การให้ข้อคิดทางวิญญาณคริสต์มาส
ข่าว‍ดี​อันเป็น​ความ​ยินดี​ยิ่ง​


14:6

ข่าว‍ดี​อันเป็น​ความ​ยินดี​ยิ่ง​

การให้ข้อคิดทางวิญญาณจากฝ่ายประธานสูงสุดเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสปี 2022

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2022

สุขสันต์วันคริสต์มาส! ขอบคุณทุกท่านที่ข่าวสาร บทเพลง และการรับใช้ของท่านประกาศ “ข่าว‍ดี​อันเป็น​ความ​ยินดี​ยิ่ง​” ในเทศกาลคริสต์มาสนี้

หลายร้อยล้านคนฉลองการประสูติของพระเยซูคริสต์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ คนทั้งโลกควรทำเช่นนั้น พระชนม์ชีพของพระองค์ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

1.

แม้ในแง่มุมทางโลก พระชนม์ชีพมรรตัยของพระเยซูแห่งนาซาเร็ธก็ยังส่งผลต่อโลกนี้และประวัติศาสตร์โลกมากยิ่งกว่าชีวิตใคร ทรงเป็นหัวข้อหลักของผู้เผยพระวจนะและนักกวีมาหลายพันปี ศิลปะกับดนตรีชิ้นเอกของโลกตะวันตกมุ่งไปที่การฉลองการประสูติ พระชนม์ชีพ และพระพันธกิจของพระเยซูคริสต์ นักปรัชญาและนักศาสนศาสตร์ใช้ชีวิตศึกษาคำสอนของพระองค์ คำสอนเหล่านั้นดลบันดาลให้เกิดงานนับไม่ถ้วนจากจิตกุศล แสดงถึงความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์

ไม่เคยมีใครมีอนุสรณ์รำลึกถึงชีวิตและคำสอนของตนมากไปกว่าพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แน่นอนว่ารวมถึงโบสถ์ใหญ่ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วยุโรปและอเมริกาด้วย หลายแห่งใช้เวลาก่อสร้างมากกว่าหนึ่งศตวรรษ ล่าสุดศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีพระวิหารที่อุทิศแล้วและเปิดดำเนินการ 171 แห่ง อีก 129 แห่งกำลังบูรณะ ก่อสร้าง ออกแบบ หรือประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเพิ่งประกาศสร้างที่การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พระนิเวศน์เหล่านี้ของพระเจ้ามีอยู่ทุกทวีปใน 74 ประเทศของโลก ที่นั่นเราอุทิศชีวิตให้กับการติดตามพระเยซูคริสต์

หลายล้านคนสละชีวิต—และที่สำคัญกว่านั้น หลายล้านคนวางแบบแผนชีวิตตามองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยโฮวาห์ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ไม่ได้กล่าวเกินจริงเมื่อท่านประกาศว่า “แบบอย่างอันหาที่เปรียบมิได้ของพระองค์เป็นพลังยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับความดีงามและสันติสุขในโลก”

2.

เราจะเห็นได้ถึงจุดประสงค์และสัญลักษณ์สำคัญในการแจ้งการประสูติของพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้า เราเรียนรู้จากเรื่องราวในพันธสัญญาใหม่ว่ามีคนสามกลุ่มได้รับแจ้งเรื่องการประสูติของพระกุมารพระคริสต์ในซีกโลกตะวันออก คนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันมาก คนที่ได้รับแจ้งเรื่องการประสูติจากสวรรค์ ได้แก่ คนที่ถ่อมตนมาก คนที่ศักดิ์สิทธิ์มาก และคนที่ฉลาดมาก

ครั้งแรกเป็นการแจ้งกับคนเลี้ยงแกะในเนินเขาใกล้เบธเลเฮม ทูตสวรรค์และคณะนักร้องจากสวรรค์ประกาศว่า “เรานำข่าว‍ดีมายังพวก‍ท่าน เป็นความยินดีอย่าง‍ยิ่งที่จะมาถึงคนทั้ง‍หลาย … พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า”2 คนเลี้ยงแกะได้รับเลือกให้ได้รับข่าวดีเหล่านี้เพราะพวกเขาอ่อนน้อมถ่อมตน จึงรับข่าวสารจากสวรรค์ได้ง่าย ซึ่งยืนยันได้จากการที่พวกเขาไปเยือนพระกุมารที่เพิ่งประสูติ จากนั้นพระคัมภีร์รายงานว่าพวกเขา “เล่าเรื่องที่เขาได้‍ยินถึงพระ‍กุมารนั้น”3 งานของพวกเขาในฐานะคนเลี้ยงแกะกับลูกแกะที่พวกเขาดูแลเป็นตัวอย่างที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงใช้ในการสอนของพระองค์ เมื่อพระเยซูเสด็จมาหายอห์นผู้ถวายบัพติศมาช่วงที่ทรงเริ่มปฏิบัติศาสนกิจ ศาสดาพยากรณ์ผู้นี้ประกาศเช่นกันว่า “จงดูพระ‍เมษ‌โป‌ดกของพระ‍เจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป”4

การแจ้งครั้งที่สองเรื่องการประสูติของพระเมสสิยาห์คือในพระวิหารที่เยรูซาเล็มต่อคนงานศักดิ์สิทธิ์สองคนผู้ดำเนินชีวิตอย่างพระผู้เป็นเจ้าจนคู่ควรได้รับพยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อมารีย์กับโยเซฟนำพระกุมารมาถวายในพระวิหารตามที่กำหนดสำหรับบุตรหัวปี สิเมโอนกับอันนาเป็นพยานว่าพระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ พระคัมภีร์บันทึกว่าสิเมโอนอุ้มพระกุมารนั้นและสรรเสริญพระเจ้าที่ทรงอนุญาตให้เขาเห็น “ความรอดของพระองค์” เห็น “ความสว่างที่ส่องแก่คนต่างชาติ และเป็นศักดิ์ศรีของพวกอิสราเอลชนชาติของพระองค์” และอันนา “ผู้เผยพระวจนะหญิง” “เข้ามาขอบ‍พระ‍คุณพระ‍เจ้าและกล่าว‍ถึงพระ‍กุมารให้คนทั้ง‍หลายที่คอยการทรงไถ่กรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็มฟัง”5

คนกลุ่มที่สามทราบเรื่องการประสูติอันน่าอัศจรรย์นี้ พระคัมภีร์ไบเบิลตามที่โจเซฟ สมิธปรับปรุงเล็กน้อยรายงานว่า “มีพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็มถามว่า พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นพระเมสสิยาห์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน”6

จากการสอบถามของพวกเขาเราจึงไม่สงสัยว่าพระเจ้าทรงนำพวกเขามาเพื่อจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระคัมภีร์ไบเบิลสอนว่า “เรื่องของพระผู้เป็นเจ้าไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่เขามีพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า”7 นักปราชญ์เหล่านี้มาจากแผ่นดินอื่นและวัฒนธรรมอื่น ด้วยเหตุนี้การเปิดเผยต่อพวกเขาจึงเป็นเครื่องเตือนใจว่าพระเมสสิยาห์ประสูติมาเพื่อทุกคน นอกจากนั้น ยังมีจุดประสงค์อีกอย่างด้วย คุณค่าของทองคำและของขวัญอื่นๆ ที่นักปราชญ์มอบให้อาจช่วยมารีย์กับโยเซฟในการเดินทางอย่างเร่งรีบไปอียิปต์และอยู่ที่นั่นเพื่อให้พระกุมารพระคริสต์ปลอดภัยเมื่อคำสั่งชั่วร้ายของกษัตริย์เฮโรดคุกคามพระชนม์ชีพของพระองค์8

ไม่น่าสนใจหรอกหรือที่เหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ของการประสูติและเรื่องสำคัญบางอย่างของเหตุการณ์นั้นรู้เฉพาะคนที่ถ่อมตนมาก คนที่ศักดิ์สิทธิ์มาก และคนที่ฉลาดมากเท่านั้น? ดังเอ็ลเดอร์เจมส์ อี. ทาลเมจสอนใน Jesus the Christ “ความจริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพยานสำหรับพระองค์เองให้ครบทุกประเภทและทุกสภาพของมนุษย์—ประจักษ์พยานของทูตสวรรค์สำหรับคนจนและคนต่ำต้อย ประจักษ์พยานของนักปราชญ์สำหรับกษัตริย์ที่ยโสและปุโรหิตที่จองหองของยูเดีย”9

เมื่อนึกถึงสิเมโอนกับอันนา อาจบันดาลใจให้เราเป็นเหมือนพวกเขาและเพิ่มเติมพยานของเราเกี่ยวกับการประสูติอันศักดิ์สิทธิ์และจุดประสงค์ของการประสูตินั้นในเทศกาลคริสต์มาสนี้

3.

สำหรับเรา ไม่มีอะไรใหม่ในการฉลองการประสูติของพระคริสต์ ข่าวสารเรื่องนี้ไม่ตกยุคและเป็นที่รู้จัก เป็นเรื่องที่สอนแก่อาดัม สั่งสอนแก่ลูกหลานอิสราเอล และเปิดเผยต่อลูกหลานของท่านบิดาลีไฮ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ศาสดาพยากรณ์ประกาศความจริงหลักๆ ของคำสอนและการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกท่านประกาศพระพันธกิจและสอนพระบัญชาของพระองค์ว่าลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าต้องรักและรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและกันและกัน คำประกาศเหล่านี้เป็นข่าวสารสำคัญที่สุดในนิรันดรที่เราประกาศซ้ำๆ เรื่อยมา สำหรับผู้ติดตามพระคริสต์ คำประกาศเหล่านี้ไม่ต้องมีการ แก้ไข แต่ต้อง ประกาศซ้ำ ในชีวิตเราแต่ละคน

คริสต์มาสปลุกเราให้ปรารถนาจะแสดงความรักและความเป็นเพื่อนนอกเหนือความสัมพันธ์ตามปกติของเรา คำประกาศจากสวรรค์ที่ว่า “บนแผ่นดินโลกสันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย”1 ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่เรารู้สึกรักและชอบพออยู่แล้วเท่านั้น แต่เราจะส่งความปรารถนาดีให้เพื่อนๆ คนแปลกหน้า แม้กระทั่งศัตรูด้วย คริสต์มาสเป็นเวลาสำหรับการให้อภัย เวลาเยียวยาแผลเก่า และฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยนไป

คริสต์มาสเป็นเวลาให้ขจัดความยโสและโทสะ หยุดวิจารณ์ ฝึกความอดทน และเลิกตอกย้ำความแตกต่างในหมู่คน เรามีแรงจูงใจให้ผูกมิตรกับทุกคน กับคนที่นับถือศาสนาเดียวกันหรือคนละศาสนา โดยปฏิบัติตามพระบัญชาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ศาสดาพยากรณ์โมเสสบอกลูกหลานอิสราเอลว่า:

“เมื่อคน‍ต่าง‍ด้าวอาศัยอยู่กับเจ้าในแผ่น‍ดินของพวก‍เจ้า ห้ามข่ม‍เหงเขา

“คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับพวกเจ้านั้นก็เป็นเหมือนกับคนท้องถิ่นของเจ้า จงรักเขาเหมือนกับรักตัวเอง”11

คริสต์มาสเป็นเวลาให้ระลึกว่าเราทุกคนเป็นลูกของพระบิดาในสวรรค์ผู้ประทานพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระองค์มาเพื่อทุกคนจะได้รับการไถ่จากความตาย และทรงมอบพรแห่งความรอดและความสูงส่งให้มวลมนุษย์โดยมีเงื่อนไขเดียวกัน

ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ เราควรเป็นคนถนอมน้ำใจและเป็นมิตรมากที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง เราควรสอนลูกๆ ให้มีน้ำใจและถนอมน้ำใจทุกคน เราควรหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์และกิจกรรมในลักษณะที่ทำให้เรายอมประพฤติผิดหรือบั่นทอนศรัทธาและความเลื่อมใสของเรา แต่นั่นไม่ควรหยุดเราจากการร่วมมือกันเพื่อประโยชน์โดยรวมของคนทุกหมู่เหล่า—ทั้งผู้เชื่อและผู้ไม่เชื่อ

สองสามทศวรรษที่แล้ว ประธานโธมัส เอส. มอนสันกล่าวดังนี้:

“คนเลี้ยงแกะสมัยก่อนแสวงหาพระกุมารเยซู แต่เราแสวงหาพระเยซูพระคริสต์ พี่ชายองค์โตของเรา พระผู้เป็นคนกลางระหว่างเรากับพระบิดา พระผู้ไถ่ของเรา พระผู้ลิขิตความรอด พระองค์ผู้ทรงอยู่กับพระบิดาในกาลเริ่มต้น พระองค์ผู้ทรงรับเอาบาปของโลกไว้กับพระองค์และเต็มพระทัยสิ้นพระชนม์เพื่อเราจะมีชีวิตตลอดกาล นี่คือพระเยซูผู้ที่เราแสวงหา”12

วิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีคุณสมบัติคู่ควรเป็นพิเศษต่อการฉลองข่าวสารแห่งความรอดของพระเยซูคริสต์ตลอดปี เรามีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พันธกิจของพระองค์คือการเป็นพยานถึงพระบิดาและพระบุตร13 เราเป็นลูกของพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงประกาศว่า “นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา—คือการทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์”14 และศาสดาพยากรณ์ของพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลได้ประกาศพระกิตติคุณของพระองค์ว่า:

“พระองค์เสด็จมาในโลก, แม้พระเยซู, เพื่อถูกตรึงกางเขนเพื่อโลก, และเพื่อแบกรับบาปของโลก, และเพื่อชำระโลกให้บริสุทธิ์, และเพื่อทำให้สะอาดจากความไม่ชอบธรรมทั้งปวง;

“ว่าโดยผ่านพระองค์คนทั้งปวงจะได้รับการช่วยให้รอดผู้ที่พระบิดาทรงให้อยู่ในอำนาจของพระองค์และพระองค์ทรงรังสรรค์;

“ผู้ที่สรรเสริญพระบิดา, และช่วยให้งานทุกอย่างในพระหัตถ์ของพระองค์รอด”15

ด้วยเหตุนี้ เราจึงประกาศในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟู “ว่าโดยผ่านการชดใช้ของพระคริสต์ มนุษยชาติทั้งมวลจะรอดได้ โดยการเชื่อฟังกฎและศาสนพิธีทั้งหลายของพระกิตติคุณ”16 ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน