2022
วิธีเผชิญหน้ากับการทดลองสามรูปแบบ
มีนาคม 2022


“วิธีเผชิญหน้ากับการทดลองสามรูปแบบ,” เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, มี.ค. 2022.

จงตามเรามา

ปฐมกาล 37–50

วิธีเผชิญหน้ากับการทดลองสามรูปแบบ

แม้ชีวิตจะประสบอุปสรรคมากมาย แต่การหันไปหาพระผู้เป็นเจ้าคือคำตอบเสมอ

โยเซฟถูกพี่ชายขายไปเป็นทาส

ภาพประกอบโดย ซิมินิ บล็อกเคอร์

พี่ชายของโยเซฟขายเขาเป็นทาสด้วยความอิจฉาและบอกบิดาของเขาว่าเขาถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย

โยเซฟแห่งอียิปต์อาจถามคำถามมากมายเกี่ยวกับวิธีที่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิตของเขา ท่านจะได้ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของโยเซฟในเดือนนี้ แต่ต่อไปนี้เป็นบทสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา

  • พี่ชายของเขาขายเขาไปเป็นทาส

  • ในฐานะทาส เขาถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ว่าพยายามล่อลวงภรรยาของนาย

  • จากนั้นเขากลายเป็นนักโทษถึงสองปี

ลองนึกภาพว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรถ้าท่านเป็นโยเซฟ อย่างน้อยที่สุด ท่านอาจถูกล่อลวงให้ถามว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน?” “ฉันทำอะไรถึงสมควรได้รับสิ่งนี้?”

โยเซฟในเรือนจำในอียิปต์

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ก่ออาชญากรรม แต่โยเซฟถูกจำคุกเป็นเวลายาวนานสองปี

การทดลองสามรูปแบบ

เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์ (1926–2004) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเคยสอนเกี่ยวกับการทดลอง 3 รูปแบบที่เราอาจเผชิญในชีวิตดังนี้

  • รูปแบบที่ 1: การทดลองที่มาจากบาปหรือความผิดพลาดของเราเอง

  • รูปแบบที่ 2: การทดลองที่เกิดขึ้นเพราะว่านี่คือโลกที่ล่มสลาย เต็มไปด้วยความเจ็บป่วย โรคภัย และผู้คนที่ตก

  • รูปแบบที่ 3: การทดลองที่พระผู้เป็นเจ้าทรงยินดีให้เราประสบเพราะพระองค์ทรงต้องการให้เราเติบโต

ในระหว่างการทดลอง เราอาจถูกล่อลวงให้ถามว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน?” แต่คำถามนั้นอาจไม่มีประโยชน์อย่างที่เราหวังไว้ เอ็ลเดอร์แม็กซ์เวลล์เขียนว่าไม่ว่าเหตุใดที่เรามีการทดลอง “ผลลัพธ์ก็เหมือนกันไม่ว่าจะด้วยวิธีใด พระผู้เป็นเจ้าทรงเต็มใจให้เราเผชิญความท้าทายนั้น ทว่าพระองค์ทรงสัญญากับเราว่าพระคุณของพระองค์เพียงพอสำหรับเรา”1 กล่าวคือ พระบิดาบนสวรรค์จะไม่ทรงยอมให้เราผ่านการทดลองโดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือที่เราต้องการผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

แบบอย่างของโยเซฟ

มาลองพิจารณาการทดลองใหญ่ครั้งแรกของโยเซฟกันอีกครั้ง นั่นคือ พี่ชายของเขาขายเขาไปเป็นทาส

นี่เป็นการทดลอง “รูปแบบที่ 1” ใช่หรือไม่? โยเซฟทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเองหรือไม่? ไม่ใช่เลย เขาเล่าความฝันเชิงพยากรณ์เกี่ยวกับบรรดาพี่ชายของเขาอย่างไร้เดียงสา ความฝันเหล่านั้นเปิดเผยว่าสักวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้นำของพวกเขา แน่นอนว่าพวกพี่ชายของเขาไม่ชอบฟังเรื่องนั้น อันที่จริง “พวก​พี่‍ชาย​ก็​ยิ่ง​ชัง​โย‌เซฟ​มาก​ขึ้น​อีก​เพราะ​ความ​ฝัน” (ปฐมกาล 37:8)

ถ้าท่านเป็นโยเซฟ ท่านอาจจินตนาการว่าตนเองกำลังคิดว่า “แค่ฉันไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับความฝันของฉันอย่างที่บอกไปเท่านั้น!”

หรือนี่จะเป็นการทดลอง “รูปแบบที่ 2”? การทดลองของโยเซฟมาจากการใช้ชีวิตในโลกที่ตก ซึ่งรวมถึงคนอื่นๆ ที่ใช้สิทธิ์เสรีของตนอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่? อาจจะใช่ อีกครั้งหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับโยเซฟที่จะส่ายหน้าและคิดว่าปัญหาทั้งหมดของเขาเป็นความผิดของพี่ๆ อย่างไร หรือว่าภรรยาของโปทิฟาร์โกหกอย่างไร หรืออาจจะเป็นหัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยที่ลืมบอกฟาโรห์เกี่ยวกับโยเซฟเป็นเวลาสองปี แม้จะให้คำมั่นสัญญาแล้วก็ตาม (ดู ปฐมกาล 40:23)

หรือท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดนี้เป็นการทดลอง “รูปแบบที่ 3”? กล่าวอีกนัยหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้โยเซฟประสบสิ่งเหล่านี้เพื่อช่วยให้เขาเติบโตขึ้นหรือไม่? สำหรับคำถามนี้ โยเซฟเองรู้สึกว่าคำตอบนั้นอย่างน้อยก็ใช่บางส่วน พอเจอพี่ๆ อีกครั้ง เขาจึงพูดว่า “แต่เดี๋ยว‍นี้อย่าเสีย‍ใจไปเลย อย่าโกรธตัวเองที่ขายฉันมาที่นี่ เพราะว่าพระ‍เจ้าทรงใช้ฉันให้มาก่อนหน้าพวกพี่ เพื่อจะได้ช่วยชีวิต” (ปฐมกาล 45:5, เน้นตัวเอน)

จำไว้ว่าโยเซฟถูกขายไปเป็นทาสเมื่ออายุ 17 ปี เขาอายุ 30 ปีตอนที่ยืนอยู่ต่อหน้าฟาโรห์เพื่อตีความความฝันที่ทำให้เขาเป็นอิสระในท้ายที่สุด นั่นเป็นเวลาถึง 13 ปี หรือเกือบครึ่งชีวิตของเขา ที่โยเซฟสูญเสียอิสรภาพโดยไม่ใช่ความผิดของเขาเอง แต่เขามีศรัทธาว่า “พระ‍เจ้าทรงใช้ [เขา] ให้มา” เพื่อรักษาชีวิต ไม่ว่าการทดลองนี้จะมาจากไหน ท้ายที่สุดโยเซฟก็รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีจุดประสงค์

นั่นเพียงพอแล้วสำหรับเขา นั่นก็เพียงพอสำหรับเราได้

โยเซฟกับพี่ๆ ของเขาในอียิปต์

โยเซฟให้อภัยพี่ๆ และช่วยชีวิตพวกเขาจากความอดอยาก โยเซฟรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงนำทางและปกป้องชีวิตเขา

การทดลองของท่าน

เราอาจใช้พลังงานมหาศาลไปกับอดีต เราอาจคิดว่า “ทำไมฉันถึงทำอย่างนั้น?” หรือ “ถ้าเขาไม่ได้นอกใจฉัน?”

แต่การคิดถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามและสิ่งที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้ไม่ได้ดีไปกว่าการทนทุกข์กับสาเหตุหรือวิธีที่การทดลองเข้ามาในชีวิตท่าน ในท้ายที่สุดแล้วเราจะพบสันติสุขและความเข้มแข็งเมื่อเรามาหาพระคริสต์และวางใจพระองค์ เหมือนที่โยเซฟในอียิปต์ทำ ถ้าเราทำเช่นนี้ การทดลองทั้งหมดของเราจะกลายเป็นการทดลองที่ช่วยให้เราใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นและเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น

ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดสอนว่า “ท่านอาจสงสัยอย่างมีเหตุผลว่าเหตุใดพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรักเราและทรงเดชานุภาพทั้งมวลทรงยอมให้การทดสอบในมรรตัยของเรายากนัก นั่นเพราะทรงทราบว่าเราต้องเติบโตทางวิญญาณอย่างสะอาดและแข็งแรงจึงจะสามารถอยู่ในที่ประทับของพระองค์เป็นครอบครัวนิรันดร์ได้”2

รางวัลนิรันดร์

หากเราทำบาป เราต้องกลับใจ หากการทดลองอยู่ในขอบเขตที่ทำให้เราดีขึ้น เราสามารถทำได้และควรทำเช่นนั้น แต่ความยากลำบากมากมายที่เราเผชิญในความเป็นมรรตัยมักจะติดอยู่นานกว่าที่เราปรารถนา บางครั้งอาจจะตลอดชีวิต สถานการณ์นี้ก็เช่นกัน คำตอบคือหันไปหาพระเจ้า

ชีวิตนี้มีไว้เพื่อให้เราเติบโตและพิสูจน์เรา และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับเราถ้าเราแสวงหาพระองค์! เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “ศรัทธาของท่านในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์จะได้ผลตอบแทนเกินกว่าท่านจะจินตนาการได้ ความอยุติธรรมทั้งหมด—โดยเฉพาะความอยุติธรรมอันน่าเดือดดาล—จะได้รับการอุทิศเพื่อเป็นพรของท่าน”3

“ยุติธรรม” ไหมที่โยเซฟต้องเผชิญสิ่งที่เขาพบเจอ? ไม่เลย แต่เนื่องจากเขาผ่านสิ่งที่เขาเจอมา เขาจึงสามารถช่วยชีวิตของชาติต่างๆ รวมทั้งครอบครัวของเขาเองได้ด้วย

ท่านอาจกำลังอยู่ในระหว่างการทดลองเหมือนกับโยเซฟ ท่านอาจไม่เห็นเหตุผลของการทดลอง หรือไม่รู้ว่าการทดลองจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

เพียงจำไว้ว่าพระคุณของพระผู้เป็นเจ้าเพียงพอ หันไปหาพระองค์ แล้วพระองค์จะทำสิ่งอัศจรรย์ในชีวิตท่าน