของท่าน” (“ใจของลูกหลานจะหันไป,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, หน้า 33–)

ถามว่า: ท่านเคยมีประสบการณ์ใดบ้างที่การทำงานประวัติครอบครัวและงานพระวิหารทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นทางวิญญาณ

3 นีไฟ 27–30

พระเยซูคริสต์ทรงเปิดเผยชื่อและลักษณะเด่นของศาสนจักรพระองค์และประทานเกียรติแก่ความปรารถนาอันชอบธรรมของเหล่าสานุศิษย์ มอรมอนสรุปบันทึกการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดในบรรดาชาวนีไฟ

เขียนคำกล่าวต่อไปนี้ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธไว้บนกระดาน (ท่านอาจต้องการทำสิ่งนี้ก่อนชั้นเรียนและปิดไว้จนกว่าจะถึงจุดนี้ในบทเรียน) ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวนั้น (มีอยู่ใน คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], หน้า 52)

“หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาเราคือประจักษ์พยานของอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์ เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ ทรงถูกฝัง ทรงคืนพระชนม์อีกครั้งในวันที่สาม และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์” (โจเซฟ สมิธ)

อธิบายว่าเฉกเช่นศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธประกาศ พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนชาวนีไฟว่าศูนย์รวมพระกิตติคุณของพระองค์คือการพลีพระชนม์ชีพเพื่อชดใช้ของพระองค์ เขียนความจริงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: รากฐานของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์คือพระองค์ทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดาในการทำให้การชดใช้บรรลุผลสำเร็จ

เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่าน 3 นีไฟ 27 อย่างถี่ถ้วน และระบุวลีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนหลักคำสอนนี้ ขอให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาค้นพบ

อธิบายว่า 3 นีไฟ 27:16–20 มีคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดเกี่ยวกับวิธีที่เราจะเชื้อเชิญพลังแห่งการชดใช้ของพระองค์เข้ามาในชีวิตเรา เขียนข้อความต่อไปนี้บนกระดาน: ถ้าเรา … เมื่อนั้นเราย่อม … เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่าน 3 นีไฟ 27:20 โดยมองหาคำหรือวลีที่พวกเขาสามารถนำมาเติมในช่องว่างบนกระดานได้ ถามว่า การทำตามหลักธรรมนี้สามารถช่วยให้เราเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร

อธิบายให้ชั้นเรียนฟังว่าการท้าทายสุดท้ายและจุดสูงสุดของการเป็นสานุศิษย์ของเราพบใน 3 นีไฟ 27:21, 27 เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่านข้อเหล่านี้ในใจ ขณะที่พวกเขาอ่าน ให้เขียนข้อความต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงคาดหวังให้สานุศิษย์ของพระองค์ทำงานของพระองค์และเป็น …

ถามนักเรียนว่าพวกเขาจะเติมข้อความนี้ให้ครบถ้วนอย่างไรโดยใช้สิ่งที่พวกเขาอ่านใน 3 นีไฟ 27:27 (ขณะที่นักเรียนตอบ ให้เติมข้อความบนกระดานเพื่ออ่านได้ดังนี้: พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงคาดหวังให้สานุศิษย์ของพระองค์ทำงานของพระองค์และเป็นดังพระองค์) อ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานเจมส์ อี. เฟาสท์แห่งฝ่ายประธานสูงสุด

“ขอให้เราพิจารณาสิ่งที่พระเยซูทรงทำซึ่งเราทุกคนสามารถทำเหมือนพระองค์ได้

“1. พระเยซู ‘เสด็จไปทำคุณประโยชน์’ [กิจการ 10:38] เราทุกคนทำคุณประโยชน์ได้ทุกวัน—ทำให้สมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่คนแปลกหน้า—หากเราจะมองหาโอกาสเหล่านั้น

“2. พระเยซูทรงเป็นพระเมษบาลผู้ประเสริฐผู้ทรงดูแลแกะของพระองค์และทรงเป็นห่วงแกะที่หายไป เราสามารถตามหาคนโดดเดี่ยวหรือคนที่แข็งขันน้อยและเป็นเพื่อนเขา

“3. พระเยซูทรงเมตตาผู้คนมากมาย รวมทั้งคนโรคเรื้อนที่น่าสงสาร เรามีความเมตตาได้เช่นกัน พระคัมภีร์มอรมอนเตือนว่าเราต้อง ‘โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า’ [โมไซยาห์ 18:9]

“4. พระเยซูทรงเป็นพยานถึงพระพันธกิจอันล้ำเลิศของพระองค์และงานอันยิ่งใหญ่ของพระบิดาของพระองค์ ในส่วนของเรา ทุกคนสามารถ ‘ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา’ [โมไซยาห์ 18:9]” (“การเป็นสานุศิษย์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2006, หน้า 24)

แบ่งนักเรียนออกเป็นคู่ หรือกลุ่มเล็กๆ เชื้อเชิญแต่ละคู่หรือแต่ละกลุ่มให้จดสองหรือสามวิธีที่พวกเขาสามารถทำให้คำแนะนำทั้งสี่ข้อของประธานเฟาสท์เกิดผลในชีวิตพวกเขา

หลังจากพวกเขาทำเสร็จแล้ว ให้เชิญแต่ละคู่หรือแต่ละกลุ่มแบ่งปันแนวคิดทีละอย่างจากสิ่งที่พวกเขาเขียนไว้ เขียนแนวคิดของพวกเขาไว้บนกระดานว่าเราจะทำงานของพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นได้อย่างไร เชื้อเชิญนักเรียนให้รับปากว่าจะทำตามแนวคิดหนึ่งหรือสองข้อเหล่านี้ในระหว่างสัปดาห์ที่จะมาถึง แสดงประจักษ์พยานของท่านว่าเราทุกคนสามารถเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดได้ถ้าเราใช้ศรัทธาในพระองค์

หน่วยต่อไป (4 นีไฟ 1มอรมอน 8)

กระตุ้นนักเรียนให้มองหาคำตอบของคำถามต่อไปนี้ขณะพวกเขาศึกษาหน่วยต่อไป: ผู้คนสามารถเปลี่ยนจากการป็นคนมีสันติสุขและรุ่งเรืองกลายเป็นคนชั่วร้ายได้อย่างไร ชาวนีไฟเปลี่ยนจากผู้คนที่รุ่งเรืองที่สุดและมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยอยู่บนแผ่นดินโลกกลายเป็นคนชั่วร้ายโดยสิ้นเชิงได้อย่างไร ถ้อยคำสุดท้ายของมอรมอนคืออะไร