2020
การเป็นเหมือนพระองค์
พฤศจิกายน 2020


10:21

การเป็นเหมือนพระองค์

ด้วยความช่วยเหลือของพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้นเราทุกคนจึงจะก้าวหน้าสู่การเป็นเหมือนพระองค์

แม้แต่ผู้ที่ศึกษาพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคริสต์อย่างถี่ถ้วน พระดำรัสเตือนของพระผู้ให้รอดให้เป็น “แม้ดังที่เราเป็น”1 ก็ยังดูยากเย็นและเหมือนจะไม่สามารถบรรลุได้ บางทีท่านอาจเหมือนข้าพเจ้า—ที่รู้ถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวของตนเองดี ท่านจึงอาจพบว่าการเดินบนทางไม่ลาดชันและเติบโตเพียงเล็กน้อยจะทำให้ท่านสบายใจกว่า โดยให้เหตุผลว่า “คำสอนนี้ใช้ไม่ได้จริงและเกินจริงแน่ๆ” ขณะเลือกวิถีที่มีแรงต้านน้อยที่สุดด้วยความสบายใจ ทำให้เผาผลาญแคลอรีของการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นได้น้อยกว่า

แต่จะเป็นอย่างไรถ้าการเป็น “แม้ดังที่ [พระองค์ทรงเป็น]” ไม่ใช่อุปมาอุปไมย แม้เราจะอยู่ในสภาพมรรตัย? จะเป็นอย่างไรถ้านี่คือสิ่งที่บรรลุได้บ้างในชีวิตนี้ และที่จริงแล้วคือสิ่งที่ต้องทำก่อนจะได้อยู่กับพระองค์อีกครั้ง? จะเป็นอย่างไรถ้า “แม้ดังที่เราเป็น” คือสิ่งพระผู้ช่วยให้รอดทรงหมายถึงอย่างตรงตัวชัดเจน? แล้วอย่างไรต่อ? เรายินดีจะพยายามระดับใดเพื่อเชื้อเชิญเดชานุภาพอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์เข้ามาในชีวิตเพื่อให้เราเปลี่ยนแปลงธรรมชาติเนื้อแท้ของเรา?

เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์สอนว่า: “ขณะไตร่ตรองว่าเราได้รับบัญชาจากพระเยซูให้เป็นเหมือนพระองค์ เราเห็นว่าสภาพปัจจุบันของเราเป็นสภาพที่เราไม่ได้ชั่วร้ายเสมอไป แต่เป็นสภาพที่เราไม่เต็มใจและขาดความกระตือรือร้นในอุดมการณ์ของพระองค์—ซึ่งเป็นอุดมการณ์ของเราด้วย! เราสรรเสริญแต่ไม่ค่อยเลียนแบบพระองค์”2 บาทหลวงวัยหนุ่ม ชาร์ลส์ เอ็ม. เชลดอน แสดงความเห็นคล้ายกันทำนองนี้: “คริสต์ศาสนิกชนของเรารักความสะดวกสบายมากเกินกว่าจะแบกสิ่งที่สากและหนักแบบไม้กางเขน”3

ที่จริงแล้วทุกคนอยู่ภายใต้พระบัญชาให้เป็นเหมือนพระองค์ เฉกเช่นพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเหมือนพระบิดา4 ขณะเจริญก้าวหน้า เรามีความสมบูรณ์ ครบถ้วน และพัฒนาอย่างเต็มที่มากขึ้น5 คำสอนดังกล่าวไม่ได้ยึดตามหลักคำสอนของนิกายใดแต่มาจากพระอาจารย์เองโดยตรง เราควรดำเนินชีวิต พิจารณาการสื่อสาร และส่งเสริมความสัมพันธ์ผ่านทัศนะนี้ แท้จริงแล้วไม่มีวิธีอื่นใดจะรักษาบาดแผลของความสัมพันธ์ร้าวฉานหรือสังคมแตกแยกได้นอกจากให้เราแต่ละคนเลียนแบบเจ้าชายแห่งสันติอย่างเต็มที่มากขึ้น6

ขอให้เราคิดหาวิธีเริ่มต้นพยายามเป็นดังที่พระองค์ทรงเป็นด้วยความใส่ใจ เจตนา และตั้งใจโดยบรรลุคุณลักษณะของพระเยซูคริสต์

ตั้งใจและมุ่งมั่น

ไม่กี่ปีก่อน ข้าพเจ้ากับภรรยายืนอยู่ตรงต้นทางเดินขึ้นภูเขาสูงที่สุดของญี่ปุ่น ภูเขาฟูจิ ขณะเริ่มขึ้นไปเราเงยหน้ามองยอดเขาไกลลิบและสงสัยว่าเราจะเดินถึงหรือเปล่า

ภูเขาฟูจิ

ระหว่างที่เดิน เรารู้สึกอ่อนแรง เจ็บกล้ามเนื้อ และมีอาการจากการขึ้นที่สูง การจดจ่ออยู่แค่ก้าวต่อไปจึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อเราทางใจ เราจะพูดว่า “ฉันอาจจะไปไม่ถึงยอดเขาเร็วๆ นี้ แต่ตอนนี้ฉันยังเดินก้าวต่อไปไหว” ในที่สุดภารกิจที่ดูยากเย็นก็บรรลุผลสำเร็จ—ทีละก้าว

ก้าวแรกบนเส้นทางสู่การเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์คือต้องมีความปรารถนาจะทำเช่นนั้น การเข้าใจพระดำรัสตักเตือนให้เป็นเหมือนพระองค์เป็นเรื่องดี แต่ความเข้าใจนั้นต้องมาควบคู่กับความปรารถนาแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองทีละก้าวให้อยู่เหนือความเป็นมนุษย์ปุถุชน7 เพื่อพัฒนาความปรารถนาดังกล่าว เราต้องรู้ว่าพระเยซูคริสต์คือใคร เราต้องรู้บางอย่างเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระองค์8 และเราต้องมองหาคุณลักษณะของพระองค์ในพระคัมภีร์ พิธีนมัสการ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เมื่อเราเริ่มรู้จักพระองค์มากขึ้น เราจะเห็นคุณลักษณะของพระองค์สะท้อนในคนอื่นๆ สิ่งนี้จะให้กำลังใจเราในการแสวงหาส่วนตัว เพราะถ้าคนอื่นสามารถบรรลุคุณลักษณะของพระองค์ได้ในระดับหนึ่ง เราย่อมทำได้เช่นกัน

ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อตนเอง แสงสว่างของพระคริสต์9ในตัวเราจะกระซิบว่าเมื่อเทียบกันแล้วเรายังอยู่ห่างจากพระอุปนิสัยของพระผู้ช่วยให้รอดที่เราอยากจะเป็น10 ความซื่อสัตย์เช่นนั้นสำคัญยิ่งถ้าเราอยากก้าวหน้าในการเป็นเหมือนพระองค์ อันที่จริง ความซื่อสัตย์คือคุณลักษณะหนึ่งของพระองค์

กระจกบิดเบี้ยวในสวนสนุก

พวกเราที่กล้าหาญอาจจะลองถามสมาชิกครอบครัวที่ไว้ใจ คู่สมรส เพื่อน หรือผู้นำทางวิญญาณว่าคุณลักษณะใดของพระเยซูคริสต์ที่เราจำเป็นต้องมี—และเราอาจต้องเตรียมใจรับคำตอบ! บางครั้งเรามองตนเองด้วยกระจกบิดเบี้ยวในสวนสนุกที่ทำให้เรามองเห็นตัวเรากลมหรือผอมกว่าความเป็นจริง

เพื่อนและครอบครัวที่เราไว้ใจจะช่วยให้เราเห็นตนเองถูกต้องมากขึ้น แต่พวกเขาก็อาจยังมองไม่รอบด้าน แม้ว่าอยากจะรักและช่วยเหลือเราอย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ จึงสำคัญที่เราจะทูลถามพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราด้วยว่าเราจำเป็นต้องมีสิ่งใดและควรทุ่มเทความพยายามกับเรื่องใด พระองค์ทรงมองเห็นเรารอบด้านและจะทรงแสดงให้เราเห็นความอ่อนแอของเราด้วยความรัก11 บางทีท่านอาจจะเรียนรู้ว่าต้องมีความอดทน ความถ่อมตน จิตกุศล ความรัก ความหวัง ความขยันหมั่นเพียร หรือการเชื่อฟังมากขึ้น เป็นต้น12

ไม่นานมานี้ ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ที่ทำให้เติบโตทางวิญญาณเมื่อผู้นำศาสนจักรที่เปี่ยมด้วยความรักคนหนึ่งแนะนำอย่างตรงไปตรงมาว่าข้าพเจ้าน่าจะปรับปรุงคุณลักษณะบางอย่าง เขาทะลุผ่านความบิดเบือนไปด้วยความรักเต็มเปี่ยม คืนนั้นข้าพเจ้าเล่าประสบการณ์นี้ให้ภรรยาฟัง เธอมีจิตกุศลเมตตาแม้ว่าเธอจะเห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงยืนยันกับข้าพเจ้าว่าคำแนะนำของทั้งสองคนมาจากพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก

อีกอย่างที่อาจเป็นประโยชน์คือการทำกิจกรรมคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์ในบทที่ 6 ของ สั่งสอนกิตติคุณของเรา อย่างซื่อสัตย์13

เมื่อท่านทำการประเมินอย่างซื่อสัตย์และตั้งใจว่าจะเริ่มเดินขึ้นเขา ท่านจะต้องกลับใจ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนด้วยความรักว่า: “เมื่อเราเลือกกลับใจ เราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง! เรายอมให้พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปลี่ยนเราเป็นตัวเราในแบบที่ดีที่สุด เราเลือกเติบโตทางวิญญาณและรับปีติ—ปีติแห่งการไถ่ในพระองค์ เมื่อเราเลือกกลับใจ เราเลือกที่จะเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น”14

การเป็นดังที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นจะเรียกร้องให้เราเปลี่ยนแปลงใจและความคิด ที่จริงคือเปลี่ยนอุปนิสัย และเราจะทำเช่นนั้นได้ผ่านพระคุณที่ช่วยให้รอดของพระเยซูคริสต์เท่านั้น15

มองให้ออกและลงมือทำ

เมื่อท่านตั้งใจแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลงและกลับใจ และได้แสวงหาการนำทางผ่านการสวดอ้อนวอนแล้วโดยไตร่ตรองอย่างซื่อสัตย์และอาจจะปรึกษาคนอื่นๆ ท่านจะต้องเลือกคุณลักษณะหนึ่งอย่างที่ท่านจะทุ่มเททำ ท่านจะต้องมุ่งมั่นทุ่มเทความพยายามอย่างมีความหมาย คุณลักษณะเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ ในทันที แต่จะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นผ่านพระคุณของพระองค์ขณะท่านเพียรพยายาม

คุณลักษณะเหมือนพระคริสต์เป็นของประทานจากพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักเพื่อเป็นพรแก่เราและคนรอบข้าง ดังนั้น เมื่อเราพยายามที่จะมีคุณลักษณะเหล่านี้ เราจึงต้องทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือจากสวรรค์ด้วยใจจริง ถ้าเราแสวงหาของประทานเหล่านี้เพื่อจะรับใช้ผู้อื่นได้ดีขึ้น พระองค์จะทรงอวยพรเราในความพยายามของเรา การแสวงหาของประทานจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างเห็นแก่ตัวจะลงเอยด้วยความผิดหวังและความท้อใจ

ยิ่งเราทุ่มเทให้กับคุณลักษณะหนึ่งที่จำเป็น เมื่อท่านมีคุณลักษณะนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ คุณลักษณะอื่นก็จะเริ่มพอกพูน คนที่ทุ่มเทให้กับจิตกุศลจะไม่มีความรักและความถ่อมตนเพิ่มขึ้นได้หรือ? คนที่ทุ่มเทให้กับการเชื่อฟังจะไม่มีความขยันหมั่นเพียรและความหวังมากขึ้นได้หรือ? ความพยายามอย่างยิ่งของท่านเพื่อให้ได้คุณลักษณะหนึ่งจะกลายเป็นกระแสน้ำที่คอยพยุงเรือทุกลำในท่า

บันทึกและทำต่อไป

การบันทึกประสบการณ์และสิ่งที่กำลังเรียนรู้สำคัญต่อข้าพเจ้าขณะพากเพียรเป็นเหมือนพระองค์ ขณะศึกษาพระคัมภีร์พร้อมกับนึกถึงคุณลักษณะหนึ่งของพระองค์ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ขณะเห็นตัวอย่างของคุณลักษณะนี้ในคำสอน การปฏิบัติศาสนกิจ และสานุศิษย์ของพระองค์ ดวงตาข้าพเจ้าจดจ้องในการตระหนักถึงคุณลักษณะนั้นในตัวผู้อื่นมากขึ้นด้วย ข้าพเจ้าสังเกตเห็นคนดีๆ ทั้งในและนอกศาสนจักรที่มีคุณลักษณะแบบเดียวกับพระองค์ พวกเขาเป็นแบบอย่างอันทรงพลังที่แสดงให้เห็นว่าคุณลักษณะเหล่านั้นประจักษ์ได้ในมนุษย์ธรรมดาผ่านพระคุณความรักของพระองค์

เพื่อให้เห็นความก้าวหน้าที่แท้จริง ท่านจะต้องเพียรพยายามต่อไป เหมือนการปีนเขาที่ต้องมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ต้องมีความอดทนและความบากบั่นระหว่างปีน การเดินทางครั้งนี้ก็ต้องใช้ความพยายามและการเสียสละจริงๆ เช่นกัน การเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่แท้จริงเรียกร้องความพยายามสุดความสามารถของเราเสมอในการพากเพียรเป็นเหมือนพระอาจารย์16

ต่อไปนี้เป็นคำเตือนสั้นๆ พระบัญชาให้เป็นเหมือนพระองค์มิได้มุ่งหมายจะทำให้ท่านรู้สึกผิด รู้สึกไม่มีค่าควร หรือไม่ได้รับความรัก ประสบการณ์มรรตัยทั้งหมดของเราเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ความพยายาม ความล้มเหลว และการบรรลุผล ถึงแม้ข้าพเจ้ากับภรรยาอาจต้องการหลับตาแล้วหายตัวขึ้นไปบนยอดเขาได้ แต่ชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ท่านดีพอ ท่านเป็นที่รัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าท่านสมบูรณ์แล้ว มีงานที่ต้องทำในชีวิตนี้และชีวิตหน้า ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้นเราทุกคนจึงจะก้าวหน้าสู่การเป็นเหมือนพระองค์ได้

ในช่วงเวลานี้เมื่อ “สิ่งทั้งปวง [ดูเหมือนจะ] อยู่ในความโกลาหล; และ … ความกลัว [เหมือนจะ] มาสู่ผู้คนทั้งปวง”17 ยาแก้พิษตัวเดียว การรักษาวิธีเดียว คือการพากเพียรเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด18 พระผู้ไถ่19 ของมนุษยชาติทั้งปวง ความสว่างของโลก20 และแสวงหาพระองค์ผู้ทรงประกาศว่า “เราเป็นทางนั้น”21

พระผู้ไถ่

ข้าพเจ้าทราบว่าการเป็นเหมือนพระองค์ผ่านความช่วยเหลือจากสวรรค์และพลังของพระองค์สามารถบรรลุ ได้ ทีละก้าว หาไม่แล้วพระองค์คงไม่ประทานพระบัญญัตินี้แก่เรา22 ข้าพเจ้าทราบสิ่งนี้—ส่วนหนึ่งเพราะข้าพเจ้าเห็นคุณลักษณะของพระองค์ในพวกท่านหลายคน ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. 3 นีไฟ 27:27. ดูพระดำรัสเตือนที่เกี่ยวข้องจากพระผู้ช่วยให้รอดใน มัทธิว 5:48 (“เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม”); 1 ยอห์น 2:6 (“ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์”); โมไซยาห์ 3:19 (“เพราะมนุษย์ปุถุชนเป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้า, และเป็นมาแล้วนับแต่การตกของอาดัม, และจะเป็นไป, ตลอดกาลและตลอดไป, เว้นแต่เขาจะยอมต่อการชักจูงของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์, และทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนและกลับเป็นวิสุทธิชนโดยผ่านการชดใช้ของพระคริสต์พระเจ้า, และกลายเป็นดังเด็ก, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ถ่อมตน, อดทน, เปี่ยมด้วยความรัก, เต็มใจยอมในสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเห็นควรจะอุบัติแก่เขา, แม้ดังเด็กยินยอมต่อบิดาตน”); แอลมา 5:14 (“และบัดนี้ดูเถิด, ข้าพเจ้าถามท่าน, พี่น้องข้าพเจ้าในศาสนจักร, ท่านเกิดทางวิญญาณจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือ? ท่านได้รับรูปลักษณ์ของพระองค์ไว้ในสีหน้าท่านแล้วหรือ?”); 3 นีไฟ 12:48 (“ฉะนั้นเราอยากให้เจ้าดีพร้อมแม้ดังเรา, หรือพระบิดาของเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ทรงดีพร้อม”)

  2. Neal A. Maxwell, Even as I Am (1982), 16.

  3. Charles M. Sheldon, In His Steps (1979), 185.

  4. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 93:12–17.

  5. ดู มัทธิว 5:48

  6. ดู อิสยาห์ 9:6; 2 นีไฟ 19:6.

  7. ดู 1 โครินธ์ 2:14; โมไซยาห์ 3:19.

  8. ดู มัทธิว 7:23; 25:12; โมไซยาห์ 26:24; ดูเชิงอรรถของพระคัมภีร์แต่ละข้อด้วย; เดวิด เอ. เบดนาร์, “ถ้าพวกท่านรู้จักเราแล้ว,” เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 102–105.

  9. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 93:2.

  10. ดู โมโรไน 7:12–19.

  11. ดู อีเธอร์ 12:27.

  12. ดู Preach My Gospel: A Guide to Missionary Service, rev. ed. (2019), chapter 6, “How Do I Develop Christlike Attributes?” ข้อที่อ้างถึงคุณลักษณะอื่นของพระผู้ช่วยให้รอดมีกระจายอยู่ทั่วพระคัมภีร์ อีกสองสามตัวอย่างได้แก่ โมไซยาห์ 3:19; แอลมา 7:23; หลักแห่งความเชื่อ 1:13.

  13. ดู สั่งสอนกิตติคุณของเรา, 132.

  14. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เราสามารถทำได้ดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้น,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 67.

  15. ดู Bible Dictionary, “Grace”; คู่มือพระคัมภีร์, “พระคุณ,” scriptures.ChurchofJesusChrist.org.

  16. ดู Sheldon, In His Steps, 246: “ถ้านิยามการเป็นชาวคริสต์เป็นเพียงแค่การได้ใช้สิทธิ์ของการนมัสการ เผื่อแผ่โดยที่ตัวเราไม่ต้องเสียอะไรเลย มีเวลาดีๆ สบายๆ รายล้อมไปด้วยเพื่อนที่น่าคบและสิ่งสะดวกสบาย มีชีวิตอย่างน่านับถือและขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความตึงเครียดใหญ่หลวงของโลกแห่งบาปและความเดือดร้อนเพราะนั่นเจ็บปวดเกินกว่าจะแบกรับไหว—ถ้านี่คือนิยามความเป็นคริสต์ศาสนิกชนของเรา เราย่อมอยู่ห่างจากการเดินตามรอยพระบาทพระองค์ผู้ทรงเหยียบย่างบนทางเดินด้วยสุรเสียงคร่ำครวญ น้ำตา และสุรเสียงสะอื้นไห้ของความเจ็บปวดรวดร้าวเพราะการสูญเสียมนุษยธรรม ผู้ทรงหลั่งพระเสโทเป็นพระโลหิตเม็ดใหญ่ ผู้ทรงร้องออกมาบนกางเขนที่ถูกยกขึ้นว่า ‘พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?’”

  17. หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:91.

  18. ดู อิสยาห์ 43:3.

  19. ดู โยบ 19:25.

  20. ดู ยอห์น 8:12.

  21. ยอห์น 14:6.

  22. ดู 1 นีไฟ 3:7.