การให้ข้อคิดทางวิญญาณ 2024
เรื่องดังที่มันเป็นจริง 2.0


35:48

เรื่องดังที่มันเป็นจริง 2.0

การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วโลก

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ 2024

ข้าพเจ้ากับซูซานสำนึกคุณต่อโอกาสที่ได้นมัสการและเรียนรู้กับท่าน เรารักท่าน! ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด เรารักท่าน!

เราสวดอ้อนวอนอย่างจริงจังว่าพระวิญญาณจะประทานพรให้เราได้ยินสิ่งที่ต้องได้ยิน และเห็นสิ่งที่ต้องเห็น เพื่อจะมุ่งหน้าต่อไปด้วยศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดและปรารถนามากขึ้นที่จะติดตามและรับใช้พระองค์

สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา

เราได้รับพรให้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่น่าทึ่งในสมัยการประทานสุดท้ายของพระกิตติคุณ แม้สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคำประกาศของศาสดาพยากรณ์ช่วยให้เราเรียนรู้และซาบซึ้งเต็มที่กับช่วงเวลาพิเศษที่เรามีชีวิตอยู่นี้

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธประกาศว่า: “การเสริมสร้างไซอันเป็นอุดมการณ์ที่ผู้คนของพระผู้เป็นเจ้าในทุกยุคทุกสมัยให้ความสนใจ เป็นหัวข้อที่บรรดาศาสดาพยากรณ์ ปุโรหิต และกษัตริย์พูดถึงด้วยความเบิกบานใจเป็นพิเศษ พวกท่านตั้งตารอวันที่เราจะมีชีวิตอยู่ด้วยความคาดหวังอันเปี่ยมปีติ พวกท่านร้องเพลง เขียน และพยากรณ์ถึงยุคสมัยของเราโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความคาดหวังอันเปี่ยมปีติและล้ำเลิศ แต่พวกท่านก็ตายจากไปก่อนจะได้เห็น … เพื่อให้เราได้เห็น ได้มีส่วนร่วม และช่วยให้รัศมีภาพยุคสุดท้ายแผ่ไปข้างหน้า”

ในอีกโอกาสหนึ่ง ท่านศาสดาพยากรณ์เปิดเผยว่า “[ผู้ดำรง] ฐานะปุโรหิตในสวรรค์จะเป็นหนึ่งเดียวกับฐานะปุโรหิตบนโลกเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่เหล่านั้น … งานที่พระผู้เป็นเจ้าและเหล่าเทพจับตามองคนรุ่นก่อนๆ ด้วยความพอพระทัย งานที่กระตุ้นจิตวิญญาณของเหล่าปิตุและศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณ งานที่มุ่งหมายจะก่อให้เกิดความพินาศของพลังแห่งความมืด การเปลี่ยนโฉมใหม่ให้แผ่นดินโลก พระสิริของพระผู้เป็นเจ้า และความรอดของครอบครัวมนุษย์”

ความสำคัญทางวิญญาณของยุคสุดท้ายเป็นจุดสนใจของคำพยากรณ์มานานหลายศตวรรษ และตอนนี้เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาพิเศษที่เต็มไปด้วยพัฒนาการและเหตุการณ์ทางวิญญาณอันน่าทึ่งและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป

บทบาทของเทคโนโลยีในช่วงเวลาพิเศษนี้ของโลก

ลักษณะสำคัญของความสมบูรณ์ที่มีผลต่อเราทุกวันนี้คือความเจริญก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ได้เปิดทางและเร่งงานแห่งความรอดและความสูงส่งของพระผู้เป็นเจ้า: ตั้งแต่รถไฟ โทรเลข วิทยุ ยานยนต์ เครื่องบิน โทรศัพท์ ทรานซิสเตอร์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม อินเทอร์เน็ต ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์—ตลอดจนเทคโนโลยีและเครื่องมือแทบนับไม่ถ้วนที่เป็นพรแก่ชีวิตเรา ความก้าวหน้าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเร่งงานของพระเจ้าในยุคสุดท้าย

ในปี 1862 ประธานบริคัม ยังก์ประกาศว่า: “การค้นพบทุกอย่างทางด้านวิทยาศาสตร์และศิลปะที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อมนุษยชาติประทานให้โดยผ่านการเปิดเผยโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า แต่กระนั้นก็มีน้อยคนที่ยอมรับ พระองค์ประทานให้เพื่อเตรียมทางสำหรับชัยชนะสุดท้ายของความจริง และการไถ่แผ่นดินโลกจากอำนาจของบาปและซาตาน เราควรใช้ประโยชน์จากการค้นพบที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดนี้ อันเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมมาแต่โบราณ และให้บุตรธิดาของเราได้ประโยชน์จากความรู้ที่เป็นประโยชน์ทุกสาขาเพื่อเตรียมพวกเขาให้พร้อมก้าวไปข้างหน้าและทำส่วนของตนได้อย่างดีในงานอันสำคัญยิ่ง”

ในปี 1966 ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ พยากรณ์ว่าการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ “เหนือจินตนาการ” จะทำให้การสั่งสอนพระกิตติคุณแก่ทุกประชาชาติ ตระกูล และภาษาเป็นไปได้ และกล่าวต่อว่า: “การค้นพบที่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลเช่นนั้น ไม่ว่าเป็นพรหรือเพื่อทำลายมนุษย์ ได้วางความรับผิดชอบมโหฬารที่สุดไว้ในมือมนุษย์ในการควบคุมสิ่งเหล่านั้น … ยุคนี้เต็มไปด้วย ภยันตรายไร้ขีดจำกัด เช่นเดียวกับ ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน

เรื่องดังที่มันเป็นจริง

สิบห้าปีที่แล้ว ในการให้ข้อคิดทางวิญญาณคนหนุ่มสาวทั่วโลก ข้าพเจ้าพูดเกี่ยวกับแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าเน้นย้ำถึงความสำคัญของร่างกายเราในแผนของพระบิดา วิธีที่ลูซิเฟอร์ล่อลวงเราให้ลดคุณค่าและใช้ร่างกายในทางที่ผิด และส่งเสียงเตือนถึงผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีต่อจิตวิญญาณและความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่น

ข้าพเจ้าเน้นย้ำไว้ว่านวัตกรรมดิจิทัลหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ได้ดีหรือชั่วในตัวมันเอง แต่ได้เตือนว่าความท้าทายที่แท้จริงคือการทำความเข้าใจทั้งนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงภายในบริบทของแผนแห่งความสุขนิรันดร์ และยังตั้ง “คำถามสองข้อเพื่อการพิจารณาในการไตร่ตรองส่วนตัวและการศึกษาร่วมกับการสวดอ้อนวอน” เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเหมาะสมด้วย

  1. “การใช้เทคโนโลยีและสื่อต่างๆ เชื้อเชิญหรือกีดกั้นความเป็นเพื่อนอันยั่งยืนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตท่านหรือไม่?

  2. เวลาที่ท่านใช้ไปกับเทคโนโลยีและสื่อต่างๆ ขยายหรือจำกัดความสามารถของท่านในการดำเนินชีวิต รัก และรับใช้อย่างมีความหมายหรือไม่?”

หัวข้อข่าวสารของข้าพเจ้าในปี 2009 คือ “เรื่องดังที่มันเป็นจริง” คือตอนนั้น

หัวข้อข่าวสารของข้าพเจ้าในวันนี้คือ “เรื่องดังที่มันเป็นจริง 2.0” คือตอนนี้

จงใช้ปัญญา

ที่มาของข่าวสารวันนี้มาจากบทสรุปคำพูดการให้ข้อคิดทางวิญญาณที่ข้าพเจ้าพูดที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้

“ขณะที่ท่านพยายามเรียนรู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และทำงานที่ต้องทำ ข้าพเจ้ากระตุ้นท่านเป็นพิเศษให้ท่านใช้ปัญญาในการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีร่วมสมัย นวัตกรรมต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ [สามารถ] ทั้ง (1) ช่วยให้ท่านได้รับพรยิ่งใหญ่และ (2) ลดทอนและบั่นทอน สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมของท่าน โปรดอย่าปล่อยให้ความแม่นยำ ความเร็ว และความง่ายของเทคโนโลยีสมัยใหม่ล่อใจท่านให้หลีกเลี่ยงหรือหลบเลี่ยง งานที่ชอบธรรม ซึ่งเชื้อเชิญพรที่ท่านต้องการเข้ามาในชีวิต พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ไม่มีทางลัดหรืองานซ่อมด่วนทางวิญญาณ”

ต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะมุ่งเน้นไปที่สามหัวข้อที่เน้นไปในคำกล่าวก่อนหน้านี้: ปัญญาประดิษฐ์ สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม และงานที่ชอบธรรม

ปัญญาประดิษฐ์

ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่มักเรียกกันว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์และเครื่องจักรเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์และความสามารถในการแก้ปัญหา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ก้าวหน้ารวดเร็วเป็นพิเศษ และส่งผลต่อแทบทุกสาขาอาชีพของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ วิทยาศาสตร์ การศึกษา สถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง การสื่อสาร เศรษฐศาสตร์ การค้า การผลิต และอีกมากมาย ขณะที่การใช้ AI แพร่หลายมากขึ้น ภยันตรายไร้ขีดจำกัดและความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน ที่ประธานแมคเคย์พยากรณ์ไว้ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีที่น่าทึ่งนี้มอบศักยภาพในการยกระดับความรู้ ปรับปรุงคุณภาพชีวิตเรา อำนวยความสะดวกในการสื่อสารและการเชื่อมต่อ โดยเสริมสร้างการเรียนรู้และการเติบโตส่วนบุคคล และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

นอกจากนี้ AI ยังมีศักยภาพในการปิดบังอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราในฐานะบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรัก ทำให้เราหันเหไปจากความจริงนิรันดร์และงานอันชอบธรรมที่จำเป็นต่อการเติบโตทางวิญญาณ ก่อให้เกิดความจองหองและการรับรู้ที่ลดลงของการพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้า และบิดเบือนหรือแทนที่ปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมายของมนุษย์

“เมื่อพวกเขาเป็นผู้คงแก่เรียนพวกเขาคิดว่าตนฉลาด, และพวกเขาไม่สดับฟังคำแนะนำของพระผู้เป็นเจ้า, เพราะพวกเขาเมินคำแนะนำเหล่านั้น, โดยคิดว่าพวกเขารู้ด้วยตนเอง, ดังนั้น, ปัญญาของพวกเขาคือความโง่และมันหาเป็นประโยชน์แก่พวกเขาไม่. และพวกเขาจะพินาศ.

“แต่การเป็นผู้คงแก่เรียนย่อมดีหากพวกเขาสดับฟังคำแนะนำของพระผู้เป็นเจ้า”

พิจารณาความเป็นไปได้ของภยันตรายต่อไปนี้ เพื่อนคู่ใจหรือแฟนที่ถูกพัฒนาด้วย AI อาจ “ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อ [มอบ] ประสบการณ์อันน่าต้องตาต้องใจและชวนเสพติด โดยดึงดูดความต้องการทางอารมณ์และทางสังคมที่หลากหลาย”

“การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับบุคคลเช่นนี้สร้างความรู้สึกของการเชื่อมโยงและความเข้าใจ ทำให้การโต้ตอบกับเพื่อนเสมือนจริงเหล่านี้น่าดึงดูดใจอย่างมาก แถมยังล่อใจมากขึ้นด้วยความพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และไม่มีความซับซ้อนแบบที่มักพบในความสัมพันธ์มนุษย์ [จริงๆ] ตั้งแต่การจำวันสำคัญๆ ได้ไปจนถึงการตอบสนองด้วยความเข้าใจอยู่เสมอ [เพื่อน] AI เหล่านี้ถูกตั้งโปรแกรมให้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนในอุดมคติ ทำให้น่าเสพติด [เป็นพิเศษ]” และบิดเบือนการรับรู้ถึง “เรื่องดังที่มันเป็นจริง” ในความสัมพันธ์มนุษย์

ยิ่งกว่านั้น เพื่อนเสมือนจริงที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดและพัฒนาตามความต้องการทางอารมณ์ของบุคคลโดยเฉพาะ อาจสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันปลอดภัยที่เคยมี เหมือนคาร์บอนมอนอกไซด์ ความสัมพันธ์เสมือนจริงนี้อาจกลายเป็น “ฆาตกรล่องหน” ของความสัมพันธ์ที่แท้จริง ความใกล้ชิดทางอารมณ์ที่ไม่ใช่ของจริงอาจเข้ามาแทนความใกล้ชิดทางอารมณ์ในชีวิตจริง—ซึ่งเป็นสิ่งที่ผูกมัดคนสองคนไว้ด้วยกัน คนหนึ่งอาจพบความสบายใจและการปลอบโยนจากเพื่อนเสมือนจริงในลักษณะที่กัดกร่อนการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างสามีภรรยา และบางคนอาจตกหลุมพรางนี้โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นการละเมิดคำมั่นสัญญาพิเศษที่มีต่อคู่สมรส เพราะเพื่อนเสมือนจริงไม่ใช่ “ของจริง” และไม่นับเป็นอีกบุคคลหนึ่ง

โปรดจำไว้เสมอว่าเพื่อน AI นั้นเป็นเพียงอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์เท่านั้น AI ไม่ได้ชอบท่าน ไม่ได้สนใจท่าน และไม่รู้ว่าท่านมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ กล่าวอีกครั้งคือ AI เป็นเพียงชุดสมการคอมพิวเตอร์ที่จะปฏิบัติต่อท่านเหมือนเป็นวัตถุที่จะถูกกระทำ หากท่านยอมให้เกิดขึ้น โปรดอย่าปล่อยให้เทคโนโลยีนี้ล่อใจท่านให้กลายเป็นวัตถุ

ตัวอย่างนี้เป็นหนึ่งในภยันตรายนับล้านที่อาจเกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์

เจตนาของข้าพเจ้าไม่ใช่เพื่อบอกว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นสิ่งไม่ดีโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เลย หรือไม่ได้บอกว่าเราไม่ควรใช้ความสามารถต่างๆ มากมายของ AI ในวิธีที่เหมาะสมเพื่อเรียนรู้ สื่อสาร ยกระดับและทำให้ชีวิตดีขึ้น และเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ศาสนจักร แน่นอนว่าเราควรทำเช่นนั้น เราไม่ควรกลัวหรือพยายามซ่อนตัวจาก AI แต่ความเป็นไปได้อันชอบธรรมของเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่น่าทึ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อเรารู้เท่าทันและระวังภยันตรายที่อาจเกิดขึ้น

เพื่อไปยังจุดบรรจบที่ซับซ้อนของเรื่องทางวิญญาณและเทคโนโลยี วิสุทธิชนยุคสุดท้ายควรถ่อมใจและสวดอ้อนวอนเพื่อ (1) รู้หลักธรรมพระกิตติคุณที่สามารถชี้นำการใช้ปัญญาประดิษฐ์ และ (2) เพียรพยายามอย่างจริงใจเพื่อให้มีความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์และของประทานฝ่ายวิญญาณแห่งการเปิดเผย

ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านทบทวนและศึกษาหลักธรรมนำทางเรื่อง AI ที่สร้างขึ้นมาและเผยแพร่โดยศาสนจักรเมื่อช่วงต้นปี หลักธรรมเหล่านี้บอกถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ของศาสนจักรและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งท่านสามารถใช้สร้างมาตรการป้องกันส่วนตัวจากภยันตรายของการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมได้

ในคำปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกในฐานะประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเน้นถึงความสำคัญของการเปิดเผยส่วนตัวในชีวิตเรา ท่านกล่าวว่า: “พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา พระเยซูคริสต์ จะทรงทำงานยิ่งใหญ่ที่สุดบางอย่างระหว่างเวลานี้และเมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง เราจะเห็นข้อบ่งชี้อันน่าอัศจรรย์ว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ทรงควบคุมดูแลศาสนจักรนี้ในฤทธานุภาพและรัศมีภาพ แต่ในวันข้างหน้า เราจะรอดทางวิญญาณไม่ได้หากปราศจากอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีให้ตลอดเวลา ทั้งนำทาง ชี้ทาง และปลอบโยน”

เราขอบพระทัยสำหรับศาสดาพยากรณ์ และคืนนี้เราขอบคุณสำหรับคำเตือนของประธานเดวิด โอ. แมคเคย์และประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม

ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าระบุว่าปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพในการลดทอนและบั่นทอนสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมของเรา คำกล่าวนี้หมายถึงอะไร และผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร?

จุดประสงค์หลักของแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุขของพระบิดาคือการมอบโอกาสให้บุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์เพื่อรับร่างกาย เรียนรู้ “ความดีจากความชั่ว”ผ่านประสบการณ์มรรตัย เติบโตทางวิญญาณ และก้าวหน้าชั่วนิรันดร์ และสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญในแผนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระองค์

คำว่า สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม เป็นคำที่ให้ความรู้ คำพ้องความหมายของคำว่า ศีลธรรม ได้แก่ คำว่า “ดี” “ซื่อสัตย์” “มีคุณธรรม” และ “มีเกียรติ” คำพ้องความหมายของคำว่า สิทธิ์เสรี ได้แก่ “การกระทำ” “กิจกรรม” และ “งาน” ดังนั้น สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมจึงเข้าใจได้ว่าเป็นความสามารถและสิทธิพิเศษในการเลือกและกระทำเพื่อตนเองในทางที่ดี ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม และมีเกียรติ

งานสร้างของพระผู้เป็นเจ้าครอบคลุมทั้ง “สิ่งที่จะกระทำและสิ่งที่จะถูกกระทำ” และที่สำคัญ สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมคือ “พลังแห่งการกระทำอย่างอิสระ” ซึ่งเสริมพลังเราในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าให้กลายเป็นผู้มีสิทธิ์ที่จะกระทำ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่วัตถุที่จะถูกกระทำ

พระเจ้าทรงสอนเอโนคเกี่ยวกับหลักธรรมอันเที่ยงตรงนี้

“จงดูพี่น้องเหล่านี้ของเจ้า; พวกเขาคือหัตถศิลป์จากมือเราเอง, และเราให้ความรู้แก่พวกเขา, ในวันที่เราสร้างพวกเขา; และในสวนแห่งเอเดน, เราให้สิทธิ์เสรีของมนุษย์แก่เขา;

“และแก่พี่น้องเจ้าเรากล่าว, และให้บัญญัติไว้ด้วย, ว่าพวกเขาจะรักกัน, และว่าพวกเขาจะเลือกเรา, พระบิดาของพวกเขา”

โปรดทราบว่าจุดประสงค์พื้นฐานของการใช้สิทธิ์เสรีคือให้รักกันและกันและเลือกพระผู้เป็นเจ้า ลองพิจารณาว่าเราได้รับบัญชา—ไม่ใช่แค่เตือนสติ กระตุ้น หรือแนะนำเฉยๆ—แต่ได้รับบัญชาให้ใช้สิทธิ์เสรีของเราเพื่อช่วยผู้อื่น รักกันและกัน และเลือกพระผู้เป็นเจ้า

มีเหตุผลที่เพลงสวดคุ้นหูมีชื่อว่า “เลือกให้ดี” เราไม่ได้รับพรให้มีสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมเพื่อจะทำสิ่งที่เราต้องการเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตามแผนของพระบิดา เราได้รับสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมให้แสวงหาและกระทำให้สอดคล้องกับความจริงนิรันดร์ ในฐานะ “ผู้มีสิทธิ์เสรีของ [ตนเอง]” เราควรทำงานอย่างทุ่มเทในอุดมการณ์ดี “และทำสิ่งสารพันด้วยเจตจำนงอิสระ, และทำให้เกิดความชอบธรรมยิ่ง”

ความสำคัญอย่างยิ่งของสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมนั้นเน้นย้ำในเรื่องราวพระคัมภีร์เกี่ยวกับสภาก่อนเกิด ลูซิเฟอร์กบฏต่อแผนการของพระบิดา และที่สำคัญ การต่อต้านของเขามุ่งเน้นไปที่หลักธรรมเรื่องสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมโดยตรง

“ดังนั้น, เพราะว่าซาตานกบฏต่อเรา, และหมายมั่นจะทำลายสิทธิ์เสรีของมนุษย์, … เราจึงทำให้เขาถูกโยนลงไป”

แผนการอันเห็นแก่ตัวของปฏิปักษ์คือปลดเปลื้องของประทานของการเป็น “ผู้มีสิทธิ์เสรีของตนเอง” ที่สามารถกระทำด้วยความชอบธรรมไปจากบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เจตนาของลูซิเฟอร์คือให้บุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์กลายเป็นวัตถุที่จะถูกกระทำเท่านั้น

โลกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ให้บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์สามารถได้รับพิสูจน์ว่าพวกเขาจะทำ “สิ่งทั้งปวง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาจะทรงบัญชาพวกเขา” จุดประสงค์ที่แท้จริงของการสร้างและดำรงอยู่ในชีวิตมรรตัยคือเพื่อดูว่าท่านและข้าพเจ้าจะเลือกและกระทำเพื่อเป็นอย่างที่พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราเป็นหรือไม่ ดังที่ประธานเนลสันประกาศว่า: “พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้ท่านเลือกกลับบ้านไปหาพระองค์ แผนความก้าวหน้านิรันดร์ของพระองค์ไม่ซับซ้อน และให้เกียรติสิทธิ์เสรีของท่าน”

ความหวังและความปรารถนาของเราคือรัศมีภาพซีเลสเชียลกับครอบครัวในที่ประทับของพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเจ้าพระเยซูคริสต์ ด้วยเหตุผลนี้และอื่นๆ อีกมากมาย ประธานเนลสันจึงเชื้อเชิญให้เรา “คิดแบบซีเลสเชียล!”

ทีนี้จงระวัง ความง่ายในการใช้งาน ความแม่นยำที่รับรู้ได้ และเวลาตอบสนองที่รวดเร็ว อันเป็นลักษณะเฉพาะของปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างอิทธิพลที่อาจล่อลวง ทำให้เสพติด และบั่นทอนการใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมของเรา เนื่องจาก AI ซ่อนเร้นอยู่ไว้ภายใต้ความน่าเชื่อถือและคำสัญญาของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เราจึงอาจหลงเชื่ออย่างไร้เดียงสาและยอมมอบสิทธิ์เสรีทางศีลธรรมอันล้ำค่าของเราให้แก่เทคโนโลยีที่คิดแบบทีเลสเชียลเท่านั้น เมื่อทำเช่นนี้ เราอาจค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้มีสิทธิ์เสรีที่จะกระทำมาเป็นเพียงวัตถุที่ถูกกระทำ และเราอาจช่วยลูซิเฟอร์บรรลุผลสำเร็จในชีวิตมรรตัยโดยไม่รู้ตัวในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในชีวิตก่อนเกิด

ความจริงคือความรู้ถึงเรื่องดังที่มันเป็นจริง ปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถจำลอง เลียนแบบ หรือแทนที่อิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตเราได้ ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วเทคโนโลยี AI ที่ช่ำชองและน่าดึงดูดจะกลายเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถเป็นพยานถึงพระบิดาและพระบุตร เปิดเผยความจริงของทุกสิ่ง หรือชำระผู้ที่กลับใจและรับบัพติศมาให้บริสุทธิ์ได้

ความจริงคือความรู้ถึงเรื่องดังที่มันจะเป็นจริง เมื่อเราใช้ปัญญา รักษาและใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมของเราที่จะรักพระผู้เป็นเจ้า รับใช้พี่น้องของเรา และรับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาเป็นผู้นำทาง เราจะหลีกเลี่ยงการหลอกลวงได้ และรุ่งเรืองทางจิตวิญญาณในช่วงเวลาอันท้าทายและเป็นพรที่เรามีชีวิตอยู่นี้

งานอันชอบธรรม

ความเข้าใจในแผนแห่งความสุขของพระบิดาบนสวรรค์ช่วยให้เรารับรู้ว่างานชอบธรรมจำเป็นต่อความก้าวหน้าทางวิญญาณ

ในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า “[เรา] แต่ละคนจึงมีธรรมชาติและจุดหมายปลายทางแบบพระผู้เป็นเจ้า” และสืบทอดศักยภาพทางวิญญาณจากพระองค์ พระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรที่รักของพระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง ทรงมอบอำนาจแห่งการสร้างของพระองค์ส่วนหนึ่งให้เราในชีวิตนี้ ความสามารถเฉพาะของเราในการทำงานและการสร้างมีความสำคัญอย่างยิ่งทางวิญญาณเพราะเป็นศูนย์กลางในแผนของพระบิดาและเป็นหนึ่งในการแสดงออกถึงศักยภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา

ประธานโธมัส เอส. มอนสัน อธิบายว่า: “พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยให้โลกไม่สมบูรณ์เพื่อให้ [ชายและหญิง] ได้ทำงานนั้นด้วยฝีมือ [ของตนเอง] ทรงปล่อยให้ไฟฟ้าอยู่ในเมฆ ให้น้ำมันอยู่ในดิน ทรงปล่อยให้แม่น้ำไม่มีสะพานข้าม ป่าไม้ไม่ถูกโค่น และเมืองไม่ถูกสร้าง พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ [เรา] เผชิญความท้าทายกับวัตถุดิบ ไม่ใช่ความสะดวกสบายกับสิ่งสำเร็จรูป ทรงปล่อยภาพวาดไม่ลงสี บทเพลงไม่ขับขาน และปัญหาไม่ถูกแก้ เพื่อให้ [เรา] รู้จักปีติและความรุ่งโรจน์ของการสร้าง”

สิทธิ์เสรีทางศีลธรรม การเป็นผู้มีสิทธิ์เสรี และงานอันชอบธรรมเชื่อมโยงกันและผูกพันกันในแบบที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ลองพิจารณาตัวอย่างคำนิยามของศรัทธาในพระเยซูคริสต์ที่ระบุไว้ใน Lectures on Faith:

“ศรัทธา [ในพระคริสต์เป็น] หลักธรรมข้อแรกในศาสนาที่ได้รับการเปิดเผย … รากฐานของความชอบธรรมทั้งมวล … หลักธรรมแห่งการปฏิบัติของผู้มีปัญญาทั้งหลาย”

ของประทานทางวิญญาณแห่งศรัทธาในพระคริสต์เกี่ยวกับการใช้สิทธิ์เสรีเพื่อ กระทำและติดตามพระองค์ ดำเนินชีวิตตามคำสอน รักษาพระบัญญัติ ผูกมัด ตนเองกับพระองค์ผ่านพันธสัญญา วางใจ ในคำสัญญา ยอมรับ พระประสงค์และจังหวะเวลาของพระองค์ในชีวิตเราอย่างถ่อมใจ การกระทำตามหลักคำสอนและหลักธรรมที่ถูกต้องที่พระผู้ไถ่ทรงประกาศไว้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ “ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้ว”

เราเรียนรู้ใน Lectures on Faith ด้วยว่า “ศรัทธาไม่เพียงเป็นหลักธรรมแห่งการกระทำเท่านั้น แต่เป็นหลักธรรมแห่งอำนาจด้วย … ไม่ว่าในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก” ศรัทธาในพระเยซูคริสต์นำไปสู่การกระทำที่ชอบธรรมเสมอ ซึ่งเพิ่มความสามารถและพลังทางวิญญาณ

ดังนั้น สานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์ควรทำงานอย่างทุ่มเทในอุดมการณ์ดี เพราะ “เพราะพลังอยู่ในพวกเขา, ซึ่งในนั้นพวกเขาเป็นผู้มีสิทธิ์เสรีของตนเอง” สานุศิษย์ที่อุทิศตนอย่างสม่ำเสมอและมีสติตามความสามารถและสภาวการณ์ของตนเอง จะกระทำในฐานะผู้มีสิทธิ์เสรีในการทำหรือสร้างบางสิ่งทั้งทางโลกและทางวิญญาณในชีวิตตนและในการรับใช้ผู้อื่น

การเข้าใจว่าศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดเป็นหลักธรรมของการกระทำและอำนาจบ่งบอกถึงแบบแผนต่อเนื่องของงานอันชอบธรรมซึ่งเป็นการแสดงออกพื้นฐานของการพึ่งพาและวางใจในพระองค์ และเป็นแหล่งของการเรียนรู้และเติบโต ด้วยเหตุผลสำคัญเหล่านี้ งานจึงจำเป็นต่อความก้าวหน้าทางวิญญาณของเรา

ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน สอนว่า: “พระกิตติคุณของเราเป็นพระกิตติคุณแห่งการทํางาน—อย่างมีจุดประสงค์ ไม่เห็นแก่ตัว และแสดงออกด้วยวิญญาณแห่งความรักที่แท้จริงของพระคริสต์ ด้วยเหตุนี้เท่านั้นเราจึงจะเติบโตในคุณลักษณะแบบพระผู้เป็นเจ้า และเราจะเป็นเครื่องมือที่คู่ควรในพระหัตถ์ของพระเจ้า”

ข้อกังวลสำคัญอย่างหนึ่งของข้าพเจ้าคือ การพึ่งพาเทคโนโลยี AI มากเกินไปจะทำให้เราเป็นคนเกียจคร้านและตื้นเขินทางวิญญาณ—และสูญเสียพรที่อาจได้รับผ่านงานอันชอบธรรม

ข้าพเจ้าสงสัยว่าข่าวสารการประชุมศีลระลึกและบทเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ ฐานะปุโรหิต และสมาคมสงเคราะห์ในอาทิตย์หน้าจะถูกสร้างขึ้นจาก AI กี่บท เพียงพูดคำสั่งง่ายๆ ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล แล้วรอเพียงไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที ท่านก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่ท่านได้สิ่งที่ต้องการจริงๆ หรือ?

ตอนนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่า AI สามารถช่วยในการรวบรวมข้อมูล วิจารณ์ความคิดเรา ประเมินสไตล์การเขียนของเรา และเร่งกระบวนการเรียนรู้แบบย้ำๆ “บรรทัดมาเติมบรรทัด, [และ] กฎเกณฑ์มาเติมกฎเกณฑ์” ได้อย่างเหมาะสม แต่ศักยภาพแห่งสวรรค์ในการสร้างและการทำงานนั้นเป็นของเราแต่ละคนโดยเฉพาะ ในฐานะที่เราเป็นบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เราสามารถสร้างและผลิตเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมสำหรับคำพูดในการประชุมศีลระลึกโดยใช้ AI ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่จุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่แค่ การผลิตหรือการนำเสนอ เนื้อหาที่น่าประทับใจเท่านั้น แต่เป็น การทำงานและการกลายเป็น คนแบบที่พระเจ้าทรงต้องการและทรงปรารถนาให้เราเป็น

ส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าไม่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างหรือร่างคำพูด บทความ หรือเนื้อหาสำหรับงานอื่นๆ สิ่งนี้ต้องเป็นความพยายามอย่างขยันขันแข็ง ผลงานสร้างสรรค์ และสำคัญที่สุดคือการแสวงหาการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าเอง

แต่ข้าพเจ้าใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อวิจารณ์งานของข้าพเจ้า ตัวอย่างเช่น หลังจากที่ข้าพเจ้าเขียนคำพูดที่กำลังพูดกับท่านตอนนี้เสร็จ ข้าพเจ้าก็ให้แอป AI วิเคราะห์และอธิบายลักษณะของคำพูดสำหรับผู้ฟังหนุ่มสาวทั่วโลกซึ่งเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย นี่คือข้อเสนอแนะที่ข้าพเจ้าได้รับ:

“ลักษณะของคำพูดนี้จริงจังและเป็นการสอน เนื่องจากผู้เขียนได้อ้างอิงพระคัมภีร์และประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อสอนเกี่ยวกับความสำคัญของการแยกแยะความจริงทางวิญญาณจากสิ่งลวงตาทางโลก รวมถึงยังให้ความหวังและกำลังใจ เนื่องจากผู้เขียนเชื้อเชิญให้คนหนุ่มสาวแสวงหาการเปิดเผยและทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตประจำวัน คำพูดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อดลใจให้เกิดศรัทธาและการกระทำในหมู่ผู้ฟัง และเตือนพวกเขาถึงอันตรายจากการถูกหลอกลวงด้วยคำโกหกของซาตาน”

จากบทวิเคราะห์นี้ ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนแปลงหลายอย่างซึ่งหวังว่าจะปรับปรุงข่าวสารโดยรวมให้ดีขึ้น

พี่น้องที่รักทั้งหลาย โปรดจำไว้เสมอว่า—เราไม่ควรขายสิทธิบุตรหัวปีทางวิญญาณแห่งความ “รู้ถึงปีติและรัศมีภาพของการสร้าง” เพื่อความยุ่งเหยิงของ “ถั่วแดงต้ม” ทางเทคโนโลยี

“อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น

“คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น”

กฎแห่งการเก็บเกี่ยวเป็นความจริง—เมื่อวาน วันนี้ และตลอดไป

การเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้าอย่างต่อเนื่องเรียกร้องการทำงานที่มุ่งมั่น ยั่งยืน และชอบธรรม เราต้องพยายามเป็นผู้มีสิทธิ์เสรีที่ใช้ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด กระทำและหลีกเลี่ยงการเป็นเพียงวัตถุที่ถูกกระทำ

จงจำไว้เสมอว่าการจะเป็นสานุศิษย์ที่อุทิศตนเรียกร้องการทำงานที่มุ่งมั่น ยั่งยืน และชอบธรรม เราต้องพยายามเป็นผู้มีสิทธิ์เสรีที่ใช้ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด กระทำและหลีกเลี่ยงการเป็นเพียงวัตถุที่ถูกกระทำ

การเปิดเผยส่วนตัวเรียกร้องทำงานที่มุ่งเน้น ยั่งยืน และชอบธรรม เราต้องพยายามเป็นผู้มีสิทธิ์เสรีที่ใช้ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด กระทำและหลีกเลี่ยงการเป็นเพียงวัตถุที่ถูกกระทำ

การแสวงหาของประทานแห่งพระวิญญาณอย่างเหมาะสมเรียกร้องงานที่มุ่งเน้น ยั่งยืน และชอบธรรม เราต้องพยายามเป็นผู้มีสิทธิ์เสรีที่ใช้ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด กระทำและหลีกเลี่ยงการเป็นเพียงวัตถุที่ถูกกระทำ

พูดให้ชัดคือ เราไม่ได้รับหรือมีคุณสมบัติจะได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้าโดยหรือผ่านงานของเราแต่เพียงอย่างเดียว พระประสงค์และจังหวะเวลาของพระองค์กำหนดว่าเราจะได้รับพระเมตตาอันละเอียดอ่อนเมื่อใดและอย่างไร แต่ท่านกับข้าพเจ้ามีภาระผูกพันทางวิญญาณที่ต้องทำงาน สร้าง และเรียนรู้ด้วยตนเอง

คำสัญญาและประจักษ์พยาน

คำเตือนที่ข้าพเจ้าพูดถึงในปี 2009 นั้นจริงจัง หนักแน่น และเร่งด่วน เนื่องจากภยันตรายและความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีที่เรากำลังพูดถึงเพิ่งเกิดขึ้น คือตอนนั้น

คำเตือนที่ข้าพเจ้าพูดในวันนี้จริงจังกว่า หนักแน่นกว่า และเร่งด่วนยิ่งกว่า เนื่องจากภยันตรายและความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีที่เรากำลังพูดถึงนั้นอยู่ทุกที่ทุกเวลา คือตอนนี้

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานถึงความจริง ท่านและข้าพเจ้ามีความรับผิดชอบในการทำให้แน่ใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถยืนยันความจริงและความแท้จริงของทุกสิ่งที่เราพูดและแบ่งปัน ทั้งในรูปแบบและในเนื้อหา คำสัญญาสำหรับแต่ละคนคือ เราสามารถเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างเหมาะสมด้วยการชี้นำ การปกป้อง และคำเตือนที่มาจากอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ข้าพเจ้าให้พรท่านและสัญญาว่าเมื่อเรา “ดูที่ [พระผู้ช่วยให้รอด] ในความนึกคิดทุกอย่าง” และแสวงหาความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะได้รับพรในการเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า และมีสันติสุขในพระองค์ และเราจะไม่สงสัย ไม่กลัว และแยกแยะความจริงทั้งมวลได้ แม้กระทั่ง “เรื่องดังที่มันเป็นจริง”

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงพระชนม์และทรงเป็นผู้ลิขิตแผนอันยิ่งใหญ่แห่งความสุข พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดและทรงเป็นที่รักของพระบิดา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงพระชนม์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเราและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเราได้รับพรให้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาอันน่าทึ่งของสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลานี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยปีติถึงความจริงเหล่านี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน