อิทธิพล ของเพื่อน

โดย โจลี แฮทช์

ช่วงวัยรุ่นยากสำหรับดิฉันแต่พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งเพื่อนมาช่วยดิฉันผ่านไปได้

ภาพประกอบโดย จูดี้ บลูมฟิลด์

ดิฉันรู้สึกค่อนข้างโดดเดี่ยวในโลกนี้ พ่อแม่ของดิฉันหย่ากันตอนที่ดิฉันยังเป็นทารก หลังจากนั้นสองสามปีแม่ของดิฉันแต่งงานใหม่และเราย้ายจากจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา 4,000 ไมล์ไปออริกอน สหรัฐอเมริกา เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับเด็กอายุเก้าขวบ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีสำเนียงใต้ซึ่งเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้ยอมรับอย่างเต็มที่

แต่เมื่อดิฉันเลื่อนชั้นไปมัธยมต้น ดิฉันพบกับนิโคล^* ดิฉันรู้สึกถึงพลังงานบวกและสันติรอบตัวเธอทันที—สิ่งที่ดิฉันขาด ดิฉันรู้เลยว่าต้องเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้!

เมื่อเราอยู่ด้วยกันมากขึ้น นิโคลกลายเป็นที่ปลอดภัยห่างไกลจากความโดดเดี่ยวของดิฉัน เมื่อเดินเข้าไปในบ้านของเธอเหมือนเดินเข้าไปในชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง: พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าทรงสถิตอยู่ทุกซอกทุกมุม มีภาพของพระผู้ช่วยให้รอดและอาคารขนาดมหึมาทั่วทุกแห่ง (ต่อมาดิฉันเรียนรู้ว่าอาคารเหล่านี้คือพระวิหาร) งานเผยแผ่ของนิโคลเริ่มขึ้นโดยแค่เชิญดิฉันไปที่บ้านและเธอไม่รู้ด้วยซ้ำ

เป็นเพื่อนและเชื่อ

นิโคลปฏิบัติศาสนกิจต่อดิฉันโดยการเป็นเพื่อนเท่านั้น เธอมอบพระคัมภีร์มอรมอนให้ดิฉันและเราเริ่มอ่านด้วยกันในรถของเธอหลังเลิกเรียน

พระคัมภีร์มอรมอนเริ่มเติมเต็มช่องโหว่ในชีวิตของดิฉัน แต่ดิฉันก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยว ดิฉันไม่ได้เป็นสมาชิกศาสนจักรของนิโคล แต่ดิฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาของพ่อแม่ดิฉันอย่างเต็มที่เช่นกัน

นิโคลช่วยแนะนำให้ดิฉันสวดอ้อนวอนและทูลถามพระผู้เป็นเจ้าว่าพระคัมภีร์มอรมอนจริงหรือไม่ ดิฉันไม่เคยสวดอ้อนวอนออกเสียง จึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่ดิฉันออกไปข้างนอกและเริ่มพูด ดิฉันทูลถามพระผู้เป็นเจ้าว่าศาสนจักรของนิโคลเป็นศาสนจักรที่ถูกต้องสำหรับดิฉันด้วยหรือไม่ ทันทีที่ถามคำถามนี้ ดิฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ดิฉันรู้ ไม่ทราบว่าอย่างไรแต่โดยไม่สงสัยว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริงและศาสนจักรนี้ถูกต้องสำหรับฉัน

ดิฉันอายุ 15 ปีเมื่อได้รับพยานนี้ ตลอดสองสามปีต่อมาดิฉันเชื่อ แม้พ่อแม่ของดิฉันไม่สนใจศาสนจักร แต่ดิฉันไม่ได้โดดเดี่ยวในความเชื่อของดิฉันเพราะนิโคลยังคงอยู่สนับสนุนดิฉัน

ความเชื่อใหม่ คำถามใหม่

หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย ดิฉันย้ายไปยูทาห์ สหรัฐอเมริกา นิโคลอยู่ที่นั่นแล้วและเธอเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้ดิฉันไปที่นั่นเพื่อดิฉันจะได้เริ่มเรียนบทเรียนผู้สอนศาสนา ดิฉันมีแผนจะรับบัพติศมาในวันครบรอบวันเกิดปีที่ 19 ของดิฉัน—อีกเพียงหกสัปดาห์เท่านั้น—และนิโคลรับรองว่าจะอยู่กับดิฉันตลอดเวลา

เมื่อผู้สอนศาสนาเริ่มสอน ไม่ช้าดิฉันก็รู้ว่าดิฉันรู้จักศาสนจักรน้อยเพียงใด ดิฉันเคยอ่านและรักพระคัมภีร์มอรมอน แต่อยู่ดีๆ พวกเขามาบอกดิฉันเกี่ยวกับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แผนแห่งความรอด การเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า และสิ่งใหม่อื่นๆ อีกมากมาย มากเกินไปที่จะเข้าใจทั้งหมดในครั้งเดียว

แต่นิโคลรู้จักดิฉันดี เธอช่วยอธิบายสิ่งที่เอ็ลเดอร์สอนในวิธีที่เธอรู้ว่าดิฉันจะเข้าใจ ในบทเรียนแรกเหล่านั้น คำอธิบายอย่างอดทนของเธอคือเหตุผลที่ดิฉันยังอยู่

เป็นส่วนหนึ่งในที่สุด

นิโคลสนับสนุนดิฉันทางวิญญาณเช่นนั้นจนถึงวันที่ดิฉันรับบัพติศมา—และหลังจากนั้นด้วย เธอช่วยให้สมาชิกและผู้สอนศาสนาในวอร์ดวางแผนเพื่อดิฉันจะได้รับบัพติศมาในวันครบรอบวันเกิดปีที่ 19 เมื่อดิฉันขึ้นมาจากน้ำและเห็นผู้คนจำนวนมากยิ้มมาที่ดิฉัน ดิฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ดิฉันจะไม่มีวันลืมความรู้สึกที่เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าและศาสนจักรของพระองค์ในที่สุด

ดิฉันยังคงเรียนรู้จากศรัทธาและมิตรภาพที่ต่อเนื่องของนิโคล เธอแสดงให้ดิฉันเห็นตั้งแต่ต้นว่างานเผยแผ่ศาสนาไม่จำเป็นต้องใช้ป้ายชื่อ งานเผยแผ่ศาสนาของนิโคลเริ่มในหัวใจของเธอเมื่อเธอเอื้อมออกไปหาหญิงสาวจากแดนใต้ที่ต้องการรอยยิ้ม

ผู้เขียนอาศัยอยู่ในยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

• นามสมมุติ