สวดอ้อนวอน ให้เทสซา
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในโคโลราโด สหรัฐอเมริกา
“ไม่มีใครอยากให้ฉันอยู่ในทีมเลย” เทสซากล่าว
“ใครอยู่ฝ่ายพระเจ้าบ้าง? ใคร? บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องแสดงให้เห็น” (เพลงสวด บทเพลงที่ 260)
เทสซาจ้องมองลงไปที่รองเท้าของเธอ ถึงเวลาเข้าคลาสออกกำลังกายแล้ว เด็กๆ เลือกทีมเพื่อเล่นคิกบอล เธอรู้ตัวว่าจะถูกเลือกเป็นคนสุดท้าย เพราะเธอถูกเลือกเป็นคนสุดท้ายมาตลอด
ไม่นานนัก ทุกคนก็ถูกเลือกหมดยกเว้นเทสซา “ฉันว่าเราติดแหง็กอยู่กับ เธอ อีกแล้ว” กัปตันทีมกระซิบกับเพื่อน ทั้งคู่หัวเราะคิกคัก
เทสซาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เริ่มเกมไปไม่กี่นาที เด็กหญิงในทีมอื่นก็เตะบอล ลูกบอลตรงมาทางเทสซา!
ฉันจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าฉันก็เล่นได้! เทสซาคิด เธอพุ่งตัวไปรับลูกบอล แต่ลูกบอลไปโดนแขนเธอและเด้งตกลงมาบนพื้น
“ช่วยทำอะไรให้เข้าท่าหน่อยไม่ได้เลยใช่ไหม?” กัปตันทีมกล่าว
เทสซาหมุนตัวมาหาเขา “ได้! เธอไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่กับฉันแล้ว!” เธอวิ่งไปที่ลูกบอลแล้วเตะมันอย่างแรง
ชอนดราผู้เป็นเพื่อนสนิทของเทสซาวิ่งตามเธอไป “เฮ้ ไม่เป็นไรหรอกน่า” ชอนดรากล่าว “ใครๆ ก็ทำลูกบอลหล่นได้”
“เหรอ? แล้วทำไมไม่มีใครอยากให้ฉันอยู่ในทีมเลยล่ะ?” เทสซากล่าว
“อาจเป็นเพราะเธอขี้หงุดหงิดมาก” ชอนดราพูด เธอเดินกลับไปยังจุดที่เด็กอีกคนรออยู่
เทสซานั่งลงบนม้านั่งที่มุมหนึ่งของสนามเด็กเล่น ดวงตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เธอไม่อยากให้โรงเรียนเชิญผู้ปกครองของเธอมาอีก โรงเรียนเคยเชิญผู้ปกครองของเธอมาก่อนแล้ว ครูใหญ่บอกว่าเทสซามีปัญหาในการเข้ากับเด็กคนอื่นๆ
เทสซาไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงแสดงออกไปแบบนั้น เธอไม่ อยาก สร้างปัญหา บางครั้งเธอรู้สึกโกรธและเสียใจมากจนเธอแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่
เทสซาถอนหายใจ “ฉันคงไม่มีวันเข้ากับคนอื่นๆ ได้” เธอพูดกับตัวเอง
เมื่อโรงเรียนเลิก เทสซารีบออกไปข้างนอก คุณแม่รออยู่ที่นั่นเพื่อมารับเธอกลับบ้าน เธอฟังเรื่องที่เทสซาเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้
“ไม่มีใครเลือกหนูเข้าทีมเลย” เทสซากล่าว “หนูรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้างหนูเลย”
“แม่เสียใจด้วยนะ ลูกรัก” แม่กล่าว “บางครั้งผู้คนก็ใจร้าย แต่พระบิดาบนสวรรค์จะทรงอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ครอบครัวก็เหมือนกัน” คุณแม่กอดเทสซาแน่น “กลับบ้านกันเถอะ แม่มีสิ่งที่จะทำให้หนูประหลาดใจ”
เมื่อกลับถึงบ้าน คุณยายอยู่ที่นั่นแล้ว! เทสซาชอบให้คุณยายมาเยี่ยมเสมอ
“ยายอยากรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของหนู” คุณยายกล่าว “ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?”
เทสซาก้มหน้า “ไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ”
“คุณแม่บอกว่าช่วงนี้หนูมีเรื่องลำบากใจ” คุณยายกล่าว “หนูรู้ใช่ไหมว่าคุณแม่กับคุณพ่อสวดอ้อนวอนให้หนู?”
“ทราบค่ะ”
“และหนูก็รู้ใช่ไหมว่ายายกับคุณตาก็สวดอ้อนวอนให้หนู?”
เทสซาพยักหน้า
“และตอนนี้ก็มีคนอีกมากมายที่กำลังสวดอ้อนวอนให้หนูเช่นกัน!”
“คุณยายหมายความว่าอย่างไรคะ?” เทสซาถาม
“ยายใส่ชื่อของหนูไว้ในรายชื่อสวดอ้อนวอนในพระวิหาร” คุณยายกล่าว “ผู้คนมากมายกำลังสวดอ้อนวอนให้หนู แม้แต่คนที่ไม่รู้จัก”
“เหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ทีมเดียวกับหนูใช่ไหมคะ?” เทสซากล่าว
“แน่นอน หนูจะมองแบบนั้นก็ได้” คุณยายกล่าว “พระบิดาบนสวรรค์ประทานกำลังใจหนูเสมอ! และตอนนี้ทุกคนก็สวดอ้อนวอนให้หนูเหมือนกัน”
“ขอบคุณค่ะคุณยาย” เทสซากอดคุณยายแน่น
ครั้งต่อไปที่เทสซารู้สึกหงุดหงิดที่โรงเรียน เธอจะหลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆ เธอจำได้ว่าทุกคนสวดอ้อนวอนให้เธอ นั่นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ก้มศีรษะเพื่อกล่าวคำสวดอ้อนวอนของเธอเอง
พระบิดาบนสวรรค์ ลูกขอขอบพระทัยพระองค์ เธอสวดอ้อนวอน ขอบพระทัยที่ประทานกำลังใจลูก