การให้ข้อคิดทางวิญญาณ 2018
การผจญภัยของความเป็นมรรตัย


การผจญภัยของความเป็นมรรตัย

ยามค่ำกับเอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

การให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลกสำหรับคนหนุ่มสาว • 14 มกราคม, 2018 • ศูนย์การประชุมใหญ่

เพื่อนรุ่นเยาว์ที่รัก พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้านำความรักและพรของโควรัมอัครสาวกสิบสองมาให้ท่าน

ข้าพเจ้าคิดถึงประธานโธมัส เอส. มอนสัน ท่านเป็นเพื่อน ครู และครูพี่เลี้ยงที่ข้าพเจ้ารักและเทิดทูนมาก แต่ข้าพเจ้ายืนยันกับท่านว่า พระเจ้าพระองค์เองทรงเป็นประมุขของศาสนจักรนี้ ศาสนจักรของพระองค์ แม้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย พระเจ้าทรงเตรียมแผนแห่งสวรรค์ไว้เพื่อที่ศาสนจักรของพระองค์จะนำโดยศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผยเสมอ

ท่านอยู่ในความคิดคำนึงของเราเสมอ เราสวดอ้อนวอนให้ท่าน และเรารักและชื่นชมท่าน

งานชุมนุมและแบ่งปันทั่วโลกก่อนการประชุมนี้และยังคงมีต่อไปหลังการประชุม เป็นแบบอย่างของคุณความดีเพียงหนึ่งตัวอย่างของท่าน พวกท่านหลายหมื่นคนมีส่วนร่วมอย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่การช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อน จนถึงการยกระดับจิตใจผู้อื่นผ่านบทเพลงและท่านถูกกำหนดให้แบ่งปันข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ผ่านการส่งข้อความในสื่อสังคมและวิธีอื่นๆ และโดยการเป็นแบบอย่างของท่าน ขอบคุณที่ท่านแสดงให้เห็นว่าท่านยินดีรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์

เป็นโอกาสดีที่ได้อยู่กับท่านวันนี้ และได้สัมผัสถึงวิญญาณ กำลัง และพลังของท่าน ข้าพเจ้ามีความสุขมากที่พวกเราได้มีโอกาสฟังภรรยาข้าพเจ้า ใช่แล้ว แฮเรียตเป็นแสงตะวันของชีวิตข้าพเจ้า ทุคคนที่รู้จักเธอล้วนรักเธอ เธอเป็นบุคคลที่ทำให้คนรอบข้างดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น แน่นอนว่าเธอมีอิทธิพลเช่นนั้นต่อข้าพเจ้า

เราเพิ่งฉลองวันครบรอบแต่งงานปีที่ 55 ของเรา เมื่อเรามองดูลูกสองคนของเราและคู่ครองของพวกเขา หลานหกคนกับครอบครัวของพวกเขา และเหลนสามคนของเรา เราพิศวงต่อการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา

ยุคของคำตอบฉับพลัน

ความคิดที่น่าสนใจเกิดขึ้นขณะข้าพเจ้ากำลังเตรียมสำหรับการประชุมนี้ ใช่แล้วเป็นความจริง สมัยที่ข้าพเจ้าอายุ 18 ถึง 30 ปีแทบจะมองไม่เห็นในกระจกหลังของข้าพเจ้า แต่แม้จะอายุขนาดนี้แล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่ายังหนุ่มอยู่ข้างใน อันที่จริง คนสูงวัยส่วนใหญ่คิดว่าเราเป็นคนหนุ่มสาวที่แค่อยู่มานานมากเท่านั้น

คนรุ่นที่อายุมากกว่ามีหลายอย่างเหมือนกันกับคนรุ่นท่านมากกว่าที่ท่านคิด ข้าพเจ้าเชื่อว่าความต่างระหว่างบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ไม่ว่าจะอายุเท่าใด มีความเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเหมือน อาทิเช่น คำถามหลายข้อที่ท่านมีเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและตัวท่านเอง—คำถามที่ลึกซึ้งและสำคัญ ก็เหมือนกับคำถามที่คนอายุมากกว่าท่านเคยถามมาแล้ว

“พระผู้เป็นเจ้ามีจริงหรือ พระองค์สนพระทัยหรือเปล่า”

“ฉันอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องไหม”

“ทำไมบางครั้งฉันรู้สึกขาดพลัง หนักใจ ถูกมองข้าม หรือโดดเดี่ยว”

“ทำไมพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงแทรกเข้ามาในชีวิตฉัน

“ทำไมพระองค์ไม่ทรงตอบคำสวดอ้อนวอน”

“ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้ฉันประสบกับความเสียใจ ความเจ็บป่วย หรือเรื่องเศร้า”

คำถามเหล่านี้ตอบได้ยากมาก

ในยุคของคำตอบฉับพลันยุคนี้—ยุคซึ่งความรู้ที่ดูเหมือนสมบูรณ์และอยู่เหนือการรับรู้หาได้ทางกูเกิลเท่านั้น—บางครั้งเราหงุดหงิดเมื่อคำตอบของคำถามส่วนตัวซึ่งเร่งด่วนและสำคัญที่สุดมาช้า เราทูลความในใจต่อสวรรค์และทั้งหมดที่เราได้คือ “เคอร์เซอร์รอ” ที่หมุนวนจนหงุดหงิด

เราไม่ชอบรอ

เมื่อเราต้องรอนานมากกว่าสองสามวินาทีให้โปรแกรมค้นหาตอบสนอง เราอาจคิดว่าการเชื่อมต่อขัดข้อง พอเราหงุดหงิด เราอาจจะทิ้งการค้นหา แต่เมื่อเป็นคำถามนิรันดร์ เรื่องของจิตวิญญาณ เราต้องอดทนมากกว่านี้

ใช่ว่าคำตอบทั้งหมดมีค่าเท่าเทียมกัน คำตอบที่มาจากปัญญาของโลกหรือความเห็นซึ่งเป็นที่นิยมได้มาโดยง่าย แต่จะสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็วเมื่อทฤษฎีหรือแนวโน้มใหม่ๆ เกิดขึ้น คำตอบจากสวรรค์—คำตอบนิรันดร์—มิอาจประมาณค่าได้ บ่อยครั้งต้องเสียสละ ลงมือทำ และอดทนจึงจะได้รับคำตอบเหล่านี้

คำตอบเหล่านี้คุ้มกับการรอคอย

จุดประสงค์ของข้าพเจ้าวันนี้คือให้พยานชัดแจ้งว่าพระบิดาในสวรรค์ทรงรู้จักท่าน ทรงได้ยินท่าน และจะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน เมื่อใจท่านเอนเอียงหาไปทางพระองค์และพยายามเดินตามทางของพระองค์ พระองค์จะทรงแทรกเข้ามาในชีวิตท่านและนำทางท่านขณะท่านเดินทางฝ่าการผจญภัยครั้งใหญ่และน่าตื่นเต้นนี้ของความเป็นมรรตัย

การต่อจุด

นักนวัตกรรมคนหนึ่งในสมัยของเรา สตีฟ จ็อบส์ของแอปเปิ้ลมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า “คุณต่อจุดล่วงหน้าไม่ได้” เขากล่าว“คุณต่อได้เฉพาะจุดย้อนหลังเท่านั้นคุณจึงต้องวางใจว่าจุดจะต่อกันเองในอนาคต”1

เขาหมายความว่าอย่างไร เรื่องต่อไปนี้จะช่วยอธิบาย ในปลายศตวรรษที่ 19 จิตกรเช่นจอร์จ เซอราต์และปอล ซินยาคเริ่มวาดภาพสไตล์ใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ Neo-impressionism (ลัทธิประทับใจใหม่) เทคนิคของพวกเขาประกอบด้วยการแต้มสีเป็นจุดเล็กๆ บนผืนผ้าใบ เมื่อดูใกล้ๆ จุดเหล่านี้ดูเหมือนกระจายกันอยู่สะเปะสะปะไม่เป็นระเบียบ แต่เมื่อท่านดูภาพรวมทั้งหมด ท่านจะเห็นได้ว่าจุดผสมกลมกลืนเป็นสีต่างๆ อย่างไรและในที่สุดสีประกอบเป็นทัศนียภาพที่สวยงามอย่างไร สิ่งที่เคยดูเหมือนไร้เหตุผลและแม้แต่สับสนเริ่มจะเข้าใจได้ บางครั้งชีวิตเราเป็นเหมือนศิลปะแนว Neo-impressionism (ลัทธิประทับใจใหม่)บางครั้งจุดสีที่แต่งแต้มช่วงเวลาและเหตุการณ์ประจำวันของเราดูไร้ระเบียบไม่เชื่อมต่อกัน เราไม่เห็นว่ามีระเบียบในนั้น เรานึกภาพไม่ออกว่าสิ่งนั้นจะมีจุดประสงค์

แต่เมื่อเราก้าวถอยหลังและมองด้วยมุมมองนิรันดร์ เมื่อเรามองดูชีวิตเราในกรอบของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เราจะเริ่มเห็นว่าจุดต่างๆ มากมายในชีวิตของเราเชื่อมต่อกันอย่างไร เราอาจไม่สามารถเห็นภาพทั้งหมดได้ในเวลานี้ แต่เราจะเห็นเพียงพอที่จะวางใจว่ามีการออกแบบที่สวยงามและยิ่งใหญ่ และเมื่อเราขวนขวายที่จะวางใจพระผู้เป็นเจ้าและติดตามพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ วันหนึ่งเราจะเห็นผลผลิตที่เสร็จสมบูรณ์ และเราจะรู้ว่าพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้ากำลังชี้ทางและนำทางก้าวเดินของเรา

เราจะรู้ว่าองค์จิตกรทรงมีแผนสำหรับจุดที่ไม่เป็นระเบียบเหล่านั้นมาเสมอ เราจะเห็นว่าพระองค์ทรงขยายพรสวรรค์ของเรา เตรียมโอกาส และนำเราไปสู่ความเป็นไปได้อันน่ายินดียิ่งกว่าที่เราจะจินตนาการหรือทำสำเร็จได้ด้วยตนเอง

ข้าพเจ้าเห็นมาแล้วในชีวิตข้าพเจ้าเอง

การผจญภัยของความเป็นมรรตัยของข้าพเจ้า

หลายท่านทราบว่าเมื่อข้าพเจ้ายังเด็ก ครอบครัวข้าพเจ้าต้องหนีออกจากบ้านสองครั้งและต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง จากเหตุการณ์ทั้งสองครั้งนั้น เราเริ่มเห็นชัดว่าผู้คนในสถานที่ใหม่ถือว่าเรา “ด้อย” กว่าพวกเขา ท่ามกลางเด็กวัยเดียวกัน สำเนียงข้าพเจ้าทำให้กลายเป็นคนนอกคอก และเป็นต้นเหตุอย่างดีให้พวกเขาหัวเราะเยาะ

คุณพ่อคุณแม่ข้าพเจ้าลำบากในการจัดหาให้ครอบครัว คุณแม่เริ่มธุรกิจซักรีดและข้าพเจ้าทำหน้าที่เป็น “ผู้เชี่ยวชาญการส่งถึงบ้าน” หลังเลิกเรียนด้วยรถจักรยานและรถลาก

ความชอกช้ำในจิตใจและความเครียดของการย้ายถิ่นฐานใหม่ทำให้ข้าพเจ้าเรียนไม่ทันและเสียการเรียนหนึ่งปีเต็ม

ในเยอรมนีตะวันออก ข้าพเจ้าเรียนภาษารัสเซียเป็นภาษาที่สอง ภาษานี้ยากแต่ข้าพเจ้าเรียนได้ แต่ในเยอรมนีตะวันตก ข้าพเจ้าต้องเรียนภาษาอังกฤษ

ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าเชื่อว่าปากของข้าพเจ้าไม่ได้มีไว้พูดภาษาอังกฤษ

ในช่วงที่ข้าพเจ้าเป็นวัยุร่น ข้าพเจ้าหลงรักหญิงสาวน่าทึ่งที่สุด มีดวงตาโตสวยสีน้ำตาล น่าเสียดายที่แฮเรียตดูเหมือนไม่สนใจข้าพเจ้าแม้แต่น้อย ไม่ว่าข้าพเจ้าพยายามทำอะไร แต่ดูเหมือนโอกาสไม่อำนวย ท่านคงได้ยินเรื่องราวฝ่ายเธอแล้ว

ตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่กำลังดิ้นรนผู้อยู่ในเยอรมนีหลังสงครามและดูเหมือนไม่ค่อยมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากเท่าใดนัก

แต่มีเรื่องดีๆ สองเรื่องเกื้อหนุนให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ

ข้าพเจ้ารู้ว่าครอบครัวรักข้าพเจ้า ในโรงเรียนและในศาสนจักรมีครูที่กระตุ้นให้ข้าพเจ้าให้ตั้งเป้าหมายสูงเสมอ ข้าพเจ้ายังจำได้เมื่อผู้สอนศาสนาหนุ่มชาวอเมริกันคนหนึ่งสอนหลักธรรมนี้จากพระคัมภีร์ว่า “ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ฝ่าย [ท่าน] ใครจะขัดขวาง [ท่าน] ได้”2

มีบางอย่างเกี่ยวกับแนวคิดนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดพลังอย่างมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะกลัวทำไม

ข้าพเจ้าจึงเชื่อ และวางใจพระผู้เป็นเจ้า

ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ข้าพเจ้าอยู่ในโปรแกรมฝึกหัด ครูคนหนึ่งท้าทายให้ข้าพเจ้าเล็งเป้าหมายสูงขึ้นและเรียนภาคค่ำเพื่อศึกษาวิศวกรรมเครื่องกล ข้าพเจ้าต้องทำงานเพิ่มอีกหลายอย่าง แต่นั่นทำให้ข้าพเจ้าพบว่าข้าพเจ้าหลงใหลการบิน! ข้าพเจ้าอึ้งเมื่อทราบว่าข้าพเจ้าต้องรู้ภาษาอังกฤษจึงจะเป็นนักบินได้ แต่ข้าพเจ้าอยากเป็นนักบิน และดูเหมือนปากข้าพเจ้าเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ และภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

ด้วยแรงจูงใจใหม่ ความมุ่งมั่นให้ขยันขันแข็ง และการวางใจในพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าเดินก้าวเล็กๆ สู่ทางที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจว่าข้าพเจ้าสามารถทำได้

แน่นอน นั่นไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์จะราบรื่นเสมอไป

เมื่ออายุ 19 ปีข้าพเจ้าเดินทางไปเมืองแซนแอนโทนีโอ รัฐเทกซัสเพื่อเริ่มฝึกเป็นนักบินกองทัพอากาศ บนเครื่องบิน ข้าพเจ้านั่งข้างๆ ชายที่พูดสำเนียงเทกซัส ข้าพเจ้าตกใจเมื่อรู้ว่าภาษาอังกฤษที่อุตส่าห์เรียนมาช่างไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่พวกเขาพูดกันในเทกซัสเอาเสียเลย!

ที่โรงเรียนฝึกนักบิน สถานการณ์ยากมากเช่นกัน เป็นโปรแกรมที่มีการแข่งขันสูงมาก ทุกคนชิงกันให้ได้ที่หนึ่ง ข้าพเจ้ารู้ทันทีว่าข้าพเจ้าเสียเปรียบเพราะเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด

ครูสอนการบินเตือนข้าพเจ้าถึงข้อเสียเปรียบอีกอย่างหนึ่ง—ข้าพเจ้าใช้เวลามากที่โบสถ์ สมาชิกศาสนจักรต้อนรับข้าพเจ้าในสาขาและบ้านของพวกเขา และเรายังได้สร้างอาคารประชุมด้วยกันที่บิกสปริงก์ ครูข้าพเจ้ากังวลว่ากิจกรรมเช่นนั้นกำลังลดโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้ขั้นสูง ข้าพเจ้าไม่คิดเช่นนั้น ข้าพเจ้าจึงวางใจพระผู้เป็นเจ้าและทำสุดความสามารถ

ในที่สุด ข้าพเจ้าเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (และก็ยังคงเรียนรู้อยู่) ข้าพเจ้าจบการฝึกนักบิน (และได้ที่หนึ่งของชั้น) ข้าพเจ้ากลายเป็นนักบินขับไล่และต่อมาเป็นกัปตันสายการบิน และหญิงสาวสวยดวงตาสีน้ำตาลคนนั้นในฝันของข้าพเจ้าเล่า เธอก็อยู่ที่นี่กับข้าพเจ้า

ทำสิ่งเล็กน้อยให้สมบูรณ์แบบ

มีบทเรียนในนี้หรือไม่ ข้าพเจ้าคิดว่ามีหลายบทเรียน!

บทเรียนหนึ่งอาจเป็นดังนี้: อย่ารู้สึกท้วมท้นกับปัญหามากมายในชีวิตที่เป็นปัญหาใหญ่และยาก ถ้าท่านมุ่งมั่นทำสิ่ง “ง่ายๆ”—สิ่ง “เล็กน้อย” ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงขอให้ท่านทำ—และท่านทำให้สมบูรณ์แบบที่สุดที่ท่านจะทำได้ สิ่งยิ่งใหญ่จะตามมา

สิ่ง “เล็กน้อยและง่ายๆ” เหล่านี้ที่ท่านจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบได้แก่ การสวดอ้อนวอนทุกวัน ศึกษาพระคัมภีร์ ดำเนินชีวิตตามพระคำแห่งปัญญา เข้าร่วมการประชุมที่โบสถ์ สวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริง จ่ายส่วนสิบและเงินบริจาค

จงทำสิ่งเหล่านี้แม้เมื่อท่านไม่อยากทำ “การเสียสละ” เหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กแต่สำคัญ เพราะ “การเสียสละนำมาซึ่งพรจากสวรรค์”3

การเสียสละที่ “เล็กน้อยและเรียบง่าย” ของท่านก็เป็นเหมือนจุดของการดำเนินชีวิตประจำวันที่รวมกันเป็นภาพผลงานชิ้นเอกของชีวิตท่าน ท่านอาจยังไม่เห็นว่าจุดเชื่อมกันในเวลานี้อย่างไร และท่านยังไม่ต้องเห็นในตอนนี้ แค่มีศรัทธาเพียงพอสำหรับช่วงเวลาที่ท่านกำลังอยู่ในเวลานี้ จงวางใจในพระผู้เป็นเจ้า และ “จากสิ่งเล็กน้อย [จะ] บังเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่”4

วางใจในพระผู้เป็นเจ้า

เวลานี้ท่านอาจคิดว่า “แน่ละ เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ ทุกอย่างดีสำหรับท่านอยู่แล้ว ท่านเป็นอัครสาวกนี่ แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่สำคัญต่อพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของฉัน ไม่ทรงนำทางชีวิตฉัน ถ้ามีแผนสำหรับฉัน แผนนั้นคงมีคุณภาพต่ำ แผนมือสอง แผนที่ให้มาเพียงเพื่อปลอบใจฉัน”

เพื่อนที่รักของข้าพเจ้า จำคำพูดของสตีฟ จ็อบส์ไว้ “คุณต่อจุดล่วงหน้าไม่ได้ คุณต่อได้เฉพาะจุดย้อนหลังเท่านั้น”

เมื่อข้าพเจ้าอายุเท่าท่านข้าพเจ้าไม่ทราบว่าชีวิตจะพาไปทางใด แน่นอนว่าข้าพเจ้าไม่เห็นจุดเชื่อมต่อกันเบื้องหน้าข้าพเจ้า

แต่ข้าพเจ้าวางใจพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าฟังคำแนะนำของครอบครัวที่รักและเพื่อนที่ฉลาด ปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่องด้วยศรัทธา โดยเชื่อว่าถ้าข้าพเจ้าทำสุดความสามารถในขณะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทรงดูแลภาพรวม

พระองค์ทรงทำเช่นนั้น

พระองค์ทรงทราบจุดจบจากจุดเริ่มต้นเมื่อข้าพเจ้าไม่ทราบ

ข้าพเจ้ามองไม่เห็นอนาคต แต่พระองค์ทรงมองเห็น

แม้ในช่วงยากลำบากเมื่อคิดว่าข้าพเจ้าถูกทอดทิ้ง พระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า—ตอนนี้ข้าพเจ้าเห็นเช่นนั้นแล้ว

ในสุภาษิต เราพบคำสัญญาที่ยอดเยี่ยมนี้ “จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จง​ยอม‍รับ​รู้​พระ‍องค์​ใน​ทุก​ทาง​ของ​เจ้าแล้ว​พระ‍องค์​เอง​จะ​ทรง​ทำ​ให้​วิถี​ของ​เจ้า​ราบ‍รื่น”5

ข้าพเจ้าไม่คิดว่ามีเครื่องหมายคำถามท้ายข้อนั้น

ไม่เลย ข้าพเจ้าคิดว่าควรมีเครื่องหมายอัศเจรีย์!

ท่านจึงต้องถามตนเองว่า “ฉันมีศรัทธามากพอจะเชื่อพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ ฉันยินดีวางใจหรือไม่ว่าพระองค์ทรงรักฉันและทรงต้องการนำทางฉัน”

อันที่จริง ท่านอาจทำหลายๆ สิ่งได้ดีอยู่แล้วด้วยตนเอง แต่ข้าพเจ้าขอให้ท่านเชื่อว่าชีวิตท่านจะดีขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดถ้าท่านพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้าให้ทรงนำทางก้าวเดินของท่าน พระองค์ทรงรู้สิ่งที่ท่านไม่สามารถรู้ได้ และพระองค์ทรงเตรียมอนาคตไว้ให้ท่านซึ่งท่านไม่อาจจิตนาการได้ อัครสาวกเปาโลผู้ยิ่งใหญ่เป็นพยานว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์”6

ท่านต้องการให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงนำทางท่าน อวยพรท่าน และเกื้อหนุนท่านหรือไม่

ถ้าต้องการจงเชื่อ

จงรักพระองค์

แสวงหาพระองค์สุดใจท่าน

เดินในทางของพระองค์—ซึ่งหมายถึงการรักษาพระบัญญัติ ให้เกียรติพันธสัญญาของท่าน ทำตามคำสอนของศาสดาพยากรณ์ และสดับฟังการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณ

จงทำสิ่งนี้และพระผู้เป็นเจ้าจะ “ทรงทำให้ท่านทวีขึ้นพันเท่า และทรงอวยพรท่านดังที่ทรงสัญญากับท่านแล้วนั้น!”7

เราอยู่ในความควบคุมของพระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าเข้าใจว่านี่อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยากสำหรับบางคน ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าท่านไม่ต้องไปอยู่ในวัฒนธรรมปัจจุบันเพื่อจะได้ยินเสียงโต้แย้งที่ทำให้ท้อแท้หรือแม้เย้ยหยันความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสนาของเรา

เสียงเหล่านั้นขยายดังขึ้นในสมัยของเราด้วยการสื่อสารที่ก้าวหน้าแบบเทียบไม่ติด

นั่นเป็นความท้าทายของท่าน แต่เป็นสิทธิพิเศษของท่านเช่นกัน

ข้าพเจ้ามั่นใจว่าท่านจะพบวิธีรับมือกับสิ่งนั้นในวิธีของพระเจ้า!

นี่เป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยในความเป็นมรรตัยของท่าน วิธีที่ท่านทำจะส่งผลอย่างมากต่ออนาคตและบทบาทของท่านในงานของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท่านกำลังประสบในชีวิตไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก รุ่นของท่านไม่ใช่รุ่นเดียวที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าถูกท้าทายและเย้ยหยัน อันที่จริง สิ่งนี้ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบมรรตัยสำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า

“ถ้าพวกท่านเป็นของโลก” พระเยซูตรัสต่อสานุศิษย์ “โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้ โลกจึงเกลียดชังท่าน”8

ท่านน่าจะยอมรับความเป็นไปได้ว่าทันทีที่ท่านยึดมั่นที่จะติดตามพระผู้ช่วยให้รอด คนที่พำนักอยู่ในอาคารใหญ่และกว้างจะไม่เห็นด้วย—บางครั้งค่อนข้างเสียงดัง9 พวกเขาอาจถึงขั้นพยายามกลั่นแกล้งและทำให้ท่านขายหน้า

จงจำไว้ว่าท่านไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกเขา ท่านอยู่ในการควบคุมของพระผู้เป็นเจ้า วันหนึ่งท่านจะยืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์เพื่อรับผิดชอบชีวิตของท่าน

พระองค์จะตรัสถามว่าท่านทำสิ่งใดเพื่อสามารถเอาชนะการล่อลวงของโลกและเดินตามเส้นทางแห่งความชอบธรรมได้ พระองค์จะตรัสถามว่าท่านติดตามพระผู้ช่วยให้รอดหรือไม่ ท่านรักเพื่อนบ้านหรือไม่ ท่านพยายามอยู่บนเส้นทางของการเป็นสานุศิษย์หรือไม่

เพื่อนรุ่นเยาว์ที่รัก พี่น้องทั้งหลาย ท่านมีทั้งสองทางไม่ได้ ท่านไม่สามารถรับพรที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ของการเป็นสานุศิษย์ ขณะเดียวกันก็รักษาบันทึกสมาชิกภาพในวอร์ดบาบิโลนที่หนึ่งด้วย พี่น้องที่รัก บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องให้คำมั่นกับพระคริสต์และเดินตามเส้นทางของพระองค์

สักวันบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าจะรู้ว่าอะไรถูกต้อง—รวมถึงคนที่เวลานี้เย้ยหยันความจริง พวกเขาจะคุกเข่าและสารภาพว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระผู้ไถ่ พระผู้บริสุทธิ์ของโลก10 พวกเขาจะรู้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขา

ในวันนั้นจะชัดเจนว่าสุรเสียงของพระองค์เป็นเสียงเดียวที่สำคัญจริงๆ

ท่านจะรู้อย่างแน่นอนว่าท่านได้รับพรมากแค่ไหนเพราะท่านรักษาศรัทธา รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า รับใช้เพื่อนมนุษย์ และสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก เพื่อนที่รักทั้งหลาย จงเชื่อ—และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับท่าน ให้ใจท่านเอนเอียงไปทางพระองค์—และพระองค์จะทรงนำทางท่านขณะท่านเดินทางผจญภัยครั้งใหญ่ที่น่าตื่นเต้นนี้ของชีวิตมรรตัย

มันไม่สำคัญ

เมื่อเราพูดถึงการปล่อยให้พระผู้เป็นเจ้านำทางชีวิตเรา ข้าพเจ้าอยากจะขยายความเรื่องหนึ่ง ท่านอาจไม่ชอบสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจะบอกท่าน เมื่อท่านถามพระผู้เป็นเจ้าว่าต้องทำอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจในชีวิตของท่าน—รวมถึงการตัดสินใจที่สำคัญ—พระองค์อาจไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน ความจริงคือว่าบางครั้งสิ่งที่ท่านตัดสินใจหาสำคัญต่อพระเจ้าไม่ ตราบใดที่ท่านอยู่ในพันธสัญญาพื้นฐานและหลักธรรมของพระกิตติคุณ

ในหลายกรณี สิ่งที่ท่านตัดสินใจอาจไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ท่านทำหลังจากทำการตัดสินใจนั้น

ตัวอย่างเช่น ชายหญิงคู่หนึ่งอาจเลือกที่จะแต่งงานกันแม้ว่าครอบครัวของพวกเขาบางคนคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ที่สมบูรณ์แบบ แต่ข้าพเจ้าตั้งความหวังไว้มากกับคู่ชายหญิงเช่นนั้น ถ้าหากว่าหลังจากตัดสินใจแล้ว พวกเขาซื่อสัตย์ภักดีต่อกันที่สุดและต่อพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของพวกเขา โดยการปฏิบัติต่อกันด้วยความรักและความเกื้อกูล และใส่ใจความต้องการทางอารมณ์ วิญญาณ และทางโลกของอีกฝ่าย—การทำสิ่ง “เล็กน้อย” อย่างสม่ำเสมอ—ทำให้พวกเขากลายเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ

ในทางตรงกันข้ามคือคู่ที่คิดว่าพวกเขาเลือกคน “สมบูรณ์แบบ” และจากนั้นคิดว่างานยากผ่านไปแล้ว หากพวกเขาหยุดชื่นชมกัน เลิกสื่อสารกัน ถอยกลับไปอยู่กับตนเองและให้ชีวิตตนเองเป็นศูนย์กลาง—คู่นี้กำลังเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่ความเศร้าโศกเสียใจ

หลักธรรมเดียวกันประยุกต์ใช้กับการเลือกวิชาชีพ ข้าพเจ้าตั้งความหวังไว้มากกับคนที่เลือกอาชีพซึ่งมีเกียรติน้อยกว่าแต่ทำสุดความสามารถเพื่อหาวิธีทำให้งานน่าสนใจและท้าทาย

ข้าพเจ้าตั้งความหวังไว้น้อยกว่าสำหรับคนที่เลือกอาชีพที่ฟังดูน่าประทับใจแต่ระหว่างทางกลับหมดไฟก่อนจะประสบความสำเร็จในอาชีพนั้น อันที่จริง ความสำเร็จในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานจะเป็นคุณลักษณะสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่คนรุ่นท่านจะต้องพัฒนาเพื่อรับมือกับอนาคต

ดังนั้นพระเจ้าทรงต้องการให้ท่านรับมือกับการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ อย่างไร

พระดำรัสสอนออลิเวอร์ คาวเดอรีและโจเซฟเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามาก พระเจ้ารับสั่งกับคนทั้งสองว่า, “เจ้าต้องศึกษาไตร่ตรองในความคิดของเจ้า; จากนั้นเจ้าต้องถามเราว่ามันถูกต้องหรือไม่”11

พระบิดาบนสวรรค์ประทานสมองและหัวใจให้ท่านแล้ว หากท่านวางใจพระองค์ พระองค์จะทรงช่วยให้ท่านใช้ถูกต้องทั้งสองอย่างในการตัดสินใจ

สำหรับการตัดสินใจหลายเรื่อง ท่านมีทางเลือกดีๆ มากกว่าหนึ่งทาง เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับโจเซฟและเพื่อนๆ ของท่าน พระเจ้าทรงใช้วลีที่น่าสนใจขณะที่พวกท่านแสวงหาการนำทางจากพระองค์ วลีนั้นคือ “มันไม่สำคัญ”12

แต่พระเจ้าทรงเสริมทันทีว่า “ขอเพียงให้เจ้าซื่อสัตย์”13

งานของท่านคือตัดสินใจให้ดีที่สุดตามข้อมูลที่ท่านมี ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนคุณค่าและหลักธรรมพระกิตติคุณ จากนั้นพยายามสุดกำลังเพื่อทำหน้าที่ของท่านให้สำเร็จ—และจงซื่อสัตย์

จงทำเช่นนั้น และจุดจะเชื่อมต่อกัน

บางทีอาจเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ได้ยินว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงให้รายละเอียดแผนการเดินทางของชีวิตท่าน แต่ท่านต้องการให้ชี้ทางชีวิตในทุกรายละเอียดจริงหรือ

ท่านต้องการให้คนบอกทางลัดแก่ชีวิตก่อนที่ท่านจะมีโอกาสคิดหาทางออกด้วยตนเองจริงหรือ นั่นจะเป็นการผจญภัยที่ไหนกัน

เพื่อนที่รัก ท่านผ่านการผจญภัยของความเป็นมรรตัยเพียงครั้งเดียว การเดินทางที่ออกแบบไว้ให้แต่ละคนพร้อมข้อมูลเสร็จสรรพและคำตอบของคำถามสำคัญในชีวิตจะไม่ช่วงชิงความรู้สึกว่าท่านทำสำเร็จและความมั่นใจเพิ่มขึ้น14 ในพระเจ้าและตัวท่านเองไปหรอกหรือ

เพราะพระผู้เป็นเจ้าประทานสิทธิ์เสรีแก่ท่าน จึงมีหลายทิศทางให้ท่านเลือกเดินและยังคงบรรลุผลสำเร็จในชีวิต ความเป็นมรรตัยเป็นเรื่องราวการผจญภัยปลายเปิดที่ท่านเลือกเอง ท่านมีพระบัญญัติ ท่านมีพันธสัญญา ท่านมีคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ที่ได้รับการดลใจ และท่านมีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นมากเกินพอที่จะนำท่านสู่ความสุขในชีวิตมรรตัยและปีตินิรันดร์ ยิ่งกว่านั้น อย่าผิดหวังหากท่านหวนคิดถึงการตัดสินใจและรู้สึกว่าไม่สมบูรณ์แบบ นั่นคือการเรียนรู้ของท่าน นั่นคือส่วนหนึ่งของการผจญภัย!

ไม่มีการผจญภัยใดราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ แต่หากท่านซื่อสัตย์ ท่านมั่นใจได้ว่าตอนจบจะมีความสุข ลองพิจารณาตัวอย่างของโยเซฟแห่งอียิปต์ ชีวิตของเขาพังพินาศในหลายๆ ทาง เขาถูกพี่ชายขายไปเป็นทาส เขาถูกจับกุมคุมขังในเรือนจำทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิด แต่แม้สภาวการณ์เลวร้ายทั้งหมดจะโหมทับลงมาที่เขา เขาธำรงศรัทธา เขาวางใจพระผู้เป็นเจ้า เขาทำทุกสภาวการณ์ให้ดีที่สุด ปีแล้วปีเล่า—แม้เมื่อดูเหมือนเขาถูกมองข้ามและถูกทอดทิ้ง—แต่เขาเชื่อ โยเซฟมีใจเอนเอียงไปทางพระผู้เป็นเจ้าเสมอ และพระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดีได้15

ปัจจุบัน 4,000 กว่าปีให้หลัง เรายังคงพบแรงบันดาลใจในเรื่องราวของโยเซฟ

การผจญภัยของท่านอาจไม่น่าตื่นเต้นเร้าใจ แต่จะมีทั้งขาขึ้นและขาลง ฉะนั้นจงจำแบบอย่างของโยเซฟไว้ และซื่อสัตย์เสมอ เชื่อ จงซื่อสัตย์ อย่าขมขื่น อย่าข่มเหง รักพระผู้เป็นเจ้า รักเพื่อนมนุษย์ของท่าน วางใจพระเจ้า แม้สถานการณ์เหมือนสิ้นหวัง

ท่านอาจมองไม่เห็นจนล่วงเลยมามากแล้ว แต่ท่านจะหวนคิดและรู้ว่าพระเจ้าทรงชี้ทางและนำทางท่าน

จุดต่างๆ เชื่อมต่อกันแล้ว

สิ่งที่พึงจดจำห้าข้อ

สิ่งที่ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะจดจำจากเวลาที่เราใช้ร่วมกันวันนี้คืออะไร

หนึ่ง รู้ว่าคำตอบของพระผู้เป็นเจ้าต่อคำถามลึกซึ้งที่สุดของท่านอาจใช้เวลาสักหน่อยและอาจจะมาในวิธีที่ท่านคาดไม่ถึง คำตอบของพระผู้เป็นเจ้ามีค่านิรันดร์ คุ้มกับการรอคอย

สอง มีศรัทธาสักนิด ให้ใจท่านเอนเอียงไปทางพระผู้เป็นเจ้า จงเชื่อว่าท่านมีความสำคัญต่อพระผู้เป็นเจ้า และวางใจว่าพระองค์จะทรงทำให้ท่านเป็นมากกว่าที่ท่านจะทำให้ตนเองเป็นได้ เรียนรู้จากพระองค์ รักพระองค์ เชื่อพระองค์ พูดกับพระองค์เป็นประจำ ด้วยความจริงจัง ฟังพระสุรเสียงของพระองค์

สาม เดินบนเส้นทางแห่งการเป็นสานุศิษย์ให้ดีที่สุด อย่ารู้สึกพ่ายแพ้ แค่ทำสิ่งเล็กน้อยให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ท่านทำได้ และสิ่งใหญ่ๆ จะลงตัว

สี่ อย่าปล่อยให้เสียงที่พยายามบั่นทอนกำลังใจชักนำท่านออกจากการเดินทางแห่งศรัทธาของท่าน จำไว้ว่า ท่านไม่ได้อยู่ในการควบคุมของคนที่วิพากษ์วิจารณ์ท่าน ท่านอยู่ในการควบคุมของพระบิดาในสวรรค์ของท่าน คุณค่าของพระองค์ต่างหากที่มีผล

ห้า ตัดสินใจให้ดีที่สุดโดยทำตามการกระตุ้นเตือนที่มาสู่ใจและความคิดของท่าน พยายามทำสุดความสามารถจนสำเร็จ มีศรัทธา และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอุทิศความพยายามที่จริงใจของท่านเพื่อความดีนิรันดร์ของท่าน16

ทำสิ่งนี้และสุดท้ายทุกอย่างจะดี

วันนี้และปีใหม่นี้ข้าพเจ้าฝากพรไว้กับท่าน ว่าเมื่อท่านขวนขวายให้รู้จักพระผู้เป็นเจ้า ศรัทธาของท่านจะเพิ่มพูน เมื่อท่านพยายามติดตามพระผู้ช่วยให้รอด ความมั่นใจของท่านจะเพิ่มขึ้น17 เมื่อท่านเดินในความซื่อสัตย์และเปิดใจรับแสงสว่างของพระคริสต์ ความรักที่ท่านมีต่อพระผู้เป็นเจ้าจะสุกงอมและท่านจะสามารถรักเพื่อนบ้านได้ดีขึ้น

ทั้งหมดนี้จะทำให้ท่านเกิดปีติและมีความสุข

จะทำให้ท่านเกิดสันติ

วันหนึ่งจะทำให้ท่านได้รับรัศมีภาพนิรันดร์

ในวันนั้น ท่านจะหวนคิดถึงการผจญภัยอันน่าหวงแหนและตื่นเต้นของความเป็นมรรตัย และท่านจะเข้าใจ ท่านจะเห็นว่าจุดต่างๆ เชื่อมต่อกันจริงๆ เป็นลวดลายที่สวยงาม ล้ำเลิศเกินกว่าท่านจะจินตนาการได้ ด้วยความสำนึกคุณสุดพรรณนา ท่านจะเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่ทรงมีความรัก พระคุณ และพระเมตตาอันล้นเหลือ ทรงดูแลท่าน อวยพรท่าน และนำทางท่านอยู่เสมอขณะที่ท่านเดินกลับมาหาพระองค์

ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งนี้และให้พรของข้าพเจ้าไว้กับท่านในฐานะอัครสาวกของพระเจ้า ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์ของเรา ในพระนามของพระผู้ไถ่และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ เอเมน

พิมพ์