การให้ข้อคิดทางวิญญาณ 2016
“อย่ากลัวเลย … ในเราปีติของเจ้าบริบูรณ์” (คพ. 101:36)


“อย่ากลัวเลย … ในเราปีติของเจ้าบริบูรณ์” (คพ. 101:36)

ยามค่ำกับเอ็ลเดอร์เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุก

การให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลกสำหรับคนหนุ่มสาว • 11 กันยายน 2016 • ศูนย์สเตควอชิงตัน ดีซี

ข้าพเจ้าตื้นตันใจที่ได้อยู่กับคนหนุ่มสาวผู้กำลังชมการให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งนี้จากที่ต่างๆ ทั่วโลก ตามที่แจ้งให้ทราบ การให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งนี้ส่งตรงจากห้องนมัสการซึ่งอยู่ข้างพระวิหารวอชิงตัน ดี.ซี. ข้าพเจ้าตั้งใจเลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้พระวิหาร ข้าพเจ้าตื้นตันใจอย่างยิ่งที่เรามีชีวิตอยู่ในเวลาที่พระวิหารกระจายอยู่ทั่วโลก เราต้องการพรของพระวิหารในยามยากเช่นนี้

ดูเหมือนโลกจะอยู่ในความโกลาหล1อย่างแท้จริง มีความขัดแย้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สันติสุขในใจและความรู้สึกปลอดภัยดูเหมือนจะหายากและไม่อาจได้มา ข่าวสารของข้าพเจ้าค่ำนี้คือเราไม่ควรกลัวแม้ในโลกที่อันตรายและวุ่นวาย พระคัมภีร์รับรองกับเราว่าเราจะมีปีติที่บริบูรณ์เพราะพระผู้ช่วยให้รอด2

มีเหตุการณ์แสนวิเศษบางอย่างที่หลายท่านสลักไว้ชัดเจนมากในใจและความคิดท่าน ท่านจำรายละเอียดทั้งหมดของเหตุการณ์นั้นได้ ตัวอย่างเช่น การเปิดซองบรรจุหมายเรียกผู้สอนศาสนา การผนึกกับคู่ครองในพระวิหาร การรับรู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานแก่จิตวิญญาณท่านถึงความจริงของพระคัมภีร์มอรมอน นี่เป็นเหตุการณ์อันน่าหวงแหนที่ไม่เพียงก่อให้เกิดปีติอันล้ำค่าเท่านั้นแต่ยั่งยืนด้วย น่าสนใจคือแต่ละเหตุการณ์ที่มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพระผู้ช่วยให้รอดมักจะเป็นเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งปีติใหญ่หลวงที่สุด

แต่มีเหตุการณ์บางเรื่องที่สะเทือนขวัญหรือชอกช้ำจนมีผลกระทบต่อเราอย่างลึกซึ้ง

การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน การลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดีประธานาธิบดีของสหรัฐ และการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายเมื่อ 9/11 เป็นตัวอย่างของเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ผู้คนจำได้แม่นว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนและรู้สึกอย่างไรเมื่อทราบข่าว

พวกท่านส่วนใหญ่ยังเด็กมากเมื่อเกิดวินาศกรรมเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กซิตีและเพนทากอนที่นี่ในเขตวอชิงตัน ดี.ซี.ตรงกับวันนี้ 11 กันยายน ปี 2001 เมื่อ 15 ปีก่อน ข้าพเจ้าคาดว่าพวกท่านส่วนใหญ่ (ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกนี้) จำได้ว่าท่านอยู่ตรงไหน ท่านจำความรู้สึกตกใจและเสียขวัญที่ท่านและคนรอบข้างท่านประสบได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำลายความสงบและเพิ่มความรู้สึกเปราะบางให้หลายๆ คน ตามที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ในอดีต เหตุการณ์นี้มีความสำคัญยิ่งต่อข้าพเจ้าและแมรีย์ภรรยา

บุตรชายคนโตของเรากับภรรยาของเขากำลังจะมีลูกคนแรกและอาศัยอยู่ห่างจากเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กซิตีสามช่วงตึกเมื่อเครื่องบินลำแรกที่ผู้ก่อการร้ายจี้พุ่งชนอาคารเหนือ พวกเขาขึ้นไปบนหลังคาตึกอพาร์ตเมนต์และกลัวมากเมื่อเห็นผลของสิ่งที่คิดว่าเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง เมื่อเห็นเครื่องบินลำที่สองพุ่งชนอาคารใต้ พวกเขารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุและเชื่อว่าแมนฮัตตันตอนล่างกำลังเกิดวินาศกรรมอย่างต่อเนื่อง เมื่ออาคารใต้พังทลาย ตึกอพาร์ตเมนต์ของพวกเขาถูกกลืนหายไปในซากปรักหักพังที่ร่วงหล่นลงมาราวกับฝนกระหน่ำเหนือแมนฮัตตันตอนล่าง

ด้วยความสับสนและหวาดกลัวสิ่งที่เห็น เกรงจะเกิดวินาศกรรมต่อไปอีก พวกเขาจึงไปยังที่ปลอดภัยกว่าจนไปถึงอาคารศาสนจักรสเตคแมนฮัตตันในลินคอล์นเซ็นเตอร์ เมื่อมาถึงพวกเขาพบว่าสมาชิกอีกหลายสิบคนในแมนฮันตันตอนล่างตัดสินใจมารวมกันที่ศูนย์สเตคเหมือนกับพวกเขา เราโล่งอกเมื่อพวกเขาโทรบอกให้รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนและพวกเขาปลอดภัยดี เราไม่ประหลาดใจกับบริเวณที่พวกเขาอยู่เพราะการเปิดเผยในปัจจุบันสอนว่าสเตคแห่งไซอันเป็น “การคุ้มภัย, และ … ที่พักพิงจากพายุ, และจากพระพิโรธเมื่อจะเทลงมาโดยมิได้เจือจางบนทั้งผืนแผ่นดินโลก”3 พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปอพาร์ตเมนต์นานกว่าหนึ่งสัปดาห์และสลดใจกับการเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาไม่ได้ประสบความเสียหายทางร่างกายอย่างถาวร

เครื่องบินที่พุ่งชนเพนทากอนใกล้กับที่เราอยู่คืนนี้ในวอชิงตัน ดี. ซี. เป็นพันธกิจปลิดชีพตนเองของผู้ก่อการร้ายที่ส่งผลเสียคล้ายกัน

จุดประสงค์ของข้าพเจ้าคืนนี้ไม่ใช่เพื่อให้ท่านฝังใจกับเหตุร้ายในอดีต ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านเน้นด้านปีติของเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าบรรยายไว้ข้างต้น อีกทั้งต้องการช่วยให้ท่านตรึกตรองการทดลอง ความยากลำบาก และอันตรายที่ท่านประสบหรือเกรงว่าจะประสบในชีวิตส่วนตัว เหตุการณ์บางอย่างอาจส่งผลต่อคนจำนวนมาก หลายเหตุการณ์จะส่งผลต่อตัวท่านเท่านั้น ข้าพเจ้าตัดสินใจจะพูดถึงเหตุการณ์สามประเภท คือ ประเภทที่เกี่ยวข้องกับอันตรายทางร่างกาย ประเภทที่เกี่ยวข้องกับความท้าทายพิเศษ ซึ่งบางอย่างเกิดขึ้นเฉพาะสมัยของท่านเท่านั้น และสุดท้าย ประเภทที่เกี่ยวข้องกับอันตรายและความท้าทายทางวิญญาณ

อันตรายหรือความท้าทายทางร่างกาย

อันตรายทางร่างกายมองเห็นและมองออกง่ายที่สุด ไม่ว่าท่านจะทราบข่าวประจำวันอย่างไรหรือที่ใดท่านจะได้ข่าวเกี่ยวกับอันตรายทางร่างกาย ความรุนแรง และเรื่องสลดใจก่อนข่าวอื่น—โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต เหตุผลประการหนึ่งคือความรุนแรงและความตายดึงดูดความสนใจมากและมักแสดงให้เห็นเป็นภาพง่ายเท่าๆ กับข้อเขียน ความรุนแรงและความตาย ไม่ว่าใกล้หรือไกล จะดึงดูดความสนใจของเรา สามารถทำลายสันติและความสงบสุขของเราได้ เมื่อเรารู้สึกไม่ปลอดภัยทางกาย ตัวเราย่อมรู้สึกอ่อนไหว

วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งวางระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ผู้สอนศาสนาสี่คนของเราอยู่ที่เคาน์เตอร์เช็คเอาท์ของเดลต้า ทุกคนได้รับบาดเจ็บพอสมควร บางคนสาหัสมาก เอ็ลเดอร์ริชาร์ด นอร์บีผู้สอนศาสนาอาวุโสบาดเจ็บสาหัส เมื่อเร็วๆ นี้เขาบอกว่าแม้ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม แต่ “เขาเลือกวางใจพระเจ้าและไม่กลัว” เขากล่าวอีกว่า “ผมจะมีชีวิตต่อไป และผมจะสอนลูกหลานว่าเรา [ต้อง] วางใจพระผู้เป็นเจ้า”4

พระเจ้าทรงเน้นว่าแม้แต่คนที่เสียชีวิตขณะยังคงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา “จะพบมันอีก, แม้นิรันดรแห่งชีวิต”5

ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจกับความเห็นของซิสเตอร์แฟนนี เคลน ผู้สอนศาสนาอีกคนของเราผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่สนามบินบรัสเซลส์ เธอกล่าวว่า “การประสบเรื่องแบบนี้ทำให้ดิฉันเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เพราะมีเรื่องยากๆ เกิดขึ้นในชีวิตพวกเขา ตอนนี้เรื่องยากๆ ก็เกิดกับดิฉันด้วย ดิฉันจึงเข้าใจได้มากขึ้น” ในช่วงพักฟื้น เธอกล่าวว่า “เมื่อเราเลือกวางใจพระผู้เป็นเจ้า เราจะมองเห็นว่าพระองค์ทรงช่วยเราอย่างไรและสิ่งนั้นพิเศษเหลือเกิน เวลานี้ดิฉันวางใจพระองค์มากกว่าแต่ก่อน” เธอสำนึกคุณอย่างยิ่งที่เธอสามารถทำงานเผยแผ่ต่อไปได้6

ในการดำรงอยู่ก่อนเกิด เรารู้ว่าสิทธิ์เสรีและการตรงกันข้ามจำเป็นเพื่อให้เราเติบโต พัฒนา และรับความสูงส่งในที่สุด

ในสภาก่อนเกิดในสวรรค์ แผนของพระบิดาถือว่าสิทธิ์เสรีเป็นองค์ประกอบสำคัญ ลูซิเฟอร์กบฏ “และหมายมั่นจะทำลายสิทธิ์เสรีของมนุษย์”7 ด้วยเหตุนี้ซาตานกับคนที่ติดตามเขาจึงหมดสิทธิ์มีร่างกายมรรตัย

วิญญาณก่อนเกิดดวงอื่นใช้สิทธิ์เสรีในการทำตามแผนของพระบิดาบนสวรรค์ วิญญาณที่ได้รับพรให้เกิดมาในชีวิตนี้ยังมีสิทธิ์เสรีเช่นเดิม เรามีอิสระที่จะเลือกและกระทำแต่ไม่มีอิสระที่จะควบคุมผลของการเลือกนั้น ด้วยเหตุนี้การเลือกของเราจึงกำหนดความสุขหรือความเศร้าหมองในชีวิตนี้และในชีวิตที่จะมาถึง “การเลือกความดีและความชอบธรรมนำไปสู่ความสุข สงบ และชีวิตนิรันดร์ ส่วนการเลือกบาปและความชั่วร้ายนำไปสู่ความปวดร้าวใจและความทุกข์”8

เราจะโทษสภาวการณ์หรือคนอื่นไม่ได้ถ้าเราตัดสินใจทำตรงกันข้ามกับพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า เราทุกคนต้องรับผิดชอบและชี้แจงต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าเราพัฒนาคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์ พรสวรรค์ และความสามารถอย่างไร และเราต้องรับผิดชอบต่อการใช้เวลาที่จัดสรรให้เราในชีวิตนี้

หลักคำสอนเรื่องการตรงกันข้ามสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องและบางครั้งมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลักคำสอนเรื่องสิทธิ์เสรี แต่เพราะการตรงกันข้ามมักจะมาจากแหล่งภายนอกหรือบุคคลที่สามเราจึงมองแยกกัน ศาสดาพยากรณ์ลีไฮอธิบายหลักคำสอนนี้ไว้โดยสังเขปใน 2 นีไฟ 2:11 ว่า “เพราะจำเป็นต้อง, มีการตรงกันข้ามในสิ่งทั้งปวง. หาไม่แล้ว … ความชอบธรรมไม่สามารถเกิดขึ้นได้, ไม่ทั้งความชั่วร้าย, ไม่ทั้งความบริสุทธิ์หรือความเศร้าหมอง, ไม่ทั้งดีหรือชั่ว.”

ลีไฮอธิบายต่อไปว่าหลักคำสอนนี้สำคัญมากถึงขนาดว่าหากไม่มี “จะไม่มีจุดประสงค์ใน … การสร้าง” และ “ปรีชาญาณของพระผู้เป็นเจ้าและจุดประสงค์นิรันดร์ของพระองค์, และเดชานุภาพ, และพระเมตตา, และความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าด้วย” จะถูกทำลาย9

ลีไฮกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น, พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าจึงประทานแก่มนุษย์เพื่อเขาจะกระทำด้วยตนเอง”10

เรารู้ในการดำรงอยู่ก่อนเกิดว่าการใช้สิทธิ์เสรีส่งผลให้เกิดการตรงกันข้ามและความขัดแย้ง—สงครามในสวรรค์เป็นหลักฐานยืนยันความจริงนี้ เรารู้ว่านอกจากสงครามและความรุนแรงแล้วจะมีการทำบาปมากทั่วทั้งโลกด้วย เรารู้เช่นกันว่าพระเยซูคริสต์เต็มพระทัยจ่ายค่าบาปเหล่านี้ ความทุกขเวทนาของพระองค์ซึ่งเกินความเข้าใจจะส่งผลให้เกิดชัยชนะเหนือบาปและความตายทางวิญญาณ การฟื้นคืนพระชนม์จะเอาชนะความตายทางร่างกาย เราเชื่อมั่นว่าหลังจากความตาย เราทุกคนจะมีชีวิตอีกครั้ง ตามที่เราอ่านใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา ว่า

“เราเรียกชัยชนะของพระเยซูคริสต์เหนือความตายทางวิญญาณโดยการทนทุกข์และเหนือความตายทางร่างกายโดยการฟื้นคืนพระชนม์ว่าการชดใช้ …

“เมื่อเราพึ่งพาการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ พระองค์จะทรงช่วยให้เราอดทนต่อการทดลอง ความเจ็บป่วย และความเจ็บปวดได้ เราจะเปี่ยมไปด้วยปีติ สันติสุข และความอบอุ่นใจ ความอยุติธรรมทั้งหลายในชีวิตจะได้รับการแก้ไขโดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์”11

ประสบการณ์เลวร้ายของสมาชิกหลังจากสถาปนาศาสนจักรในมิสซูรีได้ไม่นานแสดงให้เห็นหลักธรรมของการชดใช้อย่างชัดเจน คุณค่าหลักคำสอนของเราขัดใจผู้ตั้งถิ่นฐานในมิสซูรี ไม่ใช่ศาสนาของเรา ชาวมิสซูรีจำนวนมากถือว่าชาวอเมริกันอินเดียนเป็นศัตรูตัวฉกาจและต้องการขับพวกเขาออกจากแผ่นดิน นอกจากนี้ผู้ตั้งถิ่นฐานในมิสซูรีหลายคนยังเป็นเจ้าของทาสด้วย พวกเขารู้สึกว่าตนถูกคุกคามจากพวกต่อต้านการเป็นทาส คนจำนวนมากแสวงหาที่ดิน ความมั่งคั่ง แม้กระทั่งอำนาจ

ตรงกันข้าม หลักคำสอนของเราเคารพคนอเมริกันอินเดียนและเราปรารถนาจะสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์แก่พวกเขา เกี่ยวกับการเป็นทาส พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่ามนุษย์ไม่ควรเป็นทาสกัน สมาชิกผิวดำสมัยแรกของเราที่มีค่อนข้างน้อยในสมัยนั้นนมัสการกับสมาชิกผิวขาวดังเช่นทุกวันนี้ สุดท้ายแล้ว จุดประสงค์ของเราไม่ใช่เพื่อได้ความมั่งคั่งแต่เพื่อสถาปนาชุมชนของพี่น้องที่รักกันและดำเนินชีวิตตามหลักธรรมที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอน ผู้ตั้งถิ่นฐานคนอื่นๆ รู้สึกถูกคุกคามเมื่อวิสุทธิชนจำนวนมากย้ายมามิสซูรีตามการเปิดเผยของพระเจ้า12

เรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและการข่มเหงสมาชิกของศาสนจักร พวกต่อต้านวิสุทธิชนทำลายพืชผลและอาคารบ้านเรือนของพวกเขา ปล้นปศุสัตว์ ทรัพย์สินส่วนตัว และขับพวกเขาออกจากบ้าน วิสุทธิชนบางคนถูกทาตัวด้วยน้ำมันดินคลุกขนนก ถูกเฆี่ยน ไม่ก็ถูกตี วิลเลียม ดับเบิลยู. เฟลพส์เขียนถึงโจเซฟ สมิธที่อยู่ในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอวาว่า “เวลานี้น่ากลัวมาก ชายหญิงและเด็กหนีหรือเตรียม [หนี] กันชุลมุนวุ่นวาย”13 ในความอลหม่านขณะถูกขับไล่ บางครั้งครอบครัวถูกแยกจากกัน วิสุทธิชนจำนวนมากขาดอาหารและเสบียงอื่นๆ สมาชิกศาสนจักรพยายามเข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกขับไล่หลังจากพระเจ้าทรงบัญชาให้มารวมกันในมิสซูรี หลังจากโจเซฟ สมิธทราบข่าวนี้ ท่านสวดอ้อนวอนขอให้เข้าใจ พระเจ้าทรงตอบด้วยข่าวสารปลอบใจนี้ที่ปัจจุบันอยู่ในหลักคำสอนและพันธสัญญา 101:35–36

“และคนทั้งปวงเหล่านั้นที่ทนรับการข่มเหงเพื่อนามของเรา, และอดทนด้วยศรัทธา, แม้ว่าพวกเขาได้รับเรียกให้พลีชีพเพื่อเห็นแก่เราทว่าพวกเขาจะยังรับส่วนรัศมีภาพนี้ทั้งหมด.

“ดังนั้น, อย่ากลัวเลยแม้จนถึงความตาย; เพราะในโลกนี้ปีติของเจ้าไม่บริบูรณ์, แต่ในเราปีติของเจ้าบริบูรณ์”

พระเจ้าทรงสัญญากับเราเช่นกันว่ารางวัลของความชอบธรรมคือ “สันติสุขใน [ชีวิต] นี้, และชีวิตนิรันดร์ในโลกที่จะมาถึง”14

ดังนั้นการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดจึงช่วยให้เรามีสันติและความสงบสุขแม้เมื่อมีอันตรายทางร่างกาย

ความท้าทายพิเศษบางอย่างเกิดเฉพาะสมัยของท่านเท่านั้น

นอกจากความท้าทายทางร่างกายแล้ว หนุ่มสาวอย่างท่านมีความท้าทายพิเศษด้วย และบางอย่างเกิดขึ้นเฉพาะสมัยของท่านเท่านั้น ท่านเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเรื่องการศึกษา งานอาชีพ การแต่งงาน และครอบครัว นัยของหลักคำสอนเกี่ยวกับการตัดสินใจเหล่านี้กล่าวไว้ในคำปราศรัยหลายเรื่องและเข้าใจกันเป็นอย่างดี ในการชำระโทษบาปของเราพระผู้ช่วยให้รอดไม่ทรงปลดเปลื้องเราจากความรับผิดชอบส่วนตัวต่อวิธีที่เราดำเนินชีวิต คุณค่าของงาน ความอุตสาหะ การทำงานสุดกำลัง การปรับปรุงพรสวรรค์ และการหาเลี้ยงครอบครัวมีประกาศไว้ในพระคัมภีร์นับจากกาลเริ่มต้น ในปฐมกาลพระเจ้าทรงประกาศว่า “เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับไปเป็นดิน”15

ข้าพเจ้าเชื่อว่าสมาชิกยอมรับแนวคิดเหล่านี้อย่างกว้างขวาง แต่ในโลกที่ซับซ้อนมีความสับสนมากเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติหลักธรรมเหล่านี้

ในคำปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกของข้าพเจ้าเมื่อ 20 ปีก่อน ข้าพเจ้าเล่าเรื่องขำขันส่วนตัวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นดังกล่าว16

เมื่อลูกๆ ของเรายังเล็ก ข้าพเจ้ากับแมรีย์ภรรยาตัดสินใจสานต่อประเพณีที่คุณพ่อสอนไว้เมื่อข้าพเจ้ายังเด็ก ท่านจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและพี่น้องแต่ละคนเพื่อช่วยเราตั้งเป้าหมายในด้านต่างๆ ของชีวิตและสอนเราว่าศาสนจักร โรงเรียน และกิจกรรมเสริมหลักสูตรจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายเหล่านี้อย่างไร ท่านมีกฎสามข้อ

  • เราต้องมีเป้าหมายที่คุ้มค่า

  • เราสามารถเปลี่ยนเป้าหมายได้ทุกเมื่อ

  • เราต้องเพียรพยายามทำให้บรรลุเป้าหมายที่เราเลือก

โดยได้รับประโยชน์จากประเพณีนี้แมรีย์กับข้าพเจ้าจึงตัดสินใจใช้แนวปฏิบัตินี้กับลูกๆ ของเรา เมื่อลาร์รีย์ลูกชายของเราอายุห้าขวบ ข้าพเจ้าถามว่าเขาต้องการประกอบอาชีพอะไรเมื่อโตขึ้น เขาบอกว่าเขาอยากเป็นแพทย์เหมือนลุงโจ17 ลาร์รีย์เคยรับการผ่าตัดครั้งใหญ่และเขาเคารพแพทย์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุงโจของเขา ข้าพเจ้าบอกลาร์รีย์ว่าสิ่งคุ้มค่าทุกอย่างที่เขาทำจะช่วยเตรียมเขาให้พร้อมทำงานเป็นแพทย์อย่างไร

หลายเดือนต่อมา ข้าพเจ้าถามเขาอีกครั้งว่าเขาอยากทำอะไรเมื่อโตขึ้น คราวนี้เขาบอกว่าเขาอยากเป็นคนขับเครื่องบิน คนเราเปลี่ยนเป้าหมายกันได้ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงอธิบายว่ากิจกรรมต่างๆ ของเขาจะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายนี้อย่างไร พอพูดจบข้าพเจ้าถามทันทีว่า “ลาร์รีย์ คราวก่อนลูกอยากเป็นหมอนี่นา อะไรทำให้ลูกเปลี่ยนความคิดหรือ” เขาตอบว่า “ผมคิดว่าเป็นหมอก็ดี แต่ผมสังเกตเห็นลุงโจทำงานเช้าวันเสาร์ ผมไม่อยากพลาดการ์ตูนเช้าวันเสาร์”

นับจากนั้นครอบครัวเราจึงขนานนามให้การ์ตูนเช้าวันเสาร์เป็นสิ่งที่ทำให้เขวจากเป้าหมายที่คุ้มค่า

มีหลักธรรมสองข้อที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะเน้นจากเรื่องจริงนี้ ข้อแรกคือท่านวางแผนและเตรียมบรรลุเป้าหมายที่คุ้มค่าในโลกทุกวันนี้อย่างไร และสองคือผลกระทบของอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมต่อเป้าหมายที่ชอบธรรมของเรา หลักธรรมแต่ละข้อนี้อาจเป็นการ์ตูนเช้าวันเสาร์ที่ทำให้เราเขวจากปีติที่เราปรารถนา

ข้าพเจ้าห่วงใยเป็นพิเศษที่หนุ่มสาวจำนวนมากไม่ตั้งเป้าหมายที่ชอบธรรมหรือไม่มีแผนบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ข้าพเจ้าห่วงใยเช่นกันที่หลายคนดูแคลนและไม่เห็นคุณค่าพรสวรรค์และความสามารถของตน การแก้ปัญหาสองข้อนี้จะนำปีติมากมายเข้ามาในชีวิตท่าน

หนังสือเล่มล่าสุดของศาสตราจารย์แองเจลา ดัคเวิร์ธชื่อ Grit, นำเสนอกรณีน่าสนใจที่คนจำนวนมาก หรืออาจจะส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ ประเมินความสามารถตามธรรมชาติสูงเกินไป ทั้งยังดูแคลนงานหนักและความมานะบากบั่น เธออธิบายว่าความสำเร็จทุกรูปแบบได้มาจากจรรยาบรรณของการทำงานมากกว่าสติปัญญาหรือความสามารถล้วนๆ เธอชี้ให้เห็นว่าคนที่มีความมุ่งมั่นและความตั้งใจ (ซึ่งเธอเรียกว่าความทุ่มเทและความบากบั่น) มักจะทำงานได้ดีกว่าผู้มีความสามารถตามธรรมชาติแต่ไม่มีความเพียร18

เมื่ออายุยังน้อยข้าพเจ้าบังเอิญรู้คะแนนทดสอบความสามารถทางปัญญาของนักเรียนคนหนึ่งซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยเล็กน้อย ข้าพเจ้าสังเกตเขาจากการเรียนโดยไม่พูดเรื่องนี้กับใคร เขาเรียนวิชายากและขยันเรียน ในมหาวิทยาลัยบางครั้งเขาอยู่ในกลุ่มศึกษาสองหรือสามกลุ่มสำหรับวิชาเดียวกัน ในที่สุดเขาได้รับปริญญาขั้นสูงในสาขาวิชาที่ยากและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในอาชีพที่เขาถนัด

ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านว่าทุกคนควรบรรลุผลสำเร็จด้านวิชาการแต่กำลังบอกว่าท่านสามารถบรรลุเป้าหมายที่คุ้มค่าและชอบธรรมด้วยการวางแผน ความเพียร และความมุ่งมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าท่านขจัดการ์ตูนเช้าวันเสาร์ของชีวิตออกไป ท่านจะพบปีติและความสุขในชีวิตมากขึ้นด้วย

ข้าพเจ้าต้องการรับรองกับท่านว่าท่านทำสิ่งยากๆ ได้ เอ็ลเดอร์จอห์น บี. ดิคสันสาวกเจ็ดสิบเกียรติคุณผู้รับใช้อย่างสมเกียรติทั่วโลก แสดงให้เห็นเรื่องนี้อย่างร่าเริงและไม่ธรรมดา เอ็ลเดอร์ดิคสันได้รับเรียกให้รับใช้เป็นผู้สอนศาสนาแอลดีเอสในเม็กซิโกปี 1962 ก่อนไปรับใช้ แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นมะเร็งกระดูกในแขนขวา แพทย์คิดว่าท่านจะอยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ 10 เดือนต่อมาท่านไปรับใช้งานเผยแผ่ที่ได้รับมอบหมายหลังจากตัดแขนไปแล้ว19 ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมวิธีที่ท่านสอนผู้สอนศาสนาที่เอ็มทีซีว่าพวกเขาทำสิ่งยากๆ ได้ ท่านเชิญผู้สอนศาสนาสี่คนออกมายืนและแข่งผูกเน็กไทกับท่าน ลองคิดดูผูกเน็กไทด้วยแขนข้างเดียว! เมื่อเร็วๆ นี้ข้าพเจ้าขอให้เอ็ลเดอร์ดิคสันสาธิตให้ดู ลองดูครับ

เอ็ลเดอร์จอห์น บี. ดิคสัน:[ลองเน็กไท]ท่านก็ทราบดีว่าเราทุกคนมีการท้าทายในชีวิต บางครั้งเป็นการท้าทายทางร่างกายหรือทางอารมณ์หรือทางเศรษฐกิจหรือประเภทอื่นๆ และหากเรามองในแง่ดีและรักษากฎ มีศรัทธาในพระเจ้า ในตนเอง เราจะรับมือกับทุกสิ่งที่มาสู่เราได้ ข้าพเจ้าคิดว่าเราจะผูกเน็กไทเองได้ด้วย มีใครอยากจะแข่งไหม อยากจะสู้กันไหม

ขอบคุณครับจอห์น

ที่เอ็มทีซี เอ็ลเดอร์ดิคสันชนะผู้สอนศาสนาทั้งสี่คนโดยใช้ฟัน ไหล่ และหน้าอกได้อย่างน่าอัศจรรย์ ขอให้รู้ว่าท่านสามารถเอาชนะความยากลำบากและทำสิ่งยากๆ ได้

ศาสตราจาร์ยดัคเวิร์ธกล่าวว่า “ความกระตือรือร้นหาได้ทั่วไป ความอดทนหาได้ยาก”20

งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เธออ้างเน้นความสำคัญของการเตรียมชีวิตอย่างแข็งขัน รวมถึงความบากบั่น ความเด็ดเดี่ยว ความมุมานะ และแนวโน้มว่าจะไม่ทิ้งภารกิจเมื่อเผชิญอุปสรรค21

เธอยกย่องการมีจุดประสงค์สูงขึ้นที่เอื้อต่อความผาสุกของผู้อื่น22 เธอกล่าวว่า

“คนโชคดีคือคนมีเป้าหมายระดับสูงที่สำคัญต่อโลกจนเพิ่มความหมายอันลึกซึ้งให้ทุกสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่ว่างานนั้นจะเล็กหรือน่าเบื่อก็ตาม ลองพิจารณาอุปมาเรื่องช่างก่ออิฐ

“มีผู้ถามช่างก่ออิฐสามคนว่า ‘คุณทำอะไรอยู่’

“คนแรกตอบว่า ‘ผมกำลังก่ออิฐ’

“คนที่สองตอบว่า ‘ผมกำลังสร้างโบสถ์’

“และคนที่สามตอบว่า ‘ผมกำลังสร้างบ้านของพระผู้เป็นเจ้า’

ช่างก่ออิฐคนแรกมีงานทำ คนที่สองมีอาชีพ คนที่สามมีการเรียก”23

คืนนี้ข้าพเจ้าท้าทายให้ท่านสำรวจเป้าหมายของตนเองและพิจารณาว่าเป้าหมายใดจะช่วยให้ท่านบรรลุข้อผูกมัดในครอบครัว อยู่บนเส้นทางพันธสัญญาของท่านเสมอ และช่วยให้ท่านมีปีติที่พระเจ้าทรงต้องการ จำไว้ว่าการมีเป้าหมายช่วยท่านประหยัดเวลาและความพยายามโดยวางแผนล่วงหน้าและไม่พลาดสิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนและเส้นตาย

ตอนนี้ข้าพเจ้าจะพูดถึงผลกระทบของอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมต่อการตัดสินใจ

อินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมเอื้อประโยชน์มากต่อสังคมปัจจุบันของเรา มีค่ามาก! แต่สามารถเป็นการ์ตูนเช้าวันเสาร์ที่ทำให้เราเขวจากการบรรลุผลสำเร็จในการเรียกจริงของเราในชีวิตนี้เช่นกัน

ข้าพเจ้าขอร้องให้เราทุกคนประเมินว่าเราใช้อินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมอย่างไรและเมื่อใด การทดสอบที่ชัดเจนคือถามว่า สิ่งนั้นช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายสำคัญและมีค่าอื่นๆ ของเราหรือไม่ หรือขัดขวางความก้าวหน้าของเราอย่างมากหรือไม่ เราหมกมุ่นกับสื่อสังคมเพราะเกรงจะตกข่าวถ้าเราไม่ติดตามตลอดเวลาหรือไม่ การส่งเสริมตนเองผ่านสื่อสังคมทำให้เราสงสัยตนเองและรู้สึกไม่ดีพอหรือไม่ ที่แย่กว่านั้นคือ อินเทอร์เน็ตทำให้เราเห็นภาพและเนื้อหาที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่เหมาะสม หรือมีความจริงครึ่งเดียวที่ทำลายศรัทธาหรือไม่ เราเคยปกปิดตัวตนของเราและทำให้ผู้อื่นต้องได้รับความคิดเห็นที่ก้าวร้าวไร้เมตตาหรือไม่ สื่อสังคมรบกวนเวลาที่ปกติเราใช้กับการปฏิบัติศาสนาในบ้านหรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างมีคุณภาพหรือไม่ จำนวนเวลาที่ใช้เล่นเกมอินเทอร์เน็ตและเรื่องไร้สาระกีดกั้นเราไม่ให้บรรลุเป้าหมายที่จริงจังหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการตัดสินใจที่ข้าพเจ้าท้าทายให้เราแต่ละคนตรึกตรอง ปรับเปลี่ยน และกลับใจหากจำเป็นเพื่อเป็นพรแก่ชีวิตเรา

ดังกล่าวไว้ข้างต้น ข้าพเจ้าทราบดีถึงประโยชน์มหาศาลของสื่อสังคมเมื่อใช้อย่างเหมาะสม แค่เอื้อประโยชน์ต่อประวัติครอบครัวอย่างเดียวก็ทำให้ข้าพเจ้าเห็นชัดว่าพระเจ้าทรงดลใจเทคโนโลยีนี้

หลังจากพูดจบ ข้าพเจ้าจะโพสต์คำพูดบางส่วนไว้บนหน้าเฟซบุ๊คของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านแบ่งปันข้อกังวลของท่านกับข้าพเจ้าเกี่ยวกับสื่อสังคมแต่บอกด้วยว่าสื่อสังคมเป็นพรแก่ชีวิตท่านอย่างไร

ข้าพเจ้าต้องการฝากข้อคิดอีกประการหนึ่งในเรื่องนี้ เราได้ยินมามากเกี่ยวกับการมีภาพลักษณ์ที่แท้จริงในสื่อสังคม การเป็นเหมือนพระคริสต์อย่างจริงใจเป็นเป้าหมายสำคัญกว่าการมีภาพลักษณ์ที่แท้จริง ข้าพเจ้าขอพูดอีกครั้ง การเป็นเหมือนพระคริสต์อย่างจริงใจเป็นเป้าหมายสำคัญกว่าการมีภาพลักษณ์ที่แท้จริง

ความท้าทายทางวิญญาณ

ตอนนี้ข้าพเจ้าจะพูดเรื่องความท้าทายทางวิญญาณ

ความรับผิดชอบสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตนี้คือทำและรักษาพันธสัญญาศักด์สิทธิ์กับพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนี้เรียกร้องให้เราสำรวจความปรารถนาที่ไม่คู่ควรและแยกตัวเราออกมา เราสำรวจความคาดหวังที่ไม่เหมาะสมที่เรามีต่อพระผู้เป็นเจ้าทั้งโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวเช่นกัน เราหมายมั่นเรียนรู้พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ เรามุ่งเน้นศรัทธา การกลับใจ และศาสนพิธีแห่งความรอดอย่างต่อเนื่อง พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงจ่ายราคาให้เราทุกคนเกินกว่าเราจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ไม่ทรงทำการชดใช้เพื่อให้เราจดจ่อกับเป้าหมายทางโลกที่ไม่ยั่งยืนหรือความสนุกและเกมไร้สาระเพียงเพื่อความเพลิดเพลิน พึงคิดถึงจุดประสงค์ของพระเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสว่า “เพราะดูเถิด, นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา—คือการทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์”24

ดูเหมือนบางคนจะพูดหรือบอกเป็นนัยว่า “พระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักเราจะไม่พอพระทัยหรือถ้าฉันด้อยกว่าที่ควรเป็น พระองค์จะไม่ประทานพรให้ฉันเพียงเพราะฉันชอบดื่มเหล้าและกาแฟหรือ” คำถามนั้นไม่ถูกต้องและแสดงว่าขาดความเข้าใจในแผนของพระบิดา คำถามจริงๆ คือ “ฉันจะเป็นคนชอบธรรมที่พระบิดาและพระผู้ช่วยให้รอดทรงต้องการให้ฉันเป็นได้อย่างไร” พระคัมภีร์ประกาศว่า “จากเขาผู้ที่ประทานให้มากก็เรียกร้องจากเขามาก”25

ในโลกที่มักได้รับรางวัลและถ้วยรางวัลสำหรับการเข้าร่วมเพียงอย่างเดียว มาตรฐานและความคาดหวังอาจดูเหมือนไม่ยุติธรรมหรือแม้โหดร้าย นี่เป็นจริงอย่างยิ่งสำหรับคนที่ยืนกรานเดินตามเส้นทางของตนโดยไม่ยอมปฏิบัติตามแผนของพระบิดาไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร

หลายคนแก้ตัวให้แก่การทำบาปและใช้ “พระเยซูทรงสอนให้เรารักทุกคน” เป็นเครื่องปกป้องตนเอง แน่นอนว่าจริง แต่บ่อยครั้งคนที่แก้ต่างเช่นนั้นมักเพิกเฉยพระดำรัสเตือนที่สำคัญเท่ากันของพระองค์ว่า “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา”26

เราไม่ควรต่อรองเงื่อนไขความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด การมีใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิดเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นของการเริ่มไปบนเส้นทางพันธสัญญาที่ตั้งต้นจากบัพติศมา ขอให้เราวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าอย่างนอบน้อม ตามที่กษัตริย์เบ็นจามินสอนเรา “เพราะดูเถิด, เราทั้งหลายไม่ได้เป็นขอทานหรอกหรือ? เราทั้งหลายไม่ได้พึ่งพิงพระสัตภาวะองค์เดียวกัน, แม้พระผู้เป็นเจ้า, เพื่อทรัพย์สินทั้งสิ้นซึ่งเรามีอยู่ … ทุกชนิดหรอกหรือ?”27

ความท้าทายของเราจะยาก และบางครั้งก็ไม่ยุติธรรม ทำให้ใจเราปวดร้าวและเกิดความเห็นใจมากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นจริงกับความทุพพลภาพและโรคร้ายที่มีผลต่อเรา รวมถึงผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำทารุณกรรม รวมถึงความยากไร้และความรุนแรงซึ่งแทรกซึมไปทั่วสิ่งแวดล้อมที่เราเกิด รวมถึงแรงผลักดันและความโน้มเอียงที่เราอาจไม่ได้เลือก เราคร่ำครวญกับการเสพติดอันเนื่องจากการเลือกไม่ดีเพียงครั้งเดียว ความอยุติธรรมหรือความไม่เที่ยงธรรมมีได้มากมายในโลกนี้

เราตอบสนองอย่างไร เราต้องมีเมตตาสงสารและปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเคารพ แม้เมื่อพวกเขาเลือกเส้นทางที่เรารู้ว่าไม่สอดคล้องกับแผนของพระบิดาและคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด แต่ถ้าเราต้องการมีเมตตาจริงๆ เราต้องสอนการกลับใจด้วย เราไม่มีเมตตาและเราไม่ทำคุณกับใครเมื่อเราไม่กระตุ้นคนที่เรารักให้เปลี่ยนชีวิตและยอมรับการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด มีพรที่เหลือเชื่อและพรนิรันดร์คอยท่าคนที่กลับใจ

พระผู้ช่วยให้รอดตรัสไว้ชัดเจนกับชาวนีไฟเมื่อพระองค์ตรัสเกี่ยวกับคนที่จะกลับใจว่า “เขาไม่มีความผิดต่อพระพักตร์พระบิดาของเราในวันนั้นเมื่อเราจะยืนเพื่อพิพากษาโลก”28 พระองค์ตรัสต่อไปว่า “และไม่มีสิ่งที่ไม่สะอาดจะเข้าไปในอาณาจักรของพระองค์ได้, ฉะนั้นไม่มีสิ่งใดเข้าไปในสถานพักผ่อนของพระองค์นอกจากบรรดาผู้ที่ล้างอาภรณ์ของพวกเขาในเลือดของเรา, เพราะศรัทธาของพวกเขา, และการกลับใจจากบาปทั้งหมดของพวกเขา, และความซื่อสัตย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ของพวกเขา”29

ขอให้ท่านทราบว่าท่านสะอาดได้ ท่านสามารถพบปีติที่ท่านปรารถนาในชีวิตนี้ ไม่ควรมีใครออกจากการประชุมนี้และคิดว่าท่านอยู่นอกเหนือการไถ่ ไม่ใช่ ที่สำคัญคือท่านเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ท่านมีความหวังและปีติได้ ท่านสามารถเปลี่ยนใจและกลับใจได้ ท่านให้อภัยและรับการให้อภัยได้

การกลับใจสำคัญยิ่งต่อแผนของพระบิดา ในพระคัมภีร์มอรมอนเราเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างความเมตตากับความยุติธรรม พระคริสต์ทรงกำหนดว่าความเมตตากับความยุติธรรมสัมพันธ์กันอย่างไร30

ข้าพเจ้าชอบคำร้องที่บ่งบอกถึงการมองโลกในแง่ดีของเอลีซา อาร์. สโนว์

ช่างรุ่งโรจน์สมบูรณ์และยิ่งใหญ่

โอ้แผนงานแห่งการไถ่

ซึ่งความเที่ยงธรรมความรักเมตตา

ประสานปรองดองเมืองฟ้า!31

แผนอันรุ่งโรจน์แห่งความสุขยุติธรรมและเปี่ยมด้วยเมตตา เรารู้ว่าเรามาจากไหน เราอยู่ที่นี่ทำไมในชีวิตนี้ และเราจะไปไหนหลังจากเราตาย

ท่านเป็นคนในรุ่นที่ดีเลิศ พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่าในวันเวลาสุดท้ายจะมี “ความชั่วร้ายและความน่าชิงชัง”32 แต่วิสุทธิชนจำนวนเล็กน้อยที่กระจายอยู่ทั่วพื้นพิภพจะ “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่”33 พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะทรง “ปกปักรักษาคนชอบธรรม” และเรา “ไม่ต้องกลัว”34

ท่านไม่ต้องกลัว แม้ท่านจะเผชิญอันตรายและความท้าทาย ท่านจะได้รับพรและความคุ้มครองเมื่อท่านแสวงหาเป้าหมายที่ชอบธรรมและคุ้มค่า จงวางแผนและทำงานด้วยความเพียรและความมุ่งมั่น หลีกเลี่ยงการใช้สื่อสังคมและอินเทอร์เน็ตอย่างไม่เหมาะสม พึ่งพาและมุ่งเน้นศรัทธา การกลับใจ ศาสนพิธีแห่งความรอด และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดขณะท่านอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ การจดจ่ออยู่ที่พระวิหารจะช่วยให้ท่านบรรลุเป้าหมายเหล่านี้

เฉกเช่นถ้อยคำที่กล่าวไว้ในโรม 12:12, “จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงสู้ทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐาน” ท่านสามารถหลีกเลี่ยงการ์ตูนเช้าวันเสาร์ของชีวิต และชื่นชมและได้รับทุกอย่างที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาไว้กับเรา

ข้าพเจ้าเป็นพยานอย่างจริงจังถึงความเป็นพระผู้เป็นเจ้าของพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์เราจึงไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะปีติของเราเต็มเปี่ยมในพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

พิมพ์