การให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลก
จงนิ่งเถิดและรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า


61:53

จงนิ่งเถิดและรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า

การให้ข้อคิดทางวิญญาณซีอีเอสสำหรับคนหนุ่มสาว • 4 พฤษภาคม 2014 • แซนดีเอโก แคลิฟอร์เนีย

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความสุขที่ได้พูดกับท่านจากแซนดีเอโก แคลิฟอร์เนีย และดีใจที่ได้มาอยู่ที่การให้ข้อคิดทางวิญญาณซีอีเอสคืนนี้ เราขอต้อนรับคนหนุ่มสาวทุกท่านในค่ำวันนี้ รวมทั้งนักเรียนชั้นมัธยมปีที่หกด้วย เรามีความสุขที่ท่านอยู่กับเรา เราขอต้อนรับอดีตผู้สอนศาสนาเช่นกัน ศาสนจักรและพระเจ้าขอบคุณการรับใช้ของท่าน!

สุดท้าย เราขอต้อนรับท่านที่มุ่งหวังจะเป็นผู้สอนศาสนา พระเจ้าทรงต้องการชายหนุ่มหญิงสาวที่ชอบธรรมมาช่วยพระองค์รวมอิสราเอลและเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สอง

ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทราบว่าพระเจ้าทรงรักท่านและวางใจท่าน ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองเชื่อใจท่านและสวดอ้อนวอนให้ท่านบ่อยๆ ท่านคืออนาคตของศาสนจักร พระเจ้าทรงมีพรวิเศษสุดมากมายให้ท่านขณะที่ท่านดำเนินชีวิต

ข้าพเจ้าขอย้ำและเน้นประเด็นนี้—ท่านจะนำศาสนจักรใน 20 ถึง 30 ปีข้างหน้านับจากเวลานี้ บางท่านจะรับใช้เป็นอธิการ ประธานสเตค ประธานคณะเผยแผ่ ประธานปฐมวัย ประธานเยาวชนหญิง ประธานสมาคมสงเคราะห์ และประธานพระวิหารกับภริยาท่าน ท่านที่ฟังข้าพเจ้าอยู่ในค่ำคืนนี้อาจได้เป็นผู้นำในชุมชนและประชาชาติ ผู้นำของโลก บางคนจะเป็นสมาชิกในฝ่ายประธานสามัญของสตรี หรือแม้แต่สาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่หรือบางทีอาจเป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง

วันนี้ท่านไม่รู้ว่าอนาคตตรงหน้าท่านน่าทึ่งเพียงใด!

ผู้นำศาสนจักร

ข้าพเจ้าเคยได้ยินบางคนคิดว่าผู้นำศาสนจักรมีชีวิตอยู่ใน “ฟองสบู่” สิ่งที่พวกเขาลืมคือเราเป็นชายหญิงผู้มีประสบการณ์ เราเคยใช้ชีวิตมาแล้วหลายแห่งและทำงานกับคนมากมายหลายพื้นเพ งานมอบหมายปัจจุบันของเรานำเราไปทั่วโลก ที่นั่นเราพบผู้นำการเมือง ศาสนา ธุรกิจ และมนุษยธรรมของโลก แม้จะเคยไปเยือนทำเนียบขาวในวอชิงตัน ดี.ซี. และเข้าพบผู้นำหลายประชาชาติทั่วโลกมาแล้ว แต่เราก็เคยไปเยี่ยมบ้านซึ่งต่ำต้อยที่สุดบนแผ่นดินโลกมาแล้วเช่นกันเพื่อพบปะและปฏิบัติศาสนกิจต่อคนยากไร้

เมื่อท่านคิดพิจารณาชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจของเรา ท่านอาจจะเห็นพ้องว่าเราเห็นและประสบโลกในวิธีที่น้อยคนเห็นและประสบ ท่านจะตระหนักว่าเรามีชีวิตอยู่ใน “ฟองสบู่” น้อยกว่าคนส่วนใหญ่

หลายคนพูดว่าเราแก่เกินไป เป็นความจริงที่ว่าอัครสาวกเก้าคนอายุเกิน 80 แล้ว! ข้าพเจ้าอายุ 85

อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างเกี่ยวกับปัญญาเฉพาะคนและปัญญาผสมผสานของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ควรให้ความอุ่นใจบ้าง เราประสบมาแล้วทั้งหมด ทั้งผลของกฎหมายมหาชนที่แตกต่าง นโยบาย ความผิดหวัง ความเศร้าสลด และความตายในครอบครัวเรา ใช่ว่าเราจะไม่เข้าใจความเป็นไปในชีวิตท่าน

ข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่าไม่มีอัครสาวกคนใดเหนียมอาย เราแต่ละคนมีบุคลิกเข้มแข็ง ด้วยเหตุนี้เมื่อเรารวมกันตัดสินใจเรื่องใด ท่านมั่นใจได้เลยว่าเราหารือกันแล้วและตัดสินใจเรื่องนั้นหลังจากสวดอ้อนวอนอย่างหนักและอภิปรายอย่างถี่ถ้วน

แม้แต่หลานๆ ยังคิดว่าข้าพเจ้า “เท่มาก”—พวกเขาใช้คำนี้ ข้าพเจ้าเคยได้ยินหนุ่มสาวโสดบางคนพูดว่าข้าพเจ้า “เริ่ด” ข้าพเจ้าหวังว่าเป็นเรื่องดีที่จะ “เริ่ด”!

ใจพวกเรายังหนุ่มแน่น และพระเจ้าประทานพรเราให้ขับเคลื่อนงานของพระองค์ในวิธีที่น่าทึ่ง คืนนี้ข้าพเจ้าจะพูดเรื่องสำคัญกับท่านสามเรื่อง หนึ่ง การใช้เทคโนโลยี สอง การต่อกรกับสื่อลามก และสาม หลักคำสอนเรื่องการแต่งงาน—ปัญหาสำคัญสามประการที่เราเผชิญทุกวันนี้

1. การใช้เทคโนโลยี

หนึ่งคือการใช้เทคโนโลยี ในปี 2007 และ 2008 ข้าพเจ้าพูดกับบัณฑิตที่บีวายยู—ฮาวายและบีวายยู—ไอดาโฮ ในโอกาสเหล่านั้นข้าพเจ้าพูดว่า “เราจะยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ขณะที่คนอื่นๆ รวมทั้งคนที่วิพากษ์วิจารณ์เราพยายามนิยามสิ่งที่ศาสนจักรสอน”1 คราวนั้นข้าพเจ้าขอให้นักศึกษาใช้ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในการสนทนาทั่วโลกเกี่ยวกับศาสนจักร ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองค่อนข้างทันสมัยเมื่อแนะนำให้พวกเขาแบ่งปันมุมมองบนบล็อกต่างๆ ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าก็ได้รู้จักเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ พินเทอร์เรส ยูทูป กูเกิลพลัส อินสตาแกรม และเลขาบอกข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้ากำลังออกมาถึงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสแน็พแช็ท ว้าว! ดูเหมือนโลกเทคโนโลยีจะหยุดนิ่งไม่ได้แม้ไม่กี่นาที

โทรศัพท์มือถือของข้าพเจ้าน่าพิศวง! สมาร์ทโฟนฉลาดจริงๆ! พวกนี้ทำให้เรามีโอกาสวิเศษสุดมากมาย รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูล ขอทิศทางแผนที่ แบ่งปันภาพถ่ายและข้อความ แม้กระทั่งพูดคุยกับคนบางคนได้จริงเป็นครั้งคราว

โลกสมัยใหม่ที่เราอยู่เวลานี้เปลี่ยนแปลงตลอด ซึ่งบางด้านดีและบางด้านไม่ดีเอาเสียเลย

ความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน

นับจากสมัยของอาดัมกับเอวาจนถึงสมัยของโจเซฟกับเอ็มมา สมิธ โลกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้าจากรุ่นสู่รุ่น

คนในอดีตเพลิดเพลินกับความล้นเหลือของแสงสว่างตามธรรมชาติบนท้องฟ้าและความมืดที่อบอุ่นใจ ไม่มีไฟถนน ไฟหน้ารถ และมลพิษของแสงที่พบเห็นตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก ในเมืองยุคปัจจุบันแทบไม่เห็นท้องฟ้ายามราตรีเหมือนอับราฮัม โมเสส รูธ เอลีซาเบธ พระเยซู และวิสุทธิชนยุคสุดท้ายสมัยเริ่มแรกเห็น

พวกเขาเพลิดเพลินกับความเงียบตามธรรมชาติเช่นกัน มีเสียงจากน้ำมือมนุษย์สมัยนั้นรบกวนพวกเขาไม่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน เสียงรบกวนสมัยใหม่จากรถยนต์ เครื่องบิน และบางอย่างที่บางท่านอาจอ้างว่าเป็นเสียงเพลงกลบโลกธรรมชาติจนมิด (ท่านต้องเข้าใจว่า ในสมัยของข้าพเจ้า สิ่งที่ท่านคิดว่าเป็นดนตรีกับสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นดนตรี—เราแตกต่างกันมาก) ท่านไม่สามารถไปภัตตาคารโดยไม่มีเสียงดนตรีประกอบได้อีกต่อไป แม้แต่ในป่าไกลโพ้นของโลก ความเงียบมักจะถูกเสียงเครื่องบินไอพ่นบนฟ้าทำลายสิ้น

สุดท้าย คนในสมัยก่อนประสบความสันโดษอย่างที่เรานึกภาพไม่ออกในโลกอันชุลมุนวุ่นวายของเรา แม้เมื่อเราอยู่ตามลำพังในทุกวันนี้ เราก็ยังสามารถสื่อสารผ่านอุปกรณ์มือถือ แล็ปท็อป และทีวีเพื่อให้เราบรรเทิงใจและวุ่นอยู่ตลอดเวลา

ในฐานะอัครสาวก ข้าพเจ้าถามท่านว่า ท่านมีเวลาเงียบๆ ส่วนตัวบ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่าคนในอดีตมีโอกาสเห็น รู้สึก และประสบพระสิริของพระวิญญาณในชีวิตพวกเขามากกว่าเราหรือไม่

ดูเหมือนว่าขณะที่โลกเราสว่างจ้ามากขึ้น เสียงดังขึ้น วุ่นวายมากขึ้น เรามีการท้าทายมากยิ่งขึ้นให้รู้สึกถึงพระวิญญาณในชีวิตเรา ถ้าชีวิตท่านไม่มีเวลาเงียบสงบ ท่านจงเริ่มหาตั้งแต่คืนนี้ได้ไหม

คำแนะนำของศาสดาพยากรณ์

สำคัญที่ต้องนิ่ง ฟัง และทำตามพระวิญญาณ เรามีสิ่งดึงดูดความสนใจของเรามากเกินไป ไม่เหมือนช่วงเวลาใดในประวัติศาสตร์โลก

ทุกคนต้องมีเวลาพินิจไตร่ตรองและใคร่ครวญ แม้แต่พระผู้ช่วยให้รอดของโลกก็ทรงหาเวลาทำเช่นนั้นในระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจมรรตัยของพระองค์ “และเมื่อทรงให้ฝูงชนไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาตามลำพังเพื่ออธิษฐาน เวลาก็ดึกมาก พระองค์ยังประทับที่นั่นแต่ลำพัง”2

เราทุกคนต้องมีเวลาถามตัวเราเองหรือสัมภาษณ์ตัวเราเองเป็นประจำ เรามักจะมีงานยุ่งมากและโลกเสียงดังมากจนยากจะได้ยินถ้อยคำจากสวรรค์ “นิ่งเถิด, และรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า”3

อุปกรณ์มือถืออย่างเช่นสมาร์ทโฟนเป็นพร แต่สามารถทำให้เราเขวจนไม่ได้ยิน “เสียงสงบแผ่วเบา” เช่นกัน อุปกรณ์เหล่านั้นต้องเป็นทาสรับใช้เรา ไม่ใช่เป็นนายเรา ตัวอย่างเช่น ถ้าคืนนี้ท่านแบ่งปันข้อคิดที่สร้างแรงบันดาลใจจากการให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งนี้บนสื่อสังคม สมาร์ทโฟนเป็นทาส หากท่านท่องอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ สมาร์ทโฟนเป็นนาย

จงจำสิ่งที่เอลียาห์เรียนรู้ “พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในลมนั้น … พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในแผ่นดินไหวนั้น … พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในไฟนั้น” แต่พระเจ้าตรัสด้วย “เสียงเบาๆ”4

การใช้เทคโนโลยีของเรา

ข้าพเจ้าถามตามตรง ท่านใช้เวลาทุกวันมากเท่าใดกับโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ท ไม่นับที่ใช้ทำงานโรงเรียนหรืองานศาสนจักร

การใช้นั้นเหมาะสม และนั่นคือพร แต่เมื่อสมาร์ทโฟนเริ่มแทรกแซงความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนและครอบครัว---และแม้สำคัญกว่าพระผู้เป็นเจ้า---เราต้องเปลี่ยน สำหรับบางท่าน จะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย สำหรับหลายท่าน อาจต้องปรับเปลี่ยนมาก

ข้าพเจ้าเป็นห่วงเช่นกันว่าการส่งข้อความ เฟซบุ๊ก ทวีต และอินสตาแกรมมากเกินไปกำลังแทนที่การพูดคุย—พูดคุยกันโดยตรงและพูดคุยกับพระบิดาบนสวรรค์ในการสวดอ้อนวอนตลอดจนการนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

บ่อยเหลือเกินที่เยาวชนอยู่ในห้องเดียวกับครอบครัวหรือเพื่อนแต่มัวสื่อสารกับคนที่ไม่อยู่ตรงนั้น ด้วยเหตุนี้จึงพลาดโอกาสสนทนากับคนใกล้ตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านอาจจะต้องออกจากห้องและส่งข้อความมาให้พวกเขาเพื่อดึงความสนใจ!

สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้มากที่สุดในชีวิตมาจากการฟังคนที่มีประสบการณ์มาก คนที่ใช้ชีวิตมานานกว่าและเรียนรู้เรื่องสำคัญมากมายที่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องรู้ โปรดหาโอกาสพูดคุยกับพ่อแม่ ลุงป้าน้าอา และปู่ย่าตายายขณะคนเหล่านั้นยังอยู่กับท่าน

ข้าพเจ้ากังวลเช่นกันที่บางท่านเช็คอีเมล เฟซบุ๊ก ทวีตเตอร์ หรืออินสตาแกรมหรือส่งข้อความในช่วงการประชุมสำคัญที่สุดของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย---การประชุมศีลระลึกอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ในการประชุมสำคัญนี้เราควรจดจ่อที่พระเจ้าผ่านการสวดอ้อนวอน ร้องเพลงสวด และรับส่วนเครื่องหมายแห่งพระวรกายและพระโลหิตแทนที่จะใช้อุปกรณ์มัลติมีเดีย ท่านจะติดต่อกับพระวิญญาณในช่วงศีลระลึกไม่ได้ขณะที่ท่านดูหรือส่งข้อความบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต การติดต่อดังกล่าวเรียกร้องแสงสว่างของพระคริสต์ จากความคิดสู่ใจท่านอันจะก่อเกิดความรักความภักดีอย่างสุดซึ้ง

ข้าพเจ้าทราบว่าหลายท่านอ่านพระคัมภีร์และแหล่งข้อมูลอื่นของศาสนจักรบนโทรศัพท์และแท็บเล็ต ข้าพเจ้าได้ยินว่าพ่อแม่และผู้นำศาสนจักรบางคนเป็นห่วงพัฒนาการใหม่ล่าสุดนี้ แต่ข้าพเจ้าไม่ห่วง

ศาสนจักรนำความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมาใช้อยู่เสมอเพื่อช่วยผลักดันงานของพระเจ้าให้รุดหน้า เราเริ่มส่งผู้สอนศาสนาของเราลงเรือใบในทศวรรษ 1830 แต่เราใช้ความก้าวหน้าของเรือกลไฟในทศวรรษ 1860 จากนั้นเรายอมให้สายการบินเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งผู้สอนศาสนาไปทำงานมอบหมายทั่วโลกในทศวรรษ 1960

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอย่างน่าสนใจที่สุด ในอดีต อิสราเอลเก็บรักษาถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ไว้ในม้วนกระดาษหรือหนัง มีช่วงหนึ่งชาวคริสต์ยุคต้นใช้หนังสือโบราณเขียนด้วยลายมือ นับเป็นหนังสือสมัยใหม่รุ่นแรก

เราอยู่ที่นี่ 2,000 ปีให้หลัง และท่านกำลังอ่านพระคัมภีร์บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต—อ่านเหมือนพระเยซูเมื่อครั้งพระองค์ประทานม้วนหนังสือให้อิสยาห์อ่านในนาซาเร็ธ ท่านสามารถ “เลื่อนหน้าจอ”5ได้ด้วย—แต่ได้โปรดอย่า “เลื่อนหน้าจ้อ” ระหว่างพิธีศีลระลึก ในช่วงนาทีเหล่านั้นท่านสามารถจดจ่อที่การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดขณะขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าทรงอวยพรท่านสำหรับสัปดาห์ที่จะมาถึง ท่านอาจตั้งสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในโหมดเครื่องบินสำหรับช่วงวันอาทิตย์ทั้งวัน ท่านจะยังใช้พระคัมภีร์ คำพูดการประชุมใหญ่ หนังสือเพลงสวด และคู่มือในนั้นได้ แต่ท่านจะไม่ถูกรบกวนด้วยข้อความหรือการแจ้งเตือนที่ส่งมา

ที่พักพิงจากพายุ

นอกจากจะหาเวลาใคร่ครวญและพินิจไตร่ตรองแล้ว เรายังต้องหาที่แห่งหนึ่งซึ่งจะเป็น “การคุ้มภัย, และ … ที่พักพิงจากพายุ”6 ดังที่กล่าวไว้ในหลักคำสอนและพันธสัญญา

เราต้องมีสถานที่พักพิงพิเศษให้เราสามารถดึงตัวเราออกจากการรบกวนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยถอดปลั๊กเพื่อเราจะติดต่อกับพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าได้

สถานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการติดต่อกับพระวิญญาณคือในพระวิหาร—พระนิเวศน์ของพระเจ้า แน่นอนว่า สถานที่เดียวกันนี้อาจได้แก่อาคารอื่นของศาสนจักรที่อุทิศแล้ว รวมถึงห้องเรียนเซมินารีและสถาบัน เราสามารถหาที่พักพิงในบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ของเราเมื่อเราเลือกปิดทุกอย่างแล้วนิ่งและรู้เรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

เพื่อช่วยให้เราค้นพบโลกที่อาดัมกับเอวา อับราฮัมกับซาราห์ และโยเซฟกับมารีย์พบพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อช่วยให้เราพบสถานที่ให้รู้สึกและได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าในวันนี้ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่านให้ไปพระวิหารบ่อยๆ เท่าที่ทำได้ และปิดสมาร์ทโฟน และเก็บไว้ก่อนจะเข้าไปในบริเวณพระวิหาร

ในศาสนพิธีทั้งหมดในพระนิเวศน์ของพระเจ้า ท่านจะได้ยินภาษา ถ้อยคำ และสัญญาอันไพเราะที่พระเจ้าประทานแก่บุตรธิดาของพระองค์ นี่เป็นสถานที่เดียวที่ท่านจะได้ยินถ้อยคำไพเราะจรรโลงใจเหล่านั้น

หากท่านไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะได้ใบรับรองพระวิหารในเวลานี้ ขอให้ไปเยือนบริเวณพระวิหาร ข้าพเจ้าจะพูดถึงประเด็นสำคัญมากนี้ในกรณีที่ท่านไม่เคยได้ยินมาก่อน นั่นคือ ไม่มีสิ่งใดขัดขวางท่านหรือใครๆ ไม่ให้ไปเยือนบริเวณพระวิหาร พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านเตรียมตัวมีค่าควรถือใบรับรองพระวิหารและมาพระวิหารเร็วที่สุด การเดินรอบๆ บริเวณพระวิหารจะปลูกฝังความปรารถนาในใจท่านให้มีใบรับรองและเข้าพระวิหารเป็นประจำ

ในทางกลับกัน ซาตานไม่ต้องการให้ท่านไปพระวิหารหรือแม้แต่ยืนในร่มเงาของพระวิหาร เขาต้องการให้ท่านหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พระวิหารเพราะพระวิหารเป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า

ข้าพเจ้ารับรองกับทุกท่านว่าเมื่อท่านไปพระวิหารหรือไปเยือนบริเวณพระวิหาร ท่านจะเดินบนที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์เช่นเดียวกับปิตุและมาตุสมัยแรกเคยเดินมานานแล้ว ท่านเหล่านั้นจดจ่อกับการเดินทางนิรันดร์และสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต เฉกเช่นท่านเหล่านั้น ท่านสามารถจดจ่อกับความรู้สึกถึงพลังและอิทธิพลของสวรรค์

หากท่านเลือก ท่านจะได้ยินสุรเสียงสงบแผ่วเบาของพระวิญญาณในพระวิหารหรือบริเวณศักดิ์สิทธิ์โดยรอบอย่างที่ท่านจะไม่ได้ยินที่ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และในที่สาธารณะ ท่านจะพบว่าพระวิหารเป็นสถานที่วิเศษสุดที่ท่านจะได้รับคำตอบการสวดอ้อนวอนของท่าน

เมื่อไม่นานมานี้ประธานโธมัส เอส. มอนสันอุทิศพระวิหารกิลเบิร์ต แอริโซนา ในคำสวดอ้อนวอนอุทิศ ท่านทูลพระเจ้าว่า “ขอพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์สถิต ณ ที่นี้ ขอให้ทุกคนที่เข้ามาในกำแพงพระวิหารรู้สึกถึงอิทธิพลของพระวิญญาณนั้น” ท่านสวดอ้อนวอนเช่นกันว่า “ขอพระนิเวศน์ของพระองค์เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งความสงบ ที่พักพิงจากพายุแห่งชีวิตและเสียงรบกวนของโลก ขอให้เป็นบ้านแห่งการใคร่ครวญเงียบๆเกี่ยวกับธรรมชาตินิรันดร์ของชีวิตและแผนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกข้าพระองค์”7

พระวิหารทุกแห่งอุทิศแด่พระเจ้าเป็น “สถานศักดิ์สิทธิ์แห่งความสงบ ที่พักพิงจากพายุแห่งชีวิตและเสียงรบกวนของโลก … [และ] บ้านแห่งการใคร่ครวญเงียบๆ”

การตรงกันข้าม

โลกที่เราอยู่เวลานี้กำลังออกห่างจากคำสอนของพระคริสต์เร็วมากทั้งในกฎและในธรรมเนียม ด้วยเหตุนี้ซาตานจึงทำงานล่วงเวลาเพื่อให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าสับสนและทำให้คนที่ทรงเลือกหันเหจากการทำหน้าที่และการรับพรอันบริบูรณ์ของพระเจ้า

ซาตานต้องการให้ท่านเลิกนิสัยดีๆ ที่ท่านเรียนรู้ที่บ้าน ในเซมินารีและสถาบัน ตลอดจนงานเผยแผ่—เช่นการศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน สวดอ้อนวอนทุกวัน รับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรทุกสัปดาห์ และรับใช้ด้วยใจจริง นอกจากนี้ เขายังต้องการให้ท่านยืนอยู่เฉยๆ ในการรบครั้งสำคัญและรุนแรงอย่างยิ่งของยุคปัจจุบัน

คนหนุ่มสาวที่รักของข้าพเจ้า จงจำไว้ว่า เรากำลังทำสงคราม—แต่ไม่ใช่สงครามที่ใช้ปืนและกระสุน กระนั้นก็ตาม สงครามนี้เป็นเรื่องจริงที่มนุษย์ล้มตายนับไม่ถ้วน อันที่จริง นี่คือความต่อเนื่องของสงครามที่เริ่มไว้ตั้งแต่โลกก่อนเกิด

เปาโลเชื้อเชิญให้เรา “สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้ เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน”8

ในฐานะอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญทุกท่านที่ได้ยินเสียงข้าพเจ้า ในโลกกว้างใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ ให้ “สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า” และร่วมรบในวันนี้เหมือนพวกบุตรของฮีลามันเมื่อหลายปีก่อน อย่ารอจนท่านแต่งงานหรือเริ่มงานอาชีพหรือสูงวัย ศาสนจักรต้องการเยาวชนของเราเดี๋ยวนี้ พระเจ้าทรงต้องการท่านเดี๋ยวนี้!

ท่านคงจำได้ นักรบหนุ่ม 2,000 คน “เข้ามาในพันธสัญญาที่จะต่อสู้เพื่อเสรีภาพของชาวนีไฟ”9 ศาสนจักรต้องการนักรบสมัยใหม่ผู้ได้ทำพันธสัญญาว่าจะ “ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง”10

พระคัมภีร์มอรมอนพูดถึงนักรบเหล่านี้ว่า

“พวกเขาทั้งหมดเป็นคนหนุ่ม, และพวกเขาองอาจยิ่งในด้านความกล้าหาญ, และด้านพละกำลังและความกระตือรือร้นด้วย; แต่ดูเถิด, นี่ไม่ใช่ทั้งหมด—พวกเขา … ซื่อสัตย์สุจริตตลอดเวลาในเรื่องใดๆ ก็ตามที่พวกเขาได้รับมอบหมาย.

“แท้จริงแล้ว, พวกเขาเป็นบุรุษแห่งสัจจะและความมีสติ, เพราะพวกเขาได้รับการสอนให้รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงต่อพระพักตร์พระองค์.”11

เยาวชนหญิงและเยาวชนชายทั้งหลายท่านเป็นธิดาและบุตรสมัยใหม่ของฮีลามัน ขอให้มีคนพูดถึงท่านเหมือนมีคนพูดถึงพวกเขาว่า “พวกเขาในระยะเวลานี้ … เกื้อหนุนได้อย่างมาก”12

2. การต่อกรกับสื่อลามาก

อย่างที่สองที่ข้าพเจ้าอยากพูดกับท่านคือเราต้องการให้ท่านร่วมกับเราในการต่อสู้กับสื่อลามก ซึ่งคือโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังลุกลามทั่วโลก จงฟังข้าพเจ้าคืนนี้ขณะข้าพเจ้าอธิบายแบบอย่างพระปรีชาญาณของพระเจ้า

เมื่อ 180 กว่าปีก่อน พระเจ้าทรงเปิดเผยกฎแห่งสุขภาพ รวมถึงพระดำรัสเตือนเรื่องการใช้ยาสูบ13 ผู้คนหลายล้านคนฟังพระเจ้า แต่อีกหลายล้านคนไม่ฟัง ในสมัยนั้นหรือแม้เมื่อข้าพเจ้าอายุเท่าท่านไม่มีใครรู้ผลระยะยาวของการสูบบุหรี่ ปัจจุบัน หลังจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายสิบปี เวลานี้เรารู้ว่าการสูบบุหรี่ส่งผลให้เป็นมะเร็งปอดและโรคร้ายแรงอื่นๆ พระคำแห่งปัญญาของพระเจ้าเป็นพรที่คอยคุ้มครองเรา

ในทำนองเดียวกันพระเจ้าทรงเตือนเราในยุคสมัยของเราเกี่ยวกับผลของสื่อลามก ผู้คนหลายล้านคนทำตามพระดำรัสแนะนำของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ แต่อีกนับไม่ถ้วนไม่ทำตาม เพื่อนที่รักของข้าพเจ้า เราไม่ต้องรอถึง 180 ปีหรือแม้ 10 ปีเพื่อค้นพบผลเสียของสื่อลามกเพราะการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเปิดเผยว่าสื่อลามกเป็นภัยต่อคนหนุ่มสาวในหลายๆ ด้านและวางยาพิษทำลายโอกาสที่พวกเขาจะมีชีวิตสมรสอันยั่งยืนและเปี่ยมด้วยรักในวันข้างหน้า

งานวิจัยแสดงให้เห็นเช่นกันว่าการใช้สื่อลามกบ่อยๆ นำไปสู่พฤติกรรมหมกมุ่นและทำให้สมองของผู้เสพวนเวียนอยู่กับสื่อลามกในคุกของการเสพติด

งานวิจัยพิสูจน์ให้เห็นเช่นกันว่าสื่อลามกบ่มเพาะความคาดหวังที่ไม่เป็นจริงและให้ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันดีของมนุษย์

สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดคือสื่อลามกทำให้ท่านเห็นคนเป็นวัตถุที่ท่านสามารถเพิกเฉยและดูหมิ่นได้ทั้งทางอารมณ์และร่างกาย

อีกแง่หนึ่งของสื่อลามกคือโดยทั่วไปจะเป็นกิจกรรม “ลับ” ผู้ใช้มักจะแอบใช้หรืออย่างน้อยก็ใช้ต่อหน้าทุกคนน้อยที่สุด รวมทั้งคู่รักและคู่สมรสของพวกเขา การศึกษาพบว่าเมื่อคนปกปิดตนเองในลักษณะนี้—เมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ตนไม่ภาคภูมิใจและปิดเป็นความลับไม่ให้สมาชิกครอบครัวและมิตรสหายรู้—นั่นไม่เพียงทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาและทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวเท่านั้นแต่ยังทำให้พวกเขาซึมเศร้าและวิตกกังวลง่ายขึ้น และนับถือตนเองน้อยลง การหลบๆ ซ่อนๆ ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ

ในขั้นต้น เราต้องหลีกเลี่ยงสื่อลามกเพราะเป็นอันตรายถึงชีวิต ฆ่าความสัมพันธ์ที่จริงใจและอ่อนโยนของมนุษย์---ทำลายชีวิตสมรสและครอบครัว ทำลายวิญญาณของคนเสพได้แน่นอนเท่าๆ กับพิษร้ายแรงที่สุดฆ่าร่างกายและจิตใจ

พี่น้องหนุ่มสาวทั้งหลาย อย่าถูกหลอก อย่าคิดว่าเมื่อท่านไปเป็นผู้สอนศาสนาหรือเมื่อท่านแต่งงานท่านจะหยุดพฤติกรรมเสพติดนี้ได้ หากท่านพัวพันกับมันตอนนี้ หากท่านติดกับดักของการปฏิบัติดังกล่าว จงขอความช่วยเหลือทางวิญญาณเดี๋ยวนี้ ท่านเอาชนะสื่อลามกได้ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้ช่วยให้รอด อย่ารอ! ข้าพเจ้าวิงวอนท่านว่า อย่ายุ่งกับมัน! มีแหล่งช่วยมากมายบน LDS.org ซึ่งจะลบล้างความมืดมนของภาพสื่อลามก

นี่เป็นยุคที่ท้าทาย—แต่ไม่น่าท้าทายมากไปกว่ายุคของฮีลามันและนักรบหนุ่มของเขาเมื่อพวกเขายืนปกป้องครอบครัวและศาสนจักร นี่เป็นเวลาให้ท่านก้าวไปข้างหน้าและสมทบกับขบวนเยาวชนชายหญิงที่ชอบธรรมและอุทิศตนคนอื่นๆ เพื่อต่อสู้กับสื่อลามก

3. หลักคำสอนเรื่องการแต่งงาน

ตอนนี้ข้าพเจ้าอยากพูดกับท่านถึงเรื่องที่สาม และต้องการให้ท่านเข้าใจอย่างถ่องแท้ที่สุดถึงจุดยืนของศาสนจักรในเรื่องการแต่งงานตามที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานไว้ให้เราในพระคัมภีร์และ “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” เอกสารที่ได้รับการดลใจกล่าวดังนี้ “ครอบครัวได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า การแต่งงานระหว่างชายและหญิงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อแผนนิรันดร์ของพระองค์ เด็กมีสิทธิ์ถือกำเนิดภายในพันธะของการสมรสและได้รับการเลี้ยงดูจากบิดามารดาที่รักษาคำปฏิญาณของการแต่งงานด้วยความซื่อสัตย์อย่างที่สุด”14

อัครสาวกมีหน้าที่เป็นยามบนหอสูงเพื่อดูและสอนหลักคำสอนของพระคริสต์ ทุกท่านทราบว่าทุกวันนี้นิยามดั้งเดิมของการแต่งงานถูกโจมตี มีคนกำลังตั้งป้อมถกเถียงเรื่องนี้โดยมุ่งเน้นไปที่สิทธิของพลเมือง ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายจุดยืนและหลักคำสอนของศาสนจักรเกี่ยวกับจุดประสงค์และแผนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้บุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์ประสบชีวิตมรรตัย ซึ่งจำเป็นต่อชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ของเรา

ข้าพเจ้าคิดว่าหลายท่านยังไม่ได้อ่านถ้อยแถลงที่ออกมาต้นปีนี้ ข้าพเจ้าขอให้ท่านตั้งใจฟังเมื่อข้าพเจ้าอ้างจากถ้อยแถลงดังนี้

“การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายบ้านเมืองไม่ได้เปลี่ยนกฎศีลธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติไว้แม้แต่น้อย ทั้งไม่ สามารถทำเช่นนั้นได้ พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังให้เราธำรงรักษาพระบัญญัติของพระองค์ไม่ว่าความคิดเห็นหรือกระแสนิยมในสังคมจะต่างไปอย่างไร กฎความบริสุทธิ์ทางเพศของพระองค์ชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเรื่องถูกต้องเหมาะสมก็ต่อเมื่อเกิดขึ้นระหว่างชายกับหญิงที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายในฐานะสามีภรรยาเท่านั้น ศาสนจักรใคร่ขอให้ท่านทบทวนและสอนสมาชิกศาสนจักรเกี่ยวกับหลักคำสอนที่มีอยู่ใน ‘ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก’

ถ้อยแถลงกล่าวต่อไปว่า

“ผู้ส่งเสริมการแต่งงานเพศเดียวกันมีสิทธิ์ได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพชนฉันใด ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิ์ได้รับการ ปฏิบัติอย่างสุภาพชนฉันนั้น …

“ในฐานะสมาชิกศาสนจักร เรามีหน้าที่สอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และอธิบายถึงพรมากมายจากการ สดับฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมด้วยผลอันหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการเพิกเฉยต่อพระบัญญัติเหล่านั้น เราขอเชื้อเชิญให้ท่านสวดอ้อนวอนเพื่อที่ผู้คนทุกแห่งหนจะเปิดใจรับความจริงของพระกิตติคุณ และเพื่อให้ปัญญาบังเกิดแก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตของสังคม”15

ข้าพเจ้าทราบว่าท่านรักและสนับสนุนพระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ แต่ข้าพเจ้าทราบเช่นกันว่าบางท่านอาจจะสับสนกับนัยมากมายของมติศาสนจักรให้สนับสนุนแผนซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยสำหรับบุตรธิดาของพระองค์

ข้าพเจ้าทราบเช่นกันว่าเยาวชนบางคนของเราพยายามเข้าใจว่าจะอธิบายหลักคำสอนเกี่ยวกับครอบครัวและการแต่งงานได้อย่างไรโดยที่ยังคงสุภาพอ่อนโยนและรักคนที่ไม่เห็นด้วย ท่านอาจจะเกรงว่าท่านจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนคลั่งศาสนาและใจแคบ

ท่านอาจจะรู้จักคนที่ต่อสู้กับความเสน่หาเพศเดียวกันหรือได้ตัดสินใจมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ความรักที่ท่านมีต่อบุคคลนั้นในฐานะบุตรหรือธิดาของพระผู้เป็นเจ้าอาจสร้างความกดดันในใจขณะที่ท่านพยายามรักและสนับสนุนเขาและยังคงยึดมั่นแผนนิรันดร์แห่งความสุขของพระเจ้า

ขอให้เข้าใจตรงกันค่ำคืนนี้—ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเชื่อว่า “ประสบการณ์เรื่องเสน่หาเพศเดียวกันเป็นความจริงที่ซับซ้อนสำหรับหลายคน เสน่หาในตัวมันเองไม่ใช่บาป แต่การทำตามความเสน่หาเป็นบาป ถึงแม้บุคคลไม่ได้เลือกจะมีความเสน่หาดังกล่าว แต่พวกเขาเลือกวิธีตอบสนอง ศาสนจักรยื่นมือช่วยเหลือบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความรักความเข้าใจ รวมถึง [คนที่เสน่หาเพศเดียวกัน]”16

ศาสนจักรไม่สอนหรือสนับสนุนให้รังเกียจผู้อื่นหรือประพฤติตนไม่เหมือนชาวคริสต์ เราต้องรักและพยายามช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจว่าไม่ควรมีใครเพิกเฉยหรือมองข้ามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

พยานและคำเตือน

สุดท้าย ใน “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า “เราขอเตือนว่าผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนพันธสัญญาแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ ผู้ที่ทำร้ายคู่ครองหรือบุตรธิดา หรือผู้ที่ล้มเหลวต่อสัมฤทธิผลของความรับผิดชอบในครอบครัว วันหนึ่งเขาจะยืนชี้แจงต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากนี้ เราเตือนว่าการแตกสลายของครอบครัวจะนำภัยพิบัติมาสู่ตัวบุคคล ประชาคม และประชาชาติดังที่ศาสดาพยากรณ์ในสมัยโบราณและปัจจุบันพยากรณ์ไว้”17

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ร่วมในการเตือนนั้น ในฐานะยามบนหอสูง ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้อง “เป่าแตรเพื่อเตือนประชาชน”18 ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้ากล้าเปล่งเสียงเตือน ข้าพเจ้าทำเช่นนั้นเพราะรักท่านและต้องการให้ท่านเข้าใจว่าเราต้องยืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ นั่นคือหน้าที่ของข้าพเจ้า

ข่าวดี

พระดำรัสเตือนของพระเจ้ามาพร้อมพระดำรัสเชื้อเชิญให้มาหาพระองค์ พระบิดาในสวรรค์ทรงทราบผลของการดำเนินชีวิตในโลกที่ตกแล้วและด้วยเหตุนี้จึงเตรียมพระผู้ช่วยให้รอด “พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกสร้างโลก” ให้บุตรธิดาของพระองค์19 ในกิตติคุณของยอห์น เราเรียนรู้ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”20

ขอให้ระลึกว่าพระกิตติคุณคือ “ข่าวดี” คือข่าวสารแห่งความหวัง หากท่านเดือดร้อนตอนนี้ จงขอความช่วยเหลือ พระเจ้าทรงเมตตาและทรงให้อภัย

อัครสาวกเปาโลสอนดังนี้

“ใครจะให้เราขาดความรักของพระคริสต์ได้? จะเป็นความทุกข์ หรือความยากลำบาก หรือการเคี่ยวเข็ญ หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ? …

“แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย

“เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ และสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย

“หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้”21

เพราะพระเยซูคริสต์ สันติสุขจึงสามารถแทนที่ความรู้สึกผิด ความสัมพันธ์อันดีฟื้นฟูได้ การเสพติดเอาชนะได้

เราต้องให้ครอบครัวและมิตรสหายของเรารู้ความจริงนี้—พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความรัก “และพระองค์ทรงเชื้อเชิญพวกเขาทั้งหมดให้มาหาพระองค์และรับส่วนพระคุณความดีของพระองค์; และพระองค์ไม่ทรงปฏิเสธผู้ใดที่มาหาพระองค์เลย”22

เราต้องการให้ท่านมีส่วนในงานแห่งความรอดก่อน ระหว่าง และหลังจากงานเผยแผ่ของท่าน

การใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นพรแก่ชีวิต

พระเจ้าทรงเชื้อเชิญท่านให้มีส่วนร่วมและใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมที่ท่านชอบแบ่งปันพระกิตติคุณและตั้งมั่นในฐานะบุตรธิดาสมัยใหม่ของฮีลามันในการสู้รบครั้งใหญ่ของวันเวลาสุดท้าย พระองค์ทรงต้องการให้ท่านเป็นนักรบสมัยใหม่ที่ยืนหยัดและพร้อมใจกันปกป้องความจริง พระองค์ทรงต้องการให้ท่านกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการเผชิญความก้าวหน้าของศัตรู เรารู้ว่าสุดท้ายแล้วพระเจ้าจะทรงชนะและซาตานจะพ่ายแพ้

โดยผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมที่หลากหลาย ท่านสามารถสนทนาพระกิตติคุณกับครอบครัว มิตรสหาย และอดีตผู้สอนศาสนาสามารถสนทนาได้แม้กับอดีตผู้สนใจและสมาชิกใหม่ ท่านสามารถยืนเป็นพยานถึงความจริงและปกป้องอาณาจักร

การปกป้องอาณาจักร

ข้าพเจ้าทราบว่าบางท่านกังวลกับการถูกตัดสินแบบผิดๆ ถูกเย้ยหยัน และแม้ถูกรังควานหากท่านสนับสนุนพระบิดาบนสวรรค์ พระเจ้าพระเยซูคริสต์ และศาสนจักร ข้าพเจ้าเข้าใจความกังวลของท่าน

ข้าพเจ้ารับใช้เป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่มในคณะเผยแผ่บริติชหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เวลานั้นมอรมอนเป็นที่ “ดูหมิ่นเหยียดหยาม”23 ผู้สอนศาสนาถูกหัวเราะเยาะและถูกเย้ยหยัน ผู้คนถึงกับปาข้าวของใส่เรา บางคนถ่มน้ำลายรดเรา แต่เราไม่ถอย เรายังคงแสดงประจักษ์พยานและแบ่งปันพระกิตติคุณ เฉกเช่นอบินาได เราไม่ระย่อ เฉกเช่นเปาโล เราไม่ระย่อ และเฉกเช่นพระผู้ช่วยให้รอด เราไม่ระย่อ เวลานั้นเราอาจนึกภาพผลการทำงานของเราไม่ออก เรามีท้องถิ่น 14 แห่งและไม่มีสเตค ปัจจุบันมีสเตคแห่งไซอัน 46 สเตคในบริติชไอลส์

เพื่อนหนุ่มสาวที่รักทั้งหลาย อย่ากังวลกับคนในอาคารใหญ่และกว้าง นีไฟเห็นว่าพวกเขาจะล้อเลียนและชี้ “นิ้วของพวกเขามาทางผู้คนซึ่งเข้ามาและกำลังรับส่วนผลนั้น”24 อย่าเป็นเหมือนคนที่ “หลังจากพวกเขาได้ชิมรสของผลนั้นแล้วพวกเขามีความละอาย, อันเนื่องมาจากผู้ซึ่งกำลังเยาะเย้ยพวกเขาอยู่; และพวกเขาตกลงไปในทางที่ต้องห้ามและหายไป”25

ท่านเป็นคนรุ่นสำคัญและยิ่งใหญ่ การมีชีวิตอยู่ในเวลานี้สำคัญอย่างยิ่ง! อนาคตสดใส คืนนี้จงบอกตัวท่านเองว่า “ฉันกำลังช่วยพระเจ้าขณะฉันแสดงประจักษ์พยานและสอนความจริงที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยในวันเวลาสุดท้ายนี้”

บัดนี้ ท่านมีโอกาสใช้สื่อสังคมทั้งหมดนี้อย่างฉลาดเพื่อแบ่งปันสิ่งที่ท่านเรียนรู้และรู้สึกคืนนี้ จำไว้ว่ามีเวลาและสถานที่เหมาะสมให้ท่านใช้สื่อสังคม การแบ่งปันความคิดและประจักษ์พยานในสิ่งที่ท่านกำลังเรียนรู้และรู้สึกเป็นหนึ่งในเวลาเหล่านั้น

ประจักษ์พยานและพยาน

ขอพระเจ้าประทานพรท่านด้วยปัญญาเกินกว่าวัยของท่าน ที่ท่านจะตระหนักอย่างฉลาดว่าเราอยู่ในการต้อสู้นี้และต้องยืนหยัดด้วยกัน ทั้งหนุ่มสาวและสูงวัย ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงเฝ้าดูแลและอวยพรท่าน โปรดรู้ว่าเรารักท่านมาก และขอให้พระบิดาบนสวรรค์ประทานพรให้ท่านแต่ละคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ ที่กำลังรับฟังการให้ข้อคิดทางวิญญาณค่ำคืนนี้ ด้วยสันติสุขของพระเจ้าในใจท่าน ด้วยพยานและความมั่นใจอย่างสงบว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์อยู่ ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและนี่คือศาสนจักรของพระองค์ ขอให้ท่านไม่ลืม ในการเดินทางครั้งนี้ ว่าท่านทุกคนมีค่าต่อการเตรียมโลกในอนาคตสำหรับวันที่พระเยซูคริสต์จะตรัสว่า “นั่นเพียงพอแล้ว” และจะกลับมาปกครองในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด เจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย พระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย พระผู้ไถ่ของโลก ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ค่ำคืนนี้เราได้พูดถึงสิ่งเหล่านั้นซึ่งสำคัญต่อพระองค์ ขอให้เราอำลาการประชุมนี้ด้วยความรักสำหรับพระเจ้าและความปรารถนาที่จะรับใช้พระองค์ นี่คือคำสวดอ้อนวอนอันอ่อนน้อมของข้าพเจ้า ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่รักของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ เอเมน

© 2014 โดย Intellectual Reserve, Inc. สงวนสิทธิ์ทุกประการ อนุมัติภาษาอังกฤษ: 3/14 อนุมัติการแปล: 3/14 แปลจาก Be Still, and Know That I Am God. Thai. PD50053655 425