7
ภาคผนวก
7.0
บทนำ
เมื่อจำเป็นและเหมาะสมกับคณะเผยแผ่และสภาวการณ์ของท่าน ให้ทำตามแนวทางเพิ่มเติมที่ระบุไว้ในภาคผนวกนี้
7.1
หน้าที่รับผิดชอบของหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว
งานมอบหมายและหน้าที่รับผิดชอบของหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวครอบคลุมแต่อาจไม่จำกัดเฉพาะที่ระบุไว้ด้านล่าง
คู่รุ่นพี่
ผู้สอนศาสนาหนึ่งคนในแต่ละคู่ได้รับมอบหมายให้เป็นคู่รุ่นพี่ คู่รุ่นพี่:
-
นำคู่ทำงานในเขตการสอนที่มอบหมายให้สำเร็จ
-
กระตุ้นคู่ให้ศึกษา สวดอ้อนวอน ทำตามตารางประจำวัน และจดบันทึกให้ถูกต้อง
-
ช่วยให้คู่ของตนเป็นผู้สอนศาสนาที่ดีขึ้น
-
รับรู้และชี้ให้เห็นทักษะ พรสวรรค์ และความพยายามที่มีประสิทธิผลในคู่ของตน
-
แสดงให้เห็นวิธีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพกับผู้นำและสมาชิกในท้องที่เพื่อประสานการทำงานเผยแผ่ศาสนา
ผู้อบรม
ผู้สอนศาสนาหนึ่งคนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อบรมและคู่รุ่นพี่ของผู้สอนศาสนาคนใหม่แต่ละคน ผู้อบรม:
-
ทำงานกับผู้สอนศาสนาคนใหม่และอบรมด้วยความรัก ความอดทน จิตกุศล และความเห็นใจ
-
เคารพผลการทำงานและดุลยพินิจของผู้สอนศาสนาคนใหม่ในฐานะคู่ที่เท่าเทียมกัน
-
ใช้เวลาอบรมเพิ่มแต่ละวันในการศึกษากับคู่ (ดู “For New Missionaries: Additional Companion Study” ใน “Introduction: How Can I Best Use Preach My Gospel?” ใน Preach My Gospel [2018], ix–x)
-
ศึกษามาตรฐานในคู่มือนี้กับคู่ของตนทุกวัน
-
อบรมผู้สอนศาสนาคนใหม่เกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ในแหล่งข้อมูล มาตรการป้องกันการใช้เทคโนโลยี และ การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตผู้สอนศาสนา
-
แสดงให้เห็นวิธีประสานการทำงานเผยแผ่ศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพกับผู้นำและสมาชิกในท้องที่
หัวหน้าดิสตริกท์
เอ็ลเดอร์หนึ่งคนได้รับมอบหมายให้รับใช้เป็นหัวหน้าดิสตริกท์ในดิสตริกท์ ซึ่งประกอบด้วยเขตการสอนหลายเขต หัวหน้าดิสตริกท์:
-
นำ อบรม และปรึกษากับผู้สอนศาสนาในสภาดิสตริกท์ประจำสัปดาห์
-
ดำเนินการสัมภาษณ์บัพติศมา (ดู 2.3.6)
-
ดำเนินการแลกคู่กับเอ็ลเดอร์ในดิสตริกท์ของตน (ดู 2.3.1)
-
ทำงานกับผู้นำวอร์ดและสมาชิกในท้องที่เพื่อประสานการทำงานเผยแผ่ศาสนา
-
รายงานต่อหัวหน้าโซนโดยตรง
ซิสเตอร์ผู้นำการอบรมและหัวหน้าโซน
ซิสเตอร์สองคนได้รับมอบหมายให้รับใช้เป็นคู่ในฐานะซิสเตอร์ผู้นำการอบรมในหนึ่งโซนหรือมากกว่านั้น พวกเธอรับผิดชอบเรื่องการอบรมและสวัสดิภาพของซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาที่มอบหมายให้พวกเธอดูแล นอกจากนี้พวกเธอยังเป็นสมาชิกของดิสตริกท์และของโซน และช่วยเหลือประธานคณะเผยแผ่ หัวหน้าโซน และหัวหน้าดิสตริกท์ในการประชุมอบรมและการประชุมโซนด้วย
เอ็ลเดอร์สองคนได้รับมอบหมายให้รับใช้เป็นคู่ในฐานะหัวหน้าโซนในโซนเดียว พวกเขารับผิดชอบเรื่องการอบรมและสวัสดิภาพของผู้สอนศาสนาทุกคนในโซนของตน อีกทั้งช่วยเหลือประธานคณะเผยแผ่ในการประชุมอบรมและการประชุมโซนด้วย
ซิสเตอร์ผู้นำการอบรมและหัวหน้าโซน:
-
นำ อบรม และดำเนินการแลกคู่กับผู้สอนศาสนาในโซนหนึ่งหรือหรือโซนต่างๆ ที่มอบหมายให้พวกเขา ซิสเตอร์ผู้นำการอบรมดำเนินการแลกคู่กับซิสเตอร์ และหัวหน้าโซนดำเนินการแลกคู่กับเอ็ลเดอร์
-
ทำงานกับผู้นำและสมาชิกในท้องที่เพื่อประสานการทำงานเผยแผ่ศาสนา
-
มีส่วนร่วมในสภาผู้นำคณะเผยแผ่
-
รายงานโดยตรงต่อประธานคณะเผยแผ่
หัวหน้าโซนดำเนินการสัมภาษณ์บัพติศมาด้วย (ดู 2.3.6)
ผู้ช่วยประธาน
เอ็ลเดอร์สองคนได้รับมอบหมายเป็นคู่ให้รับใช้เป็นผู้ช่วยประธานคณะเผยแผ่ ผู้ช่วย:
-
ดำเนินการแลกคู่กับหัวหน้าโซนและเอ็ลเดอร์คนอื่นๆ (ดู 2.3.1)
-
ให้การอบรมในสภาผู้นำคณะเผยแผ่และการประชุมโซนตามที่ประธานคณะเผยแผ่ขอ
-
อาจให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการย้ายผู้สอนศาสนาหรือการมอบหมายหัวหน้า แต่พวกเขาไม่ทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
-
รายงานโดยตรงต่อประธานคณะเผยแผ่
7.2
แนวทางสำหรับการรับใช้
ทำตามแนวทางการรับใช้ที่ระบุไว้ในหมวดย่อยต่อไปนี้
7.2.1
กิจกรรมการรับใช้ที่จัดอย่างเป็นทางการ
ท่านสามารถหาโอกาสรับใช้ผ่านองค์การต่างๆ เช่น JustServe.org (หากมีในภาษาของท่าน) ตามที่ผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านแนะนำ
เมื่อมีส่วนร่วมในงานการรับใช้ที่จัดขึ้น พึงจดจำมาตรฐานต่อไปนี้:
-
จำกัดการรับใช้เฉพาะช่วงเวลากลางวัน
-
หลีกเลี่ยงการรับใช้ในช่วงเวลาที่หาและสอนได้มากที่สุดเว้นแต่ประธานคณะเผยแผ่ของท่านบอกให้ทำ
-
มีส่วนร่วมในโครงการรับใช้ชุมชนเมื่อทำได้
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมการรับใช้ในวันเตรียมหรือในช่วงเวลาเดียวกับสภาดิสตริกท์หรือการประชุมโซน
-
อย่ายกเลิกหรือทำนัดสอนใหม่เพื่อทำโครงการรับใช้เว้นแต่ประธานคณะเผยแผ่ของท่านบอกให้ทำ
-
อยู่กับคู่ขณะที่ท่านรับใช้
-
ติดป้ายชื่อของท่านหากได้รับอนุญาตและเห็นควรแม้ท่านจะสวมชุดทำงานก็ตาม
-
อย่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้ท่านเสียเงินหรือท่านได้รับค่าจ้าง
-
อย่ารับปากทำโครงการระยะยาวโดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้นำคณะเผยแผ่ของท่าน
7.2.2
ความปลอดภัยระหว่างโอกาสการรับใช้
เพื่อความปลอดภัยของท่านระหว่างโอกาสการรับใช้ ให้ใช้สามัญสำนึก ทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และแนวทางต่อไปนี้:
-
ทำเฉพาะกิจกรรมที่ร่างกายของท่านสามารถทำให้สำเร็จได้
-
อย่าใช้เครื่องทุ่นแรงหรือขับหรือโดยสารบนเครื่องจักรกลใดๆ (เช่น รถแทรกเตอร์ รถพ่วง หรือกระบะรถ)
-
สวมเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม (เช่น ถุงมือหรือเสื้อแขนยาว)
-
อย่าทำงานที่ท่านอาจตกจากที่สูงมาก (เช่น บนหลังคาหรือบนต้นไม้)
-
อย่าทำงานที่ท่านอาจติดหรือบาดเจ็บในพื้นที่ปิด (เช่นในคูลึก)
-
อย่ารับใช้ในโรงเรียน ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก หรือสถานที่ใดก็ตามที่ท่านจะอยู่ตามลำพังกับเด็ก รวมทั้งในปฐมวัยหรือบริบาล (ดู 3.5.2)
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับใช้
7.3
การเคารพผู้อื่น
ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาและความเคารพเสมอ ทำตามแนวทางเพิ่มเติมในหมวดนี้ด้วย
7.3.1
หัวข้อสนทนาที่พึงหลีกเลี่ยง
เพื่อแสดงว่าท่านเคารพผู้อื่นและคุ้มครองความปลอดภัยของท่าน พึงหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาที่อาจก่อให้เกิดปัญหา หัวข้อที่พึงหลีกเลี่ยงได้แก่การเมืองระดับท้องที่และระดับประเทศของเขตที่ท่านรับใช้ ไม่พูดเรื่องการเมืองทั้งเป็นส่วนตัวหรือต่อสาธารณชนด้วย นอกจากนี้ ท่านต้องไม่:
-
พูดเล่นเรื่องการก่อการร้ายหรือการกระทำของผู้ก่อการร้าย
-
เสนอให้คนย้ายไปอยู่ประเทศอื่น—แม้จะไปทำงานหรือไปเรียนก็ตาม
-
เสนอตัวหรือทำสัญญาว่าจะช่วยเหลือคนในเขตเผยแผ่ของท่านเรื่องเงินหรือวีซ่า รวมทั้งเรื่องงาน การเรียน ที่พักอาศัย หรือการรับเป็นบุตรบุญธรรม
7.3.2
กฎหมายและวัฒนธรรมในท้องที่
เชื่อฟังกฎหมายและกฎระเบียบในท้องที่เรื่องการแจกจ่ายสื่อสิ่งพิมพ์ ข้อบังคับเรื่องศุลกากรและชายแดน ข้อกำหนดเรื่องหนังสือเดินทางและวีซ่า หากท่านไม่คุ้นเคยกับกฎหมาย ประเพณี และมารยาทที่ยอมรับกันในท้องที่ ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้นำคณะเผยแผ่ของท่าน
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสม
7.4
การเข้าพระวิหาร
เมื่อท่านเข้าพระวิหาร พึงจดจำดังนี้:
-
อยู่กับคู่ของท่าน
-
เข้าร่วมศาสนพิธีทุกอย่างที่ประกอบในพระวิหาร แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความผิดๆ ของความรู้สึกทางวิญญาณว่าเป็นความรู้สึกรักใคร่แบบคนหนุ่มสาว ท่านต้องไม่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสามีหรือภรรยาในพิธีผนึกหรือเป็นพยานในภาคเอ็นดาวเม้นท์
-
ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการนำชุดพระวิหารไปด้วยเพราะทางพระวิหารจะจัดเตรียมชุดให้ผู้สอนศาสนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
-
มีมารยาทที่ดีในการใช้โทรศัพท์ ท่านอาจนำโทรศัพท์เข้าไปในพระวิหารเพื่อพิมพ์บัตรศาสนพิธี แต่ท่านไม่ควรใช้กล้องถ่ายรูป พูดคุยทางโทรศัพท์ หรือส่งข้อความขณะอยู่ในพระวิหาร
-
อย่านำกล้องถ่ายรูปหรือสื่อการอ่านไปใช้ในพระวิหาร รวมทั้งปิตุพร
-
อย่าจับกลุ่มผู้สอนศาสนาหรือคุกเข่าสวดอ้อนวอนในห้องซีเลสเชียล
จำไว้ว่าต้องสวมการ์เม้นท์พระวิหารตามที่แนะนำเสมอ หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับการสวมการ์เม้นท์หรือการเข้าพระวิหาร ให้ถามผู้นำคณะเผยแผ่ของท่าน
7.5
เทคโนโลยี
ทำตามมาตรฐานเทคโนโลยีที่ระบุไว้ในหมวดย่อยต่อไปนี้
7.5.1
การทำตามมาตรฐานทั่วไปด้านเทคโนโลยี
จดจ่ออยู่กับคน ไม่ใช่เทคโนโลยี เมื่อพบกันต่อหน้า จงให้ความสนใจบุคคลนั้นอย่างเต็มที่ การเช็คอีเมล ตอบข้อความ หรือดูโซเชียลมีเดียเมื่อท่านอยู่กับผู้อื่นถือเป็นการรบกวนและขาดความเคารพ
ท่านอาจใช้:
-
เครือข่ายไร้สายที่อาคารประชุมและสถานอำนวยความสะดวกอื่นของศาสนจักร
-
คอมพิวเตอร์สาธารณะ เช่น ในห้องสมุดและร้านอินเทอร์เน็ต
-
คอมพิวเตอร์ส่วนตัวของบุคคลสำหรับสอนหากบุคคลนั้นอนุญาต
-
อาจใช้หูฟังสำหรับกิจกรรมที่อนุมัติให้ผู้สอนศาสนาทำ เช่น สื่อสารกับครอบครัวท่านหรือเรียนหลักสูตรผู้สอนศาสนา
อย่าบริหารเทคโนโลยี เว็บไซต์ บล็อก หรือบัญชีโซเชียลมีเดียของวอร์ดหรือสเตคในท้องที่
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์มือถือในงานเผยแผ่ศาสนา
7.5.2
การใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย
ท่านควรเรียนหลักสูตรออนไลน์ มาตรการป้องกันการใช้เทคโนโลยี ให้ครบขณะท่านอยู่ที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้สอนศาสนา มาตรฐานต่อไปนี้จะช่วยให้ท่านใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยตามจุดประสงค์ของผู้สอนศาสนาเช่นกัน:
-
ใช้เทคโนโลยีอย่างมีจุดมุ่งหมาย วางแผนกิจกรรมที่ช่วยท่านเชื้อเชิญให้ผู้อื่นมาหาพระผู้ช่วยให้รอด
-
อย่าใช้เทคโนโลยีคลายเครียดหรือแก้เบื่อ
-
ฟังและทำตามการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับพระวิญญาณของพระเจ้าเป็นวิธีป้องกันไม่ให้ท่านใช้เทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสมได้ดีที่สุด
-
อยู่ในตำแหน่งที่ท่านกับคู่มองเห็นหน้าจอของกันและกันได้เสมอ อย่าใช้อุปกรณ์มือถือเมื่อท่านอยู่ตามลำพัง เช่น ขณะอยู่ในห้องน้ำ
-
ทำงานกับคู่เมื่อหาหรือสอนทางออนไลน์ ทบทวนความเห็นและข้อความของกันและกันก่อนท่านโพสต์หรือส่งข้อความเพื่อให้ท่านทั้งคู่สามารถแบ่งปันความคิดและรับผิดชอบผลของการสื่อสารร่วมกันหมายเหตุ: นี่ไม่นำมาใช้กับการสื่อสารกับครอบครัวท่าน (ดู 3.9.1) สำนักงานคณะเผยแผ่ หรือประธานคณะเผยแผ่
-
อ่าน มาตรการป้องกันการใช้เทคโนโลยี เป็นประจำในการศึกษาส่วนตัวและกับคู่
7.5.3
การหลีกเลี่ยงสื่อลามก
สื่อลามกมาได้หลายรูปแบบ การวางแผนล่วงหน้าและการเลือกที่ชอบธรรมสามารถช่วยท่านหลีกเลี่ยงสื่อลามก (ดู มาตรการป้องกันการใช้เทคโนโลยี) เมื่อท่านบังเอิญเห็นสื่อลามก ให้หันหน้าไปทางอื่น ปิดมือถือ หรือออกจากสถานการณ์นั้น ต่อไปนี้เป็นข้อเสนอแนะบางประการที่จะช่วยท่านหลีกเลี่ยงสื่อลามก:
-
หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสถานที่ซึ่งท่านอาจจะได้ยิน ได้อ่าน หรือเห็นเนื้อหาอนาจารหรือสื่อลามก
-
ฝึกรับรู้เวลาที่ท่านถูกล่อลวงมากที่สุดให้ใช้เทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสม เช่น เวลาที่ท่านเหนื่อยหรือเบื่อ
-
มีแผนสำหรับสิ่งที่ท่านจะทำแทน ผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านสามารถช่วยได้ ท่านสามารถหาข้อมูลที่ ChurchofJesusChrist.org/addressing-pornography ได้เช่นกัน
คนที่พยายามหลีกเลี่ยงหรือเอาชนะสื่อลามกสามารถพบความช่วยเหลือและการเยียวยาผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ หากท่านกำลังประสบปัญหา ให้พูดคุยกับประธานคณะเผยแผ่ของท่านผู้จะให้การสนับสนุน คำแนะนำ และความช่วยเหลือด้วยความรัก
7.5.4
การสอนด้วยเทคโนโลยี
หากที่ใดอนุมัติ ให้ใช้เทคโนโลยีออนไลน์กับสมาชิกและคนที่ท่านสอนเพื่อติดต่อกับพวกเขา ช่วยเหลือพวกเขา และแบ่งปันข่าวสารพระกิตติคุณให้กับพวกเขา
-
ช่วยให้คนอื่นๆ เรียนรู้วิธีแบ่งปันพระกิตติคุณอย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนสมาชิกศาสนจักรขณะพวกเขาใช้เทคโนโลยีในการทำงานเผยแผ่ศาสนา
-
ทำงานออนไลน์กับคนที่ท่านกำลังสอนผู้อยู่นอกเขตมอบหมายของท่าน และช่วยพวกเขาตลอดการเปลี่ยนใจเลื่อมใส
-
เมื่อท่านสอนคนที่อยู่นอกเขต ให้ทำงานใกล้ชิดกับผู้สอนศาสนาที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเขตที่บุคคลนั้นอยู่ ช่วยกันทำให้บุคคลนั้นเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้น
-
ใช้ภาพถ่าย วีดิทัศน์ และสื่ออื่นจาก Media Library ของศาสนจักรและเว็บไซต์ทางการอื่นๆ ของศาสนจักรในงานสอนของท่านเมื่อเห็นควร ในการสื่อสารของท่าน อย่าใช้สื่อที่ศาสนจักรไม่อนุมัติ (ตัวอย่างเช่น วีดิทัศน์ที่สมาชิกหรือหน่วยท้องที่จัดทำขึ้นมา)
-
เมื่อโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ให้แบ่งปันข่าวสารเกี่ยวกับพระกิตติคุณและประสบการณ์เผยแผ่ศาสนาของท่านแทนที่จะเน้นเรื่องการเดินทางของท่าน
ปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้เพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนตัวของผู้คน:
-
รู้ว่าท่านไม่พึงเปิดเผยชื่อนามสกุล ภาพถ่าย (ดู 3.7) ข้อมูลติดต่อ และสถานการณ์ส่วนตัวของคนที่ท่านสอน การแบ่งปันหรือโพสต์ข้อมูลนี้อาจละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จงระวังเป็นพิเศษในสิ่งที่ท่านเขียนถึงสมาชิกครอบครัวเนื่องจากพวกเขาอาจโพสต์จดหมายและข้อความอีเมลของท่านทางออนไลน์
-
ขออนุญาตบุคคลที่ปรากฎในภาพหรือวีดิทัศน์ก่อนแบ่งปันกับผู้อื่นหรือโพสต์ทางออนไลน์ ขออนุญาตผู้ปกครองก่อนแบ่งปันภาพถ่ายหรือวีดิทัศน์ของเด็ก (ดู 3.7)
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น
7.5.5
การใช้อีเมล
ระหว่างงานเผยแผ่ ท่านได้รับบัญชีอีเมลรายบุคคลให้ใช้แทนบัญชีอีเมลส่วนตัวอื่นๆ ทั้งหมด ให้ใช้บัญชีอีเมลนี้สำหรับการสื่อสารทั้งหมดยกเว้นจดหมายประจำสัปดาห์ของท่านถึงประธานคณะเผยแผ่ ซึ่งท่านจะส่งผ่าน Missionary Portal
7.5.6
การใช้โซเชียลมีเดีย
ท่านสามารถใช้โซเชียลมีเดียแบ่งปันพระกิตติคุณ พึงแน่ใจว่าท่านใช้เฉพาะไซต์โซเชียลมีเดียที่อนุมัติสำหรับคณะเผยแผ่ของท่านเท่านั้น เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ทำตามมาตรฐานของคณะเผยแผ่นั้นๆ เกี่ยวกับโซเชียลมีเดียรวมทั้งมาตรฐานต่อไปนี้:
-
พึงแน่ใจว่าบัญชีโซเชียลมีเดียของท่านสะท้อนจุดประสงค์และการเรียกของท่านในฐานะผู้สอนศาสนา
-
พึงแน่ใจว่ารูปโปรไฟล์ของท่านและบุคคลตลอดจนกลุ่มที่ท่านติดตามแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้สอนศาสนาคนหนึ่งของพระเจ้า
-
อย่าสร้างบัญชีที่สองบนไซต์โซเชียลมีเดียเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงบัญชีที่มีอยู่ นี่เป็นการละเมิดข้อตกลงการใช้สำหรับไซต์โซเชียลมีเดียหลายๆ ไซต์
-
อย่าใช้คำนำหน้าว่า “เอ็ลเดอร์” หรือ “ซิสเตอร์” ในชื่อบัญชีของท่าน แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มไม่อนุญาตให้ใช้คำนำหน้าดังกล่าว
-
มุ่งเน้นการปฏิสัมพันธ์ตัวต่อตัวที่มีความหมาย แทนที่จะกด “ไลค์” หรือแบ่งปันข้อความของท่านทางออนไลน์
-
อย่าบอกเป็นนัยว่าโพสต์ของท่านเป็นการสื่อสารทางการของศาสนจักร
-
คุ้มครองความเป็นส่วนตัวของท่านเอง จงระวังเมื่อแบ่งปันกำหนดการและตำแหน่งที่อยู่ของท่านทางออนไลน์ จงระวังคนที่ท่านยอมรับเข้ามาในเครือข่ายสังคมของท่าน บางคนจะหาประโยชน์จากผู้สอนศาสนา
-
คุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น หากท่านต้องการโพสต์บางอย่างเกี่ยวกับคนที่ท่านทำงานด้วย ท่านต้องขออนุญาตเขา (ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร) ก่อนโพสต์สิ่งใดก็ตามที่กล่าวถึงชื่อหรือมีรูปภาพของเขา (ดู 3.7) เพราะกฎหมายความเป็นส่วนตัวในท้องที่ ในบางคณะเผยแผ่ไม่อนุญาตให้ผู้สอนศาสนาแบ่งปันภาพถ่ายของคนที่กำลังสอนต่อสาธารณชน
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น
7.6
สถานการณ์ยากๆ
ทำตามแนวทางด้านล่างเพื่อรับมือกับสถานการณ์ยากๆ
7.6.1
การรับมือกับสถานการณ์เชิงลบ
เฉกเช่นพระผู้ช่วยให้รอด ศาสดาพยากรณ์ และผู้สอนศาสนาหลายคนก่อนท่าน ท่านจะประสบการปฏิเสธและอาจประสบความไม่เคารพแบบอื่นในฐานะผู้สอนศาสนา แนวทางต่อไปนี้จะช่วยท่านจัดการกับการปฏิเสธ:
-
อย่าเพิกเฉยต่ออารมณ์ของท่าน
-
ตระหนักว่าไม่เป็นไรถ้าท่านแสดงความคับข้องใจและความท้อใจกับคู่ หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว ผู้นำคณะเผยแผ่ และสมาชิกครอบครัวที่สนิทกัน
-
เข้าใจว่าบางครั้งการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์เชิงลบจะช่วยให้ตวามรู้สึกนั้นผ่านไป
-
อย่าหมกมุ่นกับสถานการณ์เชิงลบหรือปล่อยให้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนเจตคติของท่านเป็นเวลานาน
-
-
เข้าใจบริบทของการปฏิเสธให้ถูกต้อง
-
รู้ว่าสถานการณ์เชิงลบไม่ได้นิยามว่าท่านเป็นใคร ท่านได้รับเรียกให้ทำอะไร หรือท่านสามารถทำได้ดีเพียงใด
-
พยายามอย่าพูดประโยคเหมารวมเช่น “ไม่มีใครฟัง”
-
เข้าใจว่าสิทธิ์เสรีอนุญาตให้บุคคลยอมรับหรือปฏิเสธข่าวสารของท่านได้
-
ตระหนักว่าชีวิตและสภาวการณ์ของผู้คนเปลี่ยนแปลง การปฏิเสธไม่ได้หมายความเสมอไปว่าบุคคลนั้นจะไม่มีวันสนใจพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู
-
-
ปฏิบัติต่อตนเองและผู้อื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจ
-
แสวงหาการปลอบโยนในการสวดอ้อนวอน จำไว้ว่าพระเจ้าทรงรู้จักท่าน สถานการณ์ของท่าน และความต้องการของท่านเสมอ
-
อย่าวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง สถานการณ์ หรือคนที่เกี่ยวข้อง
-
พยายามสุดความสามารถที่จะคิดบวก
-
-
เรียนรู้จากประสบการณ์ พิจารณาว่าคราวหน้าท่านจะทำอะไรต่างจากเดิมได้บ้าง
7.6.2
การรับมือกับคนที่ชอบปะทะ
ท่านอาจเผชิญหน้ากับคนที่คิดลบหรือก้าวร้าว หากมีคนหยาบคาย จงสุภาพและออกจากสถานการณ์นั้น หากท่านรู้สึกว่าจะมีอันตราย ให้ออกมาทันที ความปลอดภัยของท่านกับคู่ (ดู 4.5) เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของท่าน
คนที่ชอบปะทะและปฏิสัมพันธ์เชิงลบทำให้เครียด จงดำเนินขั้นตอนที่ท่านต้องใช้รับมือกับความเครียด (ดู 4.3) และดูแลตนเองทางอารมณ์และทางวิญญาณ
รู้ว่าการกระทำทารุณกรรมทางวาจา อารมณ์ หรือร่างกายรูปแบบใดก็ตามโดยใครก็ตาม รวมทั้งคู่ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ทั้งนี้รวมถึงคำพูด กิริยาท่าทาง หรือการกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายตกใจกลัวหรือกระทำทารุณกรรมอีกฝ่าย
ติดต่อประธานคณะเผยแผ่ ภรรยาของประธาน หรือผู้นำอีกคนที่ไว้ใจได้ทันทีหากท่านประสบ พบเห็น หรือได้ยินเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศหรือทางร่างกาย การทำร้าย หรือการข่มขู่ (ดู 7.8.2–7.8.4)
7.7
ความกังวลด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต
ทำตามแนวทางสุขภาพที่ระบุไว้ในหมวดย่อยต่อไปนี้
7.7.1
การติดต่อสำนักงานคณะเผยแผ่เมื่อมีความกังวลด้านการแพทย์
อย่าเชื่อถือการวินิจฉัยตนเองหรือความคิดเห็นของผู้อื่น ถึงแม้คำแนะนำด้านการแพทย์จากคู่ของท่าน สมาชิกศาสนจักรคนอื่นๆ ครอบครัว หรือเพื่อนจะเป็นประโยชน์ แต่จงติดต่อผู้ประสานงานการแพทย์ของคณะเผยแผ่เมื่อท่านมีคำถามหรือความกังวล โดยเฉพาะเกี่ยวกับการบาดเจ็บร้ายแรงหรือปัญหาสุขภาพ ประธานคณะเผยแผ่ของท่านจะสื่อสารกับประธานสเตคและครอบครัวของท่านเกี่ยวกับการบาดเจ็บร้ายแรงและความกังวลด้านสุขภาพ
ติดต่อผู้ประสานงานการแพทย์ของคณะเผยแผ่หากท่านประสบปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้:
-
ความเจ็บป่วยนอกเหนือจากโรคหวัดธรรมดาและอาการระยะสั้น
-
การบาดเจ็บร้ายแรง
-
ชีพจรเต้นเร็ว (เกิน 100 ครั้งต่อนาที) เมื่อท่านไม่ได้ออกกำลังกาย
-
มีไข้สูงเกิน 101 องศาฟาเรนไฮต์ (38.3 องศาเซลเซียส) ไข้สูง 101 องศาฟาเรนไฮต์ (38.3 องศาเซลเซียส) นานเกินสองวัน หรือไข้ที่กินยาแล้วไม่หาย
-
น้ำหนักลดหรือเพิ่มเร็วหรือมากผิดปกติ
-
กระหายน้ำหรือปัสสาวะมากผิดปกติ
-
อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไอ หรือมีผื่นเรื้อรัง
-
เท้า ขา ท้อง หรือหน้าบวม
-
เสียเลือดหรืออุจจาระดำ
-
ท้องผูกหรือท้องเดินนานเกินสองวัน
-
ปวดฟัน
-
เล็บขบ
7.7.2
การดูแลสุขภาพกาย
ท่านจะมีประสบการณ์งานเผยแผ่ที่เพลิดเพลินมากขึ้นและสามารถรับใช้พระเจ้าได้ดีขึ้นเมื่อท่านดูแลสุขภาพกายของตน จงขยันทำงานเผยแผ่ศาสนา อย่าผลักดันตนเองมากเกินควร
เพื่อช่วยท่านรักษาสุขภาพกาย ท่านต้อง:
-
ออกกำลังกายเป็นประจำ
-
นอนหลับให้เพียงพอ
-
กินอาหารที่มีประโยชน์อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืช
-
ดื่มน้ำมากๆ
-
ล้างมือบ่อยๆ
-
ทาครีมกันแดดและยาทาไล่แมลงเมื่อเห็นควร
-
หาวิธีผ่อนคลาย
-
เพลิดเพลินกับนันทนาการที่ดีงามในวันเตรียม
7.7.3
การดูแลสุขภาพจิต
เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ วิตกกังวล คิดถึงบ้าน และท้อแท้บ้างบางครั้งขณะรับใช้งานเผยแผ่ แต่ท่านจำเป็นต้องแก้ไขอารมณ์และพฤติกรรมที่ทำให้ท่านไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการเหล่านี้ได้แก่:
-
อารมณ์แปรปรวน
-
กังวลหรือรู้สึกผิดเกินเหตุ
-
อารมณ์ซึมเศร้า
-
รูปแบบการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
-
จัดการกับความรู้สึกทางเพศได้ยาก
จงเข้าใจว่าการรับรู้และรักษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงความกังวลด้านอารมณ์และจิตใจไม่ใช่เรื่องน่าอาย หากท่านรู้สึกว่าท่านหรือคู่ต้องได้รับความช่วยเหลือ ให้พูดคุยกับประธานคณะเผยแผ่ ภรรยาของประธาน หรือผู้ประสานงานการแพทย์ พวกเขาเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต ท่านสามารถหาคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ใน การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตผู้สอนศาสนา ได้เช่นกัน
7.7.4
การดูแลเมื่อถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
แมลงสัตว์กัดต่อยสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงและบางครั้งถึงตายได้ หากแมลงกัดจนบวมหรือเจ็บปวดผิดปกติ ให้โทรแจ้งสำนักงานคณะเผยแผ่ทันที
การป้องกัน
ท่านสามารถช่วยป้องกันไม่ให้แมลงดูดเลือด ยุง และแมลงอื่นกัดโดยทำตามแนวทางเหล่านี้:
-
หลีกเลี่ยงน้ำนิ่งและน้ำขังที่ยุงมักอาศัยอยู่
-
หลีกเลี่ยงภูมิประเทศแบบป่ารกทึบที่แมลงดูดเลือดมักอาศัยอยู่
-
สวมเสื้อผ้าคลุมแขนขาแม้ในสภาพอากาศอบอุ่น
-
ดูวีดิทัศน์การป้องกันโรคที่มียุงเป็นพาหะ>
-
ใช้ยาไล่แมลงทาผิวที่ไม่มีอะไรปกปิดและฉีดสารกำจัดแมลงบนเสื้อผ้า
การรักษา
หากท่านถูกแมลงดูดเลือดหรือยุงหรือแมลงหรือสัตว์ชนิดอื่นกัด ให้ทำตามแนวทางเหล่านี้:
-
ประคบบริเวณที่ถูกกัดเล็กน้อยด้วยน้ำแข็งหรือหาซื้อยามาทาเอง
-
พบแพทย์เพื่อเอาแมลงดูดเลือดที่ติดบนผิวหนังออกอย่างปลอดภัยและตรวจหาโรคไลม์
-
ล้างรอยหรือบาดแผลที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยด้วยสบู่และน้ำ (ประมาณ 15 นาที) และโทรแจ้งสำนักงานคณะเผยแผ่ บอกชื่อเจ้าของสัตว์หากอยู่ในวิสัยที่ทำได้เพื่อทางสำนักงานคณะเผยแผ่จะสามารถตัดความเป็นไปได้ของโรคพิษสุนัขบ้าหรือความเจ็บป่วยร้ายแรงอื่นๆ ออก
-
หากแมลงดูดเลือดหรือแมลงหรือสัตว์อื่นกัดต่อยจนบวม เจ็บปวดผิดปกติ หรือมีผื่นผิดปกติหรือผื่นกลมแดงให้โทรแจ้งสำนักงานคณะเผยแผ่ทันที
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากแมลงสัตว์กัดต่อย
7.8
สถานการณ์อันตราย
ทำตามแนวทางความปลอดภัยที่ระบุไว้ในหมวดหมู่ต่อไปนี้
7.8.1
การเตรียมรับสถานการณ์อันตราย
แนวทางต่อไปนี้สามารถช่วยท่านเตรียมรับและตอบสนองสถานการณ์อันตราย:
-
สวดอ้อนวอนขอความคุ้มครองจากพระเจ้าทุกวัน
-
ฟังและทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณซึ่งสามารถเตือนท่านเรื่องอันตราย
-
ทำความคุ้นเคยกับแผนปฏิบัติการฉุกเฉินของคณะเผยแผ่ ทำตามขั้นตอนสำหรับวิธีปฏิบัติตัวระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉิน
-
ใส่ข้อมูลติดต่อฉุกเฉินสำหรับภาคและประเทศของท่านไว้ในโทรศัพท์ของท่าน ชาร์จโทรศัพท์และพกติดตัวตลอดเวลา
-
หลีกเลี่ยงบริเวณที่คณะเผยแผ่ระบุว่าเป็นอันตราย
-
อย่าทำให้เข้าใจว่าท่านมีของมีค่า (ตัวอย่างเช่น ถือกระเป๋าใบใหญ่)
-
สังเกตสิ่งผิดปกติ เช่น มีคนจับตามองท่าน ถามคำถามส่วนตัว หรือเดินตามท่าน
-
พยายามใช้ภาษากายสื่อว่าท่านมั่นใจและไม่กลัว
-
มีรหัสคำหรือวลีที่ใช้ส่งสัญญาณบอกคู่ว่าท่านต้องการออกจากสถานการณ์นั้น ใช้คำหรือวลีดังกล่าวหากท่านพบตนเองอยู่ในสถานการณ์ซึ่งท่านรู้สึกไม่ปลอดภัย
ฝึกใช้แนวทางเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้คนอื่นๆ (รวมทั้งผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ) สนับสนุนให้ท่านเสี่ยงอันตรายเพื่อทำงานเผยแผ่ศาสนาของท่านให้สำเร็จ
7.8.2
การรับรู้สถานการณ์อันตราย
ติดต่อผู้นำคณะเผยแผ่หนึ่งคนหรือผู้นำอีกคนที่ท่านไว้ใจได้ทันทีหากท่านประสบ พบเห็น หรือได้ยินว่ามีความประพฤติผิดทางกายหรือทางเพศแบบใดก็ตาม นี่อาจรวมถึงการทำร้าย การข่มขู่ หรือการคุกคาม ถึงแม้กฎหมายในท้องที่นิยามอันตรายต่อไปนี้ต่างกันไป แต่ท่านต้องรายงานทุกอย่างที่ทำให้ท่านกังวล:
-
การทำร้าย เกี่ยวข้องกับการใช้กำลังทำร้ายร่างกายหรือทางเพศต่อคนบางคน ตัวอย่างได้แก่ การลวนลาม ถูกเนื้อต้องตัวอย่างไม่เหมาะสม หรือความรุนแรงทางกาย
-
การข่มขู่ทางกาย เกิดขึ้นเมื่อมีคนถูกทำให้กลัวว่าจะบาดเจ็บทางร่างกายหรือตาย ตัวอย่างได้แก่ การข่มขู่ด้วยวาจาหรือพฤติกรรมข่มขู่ทุกรูปแบบ
-
การคุกคามทางเพศ รวมถึงคำพูดหรือท่าทางหยาบโลน การขอให้ตอบสนองทางเพศ หรือการกระทำทางเพศที่ไม่พึงประสงค์ ตัวอย่างอาจได้แก่ การสะกดรอย (เดินตามด้วยเจตนาจะทำให้ตกใจกลัวหรือรำคาญ) หรือเผยของลับ
7.8.3
การตอบสนองต่อการทำร้าย การข่มขู่ หรือการคุกคาม
ทำดังต่อไปนี้หากท่านหรือคู่ถูกชิงทรัพย์:
-
ยอมให้ข้าวของของท่านทันที นี่อาจทำให้ขโมยจากไปโดยไม่ทำร้ายท่าน ชีวิตและสวัสดิภาพของท่านมีค่ามากกว่าทรัพย์สินของท่าน
-
พยายามอย่าอารมณ์เสียหรือตอบโต้ในทางลบ เพราะอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
ทำดังต่อไปนี้หากท่านหรือคู่รู้สึกว่าถูกข่มขู่หรือคุกคามและ มากกว่าทรัพย์สินของท่าน อยู่ในอันตราย
-
เฉพาะท่านเท่านั้นสามารถตัดสินใจใช้วิธีที่ดีที่สุดในการตอบสนองต่อสถานการณ์ ท่านอาจจะเลือกวิ่ง ป้องกันตัว หรือยินยอม ตัวอย่างเช่น:
-
หากท่านวิ่ง ท่านอาจจะหลีกเลี่ยงการจู่โจมได้
-
หากท่านป้องกันตัว ท่านอาจจะสามารถปกป้องตัวท่านได้โดยกรีดร้อง ตี ข่วน กัด เตะ หรือสวดอ้อนวอน
-
หากท่านอยู่นิ่งหรือเลือกยินยอม ซึ่งสามารถเป็นการตอบสนองตามปกติ โปรดอย่าโทษตนเองในภายหลัง
-
-
ท่านอาจขอความช่วยเหลือหรือดึงความสนใจจากผู้อื่น ตัวอย่างเช่น:
-
ท่านอาจขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น โดยเฉพาะจากคนที่มีอำนาจช่วยได้ (เช่นคนขับรถโดยสาร) ตรงที่ซึ่งท่านอยู่
-
หากท่านอยู่ในที่สาธารณะ มีคนอยู่รายรอบ และไม่สามารถหนีรอดจากการทำร้ายทางกายหรือทางเพศได้ (ตัวอย่างเช่นเมื่อท่านโดยสารรถสาธารณะ) ให้ลองพูดเสียงแข็งเพื่อพยายามเตือนไม่ให้บุคคลนั้นทำร้ายหรือคุกคามมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ท่านสามารถใช้ภาษากายที่ขึงขัง มองหน้าผู้กระทำผิด และพูดเสียงดัง ท่านอาจจะพูดกับบุคคลนั้น ระบุพฤติกรรมล่วงเกิน และพูดสิ่งที่ท่านต้องการให้เขาทำ เช่น “เฮ้ คนเสื้อเหลือง อย่าถูกเนื้อต้องตัวฉัน เขยิบออกไปห่างๆ”
-
หากไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ท่านอาจกรีดร้อง ตะโกน หรือพยายามดึงดูดความสนใจ อาจมีบางคนสังเกตเห็นท่านและสามารถช่วยเหลือได้
-
7.8.4
การรายงานการทำร้าย การข่มขู่ หรือการคุกคาม
หากมีคนทำร้าย ข่มขู่ หรือคุกคามท่าน (ดู 7.8.2) ให้ติดต่อผู้นำคณะเผยแผ่คนหนึ่งของท่าน คนที่สำนักงานคณะเผยแผ่ หรือผู้นำที่ไว้ใจได้อีกคนทันที ผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านมีแหล่งช่วยสนับสนุนท่านเรื่องการรักษาพยาบาล การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ การย้ายที่ หรือความช่วยเหลืออื่นที่จำเป็น พึงทราบว่าท่านอาจอยู่ในภาวะตกใจสุดขีดหลังเกิดเหตุการณ์นั้นและท่านอาจประสบความกระทบกระเทือนจิตใจด้วย ทันทีที่ท่านรู้สึกปลอดภัยให้พยายามบันทึกเหตุการณ์นั้นเท่าที่ท่านจำได้
เข้าใจว่าหากท่านถูกทำร้าย ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ตาม การทำร้ายไม่ใช่ความผิดของท่าน ท่านมีทางเลือกเสมอ ให้ปรึกษาคนที่ท่านไว้ใจและอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เช่น ประธานคณะเผยแผ่ ภรรยาของเขา เจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือคนที่บ้าน ท่านต้องตัดสินใจว่าจะให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
เป็นธรรมดาที่ท่านจะถามตัวท่านเองว่าท่านหรือคู่จะทำอะไรต่างจากนี้ได้บ้าง จงวางใจว่าท่านทำดีที่สุดแล้วในช่วงวิกฤติ คนเราประมวลประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจต่างกัน พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือขณะที่ท่านเยียวยา
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัว การรับรู้ และการจัดการกับสถานการณ์อันตรายและการข่มขู่
7.9
ความปลอดภัยเรื่องที่พักอาศัย
ทำตามแนวทางด้านล่างเพื่อรักษาที่พักอาศัยของท่านให้เป็นส่วนตัว ปลอดภัย และสะอาดอยู่เสมอ
7.9.1
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
ปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้เพื่อให้ที่พักอาศัยของท่านเป็นส่วนตัวและปลอดภัย:
-
ติดตั้งและซ่อมบำรุงเครื่องตรวจจับก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์และควัน ทำการตรวจเช็คและเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามเวลาที่ผู้ประสานงานที่พักอาศัยของคณะเผยแผ่กำหนด อย่าปิดการใช้งานอุปกรณ์ช่วยชีวิตเหล่านี้
-
อย่าจุดเทียนทุกชนิด
-
ล็อกประตูที่ใช้เข้าออกบ้านและหน้าต่าง หากจำเป็น ผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านอาจเสนอทางเลือกที่ทำให้อากาศไหลเวียนจากภายนอกได้
-
ปิดม่านหรือมู่ลี่หลังค่ำเสมอ
-
อย่าบอกที่อยู่ของท่านกับสาธารณชนหรือคนที่ท่านกำลังสอน
-
อย่าเปิดประตูหากท่านไม่รู้จักคนข้างนอกหรือหากท่านรู้สึกไม่สบายใจกับบุคคลนั้น
-
อย่าสอนคนในที่พักของท่านหรือชวนคนนอกเข้ามาเว้นแต่พวกเขาเป็นผู้สอนศาสนาหรือผู้นำศาสนจักรในท้องที่ซึ่งผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านอนุมัติให้เขามาเยี่ยม
-
อย่าอยู่ในบ้านที่คนโสดเพศตรงข้ามกับท่านอยู่หรือบ้านที่คู่สมรสเพศเดียวกันกับท่านไม่ค่อยอยู่
-
รายงานสำนักงานคณะเผยแผ่ทันทีหากมีความกังวลด้านความปลอดภัย หรือมีคนจับตามองที่พักของท่านหรือทำให้ท่านรู้สึกไม่ปลอดภัย
-
อนุญาตให้เฉพาะผู้สอนศาสนาเพศเดียวกับท่านพักค้างคืนในที่พักอาศัยของท่านด้วยกรณีได้รับอนุมัติให้แลกคู่
-
ใช้เงินเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาที่พักอาศัยของท่านให้ปลอดภัย ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนหลอดไฟที่ไม่ติดแล้วเมื่อจำเป็น
7.9.2
ความสะอาดและการซ่อมบำรุง
รักษาที่พักอาศัยของท่านให้สะอาดเป็นระเบียบอยู่เสมอ:
-
ทำความสะอาดในวันเตรียม (ดู 2.5.1) และทุกวันเมื่อจำเป็น
-
ดำเนินการป้องกันแมลง (ดู 7.7.4) ภายในที่พักอาศัยของท่าน
-
รู้วิธีใช้เครื่องไฟฟ้าอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะเตาทำอาหารและเครื่องทำความร้อน
-
อย่าเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด
ที่พักอาศัยของท่านจะได้รับการตรวจตราเป็นประจำเพื่อให้ครบครัน ปลอดภัย และได้รับการซ่อมบำรุงอย่างดี
ดูวีดิทัศน์สองเรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยเรื่องที่พักอาศัย
7.10
ความปลอดภัยเรื่องการเดินทาง
ทำตามแนวทางความปลอดภัยที่ระบุไว้ในหมวดหมู่ต่อไปนี้
7.10.1
การเดิน
เมื่อเดิน:
-
หากอยู่ในวิสัยที่ทำได้ ให้เดินไปด้านที่รถสวนทางมา
-
อยู่ในบริเวณที่มีแสงสว่างเมื่อมืดค่ำ
-
ใช้เส้นทางและเวลาที่หลากหลายเมื่อท่านเดินทางในบริเวณเขตของท่าน ทำตามการกระตุ้นเตือนทางวิญญาณเพื่อเปลี่ยนเส้นทางหรือกิจวัตรของท่าน
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยเมื่อเดิน
7.10.2
การขี่จักรยาน
เมื่อขี่จักรยาน:
-
ทำตามกฎและแนวทางความปลอดภัยเรื่องจักรยาน รวมถึงการสวมหมวกนิรภัยที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย ใช้เสื้อสะท้อนแสง และใช้สัญญาณมือเมื่อเหมาะสม
-
อย่าคิดไปเองว่าท่านมีสิทธิ์ไปก่อน
-
พยายามเลี่ยงการใช้จักรยานเมื่อสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การจราจรหนาแน่น หรือหลังมืดค่ำ หลีกเลี่ยงการขี่จักรยานคู่กันหรือชิดกันเกินไป
-
อยู่ห่างจากคู่ในระยะที่ปลอดภัยแต่มองเห็นกัน
-
รักษาจักรยานให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี รวมทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟสะท้อนด้านข้างและด้านหลัง
-
ล็อกหรือจัดเก็บจักรยานให้แน่นหนาเมื่อไม่ใช้งาน
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยเรื่องจักรยาน
7.10.3
การใช้รถ
หากท่านได้รับมอบหมายให้ขับรถระหว่างงานเผยแผ่ของท่าน ให้ใช้รถของคณะเผยแผ่เท่านั้น เพื่อขับรถของคณะเผยแผ่ ท่านต้องมีใบขับขี่ในประเทศที่ท่านรับใช้ แสดงให้เห็นว่าท่านเข้าใจมาตรฐานยานพาหนะของคณะเผยแผ่ และได้รับอนุมัติจากผู้นำคณะเผยแผ่ อีกทั้งทำตามแนวทางเหล่านี้ด้วย:
-
เข้าใจว่าทั้งท่านและคู่ต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าใครขับก็ตาม
-
คาดเข็มขัดนิรภัย ขับอย่างระมัดระวัง ใช้ไฟหน้าทั้งกลางวันและกลางคืน ระแวดระวังอยู่เสมอไม่ว่าท่านเป็นผู้โดยสารหรือคนขับ
-
หากท่านเป็นคนขับ อย่าวอกแวก และอย่าใช้อุปกรณ์มือถือหรือระบบเสียงในรถ
-
หากท่านเป็นผู้โดยสาร ให้ช่วยคนขับโดยคอยระแวดระวัง
-
หากท่านเป็นผู้โดยสาร ให้ยืนที่ระยะปลอดภัยนอกรถเพื่อกำกับคนขับเมื่อเขากำลังถอยรถ
-
เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบ ท่านจะไม่ให้ใครโดยสารรถยกเว้นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาคนอื่นๆ ที่เป็นเพศเดียวกันกับท่าน
-
จำกัดการขับเท่ากับไมล์ที่ท่านได้รับอนุญาต
-
อย่ายุ่งกับมาตรวัดระยะทางหรืออุปกรณ์ความปลอดภัยใดๆ ที่ติดตั้งในรถ
-
รักษารถให้สะอาดและอยู่ในสภาพดีเสมอ
-
หากท่านอยู่ในอุบัติเหตุ ให้ดูซอง สิ่งที่ต้องทำหากท่านมีอุบัติเหตุ ซึ่งควรจะอยู่ในช่องเก็บของของรถ ติดต่อผู้ประสานงานยานพาหนะของคณะเผยแผ่ทันทีที่ปลอดภัยจะทำเช่นนั้น
ดูวีดิทัศน์เรื่องนี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยเรื่องยานพาหนะ
7.10.4
การใช้ขนส่งสาธารณะ
เมื่อใช้ขนส่งสาธารณะ:
-
ใช้ขนส่งสาธารณะเฉพาะที่คณะเผยแผ่ของท่านอนุมัติเท่านั้น
-
ทำความคุ้นเคยกับเส้นทางขนส่งสาธารณะและเขตที่ท่านรับใช้
-
นั่งใกล้คนขับเมื่อทำได้ วางกระเป๋าไว้ข้างหน้าท่านหากปลอดภัยจะทำเช่นนั้น
7.11
ศาสนพิธีและการให้พรฐานะปุโรหิต
ใช้แนวทางทั่วไปเหล่านี้สำหรับประกอบศาสนพิธีและการให้พรฐานะปุโรหิต ข้อมูลในหมวดนี้ย่อมาจากบทที่ 20 ของ คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร (2010)
หมายเหตุ: ตามที่อธิบายไว้ในหมวดต่อไปนี้ บางศาสนพิธีต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ถือกุญแจฐานะปุโรหิตที่ถูกต้อง
7.11.1
การปฏิบัติเพื่อให้พรในฐานะปุโรหิต: แนวทางทั่วไปสำหรับผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคควรพยายามมีค่าควรสำหรับและรับการนำทางจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสมอ พวกเขาพึงประกอบศาสนพิธีและการให้พรแต่ละครั้งด้วยความสง่างาม โดยแน่ใจว่าได้ทำตามข้อกำหนดต่อไปนี้:
-
ต้องประกอบศาสนพิธีและการให้พรในพระนามของพระเยซูคริสต์
-
ต้องประกอบศาสนพิธีโดยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิต
-
ต้องประกอบศาสนพิธีตามระเบียบปฏิบัติที่จำเป็นทุกอย่าง เช่น ใช้คำที่กำหนดหรือใช้น้ำมันที่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
-
ต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ถือกุญแจที่ถูกต้อง (ปกติคืออธิการ ประธานสเตค หรือประธานคณะเผยแผ่) หากจำเป็นตามคำแนะนำในหมวดนี้
คนที่ให้พรฐานะปุโรหิตกล่าวคำให้พร (“ข้าพเจ้า [หรือพวกข้าพเจ้า] ให้พรท่านว่า …”) แทนที่จะกล่าวคำสวดอ้อนวอน (“พระบิดาบนสวรรค์ โปรดประทานพรบุคคลนี้ที่จะ …”)
เมื่อพี่น้องชายหลายคนมีส่วนร่วมในศาสนพิธีหรือการให้พร แต่ละคนวางมือขวาอย่างแผ่วเบาบนศีรษะของผู้รับ (หรือใต้ตัวทารกที่รับพร) และวางมือซ้ายบนไหล่ของพี่น้องชายทางซ้ายมือ
เฉพาะพี่น้องชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่จำเป็นและมีค่าควรเท่านั้นจึงจะประกอบศาสนพิธีหรือการให้พร อธิการและประธานสเตคมีดุลยพินิจตามพระวิญญาณทรงนำที่จะเชิญพี่น้องชายฐานะปุโรหิตผู้ไม่มีค่าควรเข้าพระวิหารอย่างเต็มที่ให้ประกอบพิธีหรือมีส่วนร่วมในศาสนพิธีและการให้พรบางอย่าง (ดู คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร, 20.1.2)
ไม่สนับสนุนให้เชิญครอบครัว เพื่อน และผู้นำจำนวนมากมาช่วยในศาสนพิธีหรือการให้พรเพราะอาจดูแปลกสำหรับบางคนและอาจทำให้เคอะเขินในการประกอบศาสนพิธี
7.11.2
การให้บัพติศมา
ประธานคณะเผยแผ่ถือกุญแจสำหรับการให้บัพติศมาผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใส ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ควบคุม ปุโรหิตหรือผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่มีค่าควรจะประกอบศาสนพิธีบัพติศมา เพื่อให้บัพติศมา เขา:
-
ยืนในน้ำกับผู้รับบัพติศมา
-
ใช้มือซ้ายจับข้อมือขวาของผู้รับ (เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย) ผู้รับบัพติศมาใช้มือซ้ายจับข้อมือซ้ายของผู้ดำรงฐานะปุโรหิต
-
ยกมือขวาทำแขนตั้งฉาก
-
เอ่ยชื่อนามสกุลของผู้รับและกล่าว “โดยได้รับมอบหมายจากพระเยซูคริสต์, ข้าพเจ้าให้บัพติศมาท่านในพระนามของพระบิดา, และของพระบุตร, และของพระวิญญาณบริสุทธิ์. เอเมน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:73)
-
ให้ผู้รับใช้มือขวาบีบจมูกของตน (เพื่อความสะดวก) ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตใช้มือขวารองหลังของผู้รับแล้วทำให้ผู้รับและเสื้อผ้าจมลงไปในน้ำจนมิด
-
ช่วยผู้รับขึ้นมาจากน้ำ
ตามที่อธิบายไว้ใน คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร, 20.3.7 พยานสองคนต้องแน่ใจว่าการประกอบพิธีบัพติศมาแต่ละครั้งถูกต้อง ต้องทำบัพติศมาซ้ำหากกล่าวคำไม่ตรงกับที่ให้ไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:73 หรือหากร่างกายหรือเสื้อผ้าส่วนใดของผู้รับไม่ได้จมลงไปในน้ำจนมิด
7.11.3
การยืนยัน
ประธานคณะเผยแผ่ถือกุญแจสำหรับการยืนยันผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใส แต่อธิการควบคุมดูแลการประกอบการยืนยันทั้งหมด อธิการพึงแน่ใจว่าผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสได้รับการยืนยันในการประชุมศีลระลึกของวอร์ดที่พวกเขาอยู่ ถ้าจะให้ดีคือในวันอาทิตย์ถัดจากบัพติศมา ผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสไม่ได้รับการยืนยันที่พิธีบัพติศมา
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหนึ่งคนหรือมากกว่านั้นอาจมีส่วนร่วมในการยืนยัน พวกเขาวางมืออย่างแผ่วเบาบนศีรษะผู้รับ จากนั้นบุคคลผู้ประกอบศาสนพิธี:
-
เอ่ยชื่อนามสกุลของผู้รับ
-
กล่าวว่าศาสนพิธีนี้ประกอบโดยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค
-
ยืนยันผู้รับเป็นสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
-
ใช้คำว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์” (ไม่ใช่ “จงรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์”)
-
ให้พรตามที่พระวิญญาณทรงนำ
-
จบในพระนามของพระเยซูคริสต์
7.11.4
การทำให้น้ำมันศักดิ์สิทธิ์
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหนึ่งคนหรือมากกว่านั้นต้องทำให้น้ำมันมะกอกศักดิ์สิทธิ์ก่อนใช้เจิมผู้ป่วยหรือผู้มีทุกข์ จะใช้น้ำมันอื่นไม่ได้ เพื่อทำให้น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ผู้ดำรงฐานะปุโรหิต:
-
ถือขวดน้ำมันมะกอกที่เปิดฝาไว้
-
เอ่ยพระนามพระบิดาบนสวรรค์
-
กล่าวว่าเขากระทำโดยสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค
-
ทำให้น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ (ไม่ใช่ขวดน้ำมัน) และกันไว้สำหรับเจิมและให้พรผู้ป่วยและผู้มีทุกข์
-
จบในพระนามของพระเยซูคริสต์
7.11.5
การปฏิบัติและให้พรผู้ป่วยและผู้มีทุกข์
พระเยซูประทานสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตแก่อัครสาวกเพื่อ “[รักษาความเจ็บป่วย] และขับผีออกได้” (มาระโก 3:15) ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคมีสิทธิอำนาจเดียวกัน จงใช้ของประทานนี้อย่างเหมาะสมและบ่อยครั้ง
เฉพาะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคเท่านั้นจึงจะปฏิบัติเพื่อให้พรผู้ป่วยหรือผู้มีทุกข์ได้ โดยปกติผู้ดำรงฐานะปุโรหิตสองคนหรือมากกว่านั้นจะปฏิบัติเพื่อให้พรผู้ป่วย แต่คนเดียวก็ประกอบได้ทั้งการเจิมและการผนึกการให้พรหากจำเป็น
หากไม่มีน้ำมันที่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ อาจให้พรด้วยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตโดยไม่ต้องเจิมน้ำมัน
โดยปกติสามีหรือบิดาผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่มีค่าควรจะปฏิบัติและให้พรสมาชิกที่เจ็บป่วยในครอบครัวของตน
พี่น้องชายควรปฏิบัติและให้พรผู้ป่วยตามคำขอของบุคคลที่เจ็บป่วยหรือคนที่สนิทกับผู้ป่วยมากทั้งนี้เพื่อพรจะเป็นไปตามศรัทธาของคนเหล่านั้น ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่ไปเยี่ยมโรงพยาบาลไม่ควรขอโอกาสในการปฏิบัติและให้พรผู้ป่วย
หากบุคคลขอพรมากกว่าหนึ่งครั้งสำหรับความเจ็บป่วยเดิม ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตไม่จำเป็นต้องเจิมน้ำมันหลังจากให้พรครั้งแรกไปแล้ว แต่เขาจะให้พรโดยการวางมือบนศีรษะและโดยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตแทน
การปฏิบัติเพื่อให้พรผู้ป่วยมีสองส่วน: (1) การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และ (2) การผนึกการเจิม
การเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
การเจิมน้ำมันทำโดยผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหนึ่งคน เขา:
-
หยดน้ำมันศักดิ์สิทธิ์บนศีรษะผู้รับหนึ่งหยด
-
วางมืออย่างแผ่วเบาบนศีรษะผู้รับ เอ่ยชื่อนามสกุลของผู้รับ
-
กล่าวว่าเขากระทำโดยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค
-
กล่าวว่าเขากำลังเจิมน้ำมันที่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์แล้วสำหรับการเจิมและการให้พรผู้ป่วยและผู้มีทุกข์
-
จบในพระนามของพระเยซูคริสต์
การผนึกการเจิม
โดยปกติผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคสองคนหรือมากกว่านั้นวางมืออย่างแผ่วเบาบนศีรษะผู้รับเพื่อผนึกการเจิม แต่ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคคนเดียวก็สามารถให้พรได้หากจำเป็น เมื่อผนึกการเจิม ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค:
-
เอ่ยชื่อนามสกุลของผู้รับ
-
กล่าวว่าเขากำลังผนึกการเจิมโดยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค
-
กล่าวคำให้พรตามที่พระวิญญาณทรงนำ
-
จบในพระนามของพระเยซูคริสต์
7.11.6
การให้พรแห่งการปลอบโยนและคำแนะนำ
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดอาจให้พรแห่งการปลอบโยนและคำแนะนำแก่คนอื่นๆ ที่ขอพร สำหรับการให้พรดังกล่าว ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหนึ่งคนหรือมากกว่านั้นวางมืออย่างแผ่วเบาบนศีรษะผู้รับ จากนั้นผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่ให้พร:
-
เอ่ยชื่อนามสกุลของผู้รับ
-
กล่าวว่าการให้พรนี้ประกอบโดยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค
-
กล่าวคำให้พรตามที่พระวิญญาณทรงนำ
-
จบในพระนามของพระเยซูคริสต์
ผู้สอนศาสนาที่ให้พรแก่สมาชิกควรรายงานการให้พรต่ออธิการของสมาชิกโดยตรงหรือผ่านประธานโควรัมเอ็ลเดอร์หรือหัวหน้าเผยแผ่วอร์ดผู้จะบอกอธิการหลังจากนั้น