การประชุมนักการศึกษาศาสนา ซีอีเอส
พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต


32:50

พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต

ยามค่ำกับเอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง

คำปราศรัยกับนักการศึกษาศาสนาซีอีเอส • 17  กุมภาพันธ์ 2017 • ซอลท์เลคแทเบอร์นาเคิล

พี่น้องที่รัก นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มารวมกันในค่ำคืนนี้ ขอบคุณหลายท่านใน ณ ที่นี้สำหรับข่าวสารที่รวบรวมเรื่องราวความรักและการให้กำลังใจ ค่ำคืนนี้ เมื่อเราพูดถึงพระคริสต์ ชื่นชมยินดีในพระคริสต์1 เรียนรู้เรื่องพระคริสต์ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้เราเข้าใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น

สมาชิกครอบครัวและคู่สมรสทั้งหลาย เป็นเกียรติที่ได้อยู่กับท่าน ถ้าพหูพจน์ของคำว่า “spouse” ซึ่งแปลว่าคู่สมรส คือคำว่า “spice” ซึ่งแปลว่าเครื่องเทศ คู่สมรสก็คือเครื่องเทศที่ปรุงแต่งชีวิตเรา ท่านตื่นแต่เช้า ท่านอยู่จนดึก และท่านดำเนินชีวิตด้วยศรัทธาในทุกย่างก้าว ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ท่านเป็นและทุกสิ่งที่ท่านทำ

งานมอบหมายให้เป็นผู้พูดในยามค่ำกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่นี้มาทางจดหมายที่เซ็นชื่อโดยประธานโธมัส เอส. มอนสัน ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ และประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ ข้าพเจ้าสัมผัสถึงความรักของฝ่ายประธานสูงสุดที่มีให้แก่พวกท่านทุกคนเมื่อฝ่ายประธานสูงสุดขอให้พระเจ้าประทานพรและดลใจความพากเพียรของเราในค่ำคืนนี้

เมื่อข้าพเจ้าได้รับการมอบหมายนี้ครั้งแรกข้าพเจ้าขอให้เอ็ลเดอร์คิม บี. คลาร์กและบราเดอร์แชด เว็บบ์สอนข้าพเจ้าเกี่ยวกับพวกท่าน—ครูเซมินารีและครูสถาบัน ผู้สอนศาสนา และเจ้าหน้าที่ซีอีเอสของเราทั่วโลก

ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่ามีครูเซมินารี ครูสถาบัน และผู้สอนศาสนา 45,731 คนได้รับเรียกให้สอนใน 133 ประเทศ พวกท่าน 34,527 คนรับใช้นอกสหรัฐ 11,204 คนรับใช้ในสหรัฐ รวมกันแล้วพวกท่านอุทิศเวลาสอนพระกิตติคุณปีละ 20,807,605 ชั่วโมง ขอบคุณครับ!

ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่เซมินารีและสถาบัน 2,878 คนรับใช้ใน 129 ประเทศ 1,849 คนอยู่ในสหรัฐและ 1,029 คนอยู่นอกสหรัฐ ท่านรับใช้อย่างซื่อสัตย์ในทุกประเทศตั้งแต่ A ถึง Z แอลเบเนียถึงแซมเบีย—โดยมีบอตสวานา บัลแกเรีย ฮังการี ลิทัวเนีย และโมซัมบิก รวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างกลาง ขอบคุณครับ!

พวกท่านบางคนสอนมาหลายปีแล้ว เช่นซิสเตอร์เอนิด เมย์จากบริติชโคลัมเบีย เพิ่งได้รับการปลดไม่นานมานี้หลังจากสอนเซมินารีมา 35 ปี ซิสเตอร์เมย์สอนลูกของเธอ 9 คนจาก 10 คน หลาน 2 คน และอธิการคนปัจจุบันของเธอด้วย ซิสเตอร์เมย์บอกว่าเธอสวดอ้อนวอนให้รถของเธอใช้งานได้ตลอดปีการศึกษาแต่ละปี วันสุดท้ายที่ซิสเตอร์เมย์สอนเซมินารี เมื่อเธอถอยรถกลับเข้าที่จอดรถในบ้าน ระบบเกียร์รถยนต์ของเธอก็หยุดทำงานในที่สุด

พวกท่านหลายคนเพิ่งเริ่มสอนเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ซิสเตอร์จัง ดองกรานจากเกาหลีและซิสเตอร์โจแฮนนา เมอร์เซเดอร์จากสาธารณรัฐโดมินิกัน ผู้เริ่มสอนในปีนี้หลังจากเป็นสมาชิกศาสนจักรได้เพียงหกสัปดาห์

ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มาไซจากเคนยาเริ่มสอนเซมินารีเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเธอเข้าร่วมศาสนจักร ซิสเตอร์มาไซกล่าวอย่างสุภาพว่านักเรียนของเธอ หลายคนเกิดในศาสนจักร ได้สอนเธอและช่วยสร้างรากฐานพระกิตติคุณซึ่งเป็นพรต่อการสอนเซมินารีของเธอมา 17 ปี

พวกท่านสอนและรับใช้ในทุกสภาพอากาศ ทุกสภาพการณ์ กับนักเรียนจากภูมิหลังทุกรูปแบบ ในชั้นเรียนใหญ่และเล็ก

บราเดอร์เบ็นจามิน แฮดฟีลด์สอนที่เมืองนอร์ทโพล อะแลสกา ใกล้ขั้วโลกเหนือ และซิสเตอร์ลอเรนา ทอสเซ็นสอนที่อูชัวยา ใกล้แอนตาร์กติกา ขั้วโลกใต้

ในวันพุธที่สถาบันมหาวิทยาลัยซอลท์เลค บราเดอร์เจเร็ด ฮัลเวอร์สันสอนนักศึกษาเกือบ 400 คน ข้าพเจ้าถามบราเดอร์ฮัลเวอร์สันว่าเขาทำได้อย่างไร เขาบอกว่า “ผมสอนเป็นกลุ่มแต่ผมเข้าถึงแต่ละคนทางข้อความ ทีละข้อความ”

ในโปแลนด์ ซิสเตอร์ดักมารา มาร์ทีนิค สตรีสาวโสด ตื่นแต่เช้าไปทำงานที่ร้านขายขนมปัง จากนั้นเธอต้องสอนสถาบันจนดึก

ชั้นเรียนเซมินารีของซิสเตอร์ ไมรา ฟลอเรส อะกีลาร์ในฮอนดูรัส เริ่มเวลาตีห้า และชั้นเรียนสถาบันของบราเดอร์รูเบน อะโดรเวอร์ในซานฮวน อาร์เจนตินาเริ่มเวลาสี่ทุ่ม

พวกท่านยังสอนและบริหารชั้นเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในเม็กซิโก คิริบาส ฟิจิ ตองกา และซามัว

เพราะท่านทั้งหลาย เยาวชนและคนหนุ่มสาวมากกว่าแต่ก่อนกำลังอ่านพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่

เพราะท่านทั้งหลาย เยาวชนจำนวนมากขึ้นกำลังเรียนรู้ที่จะได้มาซึ่งความรู้ทางวิญญาณและตอบคำถามของตนเองโดยการเข้าใจหลักคำสอน

และเพราะท่านทั้งหลาย หลักสูตรสำคัญขั้นพื้นฐานทั่วโรงเรียนและสถาบันของศาสนจักรกำลังพานักเรียนเข้าใกล้พระเยซูคริสต์ยิ่งขึ้นพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลามุมเอก

อนึ่ง เราชื่นชมท่านและการรับใช้ของท่าน ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าสภาวการณ์ของท่านจะเป็นเช่นไร ขอบคุณที่มาร่วมเปิดใจและความคิดในค่ำคืนนี้—ไม่ว่าจะคนเดียว สองคน หรือมากกว่านั้นในพระนามของพระองค์2

มีครั้งหนึ่งหลังจากร่วมกันทำงานมอบหมายอันยาวนาน ขณะที่เรากำลังลงจอดที่สนามบินซอลท์เลค ด้วยความคาดหวังอันอบอุ่น ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์บอกว่า “เกอร์ริทครับ ดอนนาภรรยาผมกำลังอบขนมปังตอนนี้ ขนมปังจะสดใหม่และร้อนเมื่อผมกลับถึงบ้าน”

ให้ท่านลองนึกถึงขนมปังที่อร่อยมาก ท่านได้กลิ่นไหม—สดใหม่และร้อน ท่านได้รสชาติไหม อาจจะหวานเล็กน้อย เจือรสเค็มนิดหน่อย

ขนมปังเป็นอาหารหลักที่คนส่วนใหญ่บริโภค ผู้คนทุกวัยและทุกสภาวการณ์เคยกินขนมปัง เช่นเดียวกับกลุ่มทั่วโลกของเรา ขนมปังมาในหลากหลาย ขนาด รูปแบบ และส่วนผสม แม้แต่ชื่อ

บางทีเพราะว่าทุกคนจากทุกหนแห่งเข้าใจและพึ่งพาขนมปัง พระผู้ช่วยให้รอดจึงตรัสว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต”3

ในโลกนี้ ท่ามกลางต้นหนามและกอหนาม เรากินอาหารด้วยหยาดเหงื่อจากหน้าเรา เช่นเดียวกับอาดัมและเอวา สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมมาพร้อมกับทางเลือกจริง การเติบโตทางวิญญาณมาจากความท้าทายจริง แต่พระผู้ช่วยให้รอดไม่ทรงปล่อยให้เราเห็นเพียงไม้กับหิน ขีดจำกัดและความขาดแคลนของโลกนี้ พระผู้ช่วยให้รอดประทานมานา อาหารประจำวันให้เรา คำสัญญาศีลระลึกของพระองค์ที่ว่าเราจะมีชีวิต ความหวัง ปีติ และมีอย่างมากมาย4

พระเจ้าตรัสดังนี้

“เรา, พระเจ้า, กางฟ้าสวรรค์ออก, และสร้างแผ่นดินโลก, ฝีมือของเราอย่างแท้จริง; และสิ่งทั้งปวงในนั้นเป็นของเรา.

“และเป็นจุดประสงค์ของเราที่จะจัดหาให้วิสุทธิชนของเรา …

“เพราะแผ่นดินโลกเต็มเปี่ยม, และมีเพียงพอและเกินพอ”5

อีกนัยหนึ่ง โลกของพระองค์ไม่ใช่โลกแห่งไม้และหิน โลกของพระองค์คือโลกแห่งขนมปังและปลา

ท่านจำได้หรือไม่ที่พระเยซูทรงเลี้ยงอาหารฝูงชนด้วยขนมปังและปลาเพียงน้อยนิด เรามาชมกันและจินตนาการว่าเราอยู่ที่นั่นด้วย

วีดิทัศน์

พระเยซู: “จงดูฝูงชน”

สานุศิษย์ 1: “ที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดาร และบัดนี้ก็เย็นลงมากแล้ว ขอพระองค์โปรดให้ฝูงชนไปเสียเถิด เพื่อพวกเขาจะไปซื้ออาหารรับประทานตามหมู่บ้าน พวกเขาไม่มีอะไรรับประทานเลย”

พระเยซู: “พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด”

สานุศิษย์ 2: “จะให้พวกข้าพระองค์ใช้เงินสองร้อยเดนาริอันซื้ออาหารให้พวกเขารับประทานหรือ?”

พระเยซู: “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน?”

สานุศิษย์ 1:: “มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว”

พระเยซู: “เอาอาหารนั้นมาให้เราเถิด จงแบ่งผู้คนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละห้าสิบคน เพื่อที่เราจะเลี้ยงเขา …ข้าแต่พระบิดา พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ขอบพระทัยที่ทรงกรุณา เอเมน”6

จบวีดิทัศน์

บันทึกทั้งสี่จากพันธสัญญาใหม่7 บรรยายว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเลี้ยงฝูงชน 5,000 คน บันทึกในพันธสัญญาใหม่เพิ่มเติมอีกสองเรื่อง8 บรรยายว่าในอีกเหตุการณ์หนึ่งพระผู้ช่วยให้รอดทรงเลี้ยงฝูงชน 4,000 คน ฝูงชนกลุ่มใหญ่เหล่านั้นดูเหมือนจะมีทั้งชายหญิงและเด็ก9

บางครั้งเราบอกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ในรายละเอียด ไม่นานมานี้ข้าพเจ้ารวบรวมรายละเอียดพระคัมภีร์ถึงเรื่องที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเลี้ยงฝูงชน 5,000 คนจากกิตติคุณของมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์นไว้เป็นเรื่องราวพระคัมภีร์เรื่องเดียวแบบคำต่อคำ รวมถึงส่วนหมายเหตุของพระคัมภีร์ไบเบิลด้วย

ขอให้ท่านอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้เราเข้าใจเมื่อเราศึกษาเรื่องราวพระคัมภีร์และหลักธรรมพระกิตติคุณที่พบในแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด

เราสวดอ้อนวอนว่าการสำนึกคุณในการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอดจะทำให้เรา ครอบครัวเรา และนักเรียนของเราเข้าใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น

นี่คือข้อความพระคัมภีร์ที่เรารวมไว้

“พวก​อัคร‌ทูต​มา​ห้อม‍ล้อม​พระ‍เยซู​และ​ทูล​ถึง​สิ่ง​ต่างๆ ที่​พวก‍เขา​ทำ​และ​สั่ง‍สอน

“แล้ว​พระ‍องค์​ตรัส​กับ​พวก‍เขา​ว่า มา​เถิด จง​ปลีก‍ตัว​ออก​มา‍หา​ที่​สงบ​เพื่อ​หยุด‍พัก​สัก​หน่อย​หนึ่ง เพราะ​ว่า​มี​คน​ไป​มา​มาก‍มาย​จน​ไม่‍มี​เวลา​แม้‍แต่​จะ​รับ‍ประ‌ทาน​อาหาร …

“ขณะ‍ที่​ไป​นั้น​มี​คน​จำ‌นวน​มาก​เห็น​และ​จำ​ได้ จึง​พา​กัน​ออก​จาก​เมือง​ต่างๆ วิ่ง​ไป​ถึง​ที่​หมาย​ล่วง‍หน้า​ก่อน​พวก​ของ​พระ‍องค์

“เมื่อ​พระ‍เยซู​เสด็จ​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว​ก็​ทอด‍พระ‍เนตร​เห็น​มหา‍ชน และ​พระ‍องค์​ทรง​สงสาร​พวก‍เขา เพราะ​ว่า​พวก‍เขา​เป็น​เหมือน​ฝูง‍แกะ​ไม่‍มี​ผู้‍เลี้ยง”10

“พระ‍องค์​ทรง​ต้อน‍รับ​พวก‍เขา ตรัส​สั่ง‍สอน​ถึง​แผ่น‍ดิน​ของ​พระ‍เจ้า และ​ทุก‍คน​ที่​ต้อง‍การ​หาย‍โรค​พระ‍องค์​ก็​ทรง​รักษา”11

“เมื่อ​เวลา​เย็น​แล้ว บรร‌ดา​สาวก​มา​ทูล​พระ‍องค์​ว่า ที่​นี่​เป็น​ถิ่น‍ทุร‌กัน‌ดาร และ​บัด‍นี้​ก็​เย็น‍ลง‍มาก​แล้ว ขอ​พระ‍องค์​โปรด​ให้​ฝูง‍ชน​ไป​เสีย​เถิด”12 “พวก‍เขา​จะ​ได้​ไป​หา​ซื้อ​อาหาร​รับ‍ประ‌ทาน​ตาม​ชน‌บท​และ​หมู่‍บ้าน​ที่​อยู่​แถบ​นี้”13

“พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​พวก​สาวก​ว่า พวก‍เขา​ไม่​จำ‍เป็น​ต้อง​ไป​จาก​ที่‍นี่ พวก‍ท่าน​จง​เลี้ยง​พวก‍เขา​เถิด”14

“พวก‍เขา​ทูล​พระ‍องค์​ว่า จะ​ให้​พวก‍ข้า‍พระ‍องค์​ใช้​เงิน​สอง​ร้อย​เหรียญ​เด‌นา‌ริ‌อัน​ไป​ซื้อ​อาหาร​ให้​พวก‍เขา​รับ‍ประ‌ทาน​หรือ?”15

“สาวก​คน​หนึ่ง​ของ​พระ‍องค์​คือ​อัน‌ดรูว์​น้อง‍ชาย​ของ​ซี‌โมน‍เป‌โตร​ทูล​พระ‍องค์​ว่า

“ที่‍นี่​มี​เด็ก‍ชาย​คน​หนึ่ง​มี​ขนม‍ปัง​บาร์‌เลย์​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว แต่​เท่า‍นั้น​จะ​พอ​อะไร​กับ​คน‍มาก​อย่าง‍นี้?”16

“พระ‍องค์​จึง​ตรัส​กับ​เขา‍ทั้ง‍หลาย​ว่า เอา​อาหาร​นั้น​มา​ให้​เรา​เถิด”17

“พระ‍องค์​จึง​ตรัส​สั่ง​พวก‍เขา​ให้​จัด​คน​ทั้ง‍หลาย​นั่ง​รวม‍กัน​ที่​หญ้า​สด​เป็น​หมู่ๆ”18“ “ที่‍นั่น​มี​หญ้า​มาก”19“ “ประ‌ชา‍ชน​ก็​นั่ง​รวม‍กัน​เป็น​หมู่ๆ หมู่​ละ​ร้อย​คน​บ้าง ห้า‍สิบ​คน​บ้าง”20

“เมื่อ​พระ‍องค์​ทรง​รับ​ขนม‍ปัง​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว​นั้น​แล้ว ก็​แหงน​พระ‍พักตร์​ดู​ฟ้า‍สวรรค์ ขอ​พระ‍พร แล้ว​ทรง​หัก​”21 “เมื่อ​ขอบ‍พระ‍คุณ​แล้ว​ก็ทรง”22 “ส่ง​ให้​พวก​สาวก พวก​สาวก​ก็​แจก​ให้​คน​ทั้ง‍ปวง”23 “ส่วน​ปลา​สอง​ตัว​นั้น​พระ‍องค์​ก็​ทรง​แบ่ง​ให้​โดย​ทั่ว​กัน”24 “​ตาม​ที่​เขา​ต้อง‍การ”25

“พวก‍เขา​ได้​กิน”26 “อิ่มกันทุกคน”27

“เมื่อ​พวก‍เขา​กิน​อิ่ม​แล้ว​พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​พวก​สาวก​ของ​พระ‍องค์​ว่า จง​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ไว้ อย่า​ให้​มี​สิ่ง‍ใด​ตก‍หล่น”28

“ส่วน​เศษ​อาหาร​ที่​ยัง​เหลือ​นั้น เขา​เก็บ​ไว้​”29 “​เศษ​ขนม‍ปัง​บาร์‌เลย์​ห้า​ก้อน​ที่​เหลือ…​ใส่​กระ‌บุง​ได้​สิบ‍สอง​กระ‌บุง​เต็ม”30 “​และ​ปลา”31 “ที่เหลือหลัง‍จาก​ทุก​คน​กิน​แล้ว​”32

“คน​ทั้ง‍หลาย​ที่​รับ‍ประ‌ทาน​อาหาร​นั้น มี​ผู้‍ชาย​ประ‌มาณ​ห้า‍พัน​คน ไม่​รวม​ผู้‍หญิง​และ​เด็ก”33

“หลัง‍จาก​พระ‍องค์​ทรง​ลา​พวก‍เขา​แล้ว ก็​เสด็จ​ขึ้น​ภูเขา​เพื่อ​ทรง​อธิษ‌ฐาน​ที่​นั่น”34

“เมื่อ​คน‍ทั้ง‍หลาย​เห็น​หมาย‍สำคัญ​ที่​พระ‍องค์​ทรง​ทำ พวก‍เขา​จึง​พูด​กัน​ว่า แท้‍จริง​ท่าน​ผู้‍นี้​เป็น​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​คน​นั้น​ที่​จะ​มา​ใน​โลก”35

ท่านสังเกต รู้สึก หรือเรียนรู้อะไรเมื่อพระเยซูทรงเลี้ยงเราแต่ละคน และทุกคนด้วยขนมปังห้าก้อนกับปลาเล็กๆ สองตัว ขนมปังนั้นเหมือนมานาไหม หวานเหมือนเมล็ดผักชีและน้ำผึ้งหรือไม่36 และปลาเล็กๆ สองตัวเลี้ยงเราทุกคน—จนอิ่ม—ได้อย่างไร

นี่คือสิ่งต่างๆ เก้าสิ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตและรู้สึก บางทีสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจพระผู้ช่วยให้รอด เข้าใกล้พระองค์มากขึ้น และเชื้อเชิญให้เราเป็นเหมือนพระองค์ยิ่งขึ้น

สาระสำคัญที่ 1:: พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงสงสาร

ปาฏิหาริย์หลายอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดเริ่มจากความเข้าพระทัยและความสงสาร พระองค์ทรงรู้ใจและสภาวการณ์ของเรา ทรงเปี่ยมด้วยความสงสารสำหรับความหวัง ความเจ็บปวด ความปรารถนา และความต้องการของเรา

เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดทุกข์ทน ยอห์นผู้ถวายบัพติศมาถูกตัดศีรษะ ศีรษะถูกนำมาบนถาด เป็นผลจากคำปฏิญาณของกษัตริย์ที่รู้สึกผิดต่อบุตรีนางรำของมารดาผู้มีความอาฆาตพยาบาท พระผู้ช่วยให้รอดกับสานุศิษย์ของพระองค์ไปยังสถานที่สงบเพื่อพักผ่อน กระนั้นพระผู้ช่วยให้รอดทรงรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นผู้คนมากมาย พระองค์ “ทรงสงสารพวกเขา”37 พระองค์ทรงรับพวกเขาไว้ ทรงสอนพวกเขา ทรงรักษาพวกเขา และตามความเป็นจริง พระองค์ทรงทราบว่า พวกเขาไม่มีอะไรรับประทานเลย38

ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงสงสาร—สงสารคนโรคเรื้อน39 ทรงสงสารเด็กที่มีผีโสโครกเข้าสิง40 ทรงสงสารหญิงม่ายที่บุตรชายคนเดียวสิ้นชีวิต41 พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนให้เราเป็นเหมือนชาวสะมาเรียใจดีผู้สงสารชายที่บาดเจ็บและถูกทิ้งไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว42

เช่นเดียวกัน บิดาของบุตรเสเพลมีความสงสารและวิ่งไปหาบุตรของตนเมื่อเขา “ยังอยู่แต่ไกล”43 น่าสนใจมากเมื่อพูดถึงขนมปัง เมื่อบุตรเสเพล “สำนึกตัวได้” เขาตระหนักว่า “ลูกจ้างของพ่อไม่ว่าจะมีมากสักแค่ไหนก็ยังมีอาหารเหลือเฟือ”44

พระผู้ช่วยให้รอดทรงเริ่มด้วยความสงสาร พระองค์ทรงจบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ

เรื่องราวกิตติคุณบอกว่าหลังจากพระเยซูทรงเลี้ยงฝูงชน พระองค์ทรง “ส่งฝูงชนกลับบ้าน” ในเชิงอรรถของมาระโกอธิบายว่า แทนที่พระองค์จะทรง “ส่งฝูงชนกลับบ้าน” ในเชิงอรรถบอกว่าพระองค์ “ทรงลาพวกเขา”45 ท่านได้ยินพระเยซูทรงลาพวกเขาด้วยความสงสารไหมเมื่อพวกเขาจากไปหลังจากพระองค์ทรงเลี้ยงพวกเขา

สาระสำคัญที่ 2:: พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเริ่มด้วยสิ่งที่พวกเขามี

โดยที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงประสงค์จะเลี้ยงฝูงชน พระองค์ทรงเริ่มโดยถามสานุศิษย์ถึงสิ่งที่พวกเขามี พระองค์ทรงเป็นถึงพระผู้สร้างโลก พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก กระนั้นพระองค์ทรงเริ่มด้วยสิ่งที่พวกเขามี จากที่ซึ่งพวกเขาอยู่

“ที่‍นี่​มี​เด็ก‍ชาย​คน​หนึ่ง​มี​ขนม‍ปัง​บาร์‌เลย์​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว”46

พระผู้ช่วยให้รอดทรงเริ่มด้วยสิ่งที่พวกเขามี “เอา​อาหาร​นั้น​มา​ให้​เรา​เถิด”47

ท่านเคยมองตนเองไหมว่าท่านเป็นใคร เคยมองไหมว่าสิ่งใดหรือใครที่ท่านต้องสอน และเคยสงสัยไหมว่าสิ่งที่ท่านมีจะเพียงพอได้อย่างไร บางที เช่นเดียวกันสานุศิษย์ เรามองที่ขนมปังกับปลาจำนวนเล็กน้อยของเราและสงสัยว่า “แต่​เท่า‍นั้น​จะ​พอ​อะไร​กับ​คน‍มาก​อย่าง‍นี้?”48

ในฐานะครู เราเชื้อเชิญให้นักเรียนแต่ละคนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน บางคนมีส่วนร่วมมากกว่า บางคนน้อยกว่า ในฐานะผู้เรียนและครู (เราเป็นทั้งสองอย่าง) เราเริ่มด้วยสิ่งที่เรามี กับคนที่เราเป็น ณ เวลานี้ จากนั้นพระองค์จะทรงขยายเราและทวีผลความพยายามของเรา หลักธรรมของการเติบโตจากที่ซึ่งเราอยู่สะท้อนถึงความจริงในพระคัมภีร์มอรมอนที่ว่าพระคุณของพระองค์ช่วยให้เรารอด “หลังจากเราทำทุกสิ่งจนสุดความสามารถแล้ว”49

พระองค์ทรงแย้มพระสรวลเมื่อเรานำสิ่งที่เรามีและคนที่เราเป็นมาหาพระองค์

สาระสำคัญที่ 3:: พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงดำเนินการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ท่านเคยอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมายที่ผลักกันและเบียดเสียดแย่งชิงสิ่งของบางอย่างไหม ข้าพเจ้าเคย คนที่อยู่ข้างหน้าไม่สนใจคนข้างหลัง ข้าพเจ้าเกรงว่าถ้ามีใครล้มลง เขาจะถูกเหยียบ

ในทางกลับกัน พระผู้ช่วยให้รอด “ตรัส​สั่ง​พวก‍เขา [สานุศิษย์] ​ให้​จัด​คน​ทั้ง‍หลาย​นั่ง​รวม‍กัน…​เป็น​หมู่ๆ”50 หมู่เหล่านี้จัดระเบียบ “​เป็น​หมู่ๆ หมู่​ละ​ร้อย​คน​บ้าง ห้า‍สิบ​คน​บ้าง”51

ในศาสนจักรเราพูดถึงหมู่คณะผู้บุกเบิก เราพูดถึงหมู่คณะที่กำลังนมัสการในพระวิหาร สำหรับเรา คำว่า หมู่ หมายถึงกลุ่มที่เป็นระเบียบซึ่งมีจุดประสงค์ที่สูงกว่าร่วมกัน

และแม้จะเรียกว่าถิ่นทุรกันดาร แต่พระเจ้าไม่ทรงให้ฝูงชนนั่งบนพื้นดินที่เตียนโล่ง พระองค์ทรงให้หมู่ต่างๆ นั่ง “​ที่​หญ้า​สด”52 พระองค์ทรงเลือกสถานที่ซึ่ง “ที่‍นั่น​มี​หญ้า​มาก”53

สาระสำคัญที่ 4:: พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงแสดงความสำนึกคุณ

พระ‍องค์​ทรง​รับ​ขนม‍ปัง​​กับ​ปลา​แล้ว “ก็​แหงน​พระ‍พักตร์​ดู​ฟ้า‍สวรรค์ ขอ​พระ‍พร แล้ว​ทรง​หัก”54

พระผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ​พระ​มหา‍กษัตริย์​เหนือ​กษัตริย์​ทั้ง‍หลาย พระองค์เองน้อมขอบพระทัยก่อนจะแบ่งขนมปังกับปลา และเพิ่มจำนวนมาก “ตาม​ที่​เขา​ต้อง‍การ” จะรับประทาน55

สาระสำคัญที่ 5:: พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเลี้ยงสานุศิษย์และให้พวกเขาเลี้ยงฝูงชน

นี่เป็นระเบียบ แต่เป็นมากกว่าระเบียบ นี่เป็นการเสริมกำลังคนเลี้ยงแกะเพื่อคนเลี้ยงแกะจะเสริมกำลังแกะได้ นี่เป็นการสอนครูเพื่อครูจะสอนนักเรียนได้ นี่เป็นแบบแผนแห่งสวรรค์ในพระคัมภีร์ไบเบิล ในพระคัมภีร์มอรมอน และในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ และพระองค์ “ทรง​หัก​ขนม‍ปัง​ส่ง​ให้​พวก​สาวก พวก​สาวก​ก็​แจก​ให้​คน​ทั้ง‍ปวง”56

นี่เป็นของประทานอันยิ่งใหญ่แห่งการให้และการรับทางวิญญาณ การรู้ว่าเราจะสอนช่วยให้เราเรียนรู้ ในการสอนให้คนอื่นเรียนรู้ เราเรียนรู้ที่จะสอน แบบอย่างของการเรียนรู้และการสอนของเราช่วยให้นักเรียนรู้ว่าพวกเขาก็สามารถเรียนรู้และสอนได้เช่นกัน

สาระสำคัญที่ 6:: พระผู้ช่วยให้รอดทรงเลี้ยงคน 5,000 คนและทีละคนในเวลาเดียวกัน

ในวิธีอันน่าอัศจรรย์ พระองค์ทรงแบ่งขนมปังกับปลาและเพิ่มจำนวนให้สำหรับแต่ละคนในฝูงชน “พวก‍เขา​ได้​กิน”57 “​อิ่ม​กัน​ทุก‍คน”58

นี่คือปาฏิหาริย์ที่เราในฐานะครูแสวงหา—ที่จะสอนทั้งชั้นเรียนและสอนแต่ละคนในชั้นเรียน สิ่งนี้เรียกร้องให้สนใจคน 5,000 คนและทีละคน เชื้อเชิญให้แก้ไขความกังวลโดยรวมและความต้องการของแต่ละคน และเหนือความสมดุล สิ่งนี้เชื้อเชิญปาฏิหาริย์ทางวิญญาณซึ่งทำให้สิ่งที่เราเริ่มนั้นก็จะเพียงพอ

สาระสำคัญที่ 7:: พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงทำให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดตกหล่น

“เมื่อ​พวก‍เขา​กิน​อิ่ม​แล้ว​พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​พวก​สาวก​ของ​พระ‍องค์​ว่า จง​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ไว้ อย่า​ให้​มี​สิ่ง‍ใด​ตก‍หล่น”59

ส่วนหนึ่งของการเริ่มด้วยความสำนึกคุณสำหรับสิ่งที่เรามีคือการทำให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดตกหล่นเมื่อเราจบ เศรษฐกิจแห่งสวรรค์ไม่สูญเปล่า ทุกสิ่งนำมาใช้ในตอนเริ่ม และไม่มีสิ่งใดตกหล่นในตอนท้าย

เอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก็อตต์แบ่งปันวิธีที่เราสามารถบันทึกความประทับใจและเรียนรู้ว่ามีมากกว่านั้นอีกหรือไม่60 ขั้นตอนซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ของการขอ รับ บันทึก ไตร่ตรอง เชื่อฟัง ทูลถามว่ามีอีกหรือไม่ สะท้อนพระดำรัสของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “และ​พวก‍ท่าน​ [ที่ฟัง] จะ​ได้​รับ​มาก​ยิ่ง‍ขึ้น”61

และมีมากกว่านี้อีก ในการที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็นอาหารแห่งชีวิต พระองค์ตรัสว่า “และ​พระ‍ประ‌สงค์​ของ​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา​นั้น​ก็​คือ ให้​เรา​รักษา​ทุก‍สิ่ง​ที่​พระ‍องค์​ทรง​มอบ​ไว้​กับ​เรา ไม่‍ให้​หาย​ไป​สัก​สิ่ง​เดียว”62 พระองค์ทรงเก็บรักษาสิ่งที่พระบิดาประทาน เพื่อไม่ให้หายไปสักสิ่งเดียว ในฐานะครู ผู้สอนศาสนา เจ้าหน้าที่ เราทำทุกสิ่งด้วยศรัทธาและอำนาจที่จะเก็บรักษาผู้ที่เราได้รับมอบหมายให้ดูแล เพื่อไม่ให้หายไปสักคนเดียว

สาระสำคัญที่ 8:: กับพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เมื่อจบเราได้มากกว่าเมื่อเราเริ่ม

โดยทำให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดตกหล่น ด้วยความสำนึกคุณ สานุศิษย์ตระหนักถึงปาฏิหาริย์อีกอย่างหนึ่ง “ส่วน​เศษ​อาหาร​ที่​ยัง​เหลือ​นั้น เขา​เก็บ​ไว้​”63 “​เศษ​ขนม‍ปัง​บาร์‌เลย์​ห้า​ก้อน​ที่​เหลือ…​ใส่​กระ‌บุง​ได้​สิบ‍สอง​กระ‌บุง​เต็ม”64 “​และ​ปลา”65 “ที่เหลือหลัง‍จาก​ทุก​คน​กิน​แล้ว​”66

ปาฏิหาริย์ของการทวีคูณทางวิญญาณคือ กับพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เมื่อจบเราได้มากกว่าเมื่อเราเริ่ม เราจบด้วยความรักเพิ่มขึ้น เรียนรู้มากขึ้น ได้รับการดลใจเพิ่มขึ้น มีความกรุณามากกว่าเมื่อเราเริ่ม การสอนที่เต็มไปด้วยพระวิญญาณกลับมาเหมือนขนมปังกับน้ำ—เหมือนขนมปังกับปลา โดยมีมากกว่าเมื่อเราเริ่ม

ขอสรุปสิ่งที่เราสนทนากันมาแล้ว

พระผู้ช่วยให้รอดเข้าพระทัยจิตใจและสภาวการณ์ของเรา พระองค์ทรงมีพระเมตตาสงสารที่จะประทานพรและเติมเต็มเราทุกทาง

พระองค์ทรงเริ่มจากที่ซึ่งเราอยู่ กับสิ่งที่เรามี ทรงยอมรับขนมปังกับปลาจำนวนเล็กน้อยจากเด็กชายคนหนึ่ง

พระองค์ทรงดำเนินการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

พระองค์ทรงสำนึกคุณ ทรงแหงน​พระ‍พักตร์มองฟ้าสวรรค์ก่อนจะทรงอวยพรและหักขนมปัง

พระองค์ทรงแบ่งปันกับสานุศิษย์ก่อน จากนั้นจึงขอให้สานุศิษย์นำไปให้ผู้คน

พระองค์ทรงทราบวิธีที่จะดูแลและสอนคน 5,000 คนและทีละคนในเวลาเดียวกัน

พระองค์ทรงเก็บรวบรวมสิ่งที่เรามีด้วยความสำนึกคุณ ไม่มีสิ่งใดตกหล่น

พระองค์ทรงช่วยให้เราเข้าใจว่าเมื่อจบเรามีมากกว่าเมื่อเราเริ่ม

ยังมีมากกว่านั้นอีก การเลี้ยงฝูงชนไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งสุดท้ายที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงใช้ขนมปังกับปลาเพื่อสอนและเป็นพยานถึงความไพบูลย์ของพระองค์

ดังนั้นสาระสำคัญที่เก้าและสุดท้ายของเราคือ

สาระสำคัญที่ 9:: สำหรับคนมีตา​ที่​มอง‍เห็นและ​หู​ที่​ได้‍ยิน พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงสอนและเป็นพยานถึงความไพบูลย์ของศีลระลึก

“เมื่อ​คน‍ทั้ง‍หลาย​เห็น​หมาย‍สำคัญ​ที่​พระ‍องค์​ทรง​ทำ พวก‍เขา​จึง​พูด​กัน​ว่า แท้‍จริง​ท่าน​ผู้‍นี้​เป็น​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​คน​นั้น​ที่​จะ​มา​ใน​โลก”67

ต่อมา โดยทรงอ้างถึงขนมปังและปลาโดยเฉพาะ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับสานุศิษย์ว่า

“พวก‍ท่าน​จำ​ไม่‍ได้​หรือ?

“เมื่อ​เรา​หัก​ขนม‍ปัง​ห้า​ก้อน​ให้​แก่​คน​ห้า‍พัน​คน​นั้น พวก‍ท่าน​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​นั้น​ได้​กี่​ตะ‌กร้า? พวก‍เขา​ทูล​ตอบ​ว่า สิบ‍สอง

“เมื่อ​เรา​แจก​ขนม‍ปัง​เจ็ด​ก้อน​ให้​แก่​คน​สี่‍พัน​คน​นั้น พวก‍ท่าน​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​ได้​กี่​กระ‌บุง? พวก‍เขา​ทูล​ตอบ​ว่า เจ็ด”68

เพื่อเป็นการย้ำ โลกของพระองค์คือโลกแห่งขนมปังและปลา โลกแห่งความไพบูลย์

กับหญิงที่บ่อน้ำ โดยมีความหมายเฉพาะเจาะจงในแผ่นดินแห้งแล้ง พระผู้ช่วยให้รอดทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็นน้ำดำรงชีวิต พระเยซูตรัสกับเธอว่า “แต่​คน​ที่​ดื่ม​น้ำ​ที่​เรา​จะ​ให้​กับ​เขา​นั้น จะ​ไม่‍มี​วัน​กระ‌หาย​อีก​เลย น้ำ​ที่​เรา​จะ​ให้​เขา​นั้น​จะ​กลาย​เป็น​บ่อ‍น้ำ‍พุ​ใน​ตัว​เขา​พลุ่ง​ขึ้น​ถึง​ชีวิต​นิ‌รันดร์”69

กับคนที่ถามพระเยซูว่า “บรรพ‌บุรุษ​ของ​เรา​ได้​กิน​มานา​ใน​ถิ่น‍ทุร‌กัน‌ดาร ขอพระองค์ประทานอาหารจากสวรรค์ให้พวกข้าพระองค์กินได้ไหม”70 พระเยซูตรัสตอบว่า “​พระ‍บิดา​ของ​เรา​เป็น​ผู้​ประ‌ทาน​อาหาร​แท้​ที่​มา​จาก​สวรรค์”71 “เรา​เป็น​อาหาร​แห่ง​ชีวิต”72 “คน​ที่​วาง‍ใจ​ก็​มี​ชีวิต​นิ‌รันดร์”73

ไม่มีสิ่งใดจำเป็นกว่า สำคัญกว่า หรือเป็นสากลมากไปกว่าขนมปังกับน้ำ เรารับสิ่งใดเมื่ออาหารแห่งชีวิตกับน้ำดำรงชีวิตมารวมกัน แน่นอน เรารับศีลระลึก

ในบั้นปลายของการปฏิบัติศาสนกิจในความเป็นมรรตัยของพระองค์ ในแบบแผนที่สานุศิษย์เคยเห็นมาก่อน พระผู้ช่วยให้รอด “​ทรง​หยิบ​ขนม‍ปัง เมื่อ​ขอบ‍พระ‍คุณ​แล้ว​ก็​ทรง​หัก​ส่ง​ให้​พวก‍เขา ตรัส​ว่า … จง​ทำ​อย่าง‍นี้​เพื่อ​เป็น​ที่​ระลึก‍ถึง​เรา”74

ในช่วงเริ่มต้นการปฏิบัติศาสนกิจหลังฟื้นคืนพระชนม์ แสดงให้เห็นแบบแผนที่คุ้นเคยอีกครั้ง พระผู้ช่วยให้รอดทรงจัดตั้งศีลระลึกท่ามกลางชาวนีไฟ แกะอีกฝูงของพระองค์

พระองค์ทรงสั่งให้สานุศิษย์นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมา

พระองค์ทรงให้ฝูงชนนั่งลงบนพื้น

พระองค์ทรงหยิบขนมปังมาหักและอวยพร

พระองค์ประทานแก่สานุศิษย์และทรงสั่งให้พวกท่านกิน

และเมื่อสานุศิษย์กินและอิ่มแล้ว พระองค์ทรงสั่งให้สานุศิษย์แจกขนมปังแก่ฝูงชน

ฝูงชนกินและอิ่ม75

ต่อมา พระเจ้าทรงปฏิบัติศีลระลึกอีกครั้งกับชาวนีไฟ ครั้งนี้พระองค์ประทานขนมปังกับเหล้าองุ่นอย่างน่าอัศจรรย์

“บัดนี้, … [ไม่มี] ขนมปัง, และเหล้าองุ่น… ;

“แต่พระองค์ทรงให้ขนมปังคนเหล่านี้กินจริง ๆ, และให้เหล้าองุ่นดื่มด้วย”76

พระองค์ทรงสัญญาว่าผู้ที่กินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นเพื่อจิตวิญญาณของตน “จะไม่หิวหรือกระหาย, แต่จะอิ่ม”77

จริงดังนั้น “เมื่อฝูงชนกินและดื่มกันทุกคนแล้ว, ดูเถิด, พวกเขาเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณ”78

นี่คือสัมฤทธิผลของคำสัญญาศีลระลึกอันยิ่งใหญ่ที่ให้ไว้แก่ชายหญิงทุกวัย ในทุกสภาวการณ์ กับเราแต่ละคนที่ชีวิตขึ้นอยู่กับขนมปังและน้ำ “คนทั้งปวงที่หิวและกระหายความชอบธรรมย่อมเป็นสุข, เพราะพวกเขาจะอิ่มเอมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”79

พี่น้องทั้งหลาย ขอบคุณที่เป็นผู้เรียนและครูที่ยอดเยี่ยมในโลกที่หิวโหยและกระหายทางวิญญาณ! ขอบคุณที่ทำให้บทเรียนแต่ละบท การปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนแต่ละคน เป็นเสมือนงานเลี้ยงขนมปังและปลาทางวิญญาณ!

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้สึกถึงแหล่งน้ำดำรงชีวิตไหลท่วมภายในข้าพเจ้าด้วยความรักอันเต็มเปี่ยมสำหรับพระผู้ช่วยให้รอด

ไม่นานมานี้ เมื่อข้าพเจ้ามีโอกาสส่งผ่านขนมปังกับน้ำ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระผู้ช่วยให้รอดสำหรับคนที่รับเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงจัดตั้งศาสนพิธีศีลระลึกอีกด้วย

บางครั้ง เมื่อข้าพเจ้าไตร่ตรอง (รวมถึงในวันสะบาโต) ข้าพเจ้ารู้สึกพึงพอใจอยู่เงียบๆ ว่าได้ทำสุดความสามารถแล้ว บ่อยครั้งข้าพเจ้ารู้สึกมีความหวังและกำลังใจว่าถึงแม้ข้าพเจ้ายังบกพร่อง แต่ข้าพเจ้าก็สามารถ “มาหาพระคริสต์, และได้รับการทำให้ดีพร้อมในพระองค์”80

ข้าพเจ้าหวังว่าแต่ละท่านจะมองขนมปังกับปลา ขนมปังและน้ำ ในทางใหม่81

ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะพบความปีติยินดี การผจญภัย และการดลใจในเรื่องราวพระคัมภีร์ที่มีความผสมผสาน หลักธรรมพระกิตติคุณ และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ตลอดจนอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่เมื่อท่านทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายเพื่อช่วยนักเรียนของเรารู้จักพระผู้ช่วยให้รอดมากยิ่งขึ้น และมาหาพระองค์ด้วยความคารวะ

ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะจดจำว่า “แผ่นดินโลกและความบริบูรณ์ในนั้นเป็นของพระเจ้า”82 โลกของพระองค์คือโลกแห่งขนมปังและปลา คำสัญญาศีลระลึกของพระองค์มีมากพอและเกินพอ

ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยความสำนึกคุณถึงพระผู้เป็นเจ้า พระบิดานิรันดร์ พระบุตรผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงความจริงที่ได้รับการฟื้นฟูและสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตที่สืบทอดมาอย่างไม่ขาดตอนตั้งแต่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟจนถึงประธานโธมัส เอส. มอนสันในวันนี้ ถึงพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ การปลอบโยน การนำทาง และปีติที่เราจะได้รับเมื่อเรามีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราขณะที่เราระลึกถึงพระองค์เสมอ

ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าสภาวการณ์ ปีติ และความท้าทายของท่านจะเป็นเช่นไร ข้าพเจ้าหวังว่าค่ำคืนนี้ท่านจะรู้สึกถึงความรักที่พระเจ้าและศาสนจักรของพระองค์มีให้ท่าน พระองค์ทรงรักท่าน เราก็เช่นกัน ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ เอเมน