ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน: รับการทรงนำ เตรียมพร้อม มุ่งมั่น
หลังจากซ่อมหัวใจหลายสิบปีในฐานะศัลยแพทย์หัวใจผู้มีชื่อเสียงและต่อจากนั้นสัมผัสใจผู้คนในฐานะอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันนำมือที่มั่นคงและความรักที่ไม่เสื่อมคลายมาสู่การปฏิบัติศาสนกิจในฐานะประธานศาสนจักร
เมื่อประธานศาสนจักรถึงแก่กรรม คนจำนวนมากหันมาสนใจขั้นตอนการเลือกผู้สืบทอด อันที่จริง ขั้นตอนที่พระเจ้าทรงแนะนำ เริ่มต้นมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันได้รับการเตรียมมาชั่วชีวิตสำหรับการเรียกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานยืนยันเหตุการณ์ส่วนใหญ่ของการเตรียมนั้น
การเตรียมประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันประจักษ์ชัดในประสบการณ์และความสำเร็จทั้งหมดของชีวิตท่าน ท่านมีชื่อเสียงในฐานะศัลยแพทย์หัวใจรุ่นบุกเบิก ท่านเป็นนักเขียนและนักพูดที่ฉลาดหลักแหลม สามารถสื่อสารได้หลายภาษา ท่านรู้จักและรักผู้คน และท่านเข้าใจผลของการตัดสินใจที่มีต่อชีวิตพวกเขา ท่านรู้จักและรักพระคัมภีร์และพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ ท่านเป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ผู้ทำการตัดสินใจฉับไวและเฉียบขาด
ประธานเนลสันรู้จักประธานศาสนจักรก่อนหน้านี้ 10 ใน 16 ท่านเป็นการส่วนตัวและได้รับความรู้จากท่านเหล่านั้นหลายคราว เวลานี้ ในฐานะประธานคนที่ 17 ท่านเริ่มปฏิบัติหน้าที่ประธานโดยรับรองกับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่าพระเยซูคริสต์จะทรงนำศาสนจักรของพระองค์ต่อไป
“พระเจ้าทรงสอนและทรงดลใจศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ตลอดมาและจะทรงทำเช่นนั้นตลอดไป” ท่านกล่าวระหว่างการแถลงข่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2018 “พระเจ้าทรงกุมหางเสือ เราผู้ได้รับแต่งตั้งให้กล่าวคำพยานถึงพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ทั่วโลกจะพยายามรู้พระประสงค์ของพระองค์และทำตามพระประสงค์นั้นต่อไป”1
ความห่วงใยที่ประธานเนลสันมีต่อความผาสุกนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเกิดจากการรับใช้ด้วยความจริงใจมาชั่วชีวิต ท่านสัมผัสใจคนมากมายในฐานะศัลยแพทย์มาแล้วฉันใด ท่านสัมผัสใจวิสุทธิชนทั่วโลกมาแล้วฉันนั้นด้วยคำสอนอันเปี่ยมด้วยพลัง การรับใช้ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และความรักไม่เสื่อมคลายของท่าน ตามที่ท่านกล่าวระหว่างการถ่ายทอดครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนมกราคมว่า ความรัก “เพิ่มพูนตลอดหลายทศวรรษที่พบท่าน นมัสการกับท่าน และรับใช้ท่าน”2
การเตรียมที่จำเป็น
คนส่วนใหญ่ทราบว่าอาชีพที่โดดเด่นของ ดร. เนลสันคือนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ และศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจมนุษย์รุ่นบุกเบิก ทั้งหมดนั้นและชีวิตครอบครัวที่เป็นแบบอย่างของท่านเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการเตรียมท่าน
รัสเซลล์ มาเรียน เนลสันเกิดวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1924 เป็นบุตรของมาเรียน ซี.และเอดนา แอนเดอร์สัน เนลสัน บิดามารดาของรัสเซลล์เป็นสมาชิกที่แข็งขันน้อยของศาสนจักรตลอดวัยเด็กของท่าน แต่ทั้งสองรักบุตรธิดามากและส่งพวกเขาไปโรงเรียนวันอาทิตย์เป็นครั้งคราว ตอนแรกเด็กชายรัสเซลล์ไม่สนใจศาสนจักร ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ มากกว่า แต่เมื่อท่านอายุ 16 ปี ใจท่านเริ่มขานรับความจริงของพระกิตติคุณและท่านรับบัพติศมาพร้อมพี่ๆ น้องๆ ของท่าน หลายปีต่อมา เพราะแบบอย่างและการชักชวนของลูกๆ บิดามารดาท่านจึงกลับมาแข็งขันอีกครั้ง
เด็กหนุ่มรัสเซลล์ขานรับโอกาสด้านการศึกษาเช่นกัน ท่านถึงขั้นตระหนักเช่นที่ท่านจะสอนในเวลาต่อมาว่าการศึกษาหาความรู้เป็นความรับผิดชอบทางศาสนาท่านเรียนจบมัธยมปลายเมื่ออายุ 16 ปี และท่านสมัครเรียนมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ในช่วงที่การปะทะกันทั่วโลกของสงครามโลกครั้งที่สองทำให้ท่านไม่ได้รับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลา
ขณะรัสเซลล์เรียนปริญญาตรี พรสวรรค์ด้านดนตรีชักนำท่านให้ร่วมแสดงละครเพลงที่มหาวิทยาลัย แดนท์เซล ไวท์นักร้องนำเสียงโซปราโนดึงดูดความสนใจของท่าน พวกท่านแต่งงานกันหลังจากรัสเซลล์ได้รับปริญญาตรีในปี 1945 ท่านสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์เมื่ออายุ 22 ปี ด้วยเกียรตินิยมแพทยศาสตรมหาบัณฑิต ท่านไปฝึกทำงานวิจัยต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตา ที่นั่นท่านเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมบุกเบิกพัฒนาการผ่าตัดเปิดหัวใจ ต่อมาท่านเป็นแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยศาสตร์ในมินนิโซตาและที่โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
ในช่วงที่ ดร. เนลสันกำลังศึกษาและขยายครอบครัว กองทัพเรียกท่านเข้าประจำการในช่วงสงครามเกาหลีเพราะกองทัพต้องการแพทย์อย่างมาก เนื่องจากท่านฝึกผ่าตัด ท่านจึงถูกส่งไปวอชิงตัน ดี.ซี. ที่นั่นท่านตั้งหน่วยวิจัยการผ่าตัดที่ Walter Reed National Military Medical Center (ศูนย์แพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด) คริสต์ศักราช 1953 ภารกิจทางทหารเสร็จสิ้น ท่านใช้เวลาหนึ่งปีทำงานให้ศูนย์สุขภาพฮาร์วาร์ดที่โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ในบอสตัน หลังจากนั้นท่านจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตาในปี 1954
แม้งานอาชีพและการฝึกอบรมทางการแพทย์จะทำให้ดร.เนลสันแทบไม่มีเวลาว่าง แต่ ท่านให้ครอบครัวของท่านมาเป็นอันดับแรกในชีวิต แดนท์เซล ไวท์ เนลสันยืนเคียงข้างและสนับสนุนสามีเธอในกิจกรรมทั้งหมดของครอบครัว ศาสนจักร อาชีพ และการทหารของท่าน ความสัมพันธ์ที่มาจากความรักและการสนับสนุนกันตลอดเวลาเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างสม่ำเสมอต่อบุตรทั้ง 10 คนของพวกท่าน—บุตรสาวเก้าคนและบุตรชายหนึ่งคน ความสัมพันธ์ของพวกท่าน “หวานซึ้งและสละให้กันมาก” ซิลเวียร์ เว็บสเตอร์ บุตรสาวกล่าว รัสเซลล์ เนลสัน จูเนียร์บุตรชายคนเล็กจำได้ว่า “พวกเราเห็นมาตลอดว่าพ่อแม่รักกันมาก”3
แดนท์เซล เนลสันสิ้นชีวิตอย่างไม่คาดฝันหลังวันครบรอบแต่งงาน 60 ปีไม่นาน หลังจากอยู่คนเดียวมาระยะหนึ่ง เอ็ลเดอร์เนลสันจึงแต่งงานกับเวนดี วัตสันสตรีที่ไม่เคยแต่งงานมาก่อน ปริญญาเอก ตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ และความรักที่เธอมีให้ครอบครัวใหญ่ของเนลสันทำให้เธอเป็นคู่ที่เหมาะสมกับเอ็ลเดอร์และประธานเนลสัน
“ดิฉันแน่ใจว่าการเดินเข้ามาในครอบครัวที่มีคน 200 กว่าคนและรู้สึกเหมือนคุณเป็นเพื่อนสนิทของพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย” ซิลเวียบุตรสาวกล่าว “เวนดีพยายามและเธอทำได้ดีเยี่ยม”4 รัสเซลล์ จูเนียร์เสริมว่า “เวนดีเป็นคู่ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับคุณพ่อ … ผมเห็นได้ว่าท่านได้รับการเตรียมมาตลอดหลายปีสำหรับตำแหน่งนี้และการเรียกนี้ ส่วนสำคัญของการเตรียมนั้นคือท่านมีเวนดีอยู่ในชีวิตท่าน”5
ขณะที่เขียนบทความนี้ ครอบครัวเนลสันมีบุตรธิดา 10 คน หลาน 57 คน และเหลน 116 คน และอีก 2 คนกำลังตามมา ทุกคนจะมารวมกันที่บ้านหลังใดหลังหนึ่งทุกเดือนเพื่อฉลองวันครบรอบและวันคล้ายวันเกิด
“อาณาจักรทั้งปวงมีกฎให้ไว้”
เมื่อรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอยู่ในโรงเรียนแพทย์ ท่านเรียนมาว่าไม่ควรมีแพทย์คนใดแตะต้องหัวใจมนุษย์ เพราะทันทีที่แตะต้อง หัวใจจะหยุดเต้น ทว่าไม่กี่ปีหลังจากนั้น ดร. เนลสันกับเพื่อนนักวิจัยรายงานผลสำเร็จของการใช้ปอดและหัวใจเทียมครั้งแรกกับสุนัข ปอดและหัวใจเทียมควบคุมการไหลเวียนโลหิตของผู้ป่วย จึงทำการผ่าตัดหัวใจที่หยุดเต้นได้ การค้นพบครั้งใหญ่นี้โดย ดร. เนลสันกับเพื่อนร่วมวิชาชีพขยายมาถึงมนุษย์หลังจากนั้นไม่นานและเวลานี้นำไปสู่การผ่าตัดเปิดหัวใจกว่า 1.5 ล้านรายทั่วโลกทุกปี
การดลใจที่นำไปสู่การค้นพบครั้งนี้มาถึง ดร. เนลสันขณะท่านกำลังไตร่ตรองข้อต่อไปนี้ในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา:
“อาณาจักรทั้งปวงมีกฎให้ไว้ …
“และแก่ทุกอาณาจักรมีกฎให้ไว้; และแก่ทุกกฎมีขอบเขตบางประการด้วยและเงื่อนไข” (คพ. 88:36, 38)6
ดร. เนลสันให้เหตุผลว่าถ้าตัวท่านทำงาน ศึกษา และถามคำถามที่ถูกต้อง ท่านกับทีมของท่านก็จะเรียนรู้ว่ากฎใดควบคุมการเต้นของหัวใจ “การทำความเข้าใจพระคัมภีร์และการ ‘เปรียบ’ พระคัมภีร์กับความสนใจด้านนี้” ท่านกล่าว “ส่งผลให้การผ่าตัดหัวใจซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่เรารู้จักในทุกวันนี้ง่ายขึ้นสำหรับข้าพเจ้า”7
ตลอดชีวิตของประธานเนลสัน ความสามารถในการประยุกต์ใช้หลักธรรมพระกิตติคุณเป็นพรแก่ท่าน ครอบครัวท่าน ศาสนจักร และชาวโลก ทั้งยังเป็นจุดสำคัญในการเตรียมท่านให้พร้อมรับการเรียกเป็นอัครสาวกและเป็นประธานศาสนจักรในปัจจุบันด้วย
ในงานอาชีพของ ดร. เนลสัน ท่านมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในฐานะศัลยแพทย์และนักวิจัยทางการแพทย์ คริสต์ศักราช 1955 ท่านยอมรับตำแหน่งกิตติเมธีสาขาศัลยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ ที่นั่นท่านสร้างปอดหัวใจเทียมที่ท่านใช้ทำการผ่าตัดเปิดหัวใจครั้งแรกในยูทาห์—การผ่าตัดครั้งแรกทางตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี ท่านบรรยายและเขียนตำราแพทย์มากมายหลายบทรวมทั้งเอกสารวิชาการกว่า 70 ชิ้นในสิ่งพิมพ์อื่นๆ ก่อนการเรียกเป็นอัครสาวก ท่านทำการผ่าตัดเกือบ 7,000 ครั้ง8
นอกจากทักษะด้านการแพทย์แล้ว ดร. เนลสันยังเป็นครูที่สร้างบันดาลใจและผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพด้วย คุณสมบัตินี้ทำให้ท่านมีค่าล้นเหลือในวงการแพทย์และต่อมาทำให้ท่านโดดเด่นในการเรียกต่างๆ ของศาสนจักร
“หน้าที่แพทย์ในเบื้องต้นคือสอน” ดร. เนลสันกล่าว ท่านเสริมว่า “แพทย์ปฏิบัติหน้าที่ระดับสูงสุดจริงๆ เมื่อแพทย์สอนผู้ป่วยว่าอะไรผิดปกติและจะทำอะไรกับความผิดปกตินั้นได้บ้าง”9
ดร. เนลสันแสดงให้เห็นว่าท่านเต็มใจและชื่นชอบการสอนและการศึกษา โดยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อสาธิตและสอนหัตถการทางการแพทย์ เพื่อช่วยท่านในการสอน ท่านศึกษาหลายภาษา ได้แก่ภาษาฝรั่งเศส โปรตุเกส เยอรมัน รัสเซีย และสเปน ทั้งนี้เพื่อท่านจะสามารถสื่อสารและสอนแพทย์ตลอดจนนักวิจัยในประเทศอื่นๆ ได้ดีขึ้น หลังจากเข้าร่วมการประชุมซึ่งประธาน สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (1895–1985) แนะนำผู้เข้าร่วมประชุมให้เรียนภาษาจีน ดร. เนลสันกับแดนท์เซลภรรยาเริ่มศึกษาภาษาจีนกลางทันที ความคล่องแคล่วของท่านในภาษาดังกล่าวทำให้ท่านได้ทำงานใกล้ชิดกับประชาคมแพทย์ในจีน ที่ท่านไปบรรยายและทำการผ่าตัดช่วยชีวิตวีรบุรุษประจำชาติคนหนึ่งของประเทศจีน10
การแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าก่อน
สิ่งที่น่าประทับใจพอๆ กับความสำเร็จด้านการแพทย์ของประธานเนลสันคือท่านให้ความสำคัญกับพระเจ้าและงานของพระองค์เสมอ สมาชิกส่วนใหญ่ของศาสนจักรไม่ทราบว่าท่านรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาที่เทมเปิลสแควร์ตั้งแต่ปี 1955 ถึงปี 1965 คอยดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 16:00 ถึง 17:00 นาฬิกาทุกวันพฤหัสบดี นี่เป็นช่วงที่มีงานยุ่งที่สุดช่วงหนึ่งของศัลยแพทย์อย่างท่าน ท่านเขียนในเวลาต่อมาว่า “ในปี 1964 เราเพิ่งเริ่มทดลองเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติค อัตราตายสูงและเวลาที่ต้องทุ่มเทให้ผู้ป่วยแต่ละรายสูงมาก—รายหนึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง บางครั้งหลายวัน”11
สำหรับสมาชิกศาสนจักรหลายคน ความเป็นจริงดังกล่าวคงจะทำให้พวกเขาไม่สามารถทำการเรียกที่ต้องใช้เวลามากได้อีก แต่สำหรับ ดร. เนลสันแล้วไม่ใช่ คริสต์ศักราช 1964 หลังจากท่านและคนอื่นๆ ได้รับการสัมภาษณ์ในฐานะผู้มีแนวโน้มจะได้เป็นประธานสเตค เอ็ลเดอร์สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ในขณะนั้น พร้อมผู้ติดตามคือเอ็ลเดอร์เลอร์แกรนด์ ริชาร์ดส์ (1886–1983) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองบอกท่านว่า “เรารู้สึกว่าพระเจ้าทรงต้องการให้คุณเป็นประธานดูแลสเตคนี้ ระหว่างการสัมภาษณ์ของเราหลายครั้ง ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อคุณเรามักจะพูดแบบนี้ ‘โอ เขาคงไม่ไหว’ หรือ ‘เขาไม่มีเวลา’ หรือทั้งสองอย่าง กระนั้นก็ตาม เรารู้สึกว่าพระเจ้าทรงต้องการคุณ เวลานี้ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณมีงานยุ่งมากและไม่ควรยอมรับการเรียก คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธ’ …
“ข้าพเจ้าตอบเพียงว่าการตัดสินใจนั้นทำไปแล้วเมื่อ 31 สิงหาคม ปี 1945 วันที่ข้าพเจ้ากับซิสเตอร์เนลสันแต่งงานในพระวิหาร เราให้คำมั่นในขณะนั้นว่าจะ ‘แสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน’ เรารู้สึกมั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ตามที่พระองค์ทรงสัญญา (ดู มัทธิว 6:33)”12
การที่ดร.เนลสันยอมรับการเรียกนั้นแสดงให้เห็นสิ่งที่เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเรียกเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ความอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนเด็กและความเรียบง่ายของศรัทธาของรัสเซลล์ เนลสัน … ท่านอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านเหมือนเด็ก ทุกระดับและในความสัมพันธ์อื่นทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยเห็นท่านมีต่อเพื่อนมนุษย์”13
เอ็ลเดอร์คิมบัลล์ให้พร ดร. เนลสัน โดยสัญญาว่าอัตราตายอันเนื่องจากการผ่าตัดลิ้นหัวใจเอออร์ติคจะลดต่ำลงและขั้นตอนการผ่าตัดจะไม่ใช้เวลาและพลังงานของท่านมากเหมือนเดิม
“ปีต่อมา เวลาที่ต้องผ่าตัด ลดลง และข้าพเจ้ามีเวลาที่จำเป็นต่อการรับใช้ในการเรียกนั้นและการเรียกอื่นๆ” ดร. เนลสันกล่าว “อันที่จริง อัตราตายของเราลด … ต่ำลงมากและอยู่ในวิสัยที่ยอมรับได้และดีพอสมควร น่าสนใจพอกันตรงที่ นั่นเป็นการผ่าตัดที่ข้าพเจ้าทำให้ประธานคิมบัลล์ในอีกแปดปีต่อมา”14
ข้อเรียกร้องในเรื่องงานอาชีพและการเรียกต่างๆ ของศาสนจักรทำให้ ดร. เนลสันมีเวลาว่างอยู่ที่บ้านจำกัดมาก แต่ท่านทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ความสำคัญกับภรรยาและบุตร 10 คน เมื่อใดก็ตามที่ท่านอยู่บ้าน ท่านจะให้เวลาเต็มที่กับครอบครัว ระหว่างการเดินทางหลายครั้งทั่วโลก บ่อยครั้งท่านจะพาภรรยาหรือลูกคนใดคนหนึ่งไปด้วย แม้แดนท์เซลจะดูแลลูกอย่างดีเยี่ยมเมื่อท่านไม่อยู่ แต่เธอตื้นตันใจที่ท่านทุ่มเทให้ลูกๆ เมื่อท่านมีเวลาพักจากงานอาชีพและการเรียกที่ทำให้ท่านมีงานรัดตัว “เมื่อท่านอยู่บ้าน ท่านอยู่บ้าน!” เธอเคยบอกประธานฮาโรลด์ บี. ลี (1899–1973) ผู้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองเวลานั้น15 ประธานลีจะย้ำบรรทัดนี้บ่อยครั้งเมื่อแนะนำผู้นำฐานะปุโรหิตที่มีงานยุ่งให้สนใจครอบครัวของพวกเขา
การทำตามศาสดาพยากรณ์
ข้าพเจ้าเป็นผู้รับรู้และมีส่วนอยู่บ้างในเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในงานอาชีพของ ดร. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกับแดนท์เซลภรรยาท่าน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อข้าพเจ้าพบกับครอบครัวเนลสันครั้งแรกในปี 1965 เมื่อ 52 ปีก่อน ในอัตชีวประวัติของ ดร. เนลสัน ท่านบอกว่ามีคนเสนอตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านศัลยศาสตร์และตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกที่มหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกให้ท่าน ท่านเขียนว่า ข้อเสนอนี้ “ทำให้ข้าพเจ้ามีแหล่งสนับสนุนเงินทุน ห้องปฏิบัติการวิจัย และคณะทำงานที่จะสานฝันของนักวิชาการทั้งหลายให้เป็นจริง เหตุจูงใจอีกประการหนึ่งคือข้อเสนอครอบคลุมถึงวิทยาลัยสี่ปีสำหรับบุตรทั้งเก้าคนของเรา ณ สถาบันการศึกษาที่พวกเขาเลือก โดยมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด” คณบดีบอก ดร. เนลสันว่า “เหตุผลหนึ่งที่เราต้องการคุณคือเรารู้ว่าคุณเป็นมอรมอนที่ดี เราต้องการให้คุณอยู่ในคณะของเรา เราต้องการคุณที่นี่เพื่อให้คุณนำอิทธิพลมาสู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่าที่มอรมอนคนหนึ่งจะนำมาได้”16
ส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อให้ได้ตัวแพทย์ที่โดดเด่นคนนี้คือคณบดีโทรศัพท์มาขอให้ข้าพเจ้าช่วยโน้มน้าวครอบครัวเนลสันให้ย้ายมาชิคาโก ตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกและรู้จักคณบดีคณะแพทยศาสตร์เพราะเรารับใช้ด้วยกันในสภาบริหารคณะของมหาวิทยาลัย คณบดีขอให้ข้าพเจ้าเชิญครอบครัวเนลสันมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเรา เขารบเร้าให้ข้าพเจ้าบอกครอบครัวเนลสันทุกอย่างเกี่ยวกับศาสนจักรในชิคาโกเพราะเขารู้ว่านี่เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งที่พวกท่านจะรับพิจารณา
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้ากับจูนภรรยาผู้ล่วงลับจึงพบกับแดนท์เซลและรัสเซลล์ เนลสัน รับประทานอาหารเย็นกับพวกท่าน และสนทนากันในบ้านชิคาโกของเราเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1965 เราทำสุดความสามารถเพื่อโน้มน้าวให้พวกท่านย้ายมาชิคาโก ข้าพเจ้ามาทราบภายหลังจากอัตชีวประวัติของท่านว่า พวกท่าน “สนใจข้อเสนอนี้มากและถึงกับเลือกบ้านหลังหนึ่งแถบชานเมืองชิคาโกซึ่ง [พวกท่าน] จะเลี้ยงดูครอบครัวที่นั่นได้”17
เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการดลใจของพระเจ้าชี้นำการตัดสินใจและการเตรียมของรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ย้อนกลับไปในซอลท์เลคซิตี้ ท่านขอคำแนะนำจากประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ (1873–1970) เพื่อนำทางครอบครัวเนลสันในการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ท่านศาสดาพยากรณ์สวดอ้อนวอนและคำตอบคือ “ไม่”
ประธานแมคเคย์กล่าวว่า “คุณอยู่ในเมืองที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว คุณมีวิถีชีวิตที่ทุกแห่งในโลกไม่สามารถเทียบได้ ที่นี่ลูกสาวคุณจะมีสภาพแวดล้อมดีที่สุดเท่าที่จะมีให้พวกเธอได้ พวกเธอสำคัญต่อคุณมากกว่าชื่อเสียงหรืออนาคตที่จะมาถึงคุณในมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ บราเดอร์เนลสัน ที่ของคุณคือที่นี่ในซอลท์เลคซิตี้ ผู้คนจากทั่วโลกจะมาหาคุณเพราะคุณอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าคุณไม่ควรไปชิคาโก”18
ดร. เนลสันปฏิเสธข้อเสนอจากชิคาโกด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมและอยู่ในซอลท์เลคซิตี้เหมือนเดิม ที่นั่น ในปีต่อๆ มา ท่านทำการผ่าตัดเปิดหัวใจและยืดชีวิตผู้ป่วยจำนวนมาก รวมทั้งประธานคิมบัลล์ เอ็ลเดอร์ริชาร์ด แอล. อีวานส์ (1906-1971) ประธาน บอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) และผู้นำศาสนจักรอีกหลายท่าน ตลอดจนสมาชิกและครอบครัวของพวกเขา
สำหรับจูนและข้าพเจ้า การพบกันที่ชิคาโกคราวนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ยืนยาวและล้ำค่ากับรัสเซลล์และแดนท์เซล เนลสัน หกปีต่อมาท่านได้รับการปลดจากการเป็นประธานสเตคและได้รับเรียกเป็นประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สามัญ ในปีเดียวกันนั้น ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ เรารับใช้ด้วยกันหลายปีในโควรัมอัครสาวกสิบสอง และเวลานี้เราจะรับใช้ด้วยกันในฝ่ายประธานสูงสุดด้วยมิตรภาพที่เริ่มต้นในชิคาโกระหว่างนักวิชาการสองคนกับภรรยาของพวกเขาเมื่อ 52 ปีก่อน
การเปลี่ยนหัวใจ
วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1984 ดร. เนลสันได้รับแต่งตั้งเป็นอัครสาวกและได้รับการวางมือมอบหน้าที่เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง “ในช่วงเวลาสั้นๆ” ท่านกล่าว “จุดโฟกัสของสี่สิบปีที่ผ่านมาในแพทยศาสตร์และศัลยศาสตร์ถูกเปลี่ยนเป็นทุ่มเทชีวิตที่เหลือให้แก่การรับใช้พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของข้าพเจ้าเต็มเวลา”19
เมื่อรับการเรียกเป็นอัครสาวก เอ็ลเดอร์เนลสันประกาศว่า “งานที่ข้าพเจ้ามีส่วนในเวลานี้เป็นอุดมการณ์สำคัญที่สุดในโลก งานนี้ครอบคลุมทั้งหมด มีสัมฤทธิผล และท้าทาย ข้าพเจ้าต้องทำสุดความสามารถ เพราะข้าพเจ้ามีภาระรับผิดชอบต่อการเป็นผู้พิทักษ์ดังกล่าว”20
ตั้งแต่เป็นอัครสาวก และเป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองนับตั้งแต่ปี 2015 ประธานเนลสันยังคงเดินทางไปทั่วโลก—แบ่งปันถ้อยคำแห่งชีวิตนิรันดร์และ เปลี่ยน หัวใจ งานมอบหมายอันดับแรกอย่างหนึ่งของท่านคือเปิดประตูให้ประเทศแถบยุโรปตะวันออกรับพระกิตติคุณ “ใน … ห้าปี ข้าพเจ้าเดินทาง 27 ครั้งไป 31 ประเทศในยุโรป” ประธานเนลสันกล่าว “ก่อนประธาน [เอสรา แทฟท์] เบ็นสันถึงแก่กรรม … ข้าพเจ้าสามารถรายงานท่านได้ว่าเราทำงานมอบหมายของเราเสร็จสิ้น เวลานี้เราได้สถาปนาศาสนจักรแถบยุโรปตะวันออกครบทุกประเทศแล้ว”21
ประธานเนลสันอุทิศ 27 ประเทศเพื่อการสั่งสอนพระกิตติคุณเช่นกัน รวมถึงประเทศ บัลแกเรีย โครเอเชีย เอลซัลวาดอร์ เอธิโอเปีย เฟรนซ์โปลินีเซีย คาซัคสถาน และรัสเซีย ครั้งหนึ่ง ในช่วงสี่วัน ท่านอุทิศหกประเทศ22 ในการปฏิบัติศาสนกิจขณะเป็นอัครสาวกท่านไปเยือนมาแล้ว 133 ประเทศ23
ในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันรับใช้นานหลายปีในฐานะประธานของสภาหลักสามสภา ได้แก่ สภาผู้สอนศาสนา สภาพระวิหารและประวัติครอบครัว และสภาบริหารฐานะปุโรหิต (ปัจจุบันคือสภาบริหารฐานะปุโรหิตและครอบครัว)
ศาสนจักรประสบการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ หลายด้านในช่วงที่เอ็ลเดอร์เนลสันอยู่ในโควรัมอัครสาวกสิบสองซึ่งท่านรับใช้ภายใต้ประธานศาสนจักรห้าท่าน ตั้งแต่ปี 1984 ศาสนจักรมีจำนวนสมาชิกเพิ่มมากกว่าสองเท่า จาก 6 ล้านคนโดยประมาณ เพิ่มเป็น 16 ล้านกว่าคน โควรัมอัครสาวกสิบสองและฝ่ายประธานสูงสุดออกถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการสองฉบับคือ “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ในปี 1995 และ “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์” ในปี 2000 จำนวนพระวิหารที่เปิดดำเนินการเพิ่มจาก 30 แห่งในปี 1984 เป็น 159 แห่งในปี 2017 ในปี 2010 เมื่อเอ็ลเดอร์เนลสันได้รับเรียกเป็นประธานสภาบริหารผู้สอนศาสนา ศาสนจักรมีผู้สอนศาสนา 58,000 คน เวลานี้ หลังจากเพิ่มขึ้นมากเมื่อลดอายุการรับใช้ จำนวนคงที่มีอยู่ประมาณ 67,000 คน
คุณสมบัติส่วนตัว
เรื่องส่วนใหญ่ที่เราเพิ่งพิจารณาเกี่ยวกับนายแพทย์ เอ็ลเดอร์ และประธานเนลสันในปัจจุบันเป็นเรื่องที่สาธารณชนทราบดี ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมบางอย่างของท่านซึ่งข้าพเจ้าสังเกตมาหลายปี
หนึ่ง รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นคนนิสัยดีมาก เป็นเพื่อนและผู้ร่วมงานที่ดี ท่านเมตตาและเห็นอกเห็นใจเสมอในความสัมพันธ์ส่วนตัวทั้งหมดของท่าน ท่านเป็นต้นแบบที่ยอดเยี่ยม ขยันและเอาใจใส่หน้าที่รับผิดชอบของท่าน—ครอบครัว ศาสนจักร และงานอาชีพ ท่านเป็นคนสนุกสนานร่าเริง
ในรูปแบบการเป็นผู้นำของท่าน ท่านเป็นกันเองเสมอและเข้าถึงง่าย นั่นเป็นคุณสมบัติอันพึงประสงค์มากที่สุดในผู้นำอาวุโส เราไม่ลังเลที่จะหยิบยกประเด็นใดประเด็นหนึ่งมาพูดกับท่านหรือรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นเป็นการรบกวนท่าน เราไม่เคยกลัวเมื่อต้องคุยกับท่านเรื่องใดก็ตาม ประธานเนลสันเปิดกว้างมาก เข้าถึงได้ง่ายมาก คุยด้วยแล้วสบายใจ
เมื่อต้องตัดสินใจประธานเนลสันจะคำนึงถึงผลกระทบโดยรวม ท่านเก่งเรื่องคิดทบทวนผลของการตัดสินใจหรือนโยบายหรือการประยุกต์ใช้หลักคำสอนที่อาจเกิดขึ้นได้กับสมาชิกหลายกลุ่ม—ผู้สูงวัย เยาวชนคนหนุ่มสาว สมาชิกที่แข็งขันน้อย ผู้นำศาสนจักร และคนอื่นๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นคุณสมบัติดังกล่าวในผู้นำคนอื่นๆ แต่ความเข้าใจของประธานเนลสันในเรื่องนี้ดีเป็นพิเศษ บางทีอาจเป็นผลจากประสบการณ์ของท่านในฐานะแพทย์ผู้ไม่สามารถสั่งยารักษาอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายได้โดยไม่พิจารณาผลกระทบของยานั้นต่ออวัยวะอื่น
ประธานเนลสันมอบหมายงานเก่งมาก เก่งกว่าผู้นำส่วนใหญ่ที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นในงานอาชีพและในศาสนจักร คุณสมบัตินั้นน่าจะเกี่ยวข้องเช่นกันกับงานของศัลยแพทย์ผู้ทำงานที่ไม่เหมือนใครหลังจาก (และก่อน) คนอื่นทำงานของพวกเขา
คุณสมบัติสำคัญอีกประการหนึ่งของประธานเนลสันคือความอดทนของท่าน ท่านหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเมื่อกำลังแก้ปัญหาหรือทำงานให้แล้วเสร็จ ท่านหลีกเลี่ยงการใช้วิธี “เราต้องจัดการเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้” อย่างชาญฉลาดเพื่อให้มีเวลาดูสักนิดว่าสถานการณ์คลี่คลายเองได้หรือไม่ คุณสมบัติดังกล่าวจะสำคัญมากในการเป็นผู้นำของท่าน เฉกเช่นที่สำคัญมากในช่วงสองปีครึ่งที่ท่านรับใช้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง
หลังจากยกย่องความอดทนของประธานเนลสันแล้วข้าพเจ้าต้องยกย่องคุณสมบัติอีกด้านหนึ่งของท่านเช่นกัน ท่านไม่ลังเลเมื่อต้องตัดสินใจ เมื่อสมควรแก่เวลาและประเด็นปัญหาพร้อมตัดสินใจ ท่านจะตัดสินฉับไวและเฉียบขาด ท่านเข้าใจดีว่าเมื่อใดต้องใช้ความอดทนและสนทนาเรื่องนั้นมากขึ้น และเมื่อใดเราควรเลือกสักหนึ่งอย่างและดำเนินงานของพระเจ้าต่อไป คนที่ท่านนำล้วนรักคุณสมบัตินั้น
ประธานเนลสันเป็นผู้สร้างความสามัคคีเช่นกัน ท่านทำให้ทัศนะที่ต่างกันประสานกลมกลืนกันและทำให้คนที่คิดต่างกันเป็นหนึ่งเดียวกัน นับเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้นำของเหล่าสมาชิกผู้ยึดมั่นหลักคำสอนเดียวกันแต่มาจากขนบธรรมเนียมประเพณีต่างกัน
รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันมีของประทานด้านการทูตที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นในตัวท่าน ท่านใช้ของประทานเหล่านั้นในวิชาชีพ แม้แต่ในประเทศจีน นับตั้งแต่การเรียกเป็นอัครสาวกสิบสอง ท่านได้เปิดประตูให้ศาสนจักรเข้าไปในยุโรปตะวันออกในสภาวการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนั้นท่านยังได้ไปเยือนประเทศต่างๆ 133 ประเทศในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วย นับเป็นการเตรียมที่ไม่ธรรมดาสำหรับตำแหน่งอันสำคัญยิ่งซึ่งท่านได้รับเรียกในปัจจุบัน!
คุณสมบัติสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งของประธานเนลสัน—ที่บางคนแปลกใจ—คือทักษะการเป็นนักเขียนของท่าน การสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษรของท่านเป็นแบบฉบับของความชัดเจน และการตรวจแก้งานเขียนให้ผู้อื่นมักจะเป็นประโยชน์เสมอ สมาชิกอัครสาวกสิบสองแลกกันอ่านร่างเนื้อหาคำปราศรัยครั้งสำคัญๆ และต่างก็ให้คำแนะนำแก่กันเพื่อปรับปรุงแก้ไขคำพูดให้ดีขึ้น ในขั้นตอนนั้น ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าไม่มีใครแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไขคำพูดของข้าพเจ้าได้ดีไปกว่าประธานเนลสัน คนที่ทำงานกับตัวหนังสือเป็นอาชีพอย่างข้าพเจ้าประหลาดใจกับการตรวจแก้อย่างฉลาดหลักแหลมของคนที่ทำงานกับร่างกายเป็นอาชีพ ข้าพเจ้าเบาใจที่ทราบว่างานเขียนอันน่ายกย่องของท่านเป็นผลจากความขยันหมั่นเพียร ครั้งหนึ่ง ระหว่างตรวจแก้ต้นฉบับของท่านตามที่ท่านขอ ข้าพเจ้าเห็นว่านั่นเป็นร่างฉบับที่แปดของท่าน ถ้าข้าพเจ้าทราบประวัติอันเหลือเชื่อของ ดร. เนลสันว่าท่านเคยเขียนบทความวิชาชีพมาก่อน ข้าพเจ้าคงไม่แปลกใจที่ไม่มีนักเขียนคนใดในโควรัมอัครสาวกสิบสองเก่งกว่าท่าน
คนส่วนใหญ่สนใจอายุของประธานคนใหม่ของเรา—93 ปี! พวกเราที่ทำงานใกล้ชิดกับท่านเป็นห่วงเพียงเรื่องเดียวคือเราต้องพยายามตามท่านให้ทัน ท่านกระฉับกระเฉงอย่างน่าทึ่งทั้งร่างกายและจิตใจ ความจำของท่านน่าทึ่งมาก ท่านเล่นสกีบ่อยๆ และพักระหว่างเล่นน้อยมาก ท่านยังคงใช้เครื่องเป่าหิมะของท่านเป่าหิมะทั้งบนทางรถของบ้านท่านและของเพื่อนบ้าน24 ข้าพเจ้าประสบพลังงานอันไร้ขีดจำกัดของท่านทุกวันพฤหัสบดี เมื่อเราประชุมในพระวิหารซอลท์เลคเสร็จ บางคนใช้ลิฟต์ลงไปชั้นล่าง บ้างก็เดินลงบันไดหลายขั้นจากห้องชั้นบนของเรา ประธานเนลสันจะรีบลงบันไดเสมอ ข้าพเจ้าจะพยายามตามท่านให้ทันแต่ไม่ทัน
มุ่งมั่นทำตามพระผู้ช่วยให้รอด
ประธานเนลสันกล่าวไว้ว่า “การรับใช้ในแต่ละวันของอัครสาวกเป็นวันแห่งการเรียนรู้และการเตรียมรับหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นในอนาคต.”25 สำหรับท่าน เวลาของการเตรียมนำศาสนจักรสิ้นสุดแล้ว และท่านได้รับเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การเตรียมของท่านนำเราให้คาดหวังอะไรในช่วงที่ท่านเป็นผู้นำ
สิ่งสำคัญที่สุดคือเราคาดหวังว่าท่านจะมุ่งมั่นทำตามพระเจ้าพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นประมุขของศาสนจักร ตามที่ประธานเนลสันกล่าวไว้ในข่าวสารเดือนมกราคม ดังที่ยกมากล่าวข้างต้น “เรา … จะพยายามรู้พระประสงค์ของพระองค์และทำตามพระประสงค์นั้นต่อไป”26 ในขณะเดียวกัน คำสอนที่ได้รับการดลใจของประธานเนลสันบอกให้รู้หัวข้อที่ท่านน่าจะเน้น
ในช่วงการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม ปี 2017 ประธานเนลสันเตือนสมาชิกศาสนจักรเรื่องความสำคัญอย่างยิ่งยวดของพระคัมภีร์มอรมอน ท่านแบ่งปันผลของการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนของท่านเอง ทั้งยังแจกแจงเป็นข้อๆ ด้วยว่าพระคัมภีร์มอรมอนคืออะไร ยืนยันอะไร ปฏิเสธอะไร เกิดสัมฤทธิผลอะไร ชี้แจงอะไร และเปิดเผยอะไร ท่านกระตุ้นให้สมาชิกศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์เล่มนี้ทุกวัน27
วันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2018 สองวันหลังจากวางมือมอบหน้าที่เป็นประธานศาสนจักร ประธานเนลสันประกาศว่าฝ่ายประธานสูงสุดชุดใหม่จะเริ่มการปฏิบัติศาสนกิจ “โดยมีเป้าหมายในใจ” “เป้าหมาย” นั้นคือความรอดของแต่ละบุคคลและการผนึกครอบครัวในพระนิเวศน์ของพระเจ้า “เพราะเหตุผลนี้ เราจึงพูดกับท่านวันนี้จากพระวิหาร” ประธานเนลสันกล่าวจากอาคารเสริมของพระวิหารซอลท์เลค
“เป้าหมายซึ่งเราแต่ละคนพยายามให้บรรลุคือรับเอ็นดาวเม้นท์ด้วยอำนาจในพระนิเวศน์ของพระเจ้า รับการผนึกเป็นครอบครัว ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่ทำไว้ในพระวิหารเพื่อเราจะมีคุณสมบัติคู่ควรรับของประทานอันสำคัญที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า—นั่นคือชีวิตนิรันดร์ ศาสนพิธีของพระวิหารและพันธสัญญาที่ท่านทำไว้ที่นั่นเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชีวิตท่าน ชีวิตแต่งงานและครอบครัวท่าน และเพิ่มพลังความสามารถให้ท่านต่อต้านการโจมตีของปฏิปักษ์ การนมัสการในพระวิหารและการรับใช้บรรพชนของท่านที่นั่นจะเป็นพรแก่ท่านให้ได้รับการเปิดเผยส่วนตัวและสันติสุขเพิ่มขึ้น ทั้งจะเสริมความมุ่งมั่นให้ท่านอยู่บนเส้นทางพันธสัญญา”28
ประธานเนลสันขอให้วิสุทธิชนอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาเช่นกัน “ความมุ่งมั่นติดตามพระผู้ช่วยให้รอดของท่านโดยทำพันธสัญญากับพระองค์และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นจะเปิดประตูรับพรทางวิญญาณและสิทธิพิเศษทุกประการที่มีให้ชาย หญิง และเด็กทุกหนแห่ง” ท่านกล่าวกับคนที่ออกนอกเส้นทางนั้นว่า “ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่านด้วยความหวังในใจข้าพเจ้า ขอให้ท่านกลับมา ไม่ว่าท่านมีข้อกังวลอะไร ไม่ว่าท่านมีความท้าทายอะไร มีที่ให้ท่านในศาสนจักรนี้ ศาสนจักรของพระเจ้า ท่านและรุ่นที่ยังไม่เกิดจะได้รับพรเพราะการกลับสู่เส้นทางพันธสัญญาของท่านตั้งแต่บัดนี้”29
ประเด็นสำคัญอีกหนึ่งประเด็นคือ “ข้อพระคัมภีร์ที่กลายเป็นตำนานชีวิตสำหรับข้าพเจ้าอยู่ในหลักคำสอนและพันธสัญญาภาค 88 ซึ่งพระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะเร่งงานของเราเมื่อถึงเวลา’” ประธานเนลสันกล่าว “และข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ … จนเห็นการเร่งนี้”30 เวลานี้ท่านจะนำการเร่งดังกล่าว
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นพยานตลอดมาถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์และความจริงของแผนแห่งความรอดที่พระบิดาบนสวรรค์ของเราและพระบุตรที่รักของพระองค์ประทานให้เรารู้และนำทางเรา ขณะประธานเนลสันนำศาสนจักรเข้าสู่อนาคต วิสุทธิชนยุคสุดท้ายอุ่นใจมากที่รู้ว่าท่านจะนำพวกเขาตามความประสงค์ของสวรรค์ “ข้าพเจ้าประกาศความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์” ท่านกล่าว “ข้าพเจ้ารู้จักทั้งสองพระองค์ รักพระองค์ และให้คำมั่นว่าจะรับใช้พระองค์—และรับใช้ท่าน—ด้วยลมหายใจที่ยังเหลืออยู่ตลอดชีวิตข้าพเจ้า”31
ข้าพเจ้ารักผู้รับใช้ท่านนี้ของพระเจ้า ผู้ร่วมงานและสหายชั่วชีวิตของข้าพเจ้า ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ข้าพเจ้ากับเพื่อนสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเห็นคุณค่าคำสอนของท่านและตั้งตารอการนำด้วยการดลใจของท่านในฐานะศาสดาพยากรณ์ของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าท่านได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้นำศาสนจักรในสมัยของเรา
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน
-
เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1924 ใน ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
-
เติบโตในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ท่านจำได้ว่าต้องขออนุญาตเพื่อที่จะกิน กล้วย (เป็นของแพงสำหรับงบประมาณของครอบครัว)
-
เมื่ออายุ 10 ขวบท่านเป็น เด็กรับใช้ ให้บริษัทโฆษณาของบิดาท่าน
-
ชอบเล่น Scrabble®
-
ได้รับ ปริญญาตรี ในปี 1945 และ ปริญญาทางการแพทย์ ในปี 1947 เมื่ออายุ 22 ปีจากมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์
-
ได้ัรับ ปริญญาเอกด้านการผ่าตัด ในปี 1954 จากมหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตา
-
ประสบความสำเร็จในการ ผ่าตัดเปิดหัวใจครั้งแรก ในยูทาห์ปี 1955 โดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมที่ท่านช่วยพัฒนา
-
กลายเป็นหนึ่งใน ศัลยแพทย์หัวใจที่สำคัญที่สุดในสหรัฐอเมริกา ในปี 1983 ปีเดียวท่านทำการผ่าตัดถึง 360 ครั้ง
-
ทำการผ่าตัดเปิดหัวใจให้ ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์
-
ศึกษาภาษาจีน หลังจากเข้าร่วมการประชุมที่ศาสดาพยากรณ์กระตุ้นให้ผู้คนทำมากขึ้นเพื่อนำพระกิตติคุณไปสู่ทุกประชาชาติ โดยเฉพาะประเทศจีน
-
ได้รับเรียกเป็นอัครสาวกเมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1984
-
รับการวางมือมอบหน้าที่เป็น ประธานคนที่ 17 ของ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018
-
ได้ ไปเยือน 133 ประเทศ ตลอดชีวิตของท่าน
-
รับใช้ ในงานแพทย์ระยะเวลาสองปีในกองทัพสหรัฐระหว่างช่วงสงครามเกาหลี โดยไปเยี่ยมหน่วย M.A.S.H. ทั้งหมด ในเกาหลีและในโรงพยาบาลสนาม
-
สามารถแยกแยะเสียงโน้ตโดยไม่ต้องเทียบเสียงและ แสดงในละครเพลง สมัยเป็นหนุ่ม
-
แต่งงานกับแดนท์เซล ไวท์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ที่พระวิหารซอลท์เลค
-
แดนท์เซลถึงแก่กรรมวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005
-
แต่งงานกับเวนดี แอล. วัตสันเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 2006 ที่พระวิหารซอลท์เลค
-
กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ท่านชอบมากที่สุดคือ การเล่นสกี
-
มีบุตร 10 คน หลาน 57 คน และเหลน 118 คน