หนุ่มสาวรายสัปดาห์
เมื่อมีข้อสงสัย จงเปิดประตูทิ้งไว้ให้ศรัทธา
กรกฎาคม 2024


คนหนุ่มสาว

เมื่อมีข้อสงสัย จงเปิดประตูทิ้งไว้ให้ศรัทธา

แม้ว่าบางครั้งเราอาจสงสัยในประสบการณ์ทางวิญญาณของเรา แต่ความมั่นใจของเราอาจกลับมาท่วมท้นได้

woman standing before open door

ไม่ว่าเราจะได้รับการเลี้ยงดูในศาสนจักรหรือเปลี่ยนใจเลื่อมใสในชีวิตภายหลัง เราหลายคนคงเคยมีช่วงเวลาของการตั้งคำถามหรือสงสัย เราอาจมีประสบการณ์ทางวิญญาณที่น่าอัศจรรย์ แต่ตอนนี้กลับสงสัยว่า: ประสบการณ์ทางวิญญาณเหล่านั้นเป็นจริงหรือเราแค่จินตนาการว่ารู้สึกถึงพระวิญญาณไปเอง? จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีอะไรที่เป็นจริงเลย? แล้วคำถามของดิฉันที่ยังไม่ได้รับคำตอบล่ะ? ดิฉันจะอยู่ในศาสนจักรได้อย่างไรหากไม่แน่ใจว่าศาสนจักรเป็นความจริงอีกต่อไป?

สำหรับดิฉัน ดิฉันรู้สึกประหลาดใจที่คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดิฉันรับใช้งานเผยแผ่! ดิฉันรู้ความจริงด้วยความเชื่อมั่นอย่างมากว่าดิฉันอยากจะไปสั่งสอนความจริงนี้ให้คนอื่นฟังเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง และตอนนี้ดิฉันก็สงสัยทุกเรื่องที่ดิฉันรู้และสอน คงจะน่าเสียดายหากไม่มีสิ่งใดเป็นความจริงเลย แล้วสิ่งที่ดิฉันสอนไป เป็นจริงหรือเปล่า? หรือดิฉันแค่ ต้องการ ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นความจริง? หลังจากได้เห็นเพื่อนๆ ออกจากศาสนจักรและขณะเผชิญการต่อสู้ดิ้นรนเรื่องศรัทธาของตัวเอง ดิฉันสงสัยว่าดิฉันหลอกตัวเองหรือไม่

ในช่วงเวลาของความสงสัยนี้ ดิฉันไม่ได้หยุดไปโบสถ์หรือเชื่อฟังพระบัญญัติเพียงเพราะดิฉันมีคำถามมากมาย แต่ เพราะ ดิฉันมีคำถาม ดิฉันจึงพยายามทำตามคำแนะนำของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันที่จะ “เพิ่มความสามารถทางวิญญาณ [ของดิฉัน] ในการรับการเปิดเผย”1

ดิฉันรู้ว่า “ไม่มีสิ่งใดเปิดฟ้าสวรรค์เหมือนการผนวกกันของความบริสุทธิ์ที่เพิ่มขึ้น การเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด การแสวงหาอย่างจริงจัง การดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์ในพระคัมภีร์มอรมอนทุกวัน และเวลาที่ทุ่มเทให้งานพระวิหารและประวัติครอบครัวเป็นประจำ”2 ดิฉันรู้สึกว่าการอยู่ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้ว พระองค์ทรงเป็นคนเดียวที่จะตอบคำถามของดิฉันได้

เรื่องราวของยูนีซ

วันหนึ่งขณะที่ดิฉันกำลังอ่าน วิสุทธิชน: เรื่องราวของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคสุดท้าย ดิฉันพบเรื่องราวอันน่าทึ่งเกี่ยวกับสตรีแห่งการฟื้นฟูยุคแรก ดูเหมือนว่ายูนีซ แฟรงคลินจะมีคำถามและความกังวลแบบเดียวกันกับดิฉัน

ยูนีซรับบัพติศมาในนิวยอร์กโดยผู้สอนศาสนาชื่อเอลียาห์ เอเบิล เธอเปลี่ยนใจเลื่อมใสสู่พระกิตติคุณอย่างแท้จริงเมื่อรับบัพติศมา แต่หลังจากที่เอลียาห์ออกไปสั่งสอนที่แคนาดา ยูนีซเริ่มสงสัยในพระกิตติคุณและสิ่งที่เธอเคยรู้ว่าเป็นความจริง เธอเริ่มสงสัยว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์จริงหรือไม่และพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระคัมภีร์จริงหรือไม่ เธอนอนไม่หลับไปหลายคืนโดยคิดว่าเธออาจถูกหลอก

พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นการต่อสู้ของยูนิซต่อเอลียาห์ในความฝัน และเขาก็เดินทางกลับนิวยอร์กทันที เมื่อเขาเคาะประตูยูนีซตกตะลึง เพราะเธอวางแผนที่จะบอกเขาว่าเธอไม่เชื่ออีกต่อไปเมื่อเธอเจอกับเขาอีกครั้ง แทนที่จะทำเช่นนั้น เธอกลับเชิญให้เขาเข้ามา เมื่อเอลียาห์เชิญเธอไปฟังคำเทศนาของเขาในเย็นวันนั้น เธอลังเลและไม่อยากไป แต่ในที่สุดเธอก็ยอมไปฟังสิ่งที่เขาพูด

ที่การเทศนาของเขา เอลียาห์อ้างถึง 1 เปโตร 4:12 ซึ่งบอกว่า “อย่าแปลกใจกับความทุกข์ยากแสนสาหัสที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกท่าน เพื่อทดสอบพวกท่านนั้น” ความทุกข์ยากแสนสาหัสที่พยายามทำลายศรัทธาของยูนีซไม่สามารถทำได้สำเร็จ เมื่อยูนีซได้ยินเอลียาห์พูด ความสงสัยของเธอก็มลายหายไป วิสุทธิชน บอกไว้แบบนี้ “ความมั่นใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรู้สึกกลับมาท่วมท้น”3

ความมั่นใจกลับมาท่วมท้น

ประสบการณ์ของยูนีซทำให้ดิฉันประทับใจและดิฉันใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ดิฉันเรียนรู้จากคำพูดที่เรียบง่ายและทรงพลังของเอลียาห์เช่นเดียวกับยูนีซ เราพึง “อย่าแปลกใจ” ถ้าเรามีคำถามเกี่ยวกับศรัทธาของเรา นี่เป็นเรื่องปกติ แม้ครั้งหนึ่งความจริงอาจดูเหมือนหลั่งไหลลงมาจากสวรรค์ แต่อาจมีช่วงเวลาต่อมาที่เรารู้สึกถึงความแห้งแล้งทางวิญญาณ เราอาจสงสัยว่าเราเคยรู้สึกถึงสายฝนจริงๆ หรือเปล่า หากยังไม่มีคำตอบหรือคำยืนยันใดๆ เราสามารถสวดอ้อนวอนขอสายฝนแห่งการเปิดเผยต่อไปได้ เราสามารถแสวงหาพยานเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เป็นจริงเมื่อวานยังคงเป็นความจริงในวันนี้ได้ เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “ถ้ามันถูกต้องเมื่อท่านสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับสิ่งนั้น และวางใจและดำเนินชีวิตเพื่อสิ่งนั้น ตอนนี้สิ่งนั้นก็ยังถูกต้อง … เผชิญหน้ากับความสงสัยของท่าน เอาชนะความกลัวของท่าน”4

ยูนีซเปิดใจอีกครั้งด้วยการเปิดประตูให้เพื่อนผู้สอนศาสนาของเธออีกครั้ง แม้เธอจะสงสัยว่าทำไมถึงควรทำแบบนั้นก็ตาม พระเจ้าทรงสามารถเอื้อมไปหายูนีซอีกครั้งและช่วยให้เธอรู้สึกถึงการยืนยันทุกสิ่งที่เธอเคยรู้ ในทำนองเดียวกัน เราแต่ละคนสามารถเปิดประตูทิ้งไว้ให้ศรัทธาได้แม้จะต้องต่อสู้กับความสงสัย เราสามารถทำในสิ่งที่ถูกต้องและแสวงหาการเปิดเผยต่อไป แม้เราจะไม่แน่ใจว่าทำไมเราจึงทำอย่างนั้น

เราเปิดประตูไว้เสมอโดยการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่าดีต่อจิตวิญญาณของเราต่อไป เรารักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์และเข้าร่วมการประชุมของเรา เราอ่านพระคัมภีร์แม้ว่าจะอ่านเพียงข้อเดียวในบางครั้งก็ตาม เราฟังเพลงสวดหรือคำปราศรัยการประชุม เราพูดคุยกับพระบิดาบนสวรรค์เกี่ยวกับความกังวลและความหวังของเรา และขอให้พระองค์ทรงช่วยให้เรารู้ความจริง เรารักษาพระบัญญัติ กลับใจ และแสวงหาความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์

แม้หากเราทำไม่ได้มากไปกว่าปรารถนาที่จะเชื่อ เรายังคงสามารถทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปและขอให้ความปรารถนานี้เกิดผลในเรา เราสามารถเก็บพื้นที่ในใจเราเพื่อให้ความเชื่อเติบโตมากขึ้น (ดู แอลมา 32:27)

สิ่งที่ฉันรู้

man standing before open door

แม้ว่าบางครั้งดิฉันจะสงสัย หลงทาง และหวั่นไหว แต่ดิฉันก็ได้เรียนรู้และเรียนรู้อีกครั้งด้วยตนเองว่านี่คือศาสนจักรของพระคริสต์ แม้ว่าโจเซฟ สมิธ อาจเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ดิฉันรู้ว่าท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ที่ได้รับการดลใจของพระผู้เป็นเจ้าผู้เสียสละทุกสิ่งและทำทุกสิ่งอย่างเต็มที่ ดิฉันยังรู้ด้วยว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นบันทึกโบราณที่แท้จริงและเป็นพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บรักษาไว้สำหรับเราในสมัยของเราเท่านั้น พระบิดาบนสวรรค์ยังคงยืนยันความจริงเหล่านี้กับดิฉันทุกวัน และดิฉันดีใจที่พระองค์ทรงยืนยันความจริงเหล่านี้กับยูนีซ แฟรงคลินด้วย

ดิฉันรู้ว่าเมื่อเราเปิดประตูและใจของเราทิ้งไว้ให้ความจริง พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยให้เรารู้สึกว่าสิ่งใดจริงและสิ่งใดไม่จริงผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ ประสบการณ์ทางวิญญาณจะเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในขณะนั้น และทุกช่วงเวลาหลังจากนั้น เมื่อเรารู้สึกว่ามีข้อสงสัยคืบคลานกลับเข้ามา เราจะเตือนตนเองได้ว่าเราเคยรู้สึกอย่างไร ความมั่นใจของเราเกี่ยวกับความจริงของพระกิตติคุณสามารถกลับมาท่วมท้นเช่นเดียวกับยูนีซ

เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในความแห้งแล้งของความสงสัยนานเกินไปหากเราจะยึดมั่นกับประสบการณ์ทางวิญญาณของเรา เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า “จงน้อมรับความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน … จงวางใจว่าช่วงเวลาเหล่านั้นมาจากพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักของพระองค์ ให้ช่วงเวลาเหล่านั้นทำให้ท่านอดทนต่อความสงสัยและเข้าใจความยากลำบากของตนเอง ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านเต็มใจยอมรับและถนอมเหตุการณ์สำคัญทางวิญญาณในชีวิต เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดกับท่านมากขึ้นเรื่อยๆ”5

ดิฉันรู้ว่าสำหรับผู้ที่พยายามสร้างประสบการณ์ทางวิญญาณใหม่ๆ และใช้ศรัทธาในพระคริสต์ คำสัญญานี้ที่ว่า “ผู้ที่เชื่อใน [พระคริสต์] จะไม่กระหายอีกเลย” เป็นความจริง (ยอห์น 6:35) คำตอบที่เราต้องการจะมาถึง เราสามารถผ่านความทุกข์ยากแสนสาหัสที่ซาตานโยนเข้ามาในทางของเราได้ และเรายังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรักได้ตลอดทุกวันของเรา

อ้างอิง

  1. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน,“การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 96.

  2. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” 95.

  3. ดู วิสุทธิชน: เรื่องราวของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคสุดท้าย เล่ม 1, มาตรฐานแห่งความจริง, 1815–1846 (2018), 315–317.

  4. Jeffrey R. Holland,, “Cast Not Away Therefore Your Confidence” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์, 2 มี.ค. 1999), 4, speeches.byu.edu.

  5. นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณ” เลียโฮนา พ.ค. 2020, 21–22.