2010–2019
ศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า
เมษายน 2018


2:3

ศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า

ศาสดาพยากรณ์ไม่ได้ยืนระหว่างท่านกับพระผู้ช่วยให้รอด แต่ยืนข้างท่านและชี้ทางให้ท่านไปหาพระผู้ช่วยให้รอด

ข้าพเจ้าขอต้อนรับเอ็ลเดอร์เกอร์ริท กองและเอ็ลเดอร์อูลิส์เสส ซวาเรสสู่ความเป็นพี่น้องอันยอดเยี่ยมของโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ในการสนับสนุนประธาน รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าและประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เราเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์กำหนด—ศักดิ์สิทธิ์เพราะคาดว่าเหตุการณ์ในชั่วโมงที่ผ่านมาเกิดขึ้นในสวรรค์ตั้งแต่ก่อนมีโลกขึ้นมา พระเจ้าพระเยซูคริสต์ผู้ทรงกำกับดูแลงานของพระองค์ได้เสนอศาสดาพยากรณ์ ผู้นำที่พระองค์ทรงเจิม ให้ผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระองค์วันนี้ผ่านประธานอายริงก์ โดยให้เราได้แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเราเต็มใจสนับสนุนท่านและทำตามคำแนะนำของท่าน

ถึงสมาชิกหลายล้านคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่กับเราในศูนย์การประชุมใหญ่ ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่าพระวิญญาณของพระเจ้าในอาคารนี้ในระหว่างการสนับสนุนประธานเนลสันเป็นเหมือนกับที่ท่านคาดหวังไว้ทุกอย่าง—นั่นคือเต็มไปด้วยพลังทางวิญญาณ แต่การชุมนุมที่สวรรค์นำทางไม่ได้อยู่ในศูนย์การประชุมใหญ่นี้เท่านั้นแต่มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน ในห้องนมัสการในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ในบ้านในอเมริกากลาง อเมริกาใต้ และยุโรป บนลานบ้านมีหลังคาในแปซิฟิกและหมู่เกาะแห่งทะเลการชุมนุมนี้มีอยู่ในทุกภูมิภาคของโลกที่ท่านอยู่ แม้สมาร์ทโฟนของท่านจะได้ยินแต่เสียงก็ตาม อธิการไม่ได้นับมือเราที่ยกขึ้น แต่สวรรค์สังเกตเห็นมือเหล่านั้นแน่นอนเพราะเรามีพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า และการกระทำของเราถูกบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิต

พระเจ้าทรงเลือกศาสดาพยากรณ์ของพระองค์

พระเจ้าทรงเลือกศาสดาพยากรณ์ด้วยพระองค์เอง ไม่มีการหาเสียง ไม่มีการถกเถียง ไม่มีการวางมาดให้ได้ตำแหน่ง ไม่มีความขัดแย้ง ความคลางแคลงใจ ความสับสน หรือความวุ่นวาย ข้าพเจ้ายืนยันเช่นกันว่าอำนาจแห่งสวรรค์อยู่กับเราในห้องชั้นบนของพระวิหารขณะที่เราสวดอ้อนวอนล้อมวงรอบประธานเนลสันและรู้สึกถึงการอนุมัติของพระเจ้าอย่างมิอาจปฏิเสธได้

การเลือกประธานเนลสันให้รับใช้เป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว พระคำที่พระเจ้าตรัสกับเยเรมีย์ประยุกต์ใช้กับประธานเนลสันได้เช่นกัน: “เรา​ได้​รู้‍จัก​เจ้า​ก่อน​ที่​เรา​ได้​ก่อ​ร่าง​ตัว​เจ้า​ขึ้น​ใน​ครรภ์และ​ก่อน​ที่​เจ้า​คลอด​จาก​ครรภ์ เรา​ก็​ได้​กำ‌หนด​ตัว​เจ้า​ไว้ เรา​ได้​แต่ง‍ตั้ง​เจ้า​เป็น​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​แก่​บรร‌ดา​ประ‌ชา‍ชาติ”1 เพียงสามปีก่อน เอ็ลเดอร์เนลสันในวัย 90 มีอาวุโสอันดับสี่ โดยมีอัครสาวกอาวุโสสองในสามคนที่อายุน้อยกว่าท่าน พระเจ้าผู้ทรงควบคุมชีวิตและความตายทรงเลือกศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ ประธานเนลสันในวัย 93 มีสุขภาพดีอย่างน่าทึ่ง เราหวังว่าท่านจะอยู่กับเราไปอีกสิบปีหรือยี่สิบปี แต่เวลานี้เรากำลังพยายามโน้มน้าวให้ท่านอยู่ห่างจากเนินสกี

แม้เราสนับสนุนศาสดาพยากรณ์ว่าเป็นผู้ได้รับการเจิมจากพระเจ้า แต่ขอให้ชัดเจนว่าเรานมัสการเฉพาะพระผู้เป็นเจ้า พระบิดาบนสวรรค์ของเราและพระบุตรของพระองค์ โดยผ่านคุณงามความดี พระเมตตา และพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ สักวันหนึ่งเราจะได้เข้าไปในที่ประทับของพระองค์อีกครั้ง2

เหตุใดเราจึงทำตามศาสดาพยากรณ์

แต่พระเยซูทรงสอนความจริงสำคัญเกี่ยวกับผู้รับใช้ที่พระองค์ทรงส่งมาให้เราด้วย พระองค์ตรัสว่า “ผู้​ที่​ต้อน‍รับ​ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​ก็​ต้อน‍รับ​เรา และ​ผู้​ที่​ต้อน‍รับ​เรา​ก็​ต้อน‍รับ​พระ‍องค์​ที่​ทรง​ใช้​เรา​มา”3

บทบาทที่สำคัญที่สุดของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าคือสอนเราถึงพระผู้ช่วยให้รอดและนำเราไปหาพระองค์

มีเหตุผลมากมายให้ทำตามประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน แม้แต่คนที่ไม่นับถือศาสนาเดียวกับเราก็ยังพูดว่าท่านปราดเปรื่อง ท่านเป็นแพทย์เมื่ออายุ 22 ปี ศัลยแพทย์หัวใจที่ได้รับยกย่อง และผู้บุกเบิกที่มีชื่อเสียงในการพัฒนาการผ่าตัดเปิดหัวใจ

คนส่วนใหญ่ยอมรับในปัญญาและวิจารณญาณของท่าน เก้าทศวรรษของการเรียนรู้ชีวิตและความตาย การดำเนินชีวิตโดยไม่คำนึงถึงตนเอง การรักและสอนบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าทั่วทุกมุมโลก และประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นจากการมีบุตร 10 คน หลาน 57 คนและเหลน 118 คน (จำนวนสุดท้ายนี้เปลี่ยนอยู่บ่อยๆ เหลนชายคนหนึ่งเพิ่งเกิดเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้)

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกับเหลนชายคนใหม่

คนที่รู้จักท่านดีจะพูดถึงประธานเนลสันว่าท่านประสบความยากลำบากของชีวิตด้วยศรัทธาและความกล้าหาญ เมื่อมะเร็งคร่าชีวิตเอมิลีบุตรสาววัย 37 ปีของท่าน ทิ้งสามีและลูกเล็กๆ ห้าคนไว้ ข้าพเจ้าได้ยินท่านพูดว่า “ผมเป็นพ่อ เป็นหมอ และเป็นอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แต่ผมต้องก้มศีรษะและยอมรับว่า ‘อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’”4

ยามบนหอสูง

ถึงแม้เราชื่นชมคุณสมบัติที่งดงามทั้งหมดนี้เหตุใดเราจึงทำตามประธานเนลสัน เหตุใดเราจึงทำตามศาสดาพยากรณ์ เพราะพระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเรียกท่านและแต่งตั้งท่านเป็นยามบนหอสูงของพระองค์

การ์กาซอง ฝรั่งเศส

การ์กาซองเป็นเมืองในฝรั่งเศส มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งอยู่ตั้งแต่ยุคกลางหอคอยสูงขึ้นมาจากปราการ สร้างไว้ให้ยามที่ยืนบนหอคอยนั้นทั้งกลางวันและกลางคืนคอยเฝ้าระวังศัตรูในระยะไกล เมื่อยามเห็นศัตรูใกล้เข้ามา เสียงเตือนของเขาป้องกันชาวเมืองการ์กาซองจากอันตรายใกล้ตัวที่พวกเขามองไม่เห็น

ศาสดาพยากรณ์เป็นยามบนหอสูง คอยป้องกันเราจากอันตรายทางวิญญาณที่เราอาจมองไม่เห็น

พระเจ้าตรัสกับเอเสเคียลว่า “เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นคนยามสำหรับพงศ์‍พันธุ์อิสรา‌เอล และเมื่อเจ้าได้‍ยินถ้อย‍คำจากปากเรา เจ้าจงเตือนพวก‍เขาแทนเรา.”5

บ่อยครั้งเราพูดว่าเราต้องทำตามศาสดาพยากรณ์ แต่ลองพิจารณาภาระอันหนักหน่วงนี้ที่พระเจ้าทรงวางบนศาสดาพยากรณ์ “เจ้าไม่‍ได้กล่าวเตือนคนอธรรม … [และ] คนอธรรมนั้น … ตายเนื่อง‍จากความผิด‍บาปของเขา …เราจะลง‍โทษเจ้าเรื่องโลหิตของเขา”6

พยานส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่กว่า

เราสนับสนุนประธานเนลสันเช่นที่เราจะสนับสนุนเปโตรหรือโมเสสถ้าเรามีชีวิตในสมัยนั้น พระผู้เป็นเจ้ารับสั่งกับโมเสสว่า “เราจะช่วยเจ้าให้พูด และจะสอนคำซึ่งควรจะพูด”7 เราฟังศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าด้วยศรัทธาว่าถ้อยคำของท่าน “มาจากปาก [ของพระองค์] เอง”8

นี่เป็นศรัทธาที่งมงายหรือ ไม่ใช่เลย เราแต่ละคนมีพยานทางวิญญาณยืนยันความจริงของการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ โดยความตั้งใจและการเลือกของเรา เช้าวันนี้เรายกมือเพื่อประกาศว่าเราปรารถนาจะสนับสนุนศาสดาพยาการณ์ของพระเจ้าโดย “ความไว้วางใจ, ศรัทธา, และการสวดอ้อนวอน”9 และทำตามคำแนะนำของท่าน เราเหล่าวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีเอกสิทธิ์ที่จะรับพยานส่วนตัวว่าการเรียกของประธานเนลสันมาจากพระผู้เป็นเจ้า แม้เคธีภรรยาข้าพเจ้าจะรู้จักประธานเนลสันเป็นส่วนตัวเกือบสามทศวรรษแล้วและไม่สงสัยเรื่องบทบาทของท่าน การวางมือมอบหน้าที่ให้ท่าน เธอเริ่มอ่านคำพูดการประชุมใหญ่สามัญทั้งหมดของท่านตลอด 34 ปีที่ผ่านมา สวดอ้อนวอนขอให้มีความมั่นใจลึกซึ้งขึ้นในบทบาทการเป็นศาสดาพยากรณ์ของท่าน ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าพยานยิ่งใหญ่กว่านี้จะมาสู่ท่านเมื่อท่านแสวงหาอย่างนอบน้อมและมีค่าควร

เหตุใดเราจึงเต็มใจเดินตามเสียงศาสดาพยากรณ์ของเรา สำหรับคนที่พากเพียรแสวงหาชีวิตนิรันดร์ เสียงของศาสดาพยากรณ์จะนำความปลอดภัยทางวิญญาณเข้ามาในช่วงเวลาที่วุ่นวายมาก

เรามีชีวิตอยู่บนโลกที่อึงอลด้วยเสียงนับล้าน อินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และความบันเทิงมากมายพยายามเรียกร้องความสนใจเราและยัดเยียดอิทธิพลให้เรา โดยหวังว่าเราจะซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขาและนำมาตรฐานของพวกเขามาใช้

ข้อมูลและความเห็นที่เรียงรายเข้ามาไม่จบสิ้นเตือนให้เรานึกถึงคำเตือนในพระคัมภีร์เรื่องการ “ถูกซัดไปซัดมา”10 “ถูกลมพัดซัดไปมา”11 และถูกข่มขวัญโดย “เล่ห์กล” ของคนเหล่านั้นที่คอย “ล่อลวง”12

การตรึงจิตวิญญาณเราไว้กับพระเจ้าพระเยซูคริสต์เรียกร้องให้ฟังคนที่พระองค์ทรงส่งมา การทำตามศาสดาพยากรณ์ในโลกที่วุ่นวายเปรียบเสมือนการห่มผ้าห่มหนานุ่มในวันที่อากาศหนาวจัด

เราอยู่ในโลกของเหตุผล การถกเถียง การโต้แย้ง ตรรกะ และคำอธิบาย การสงสัยว่า “ทำไม” ส่งผลดีในหลายๆ ด้านของชีวิตเรา ทำให้เราได้ใช้พลังปัญญานำทางการเลือกและการตัดสินใจมากมายที่เราประสบทุกวัน

แต่บ่อยครั้งสุรเสียงของพระเจ้ามาโดยไม่มีคำอธิบาย13 นานก่อนจะมีการศึกษาวิจัยผลกระทบที่ความไม่ซื่อสัตย์มีต่อคู่สมรสและบุตรที่วางใจ พระเจ้าตรัสว่า “ห้าม​ล่วง‍ประ‌เวณี​ผัว‍เมีย​เขา”14 มากกว่าการพึ่งพาสติปัญญาอย่างเดียว เราเห็นคุณค่าในของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

จงอย่าประหลาดใจ

โนอาห์กำลังสั่งสอน

เสียงของศาสดาพยากรณ์ขณะพูดอย่างอ่อนโยน บ่อยครั้งจะเป็นเสียงขอร้องให้เราเปลี่ยนแปลง กลับใจ และหันกลับมาหาพระเจ้า เมื่อต้องแก้ไข อย่ารอช้า และไม่ต้องตกใจเมื่อเสียงเตือนของศาสดาพยากรณ์ขัดกับความเห็นยอดนิยมของยุคสมัย ผู้ไม่เชื่อที่เดือดดาลโยนลูกไฟแห่งการเยาะเย้ยใส่ทันทีที่ศาสดาพยากรณ์เริ่มพูดเสมอ เมื่อท่านอ่อนน้อมถ่อมตนทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้า ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะได้พรเพิ่มเติมของความปลอดภัยและสันติ

แซมิวเอลชาวเลมันพยากรณ์

อย่าประหลาดใจถ้าบางครั้งความเห็นส่วนตัวของท่านไม่ตรงกับคำสอนของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าในตอนแรก นี่เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ ความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อเราคุกเข่าสวดอ้อนวอน เราเดินหน้าด้วยศรัทธา วางใจในพระผู้เป็นเจ้า โดยรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเราจะได้รับความชัดเจนทางวิญญาณมากขึ้นจากพระบิดาบนสวรรค์ ศาสดาพยากรณ์ท่านหนึ่งอธิบายว่าของประทานอันหาที่เปรียบมิได้ของพระผู้ช่วยให้รอดคือ “พระประสงค์ของพระบุตรกลืนเข้าไปในพระประสงค์ของพระบิดา”15 การยอมให้ความประสงค์ของเราเป็นไปตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่การยอมแพ้แต่เป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะอันรุ่งโรจน์

บางคนจะพยายามชำแหละถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ โดยพยายามที่จะทราบว่าอะไรคือเสียงของศาสดาพยากรณ์และอะไรคือความเห็นส่วนตัว

ในปี 1982 สองปีก่อนได้รับเรียกเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ บราเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยถามตัวเองว่า ‘ตอนไหนศาสดาพยากรณ์พูดในฐานะศาสดาพยากรณ์และตอนไหนไม่ใช่’ ความสนใจของข้าพเจ้าคือ ‘ข้าพเจ้าจะเป็นเหมือนท่านมากขึ้นได้อย่างไร’” และท่านเพิ่มเติมว่า “[ปรัชญา] ของข้าพเจ้าคือเลิกใส่เครื่องหมายคำถามหลังคำกล่าวของศาสดาพยากรณ์และใส่อัศเจรีย์แทน”16 นี่คือวิธีที่คนอ่อนน้อมถ่อมตนทางวิญญาณเลือกวางระเบียบชีวิตตน เวลานี้ 36 ปีให้หลัง ท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้า

เพิ่มพูนศรัทธาของท่านในพระผู้ช่วยให้รอด

ในชีวิตส่วนตัวของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพบว่าเมื่อข้าพเจ้าศึกษาถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าร่วมกับการสวดอ้อนวอน และด้วยความอดทน ค่อยๆ ทำให้ความประสงค์ของข้าพเจ้าสอดคล้องกับคำสอนที่ได้รับการดลใจของท่าน ศรัทธาของข้าพเจ้าในพระเจ้าพระเยซูคริสต์เพิ่มขึ้นเสมอ17 หากเราเลือกเมินเฉยคำแนะนำและคิดว่าเรารู้ดีกว่า ศรัทธาของเราจะซวนเซและเราจะมองไม่เห็นนิรันดร ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อท่านยังคงแน่วแน่ในการทำตามศาสดาพยากรณ์ ศรัทธาของท่านในพระผู้ช่วยให้รอดจะเพิ่มขึ้น

พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “ศาสดาพยากรณ์ทั้งหมด … เป็นพยานถึงเรา”18

ศาสดาพยากรณ์ไม่ได้ยืนระหว่างท่านกับพระผู้ช่วยให้รอด แต่ยืนข้างท่านและชี้ทางให้ท่านไปหาพระผู้ช่วยให้รอด หน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศาสดาพยากรณ์และของขวัญอันล้ำค่าที่สุดที่ท่านมอบให้เราคือพยานอันมั่นคงของท่าน ความรู้ที่แน่นอนของท่านว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ศาสดาพยากรณ์ของเราประกาศเช่นเดียวกับเปโตรว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”19

สักวันหนึ่งในอนาคต เมื่อเรามองย้อนมาที่ชีวิตมรรตัยของเรา เราจะดีใจที่ได้เดินอยู่บนแผ่นดินโลกในสมัยที่ศาสดาพยากรณ์มีชีวิตอยู่ ในวันนั้น ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าเราจะสามารถพูดได้ว่า

เราฟังท่าน

เราเชื่อท่าน

เราศึกษาถ้อยคำของท่านด้วยความอดทนและศรัทธา

เราสวดอ้อนวอนให้ท่าน

เรายืนเคียงข้างท่าน

เราอ่อนน้อมมากพอจะทำตามท่าน

เรารักท่าน

ข้าพเจ้ามอบคำพยานจากใจจริงให้ท่านว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา และประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันคือศาสดาพยากรณ์ที่ได้รับการเจิมของพระองค์บนแผ่นดินโลก ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. เยเรมีย์ 1:5.

  2. ดู 2 นีไฟ 2:8.

  3. มัทธิว 10:40.

  4. ความทรงจำส่วนบุคคล; ดู Spencer J. Condie, Russell M. Nelson: Father, Surgeon, Apostle (2003), 235, ด้วย.

  5. เอเสเคียล 33:7.

  6. เอเสเคียล 33:8.

  7. อพยพ 4:12.

  8. หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:5.

  9. หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:22.

  10. เอเฟซัส 4:14.

  11. ยากอบ 1:6.

  12. เอเฟซัส 4:14.

  13. ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์เคยกล่าวไว้ว่า

    “ในการสัมภาษณ์ปี 1988 … ข้าพเจ้าอธิบายทัศนคติที่มีต่อความพยายามให้เหตุผลแห่งความเป็นมรรตัยสำหรับการเปิดเผยจากสวรรค์

    “‘ถ้าคุณอ่านพระคัมภีร์โดยมีคำถามนี้ในใจ “เหตุใดพระเจ้าทรงบัญชาอย่างนี้หรือเหตุใดพระองค์ทรงบัญชาอย่างนั้น” คุณจะพบว่ามีเหตุผลให้ไม่ถึงหนึ่งในร้อยพระบัญชา การให้เหตุผลไม่ใช่แบบแผนของพระเจ้า เรา [มนุษย์] สามารถเสนอเหตุผลให้การเปิดเผยได้ เราสามารถเสนอเหตุผลให้พระบัญญัติได้ เมื่อเราทำเช่นนั้น เรากำลังพึ่งพาตัวเราเอง บางคนเสนอเหตุผลให้ [การเปิดเผย] … และกลับกลายเป็นว่าเหตุผลเหล่านั้นผิดมหันต์ มีบทเรียนในนั้น…ผมตัดสินใจมานานแล้วว่าผมมีศรัทธาในพระบัญชาและผมไม่มีศรัทธาในเหตุผลที่นำเสนอ’ …

    “‘… สำหรับผมดูเหมือนไม่จำเป็นต้องเสี่ยงรับเหตุผลทั้งหมด …ขอให้เราอย่าทำผิดพลาดเช่นที่เคยทำในอดีต … โดยพยายามเสนอเหตุผลให้การเปิดเผย เหตุผลเหล่านั้นกลับกลายเป็นว่ามนุษย์คิดค้นขึ้นเองเป็นส่วนใหญ่ การเปิดเผยคือสิ่งที่เราสนับสนุนว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและความปลอดภัยอยู่ที่นั่น’” (Life’s Lessons Learned [2011], 68–69).

  14. อพยพ 20:14.

  15. โมไซยาห์ 15:7.

  16. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ใน Lane Johnson, “Russell M. Nelson: A Study in Obedience,” Tambuli, Jan. 1983, 26.

  17. ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์กล่าวว่า “ความคิดที่ไม่ถูกต้องอีกอย่างหนึ่งคือการเชื่อว่าการเลือกที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์นั้นเหมือนเป็นเพียงการตัดสินใจว่าจะรับคำแนะนำที่ดีและรับผลประโยชน์หรืออยู่เฉยๆ ตรงที่เราอยู่เหมือนเดิม แต่การเลือกไม่รับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์เปลี่ยนจุดที่เรายืน จุดนั้นเป็นอันตรายมากขึ้น การไม่รับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์บั่นทอนพลังความสามารถในการรับคำแนะนำที่ได้รับการดลใจในอนาคต เวลาดีที่สุดในการตัดสินใจช่วยโนอาห์ต่อเรือคือครั้งแรกที่เขาขอให้ช่วย แต่ละครั้งที่เขาขอหลังจากนั้น การไม่ตอบรับแต่ละครั้งจะบั่นทอนความรู้สึกไวต่อพระวิญญาณ และด้วยเหตุนี้คำขอของเขาแต่ละครั้งจึงดูเหมือนโง่เขลายิ่งกว่าเดิมจนกระทั่งฝนมา แล้วก็สายเกินไป” (“Finding Safety in Counsel,” Ensign,May 1997, 25).

  18. 3 นีไฟ 20:24.

  19. มัทธิว 16:16; ดู ยอห์น 6:69 ด้วย.