นำไซอันออกมา
เมื่อวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้รับพรจากพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เราได้รับเรียกให้เสริมสร้างศาสนจักรและสร้างไซอัน
ตลอดประวัติศาสตร์ ผู้คนของพระเจ้าพยายามสร้างสังคมแห่งพระกิตติคุณซึ่งพระองค์ทรงสามารถพำนักอยู่ เพื่อจะกลายเป็นชุมชนเช่นนั้นของวิสุทธิชน เราต้องเรียนรู้ที่จะทำให้ความคิดและจิตใจของเราสะอาดและเป็นหนึ่งเดียวกัน ปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรมโดยไร้ซึ่งความขัดแย้งและการโต้เถียง ดำรงอยู่ในความชอบธรรมโดยไม่มีคนจนในบรรดาพวกเรา (ดู โมเสส 7:18)
ตัวอย่างเช่น หลังจากจอห์นและมาเรีย ลินฟอร์ดเข้าร่วมศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในเกรฟลีย์ ประเทศอังกฤษเมื่อปี 1842 จอห์นได้รับเรียกเป็นประธานสาขาในท้องที่ อย่างไรก็ตาม ญาติพี่น้องและผองเพื่อนต่างไม่ได้ร่วมยินดีกับครอบครัวลินฟอร์ดที่ค้นพบการฟื้นฟู หากพวกเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้จอห์นเลิกนับถือศาสนาใหม่ พวกเขาจะ “ทำให้เขาอดอยาก” โดยการคว่ำบาตรธุรกิจการทำรองเท้า
ในปี 1856 กองทุนต่อเนื่องเพื่อการอพยพเปิดโอกาสให้จอห์นและมาเรียอพยพไปยังหุบเขาซอลท์เลค พวกเขาล่องเรือไปยังนิวยอร์กพร้อมกับบุตรชายทั้งสามคน พวกเขาเดินทางจากที่นั่นไปยังไอโอวาซิตี รัฐไอโอวา และออกเดินทางในเดือนกรกฎาคม ปี 1856 พร้อมกับทอดทิ้งคณะรถลากเจมส์ จี. วิลลีย์ที่ประสบเคราะห์ร้าย
จอห์นเอ่ยคำพูดสุดท้ายของเขาเมื่อเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 21 ตุลาคม ณ บริเวณใกล้ริมฝั่งแม่น้ำสวีตวอเตอร์ในรัฐไวโอมิง
“ผมดีใจที่เรามา” เขาบอกกับมาเรียเมื่อเธอถามเขาว่าเสียใจหรือไม่ที่ออกจากประเทศอังกฤษ “ผมคงจะไปไม่ถึงซอลท์เลค แต่คุณกับลูกๆ จะไปถึง และผมไม่เสียใจกับทุกสิ่งที่เราประสบถ้าลูกชายเราจะเติบโตและเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขาในไซอัน”1
ไซอันคืออะไร?
นอกเหนือจากเรื่องการประสูติของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ มีไม่กี่หัวข้อที่สร้างแรงบันดาลใจให้ศาสดาพยากรณ์ในสมัยโบราณและปัจจุบันอีกทั้งวิสุทธิชนมากกว่าการรวบรวมเชื้อสายแห่งอิสราเอลในยุคสุดท้ายและการสร้างไซอันเพื่อเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด2
เหตุใดไซอันจึงมีความสำคัญต่อวิสุทธิชนยุคสุดท้าย—จากวันนั้นจนถึงเวลานี้ ไม่ว่าจะพบเจอผู้คนของพระเจ้า ณ แห่งหนใดก็ตาม?
เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี (1915–1985) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า “ตั้งแต่สมัยอาดัมจนถึงปัจจุบัน—เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าทรงมีผู้คนของพระองค์เอง เมื่อใดก็ตามที่มีผู้สดับฟังพระสุรเสียงและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เมื่อใดก็ตามที่วิสุทธิชนรับใช้พระองค์ด้วยความตั้งใจเด็ดเดี่ยว—ณ ที่แห่งนั้นมีไซอัน”3
พระคัมภีร์บรรยายถึงชุมชนไซอัน เอโนค ศาสดาพยากรณ์ผู้มีศรัทธายิ่งในยุคสมัยของโนอาห์ “สร้างนครหนึ่งที่เรียกว่านครแห่งความบริสุทธิ์, แม้ไซอัน” (โมเสส 7:19) พระเจ้าทรงพำนักกับผู้คนของพระองค์ที่นั่น ประทานพรแก่พวกเขาและทรงอวยพรแผ่นดินของพวกเขา (ดู โมเสส 7:16–18) พระเจ้าตรัสกับเอโนคว่า “ดูเถิด, เราคือพระผู้เป็นเจ้า; มหาบุรุษแห่งความบริสุทธิ์คือนามของเรา” (โมเสส 7:35)
ปณิธานของไซอันคือการสถาปนาสถานที่แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของศรัทธาซึ่งตั้งอยู่บนหลักธรรมซีเลสเชียลแห่งสวรรค์ เป็นที่ซึ่งผู้คนของพระผู้เป็นเจ้าสามารถดำเนินไปกับพระองค์และพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เองทรงมีที่ประทับ
พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานว่าหลังจากพระผู้ช่วยให้รอดผู้ฟื้นคืนพระชนม์เสด็จเยือนโลกใหม่ “ผู้คนทั้งหมดได้รับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้า, ทั่วผืนแผ่นดิน …
“และพวกเขามีสิ่งของทั้งหมดเพื่อใช้ร่วมกันในบรรดาพวกเขา; ฉะนั้นจึงไม่มีคนรวยและคนจน, ทาสและไท, แต่พวกเขาเป็นอิสระทุกคน, และเป็นผู้รับส่วนในของประทานจากสวรรค์ …
“และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือไม่มีความขัดแย้งในแผ่นดิน, เพราะความรักของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งสถิตอยู่ในใจผู้คน” (4 นีไฟ 1:2, 3, 15)
มีความชอบธรรมและเดชานุภาพเป็นอาวุธ
ยุคของเอโนคเป็นช่วงเวลาแห่งสงคราม การนองเลือด ความกลัว ความมืด และความเกลียดชัง—เมื่อ “อำนาจของซาตานอยู่ทั่วพื้นพิภพ” (โมเสส 7:24; ดู ข้อ 16, 17, 33 ด้วย) แต่เอโนคซื่อสัตย์ และพระเจ้าทรงเรียกให้เขาป่าวประกาศการกลับใจ
พระเจ้าตรัสกับเอโนคว่า “ความยากลำบากใหญ่หลวง” (โมเสส 7:61) ที่คล้ายคลึงกันนั้น จะเกิดขึ้นก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ “เรามีชีวิตอยู่ฉันใด, แม้ฉันนั้นเราจะมาในวันเวลาสุดท้าย, ในวันเวลาของความชั่วร้ายและการแก้แค้น, เพื่อทำให้คำมั่นซึ่งเราทำกับเจ้าเกิดสัมฤทธิผลเกี่ยวกับลูกหลานของโนอาห์” (โมเสส 7:60)
ในยุคสมัยของเรา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันออกความเห็นเมื่อไม่นานมานี้ “ข้าพเจ้ามองว่าการระบาดทั่วโลกในปัจจุบัน [โควิด-19] เป็นเพียงสิ่งเลวร้ายอย่างหนึ่งที่เป็นภัยพิบัติแก่โลกของเรา รวมถึงความเกลียดชัง การก่อความไม่สงบ การเหยียดเชื้อชาติ ความรุนแรง การทุจริต และการขาดอารยธรรม”4 กระนั้นก็ตาม เรามีคำมั่นสัญญาจากศาสดาพยากรณ์ ประธานเนลสันยังได้กล่าวอีกว่า:
“เราอยู่ในยุคที่ ‘บรรพบุรุษของเราทั้งหลายรอคอยอยู่ด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย’ [หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:27] เราได้นั่งแถวหน้าเพื่อ เป็นพยานเหตุการณ์สด ในสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์นีไฟเห็น เฉพาะในนิมิต ว่า ‘เดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า’ จะลงมา ‘บนผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า, ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ; และพวกเขามีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่’ [1 นีไฟ 14:14]
“พี่น้องของข้าพเจ้า ท่าน อยู่ในบรรดาชายหญิงและเด็กเหล่านั้นที่นีไฟเห็น”5
คำเชื้อเชิญให้รวบรวมและเป็นพรแก่ผู้คนทั้งสองด้านของม่าน สร้างไซอัน และเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอดนั้นรวมถึงเราแต่ละคนด้วย “จากบรรดาคนทั้งหมดที่เคยอยู่บนแผ่นดินโลก” ประธานเนลสันกล่าวว่า “เรา เป็นคนที่มีส่วนร่วมในงานรวบรวมครั้งสุดท้ายที่สำคัญยิ่งนี้”6
แล้วเราจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร?
เมื่อวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้รับพรจากพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เรา “ได้รับเรียกมาทำงานในสวนองุ่นของ [พระเจ้า], และมาเสริมสร้างศาสนจักรของ [พระองค์] และมานำไซอันออกมา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 39:13) ซึ่งงานนั้นต้องใช้ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ศรัทธา การรับใช้ การเสียสละ และการเชื่อฟัง
“เมื่อผู้คนรักพระผู้เป็นเจ้าสุดหัวใจและพากเพียรอย่างชอบธรรมเพื่อเป็นเหมือนพระองค์ การวิวาทและความขัดแย้งในสังคมจะมีน้อยลง ความเป็นหนึ่งเดียวกันจะมีมากขึ้น” เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุกแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าว ท่านเสริมว่า “ความเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็น … คำที่กินความกว้าง แต่แน่นอนที่สุดว่าเป็นแบบอย่างของพระบัญญัติสำคัญข้อแรกและข้อสองคือรักพระผู้เป็นเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ของเรา ทั้งยังแสดงถึงชาวไซอันที่ใจและความคิด “ผูกพันกันในความเป็นหนึ่งเดียว” ด้วย [โมไซยาห์ 18:21]”7
ด้วยความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น เราใช้ศรัทธาเพื่อนำการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดมาใช้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเราเมื่อเราชำระจิตใจและชีวิตให้บริสุทธิ์ (ดู โมไซยาห์ 3:19; หลักคำสอนและพันธสัญญา 97:21) เรารวบรวมผู้ที่เต็มใจมาหาพระเจ้าด้วยความชอบธรรม โดยผ่านศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์และหลักธรรมแห่งซีเลสเชียล เราเชื้อเชิญความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 105:5) เราสร้างไซอันและพร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองเพื่อเป็นการอุทิศถวายพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ากับเรา
“จิตกุศลคือความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์” ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดกล่าว “และคือศรัทธาในพระองค์และผลที่สมบูรณ์ของการชดใช้อันไม่มีขอบเขตซึ่งจะทำให้ท่านกับคนที่ท่านรักและรับใช้มีคุณสมบัติคู่ควรรับของประทานอันสูงส่งเพื่ออาศัยอยู่ในสังคมนั้นของไซอันที่สัญญาไว้และตั้งตารอมานาน”8
เตรียมพร้อมสำหรับวันที่จะมาถึง
ศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันสอนว่าการมาหาพระคริสต์เป็นเรื่องของความมุ่งมั่นของแต่ละคน ไม่ใช่เรื่องของสถานที่ทางกายภาพ
ประธานเนลสันอธิบายว่า “ในยุคแรกของศาสนจักร การเปลี่ยนใจเลื่อมใสมักจะหมายถึงการโยกย้ายถิ่นฐานด้วย “แต่ขณะนี้งานการรวบรวมเกิดขึ้นในแต่ละประชาชาติ พระเจ้าทรงประกาศิตการสถาปนาไซอันในแต่ละเขตแดนที่พระองค์ประทานการเกิดและสัญชาติแก่วิสุทธิชนของพระองค์”9
เมื่อเรารับความท้าทายและพรของการสร้างไซอันในครอบครัว สาขา วอร์ด สเตค และชุมชนของเรา เรามองไปพร้อมกับจอห์นและมาเรีย ลินฟอร์ดไปสู่วันที่ลูกหลานของเรา “สามารถเติบโตและเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขาในไซอัน” ในท่ามกลางทุกประชาชาติ ตระกูล และภาษา
ขณะที่เราแสวงหาพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน เราสวดอ้อนวอน “เพื่ออาณาจักรของพระองค์จะออกไปบนแผ่นดินโลก, เพื่อผู้อยู่อาศัยในนั้นจะได้รับมัน, และพร้อมสำหรับวันเวลาที่จะมาถึง, ซึ่งในเวลานั้นบุตรแห่งพระมหาบุรุษจะเสด็จลงมาในสวรรค์, ทรงห่อหุ้มด้วยความเจิดจ้าแห่งรัศมีภาพของพระองค์, เพื่อพบอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งจัดตั้งอยู่บนแผ่นดินโลก” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 65:5)