การปฏิบัติศาสนกิจที่ได้รับการดลใจ
เราได้รับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุดเมื่อเรามุ่งรับใช้ผู้อื่น นั่นคือสาเหตุที่เรามีความรับผิดชอบฐานะปุโรหิตในการรับใช้แทนพระผู้ช่วยให้รอด
พี่น้องชายที่รัก ข้าพเจ้ายินดีที่ได้มีโอกาสพูดกับท่านในการประชุมใหญ่สามัญอันเป็นประวัติการณ์ครั้งนี้ เราได้สนับสนุนประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นประธานศาสนจักรคนที่ 17 ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ดังที่ข้าพเจ้าได้รับพรของการทำงานกับท่านทุกวัน ข้าพเจ้ารู้สึกถึงการยืนยันของพระวิญญาณว่าประธานเนลสันได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้นำศาสนจักรที่แท้จริงของพระเจ้า
ข้าพเจ้าเป็นพยานเช่นกันว่าพระเจ้าทรงเรียกเอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กองและเอ็ลเดอร์อูลิส์เสส ซวาเรสให้รับใช้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง ข้าพเจ้ารักและสนับสนุนพวกท่าน ท่านทั้งสองจะเป็นพรแก่ชีวิตทั่วโลกและผู้คนหลายรุ่นโดยการปฏิบัติศาสนกิจของพวกท่าน
การประชุมใหญ่ครั้งนี้เป็นประวัติการณ์เพราะอีกเหตุผลหนึ่ง ประธานเนลสันประกาศความก้าวหน้าที่ได้รับการดลใจในแผนซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้ให้ศาสนจักรของพระองค์ แผนนั้นรวมถึงโครงสร้างใหม่ของโควรัมฐานะปุโรหิตในวอร์ดและสเตคเพื่อเราจะปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบฐานะปุโรหิตของเราได้ดีขึ้น ความรับผิดชอบเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องกับการดูแลบุตรธิดาของพระบิดา
แผนของพระเจ้าให้วิสุทธิชนดูแลกันด้วยความรักมีหลายรูปแบบตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในสมัยต้นของนอวู ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธต้องมีระบบการดูแลผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ส่วนใหญ่ยากจนซึ่งกำลังหลั่งไหลเข้ามาในเมือง ทวดสี่คนของข้าพเจ้าอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย—อายริงก์ เบนเนียน รอมนีย์ และสมิธ ท่านศาสดาพยากรณ์จัดระบบดูแลวิสุทธิชนเหล่านั้นตามภูมิศาสตร์ ในอิลลินอยส์เขตเหล่านั้นของเมืองเรียกว่า “วอร์ด”
เมื่อวิสุทธิชนย้ายข้ามทุ่งราบ การดูแลกันจัดระบบเป็น “คณะ” ปู่ทวดคนหนึ่งของข้าพเจ้ากำลังกลับจากคณะเผยแผ่ซึ่งในเวลานี้คือโอคลาโฮมาเมื่อท่านพบคณะหนึ่งระหว่างทาง ท่านอ่อนแอด้วยโรคจนท่านกับคู่ต้องนอนอยู่ในเกวียนเล็กๆ เล่มหนึ่ง
หัวหน้าคณะส่งหญิงสาวสองคนมาช่วยคนที่อาจจะอยู่ในเกวียนที่ถูกทอดทิ้งนั้น หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวที่เปลี่ยนใจเลื่อมใสในสวิตเซอร์แลนด์ เธอดูแลผู้สอนศาสนาคนหนึ่งในนั้นและรู้สึกเห็นใจ เขารอดชีวิตเพราะวิสุทธิชนคณะนั้น เขาฟื้นตัวพอจะเดินได้ตลอดทางที่เหลือไปหุบเขาซอลท์เลคโดยมีผู้ช่วยชีวิตวัยสาวอยู่เคียงข้างเขา พวกเขาตกหลุมรักและแต่งงานกัน เขากลายเป็นปู่ทวดเฮนรีย์ อายริงก์ของข้าพเจ้าและเธอเป็นย่าทวดมาเรีย บอมเมลี อายริงก์ของข้าพเจ้า
หลายปีต่อมา เมื่อผู้คนพูดถึงความตรากตรำลำบากของการข้ามทวีป เธอกล่าวว่า “ไม่หรอก ไม่ลำบากหรอก ขณะที่เราเดิน เราคุยกันตลอดทางเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ที่ทำให้เราทั้งคู่พบพระกิตติคุณที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ ดิฉันจำได้ว่านั่นเป็นเวลาที่เรามีความสุขที่สุด”
นับแต่นั้น พระเจ้าทรงใช้หลากหลายวิธีช่วยให้วิสุทธิชนของพระองค์ดูแลกัน เวลานี้พระองค์ทรงอวยพรให้เรามีโควรัมที่เข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับวอร์ดและสเตค—โควรัมที่ทำงานประสานกับองค์การวอร์ดทั้งหมด
วอร์ดตามภูมิศาสตร์ คณะ และโควรัมที่เข้มแข็งล้วนต้องการอย่างน้อยสองสิ่งจึงจะประสบความสำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการให้วิสุทธิชนดูแลกันตามวิธีที่พระองค์ทรงดูแลพวกเขา พวกเขาประสบความสำเร็จเมื่อวิสุทธิชนรู้สึกถึงความรักของพระคริสต์ต่อกันเหนือผลประโยชน์ส่วนตน พระคัมภีร์เรียกสิ่งนี้ว่า “จิตกุศล … ความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์”(โมโรไน 7:47) และพวกเขาประสบความสำเร็จเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำทางผู้ดูแลให้รู้สิ่งที่พระเจ้าทรงทราบว่าดีที่สุดสำหรับคนที่พระองค์ทรงพยายามช่วยเหลือ
หลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ข้าพเจ้าเห็นสมาชิกของศาสนจักรทำประหนึ่งพวกเขาคาดว่าพระเจ้าจะทรงทำ ตามที่ได้ประกาศที่นี่วันนี้ ข้าพเจ้าจะยกตัวอย่างเพียงสองตัวอย่าง หนึ่ง คำพูดการประชุมศีลระลึกที่เรียบง่ายของผู้สอนวัย 14 ปีในฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนผู้เข้าใจว่าผู้ดำรงฐานะปุโรหิตจะทำอะไรได้บ้างในการรับใช้พระเจ้า สอง ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่ได้รับการดลใจให้รับใช้ครอบครัวหนึ่งด้วยความรักของพระคริสต์
อันดับแรก ข้าพเจ้าจะยกคำพูดของเยาวชนชายคนนั้นที่กล่าวในการประชุมศีลระลึกวอร์ด ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่น พยายามนึกว่าท่านเป็นอย่างไรเมื่อท่านอายุ 14 ปี ฟังและจะได้ยินเขาพูดมากกว่าที่เด็กหนุ่มอายุน้อยอย่างเขาจะรู้ได้
“ผมชอบเป็นสมาชิกโควรัมผู้สอนในวอร์ดของเรามาก ตั้งแต่ผมอายุครบ 14 เมื่อปีที่แล้ว ผู้สอนยังคงมีความรับผิดชอบทั้งหมดของมัคนายกบวกกับความรับผิดชอบใหม่บางอย่าง
“เนื่องจากพวกเราบางคนเป็นผู้สอน หลายคนจะเป็นวันหน้า และทุกคนในศาสนจักรได้รับพรโดยฐานะปุโรหิต จึงสำคัญที่เราทุกคนต้องรู้หน้าที่ของผู้สอนมากขึ้น
“ก่อนอื่น หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:53 กล่าวว่า‘หน้าที่ของผู้สอนคือ ดูแลศาสนจักรเสมอ, และอยู่กับพวกเขาและทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น’
ต่อมา หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:54–55 กล่าวว่า
“‘และดูว่าไม่มีความชั่วช้าสามานย์ในศาสนจักร, ทั้งไม่โกรธเคืองกัน, ทั้งไม่พูดเท็จ, ลอบกัด, หรือพูดให้ร้าย;
“‘และดูว่าศาสนจักรประชุมกันบ่อย ๆ, และดูด้วยว่าสมาชิกทุกคนทำหน้าที่ของพวกเขา’”
เยาวชนชายคนนั้นพูดต่อไปว่า
“พระเจ้ากำลังบอกเราว่าความรับผิดชอบของเราไม่เพียงดูแลศาสนจักรเท่านั้นแต่ดูแลคนในศาสนจักรด้วยวิธีที่พระคริสต์จะทรงดูแลเพราะนี่คือศาสนจักรของพระองค์ ถ้าเรากำลังพยายามรักษาพระบัญญัติ มีน้ำใจต่อกัน ซื่อสัตย์ เป็นเพื่อนที่ดี และชอบอยู่ด้วยกัน เมื่อนั้นเราจะมีพระวิญญาณสถิตกับเราและรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการให้เราทำอะไร ถ้าเราไม่รู้ เราจะทำการเรียกของเราไม่ได้”
เขากล่าวต่อไปว่า
“เมื่อผู้สอนเลือกเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องโดยเป็นผู้สอนประจำบ้านที่ดี ทักทายสมาชิกที่โบสถ์ เตรียมศีลระลึก ช่วยงานที่บ้าน และเป็นผู้สร้างสันติ เขากำลังเลือกให้เกียรติฐานะปุโรหิตและทำการเรียกของเขาให้เกิดสัมฤทธิผล
“การเป็นผู้สอนที่ดีไม่เพียงหมายถึงรับผิดชอบเมื่อเราอยู่ที่โบสถ์หรือที่กิจกรรมของศาสนจักรเท่านั้น อัครสาวกเปาโลสอนว่า ‘จงเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้เชื่อทั้งในด้านวาจาและการประพฤติ ทั้งในด้านความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์’ (1 ทิโมธี 4:12)”
เยาวชนชายคนนั้นกล่าวต่อจากนั้นว่า
“ไม่สำคัญว่าเราอยู่ที่ไหนหรือเราทำอะไร เราสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีของความชอบธรรมได้ทุกเวลาและทุกที่”
“ผมกับคุณพ่อสอนประจำบ้านครอบครัวบราวน์1 ทุกครั้งที่เราไปสอน ผมมีความสุขที่ได้เยี่ยมและทำความรู้จักพวกเขา สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากเกี่ยวกับครอบครัวบราวน์คือทุกครั้งที่เราไปสอน พวกเขาทุกคนเต็มใจฟังและพวกเขามีเรื่องราวดีๆ แบ่งปันเสมอ
“เมื่อเรารู้จักคนในวอร์ดดีเพราะการสอนประจำบ้าน การทำหน้าที่ต่อไปของผู้สอนจะง่ายขึ้น และหน้าที่นั้นคือการทักทายสมาชิกที่โบสถ์ การช่วยให้ผู้คนรู้สึกถึงการต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งที่โบสถ์ช่วยให้สมาชิกทุกคนของวอร์ดรู้สึกว่ามีคนรักพวกเขาและพร้อมรับศีลระลึก
“หลังจากทักทายสมาชิกที่มาโบสถ์ ผู้สอนช่วยเตรียมศีลระลึกทุกวันอาทิตย์ ผมชอบส่งผ่านและเตรียมศีลระลึกในวอร์ดนี้มากเพราะทุกคนมีความคารวะ ผมรู้สึกถึงพระวิญญาณเสมอเมื่อผมเตรียมและส่งผ่านศีลระลึก นับเป็นพรอย่างยิ่งที่ผมสามารถทำเช่นนั้นได้ทุกวันอาทิตย์
“การรับใช้บางอย่างเช่นการส่งผ่านศีลระลึกเป็นสิ่งที่ผู้คนมองเห็นและพวกเขาขอบคุณเรา แต่การรับใช้อื่นๆ เช่นการเตรียมศีลระลึกมักจะทำโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่ สำคัญว่าคนอื่น เห็น เรารับใช้หรือไม่ ที่สำคัญคือพระเจ้าทรงทราบว่าเรารับใช้พระองค์
“ในฐานะผู้สอน เราควรพยายามเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ศาสนจักร เพื่อน และครอบครัวเราเสมอโดยทำความรับผิดชอบฐานะปุโรหิตของเราให้เกิดสัมฤทธิผล ไม่ง่ายเสมอไป แต่พระเจ้าไม่ประทานพระบัญญัติแก่เรา ‘นอกจากพระองค์จะทรงเตรียมทางไว้ให้ [เรา] เพื่อ [เรา] จะทำสำเร็จในสิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชา’ (1 นีไฟ 3:7)”
ขณะที่เยาวชนชายคนนั้นกล่าวทิ้งท้าย ข้าพเจ้ายังคงประหลาดใจกับวุฒิภาวะและปัญญาของเขา เขาสรุปโดยกล่าวว่า “ผมรู้ว่าเราจะเป็นคนดีขึ้นถ้าเราเลือกติดตาม [พระเยซูคริสต์]”
อีกเรื่องหนึ่งของการรับใช้ฐานะปุโรหิตเล่าไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อนในการประชุมศีลระลึกวอร์ด ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นด้วย ในกรณีนี้ ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่มีประสบการณ์คนนี้ไม่รู้ขณะที่เขาพูดว่าเขากำลังอธิบายสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เกิดกับโควรัมฐานะปุโรหิตที่เข้มแข็ง ใจความสำคัญของเรื่องมีดังนี้
เขากับคู่สอนประจำบ้านได้รับมอบหมายให้รับใช้เจ็ดครอบครัว เกือบทุกครอบครัว ไม่ต้องการให้เยี่ยม เมื่อผู้สอนประจำบ้านไปอพาร์ตเมนต์ของคนเหล่านั้น พวกเขาไม่ยอมเปิดประตู เมื่อโทรศัพท์ไป พวกเขาไม่รับ เมื่อฝากข้อความ ไม่มีใครโทรกลับ ในที่สุดคู่รุ่นพี่คนนี้ก็หันไปใช้วิธีเขียนจดหมาย เขาเริ่มใช้ซองสีเหลืองสดโดยหวังว่าจะมีคนตอบกลับ
หนึ่งในเจ็ดครอบครัวเป็นสตรีโสดที่แข็งขันน้อยผู้ย้ายถิ่นฐานมาจากยุโรป เธอมีลูกที่อายุยังน้อยสองคน
หลังจากพยายามติดต่อเธอหลายครั้ง เขาได้รับข้อความ เธอบอกเขาชัดเจนว่าเธอยุ่งเกินกว่าจะพบกับผู้สอนประจำบ้าน เธอทำงานสองอย่างและเป็นทหารด้วย งานหลักของเธอคือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป้าหมายอาชีพของเธอคือเป็นนักสืบ จากนั้นจะกลับไปประเทศบ้านเกิดและทำงานที่นั่นต่อ
ผู้สอนประจำบ้านไม่สามารถไปเยี่ยมเธอในบ้านได้ เขาส่งข้อความถึงเธอเป็นครั้งคราว ทุกเดือนเขาเขียนจดหมายส่งให้เธอ พร้อมการ์ดวันหยุดให้เด็กแต่ละคน
เขาไม่ได้รับจดหมายตอบ แต่เธอรู้ว่าผู้สอนประจำบ้านเป็นใคร รู้วิธีติดต่อ และรู้ว่าพวกเขาจะรับใช้ในฐานะปุโรหิตของพวกเขาต่อไป
และแล้ววันหนึ่งเขาได้รับข้อความด่วนจากเธอ เธอต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก เธอไม่รู้ว่าอธิการเป็นใครแต่เธอรู้จักผู้สอนประจำบ้านของเธอ
อีกไม่กี่วันเธอต้องออกจากรัฐไปฝึกวิชาทหารนานหนึ่งเดือน เธอไม่สามารถพาลูกไปด้วยได้ มารดาของเธอผู้จะดูแลลูกให้เธอเพิ่งบินไปยุโรปเพื่อดูแลสามีที่ป่วยกะทันหัน
สตรีโสดที่แข็งขันน้อยคนนี้มีเงินพอซื้อตั๋วไปยุโรปให้ลูกคนเล็ก แต่ไม่มีเงินซื้อให้เอริคบุตรชายวัย 12 ขวบ2 เธอถามผู้สอนประจำบ้านว่าเขาจะหาครอบครัวแอลดีเอสที่ดีให้รับเอริคไปดูแลที่บ้านสัก 30 วันได้หรือไม่!
ผู้สอนประจำบ้านส่งข้อความกลับไปว่าเขาจะทำสุดความสามารถ ต่อจากนั้นเขาติดต่อผู้นำฐานะปุโรหิตของเขา อธิการ ซึ่งเป็นมหาปุโรหิตควบคุม อนุญาตให้เขาไปหาสมาชิกสภาวอร์ด รวมทั้งประธานสมาคมสงเคราะห์
ประธานสมาคมสงเคราะห์หาครอบครัวแอลดีเอสที่ดีได้อย่างรวดเร็วสี่ครอบครัวซึ่งมีลูกวัยเดียวกับเอริคและจะรับเขาไปดูแลครอบครัวละหนึ่งสัปดาห์ ตลอดเดือนต่อมา ครอบครัวเหล่านี้จัดหาอาหารให้เอริค หาห้องให้เขาในอพาร์ตเมนต์หรือบ้านหลังเล็กที่แออัดอยู่แล้วของพวกเขา พาเขาไปร่วมกิจกรรมฤดูร้อนที่ครอบครัววางแผนไว้แล้ว พาเขาไปโบสถ์ ให้เขามีส่วนร่วมที่การสังสรรค์ในครอบครัว และอื่นๆ
ครอบครัวที่มีลูกชายวัยเดียวกับเอริคให้เอริคมีส่วนในการประชุมและกิจกรรมโควรัมมัคนายกของพวกเขา ในช่วง 30 วันนี้ เอริคอยู่ที่โบสถ์ทุกวันอาทิตย์เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา
หลังจากมารดาของเขากลับจากการฝึก เอริคยังคงไปโบสถ์ โดยปกติจะไปกับครอบครัวแอลดีเอสสี่ครอบครัวนี้ที่อาสาพาไปหรือคนอื่นที่เป็นเพื่อนกับเขา รวมทั้งผู้เยี่ยมสอนของมารดาเขาด้วย ไม่นานเขาก็ได้รับการวางมือแต่งตั้งเป็นมัคนายกและเริ่มส่งผ่านศีลระลึกเป็นประจำ
ตอนนี้ เรามาดูอนาคตของเอริค เราจะไม่ประหลาดใจถ้าเขากลายเป็นผู้นำในศาสนจักรที่ประเทศบ้านเกิดของมารดาเขาเมื่อครอบครัวเขากลับไปที่นั่น—ทั้งหมดเพราะวิสุทธิชนผู้พร้อมใจกันรับใช้จากจิตกุศลในใจพวกเขาและด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ภายใต้การนำทางของอธิการ
เรารู้ว่าจิตกุศลจำเป็นต่อการช่วยให้เรารอดในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า โมโรไนเขียนว่า “เว้นแต่ท่านจะมีจิตกุศลท่านจะไม่มีทางได้รับการช่วยให้รอดในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้” (โมโรไน 10:21; ดู อีเธอร์ 12:34)
เรารู้เช่นกันว่าจิตกุศลเป็นของประทานที่มอบให้เราหลังจากเราทำสุดความสามารถแล้ว เราต้อง “สวดอ้อนวอนพระบิดาจนสุดพลังของใจ, เพื่อท่านจะเปี่ยมด้วยความรักนี้, ซึ่งพระองค์ประทานให้ทุกคนซึ่งเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระบุตรของพระองค์, พระเยซูคริสต์” (โมโรไน 7:48)
สำหรับข้าพเจ้าดูเหมือนว่าเราได้รับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดีที่สุดเมื่อเรามุ่งรับใช้ผู้อื่น นั่นคือสาเหตุที่เรามีความรับผิดชอบฐานะปุโรหิตในการรับใช้แทนพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อเรามีส่วนในการรับใช้ผู้อื่น เรานึกถึงตนเองน้อยลง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะมาหาเราได้ง่ายขึ้นและช่วยเราขณะพยายามตลอดชีวิตเพื่อให้มีของประทานแห่งจิตกุศลอยู่กับเรา
ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานต่อท่านว่าพระเจ้าทรงเริ่มความก้าวหน้าครั้งใหญ่แล้วในแผนของพระองค์เพื่อให้เราได้รับการดลใจมากขึ้นและมีจิตกุศลในการปฏิบัติศาสนกิจฐานะปุโรหิตของเรา ข้าพเจ้าสำนึกคุณต่อความรักของพระองค์ ซึ่งพระองค์ประทานให้เราอย่างเหลือเฟือ ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน