เลียโฮนา
ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด: อุทิศตนในการแบ่งปันพระกิตติคุณ
ด้วยความระลึกถึง: ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด


“ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด: อุทิศตนในการแบ่งปันพระกิตติคุณ,” เลียโฮนา, ม.ค. 2024.

ด้วยความระลึกถึง

ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด: อุทิศตนในการแบ่งปันพระกิตติคุณ

“พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของมวลมนุษย์มิได้ดับสูญ พระองค์ทรงพระชนม์—พระบุตรผู้ฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์—นั่นคือประจักษ์พยานของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนํากิจจานุกิจของศาสนจักรในปัจจุบัน”1

ประธานบัลลาร์ดกำลังเขียนที่โต๊ะของท่าน

เมื่อรัสเซลล์ บัลลาร์ดเป็นผู้ดํารงฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนในวัยหนุ่ม เขากับเพื่อนคนหนึ่งเข้าร่วมการประชุมฐานะปุโรหิตในแทเบอร์นาเคิลซอลท์เลค “[เรา]พบตนเอง … ที่บันไดในที่ที่เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง” ท่านอธิบายในเวลาต่อมา “ประธานจอร์จ อัลเบิร์ต สมิธ [1870–1951] ในวิธีที่อ่อนโยนของท่าน ท่านเห็นความเศร้าหมองของเราและเชื้อเชิญให้เรานั่งบนบันได ขณะนั่งอยู่ที่นั่นดูการประชุมที่กำลังดำเนินไป ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าข้าพเจ้าจะเข้าใกล้แท่นพูดนี้อีก ข้าพเจ้าจําได้ว่าพูดกับเพื่อนข้าพเจ้าเมื่อเราออกจากแทเบอร์นาเคิลว่า ‘คงจะดีแน่ถ้าได้เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ จากนั้นก็จะมีที่นั่งบนยกพื้นให้นั่ง’

“… ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเวลาจะมาถึงในชีวิตเมื่อข้าพเจ้าจะรับใช้เป็นอธิการ ประธานคณะเผยแผ่ สาวกเจ็ดสิบ และ … อัครสาวก เราไม่สามารถเห็นล่วงหน้าถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงมีพระดำริสำหรับเรา แนวทางปฏิบัติอย่างเดียวของเราคือเตรียมพร้อมและมีค่าควรรับสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงเรียกร้อง”2

ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดดำเนินชีวิตด้วยการเตรียมรับและทําการรับใช้ที่ท่านได้รับเรียกให้เกิดสัมฤทธิผล ด้วยความปรารถนาพิเศษและความกระตือรือร้นสําหรับงานเผยแผ่ศาสนา แบบอย่างและประจักษ์พยานของท่านไปสู่ชีวิตนับไม่ถ้วน โดยกระตุ้นทุกคนให้ “ลุกขึ้น ลงมือทำ และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อรับใช้พระเจ้า”3

การทำงานหนักและความเป็นผู้นำ

เมลวิน รัสเซลล์ บัลลาร์ด จูเนียร์ เกิดที่ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1928 เป็นบุตรของเมลวิน รัสเซลล์ บัลลาร์ด ซีเนียร์ และเยอรัลดีน สมิธ บัลลาร์ด เด็กชายคนเดียวในจํานวนบุตรสี่คน รัสเซลล์เรียนรู้ที่จะเคารพสตรีเมื่ออายุยังน้อย

เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดเมื่อยังเด็ก

เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดเมื่อยังเป็นเด็กวัยหัดเดิน

บิดาท่านเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถ เป็นเจ้าของตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ บริษัทบัลลาร์ด มอเตอร์ ถึงแม้บิดาท่านไม่แข็งขันในศาสนจักรในช่วงวัยเด็กของรัสเซลล์ แต่รัสเซลล์ยังได้บันทึกไว้ว่า “ท่านมีผลลึกซึ้งต่อชีวิตข้าพเจ้า ท่านปลูกฝังความปรารถนาจะทํางานหนักให้ข้าพเจ้า”4

ชีวิตการทํางานของบิดาท่านไม่ใช่แบบอย่างของการทํางานหนักเพียงอย่างเดียวที่บิดามีต่อลูกชาย บิดาของรัสเซลล์เป็นเจ้าของสวนพีชเล็กๆ ในฮอลลาเดย์ ยูทาห์ ที่นี่เขาเลี้ยงผึ้งเพื่อผสมเกสรดอกพีช “คุณพ่อรักผึ้งเชื่องๆ เหล่านี้ … [ท่าน] พยายามเสมอที่จะให้ข้าพเจ้าเข้าไปมีส่วนในงานเกี่ยวกับรังผึ้งของท่าน แต่ข้าพเจ้ามีความสุขมากที่ปล่อยให้ท่านทำงานกับผึ้งของท่าน”5

อิทธิพลของมรดกของการทํางานหนักที่ได้เรียนรู้จากบิดาของท่านจะดําเนินต่อไปตลอดชีวิตของรัสเซลล์ บัลลาร์ด แอน เคดดิงตันน้องสาวของท่านจําได้ว่า “ท่านมีงานทําเสมอ แม้เมื่อท่านยังเล็ก” งานแรกของท่านคือตัดสนามหญ้าและดูแลสนาม แต่ในที่สุดท่านก็เริ่มทํางานวันเสาร์และหลังเลิกเรียนในบริษัทตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ของบิดาท่าน6

ในโรงเรียนมัธยมปลาย รัสเซลล์มีโอกาสพัฒนาทักษะการเป็นผู้นํา โดยมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการนักเรียนที่ อีสไฮ สคูล ในซอลท์เลคซิตี้ และเป็นประธานเซมินารีอีสต์ ไฮ นอกเหนือจากกิจกรรมอื่นๆ7 หลังจากเรียนจบมัธยมปลายท่านเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ ที่นั่นท่านเข้าร่วมสมาคมซิกมา ชี และได้รับชื่อเล่นว่า “อธิการ” ในบรรดาพี่น้องชายที่สมาคมของท่านเพื่อเป็นแบบอย่างของความแน่วแน่ต่อศรัทธาของท่าน8

พรของการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา

เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดขณะเป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่ม

ภาพถ่ายเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดขณะเป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่ม

รัสเซลล์ได้รับเรียกให้รับใช้ในคณะเผยแผ่บริติชในปี 1948 ที่นั่นท่านเป็นที่ปรึกษาในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่ภายใต้ประธานคณะเผยแผ่สองคน ท่านรับใช้หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 และในเวลาต่อมาท่านอธิบายว่า “ชาวมอรมอนเป็นที่ ‘ดูหมิ่นเหยียดหยาม’ (3 นีไฟ 16:9) และผู้สอนศาสนาถูกหัวเราะเยาะและถูกเย้ยหยัน” ท่านจำได้ว่า “ผู้คนถึงกับปาข้าวของใส่เรา บางคนถ่มน้ำลายรดเรา แต่เราไม่ถอย”9 ท่านเรียนรู้จากประสบการณ์ของท่านและท่าน “รักการเป็นผู้สอนศาสนาในประเทศอังกฤษ”10

พรยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่งที่รัสเซลล์ได้รับจากการรับใช้งานเผยแผ่คือประจักษ์พยานอันไม่สั่นคลอน ท่านเล่าว่า “เพราะประสบการณ์การเป็นผู้สอนศาสนาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงยึดมั่นประจักษ์พยานของความเป็นจริงของการฟื้นฟูศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ข้าพเจ้ายืนอยู่ในไฮด์พาร์คและอยู่ในมุมถนนอีกหลายแห่งในบริติชไอลส์ และแสดงประจักษ์พยานว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า พระกิตติคุณได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ และว่าฐานะปุโรหิตและสิทธิอํานาจในการให้พรมนุษยชาติอยู่บนแผ่นดินโลกอีกครั้ง ยิ่งข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานมากเท่าใด ประจักษ์พยานก็ยิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของข้าพเจ้ามากขึ้นเท่านั้น”11

เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดสั่งสอนในมาร์เก็ตสแควร์

เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดสั่งสอนในมาร์เก็ตสแควร์ในเมืองนอตติงแฮม ประเทศอังกฤษ ปี 1949

แน่นอนว่าการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาของท่านจะช่วยเตรียมท่านให้พร้อมรับการเรียกมากมายในอนาคต ก่อนการเรียกสู่โควรัมอัครสาวกสิบสอง ประธานบัลลาร์ดเล่าว่า “ในการอบรมทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้รับในงานมอบหมายของศาสนจักร ไม่มีการอบรมใดสําคัญต่อข้าพเจ้ามากไปกว่าการอบรมที่ข้าพเจ้าได้รับสมัยเป็นเอ็ลเดอร์วัย 19 ปีที่รับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลาในบริติชไอลส์ เมื่อมองย้อนกลับไป ข้าพเจ้าเห็นได้ว่าการอบรมในชีวิตไม่สําคัญต่อสิ่งที่ข้าพเจ้าทําในศาสนจักรเวลานี้มากไปกว่าการอบรมที่ข้าพเจ้าได้รับในฐานะผู้สอนศาสนาเต็มเวลา”12

อุทิศตนเพื่อชีวิตครอบครัว

หลังจากงานเผยแผ่ รัสเซลล์ยังคงเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ ไม่นานหลังจากกลับบ้าน ท่านไปงานเต้นรำ “เฮลโล เดย์ แดนซ์” ท่านอธิบายว่า “เพื่อนคนหนึ่งของข้าพเจ้า … บอกข้าพเจ้าเกี่ยวกับนักศึกษาสาวสวยปีสองชื่อบาร์บารา โบเว็น เป็นคนที่เขาคิดว่าข้าพเจ้าต้องได้พบ เขาพาเธอมาแนะนำให้เรารู้จักกัน และเราเริ่มเต้นรำ

“น่าเสียดายตรงที่ งานนี้ซึ่งเรามักเรียกว่า “งานเต้นรำสลับคู่” หมายความว่าคุณจะได้เต้นรำกับหญิงสาวจนกว่าจะมีคนอื่นมาแตะไหล่คุณเพื่อขอสลับคู่ บาร์บาราน่ารักและมีคนชอบมาก ข้าพเจ้าจึงได้เต้นรำกับเธอไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนมาขอสลับคู่

“ข้าพเจ้ารับไม่ได้ เพราะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการติดตามผลในงานเผยแผ่ ข้าพเจ้าจึงได้ขอหมายเลขโทรศัพท์ของเธอและโทรหาเธอในวันรุ่งขึ้นเพื่อขอเธอออกเดต แต่เธอยุ่งอยู่กับการเรียนและภาระอื่นๆ ทางสังคม โชคดีที่งานเผยแผ่สอนข้าพเจ้าให้เพียรพยายามแม้เผชิญความท้อแท้ และในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้ออกเดต เดตนั้นนำไปสู่เดตอื่นๆ ต่อมา ระหว่างเดตเหล่านั้นข้าพเจ้าสามารถโน้มน้าวเธอว่าข้าพเจ้าเป็นอดีตผู้สอนศาสนาที่ซื่อสัตย์และยังมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว—อย่างน้อยก็ตราบเท่าที่เธอควรกังวล”13

ภาพงานแต่งงานของเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดกับบาร์บาราภรรยาท่าน

รัสเซลล์กับบาร์บาราแต่งงานกันเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1951

ความเพียรพยายามของพวกท่านได้รับผลตอบแทน ท่านกับบาร์บาราแต่งงานกันในพระวิหารซอลท์เลคเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1951 พวกท่านมีบุตรเจ็ดคน ได้แก่ คลาร์ก ฮอลลี เมลียา ทามารา สเตซี บรินน์ และเครก

ประธานบัลลาร์ดเล่าประสบการณ์ที่ท่านมีสมัยเป็นบิดาวัยหนุ่ม ท่านเรียนรู้ว่าบทบาทของการเป็นมารดานั้นช่างเรียกร้องหลายสิ่งหลายอย่างมาก “ข้าพเจ้ารับใช้เป็นที่ปรึกษาและจากนั้นเป็นอธิการเป็นเวลา 10 ปี ระหว่างนั้นเราได้รับพรให้มีลูกหกคนจากทั้งหมดเจ็ดคนของเรา บาร์บารามักจะหมดแรงเวลาที่ข้าพเจ้ากลับถึงบ้านในตอนค่ำวันอาทิตย์ เธอพยายามอธิบายว่าเป็นอย่างไรที่ต้องนั่งอยู่แถวหลังในการประชุมศีลระลึกกับครอบครัวรุ่นเยาว์ของเรา จากนั้นวันที่ข้าพเจ้าได้รับการปลดก็มาถึง หลังจากที่นั่งอยู่บนยกพื้นเป็นเวลา 10 ปี ตอนนี้ข้าพเจ้าย้ายลงมานั่งกับครอบครัวที่ม้านั่งแถวหลัง

“คณะนักร้องประสานเสียงคุณแม่ของวอร์ดกําลังร้องเพลง และข้าพเจ้าพบว่าตนเองนั่งอยู่กับลูกหกคนของเราตามลำพัง ข้าพเจ้าไม่เคยยุ่งขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ข้าพเจ้าต้องสวมหุ่นมือทั้งสองข้าง และนั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก [ขนม] ที่พกไปโบสถ์หกจากมือ รู้สึกอึดอัดขายหน้า สมุดภาพระบายสีก็ดูไม่น่าสนุกเหมือนอย่างที่ควรเป็น

“ขณะวุ่นวายอยู่กับลูกๆ ตลอดการประชุม ข้าพเจ้าเงยหน้ามองไปที่บาร์บารา เธอมองมาที่ข้าพเจ้าและยิ้ม ข้าพเจ้าเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยความซาบซึ้งมากขึ้นในสิ่งที่ … มารดาที่รักทั้งหลายทําได้อย่างดีและซื่อสัตย์!”14

ครอบครัวบัลลาร์ด

เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดกับครอบครัวในวันเกิดปีที่ 80 ของท่านในเดือนตุลาคม ปี 2008

ภรรยาท่านจําเวลาที่ท่านให้กับครอบครัวของท่านได้เช่นกัน ท่าน “ทุ่มเทให้ครอบครัวมาก และพวกเขามาเป็นอันดับแรกเสมอ” เธอกล่าว “เขาเป็นอธิการมาหลายปีและทํางานของศาสนจักรหลายงาน แต่ความรับผิดชอบเหล่านั้นไม่เคยเป็นเหตุกระทบต่อครอบครัวเลย เมื่อเขาอยู่บ้าน เขาใช้เวลาคุ้มค่าทุกนาที”15

ต่อมาในชีวิต ประธานและซิสเตอร์บัลลาร์ดชอบใช้เวลากับลูกหลาน และเหลนของพวกท่าน บุตรธิดาและหลานๆ ของท่านทะนุถนอมความทรงจําเรื่องการลาพักผ่อนกับครอบครัวในการไปเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักร เช่น พอลไมรา เคิร์ทแลนด์ และนอวู เข้าร่วมพิธีอุทิศพระวิหารเพรสตัน ประเทศอังกฤษในปี 1998 เดินทางในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ และการเดินทางไกลข้ามส่วนหนึ่งของเส้นทางผู้บุกเบิก

หลังจากภรรยาถึงแก่กรรมในเดือนตุลาคม ปี 2018 ประธานบัลลาร์ดกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอบพระทัยที่ได้รู้ว่าบาร์บาราสุดที่รักอยู่ที่ใดและเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งกับครอบครัวของเราชั่วนิรันดร”16

เข้มแข็งขึ้นด้วยมรดกแห่งศรัทธา

ในฐานะผู้สืบตระกูลของไฮรัมพี่ชายของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ รัสเซลล์ บัลลาร์ดภูมิใจกับบรรพชนผู้บุกเบิกของท่านเสมอ ปู่สองคนของท่านและปู่ทวดของท่านรับใช้ในโควรัมอัครสาวกสิบสอง หลังจากการเรียกของท่านเองสู่ตําแหน่งนั้น ประธานบัลลาร์ดกล่าวว่า “ข้าพเจ้าถือว่านี่เป็นพรที่ได้เป็นตัวแทนครอบครัวของโจเซฟกับไฮรัม และยอมรับต่อสาธารณชนว่าการทําตามคุณปู่ทวดของข้าพเจ้า โจเซฟ เอฟ. สมิธ และคุณปู่ทั้งสองของข้าพเจ้า ไฮรัม แมค สมิธ และเมลวิน เจ. บัลลาร์ด เข้ามาในสภาอัครสาวกสิบสองเป็นเกียรติและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าจะทําสุดความสามารถเพื่อเป็นผู้รับใช้แบบที่คู่ควรกับสิทธิกำเนิด

“หลายครั้งที่พี่น้องชายยืนยันกับข้าพเจ้าว่าพวกเขารู้สึกว่าบรรพบุรุษของข้าพเจ้าต้องสนับสนุนการเรียกของข้าพเจ้าในสภาอีกด้านหนึ่งเช่นเดียวกับฝ่ายประธานสูงสุดและสภาอัครสาวกสิบสองในด้านนี้ของม่าน”17

นิมิตที่เมลวิน เจ. บัลลาร์ดคุณปู่ของท่านเห็นเกี่ยวกับการน้อมรับพระผู้ช่วยให้รอดในพระวิหารซอลท์เลคช่วยให้ประธานบัลลาร์ดผ่านช่วงเวลายากลำบากต่างๆ มาได้18 และแผ่นสลักถ้อยคําสุดท้ายของคุณปู่ในความเป็นมรรตัย—“เหนือสิ่งอื่นใด พี่น้องทั้งหลาย ขอให้เราปรับความคิดให้กระจ่าง”—แขวนอยู่บนผนังในห้องทํางานของท่าน “ไม่มีวันใดในสัปดาห์ที่ข้าพเจ้าเข้าไปในห้องทํางานโดยไม่เห็นข้อความนั้น” ประธานบัลลาร์ดอธิบาย “ข้าพเจ้าพบว่าข้อความนั้นช่วยข้าพเจ้าอย่างมาก”19 โดยแท้แล้ว ถ้อยคำเรียบง่ายที่ว่า “คิดให้กระจ่าง” กลายเป็นคติพจน์ของครอบครัวสําหรับประธานบัลลาร์ดเมื่อท่านกระตุ้นให้สมาชิกครอบครัวคิดอย่างชัดเจนในการตัดสินใจที่ดีและจดจําความเรียบง่ายของพระกิตติคุณ20

ประธานบัลลาร์ดเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมของการพึ่งพาและสานต่อมรดกแห่งศรัทธาผ่านครอบครัว สําหรับท่าน ประวัติของศาสนจักรและศรัทธาของวิสุทธิชนยุคแรกเชื่อมโยงกับประวัติครอบครัวของท่านเองอย่างแน่นแฟ้น ท่านเตือนเราว่าเราทุกคนสามารถ “ได้รับความเข้มแข็งอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนของเรา จากการเข้าใจประวัติศาสนจักรของเรา”21 ถึงแม้ศรัทธามากมายของวิสุทธิชนได้รับการทดสอบผ่าน “การเดินทางของผู้บุกเบิกมอรมอนในศตวรรษที่ 19 แต่เราพึงจดจำว่าเราแต่ละคนยังต้อง ‘เดินทางฟันฝ่าชีวิตต่อไป!’ ขณะที่เราพิสูจน์ ‘ศรัทธาในทุกก้าว’”22

เอ็ม. รัสเซลล์บัลลาร์ดโยนลูกเบสบอล

เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดขว้างลูกแรกในพิธีเปิดก่อนเกมลอสแอนเจลีส ดอดเจอร์สในเดือนสิงหาคม ปี 2009

ภาพถ่ายโดย ลอรี เชพเลอร์ / AP

ความสําเร็จและความล้มเหลวด้านธุรกิจ

ในชีวิตการทํางาน รัสเซลล์ บัลลาร์ดทํางานในอุตสาหกรรมรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุน บทเรียนชีวิตที่สําคัญมาจากแหล่งที่คาดไม่ถึง และรัสเซลล์เรียนรู้ความสําคัญของการฟังคําแนะนําของบิดาและการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณทั้งในเรื่องทางวิญญาณและทางโลก

“บริษัทฟอร์ด มอเตอร์กําลังมองหาตัวแทนจําหน่ายรถรุ่นใหม่” ท่านเล่า “ผู้บริหารฟอร์ดเชิญคุณพ่อกับข้าพเจ้าไปชมรถที่พวกเขาจะนำออกแสดงและคิดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีเกินคาด เมื่อเราเห็นรถ คุณพ่อผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจมานานกว่า 35 ปีเตือนข้าพเจ้าเรื่องการเป็นตัวแทนจําหน่าย”

ประธานบัลลาร์ดอธิบายว่า “เมื่อข้าพเจ้าต่อสู้กับสิ่งนี้ ข้าพเจ้าทูลถามพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยทูลขอการนําทาง นั่นเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ เกี่ยวข้องกับเงินจํานวนมาก และกับคํามั่นสัญญามากมายในส่วนของข้าพเจ้า ทันทีที่ผมกับคุณพ่อเห็นรถ ผมมีความรู้สึกชัดเจนว่าจะไม่ไปต่อกับแฟรนไชส์นี้”

อย่างไรก็ดี ประธานบัลลาร์ดกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายฟอร์ดพูดโน้มน้าวจนข้าพเจ้าเลือกเป็นตัวแทนจําหน่ายเอ็ดเซลรายแรก—และรายสุดท้าย—ของซอลท์เลคซิตี้ และถ้าท่านไม่รู้ว่าเอ็ดเซลคืออะไร ให้ถามคุณปู่ของท่าน เขาจะบอกท่านว่าเอ็ดเซลเป็นความล้มเหลวเกินคาด”

ฟอร์ด เอ็ดเซล

รถฟอร์ด เอ็ดเซลซึ่งรัสเซลล์ บัลลาร์ดขายที่ตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ของเขาในซอลท์เลคซิตี้

ภาพถ่ายจาก Getty Images

ประธานบัลลาร์ดตั้งข้อสังเกตว่า “ข้าพเจ้ายอมให้ตนเองออกห่างจากการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณที่ข้าพเจ้าเคยมีก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้าทําตามคําแนะนําในภาคที่เก้าของพระคัมภีร์หลักคําสอนและพันธสัญญา แต่ข้าพเจ้าหวั่นไหวจากการตุ้นเตือนที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าเรียนรู้บทเรียนที่ว่า “เมื่อท่านยอมฟังและเรียนรู้คําสอนที่มีความหมายมากที่สุดบางอย่างจะมาจากคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนท่าน … เมื่อท่านฟังและตอบรับคําแนะนําของพวกเขา พวกเขาสามารถช่วยนําทางท่านให้เลือกสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ และเป็นพรแก่ท่าน และชี้นําท่านออกจากการตัดสินใจที่จะทําลายท่านได้”23

ถึงแม้ธุรกิจของท่านจะประสบผลสําเร็จมากทีเดียว แต่รัสเซลล์ใช้ความผิดพลาดครั้งนี้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่จะช่วยให้ท่าน “ปรับความคิดให้กระจ่าง” เกี่ยวกับการตัดสินใจในอนาคตเหล่านั้น24

การรับใช้พระเจ้า

หลังจากรับใช้เป็นอธิการสองครั้ง รัสเซลล์ บัลลาร์ดรับใช้ในสภาสูงและเป็นผู้ให้คําปรึกษาโควรัมฐานะปุโรหิตก่อนได้รับเรียกในเดือนกรกฎาคม ปี 1974 เพื่อเป็นประธานคณะเผยแผ่แคนาดา โทรอนโต การเรียกนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการเตรียมอันล้ำค่าสําหรับงานมอบหมายการรับใช้เต็มเวลาในอนาคตของท่านในศาสนจักร สองปีต่อมา วันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1976 ท่านได้รับเรียกเป็นสมาชิกโควรัมที่หนึ่งแห่งสาวกเจ็ดสิบ ท่านได้รับเรียกให้อยู่ในฝ่ายประธานโควรัมนั้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1980 ท่านได้รับเรียกเป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1985 เมื่ออายุ 57 ปี การแต่งตั้งท่านสู่การเรียกนั้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1985 โดยประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (1895–1985) เป็นศาสนพิธีฐานะปุโรหิตสุดท้ายที่ประธานคิมบัลล์ทําก่อนท่านถึงแก่กรรม

วันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018 หลังจากมรณกรรมของประธานโธมัส เอส. มอนสัน (1927–2018) และการวางมือมอบหน้าที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเป็นประธานศาสนจักรคนที่ 17 ประธานบัลลาร์ดได้รับการวางมือมอบหน้าที่เป็นรักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ประธานบัลลาร์ดและประธานเนลสัน

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันและประธานบัลลาร์ดนอกนครรัฐวาติกันในโรม อิตาลีเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019

ความสามารถของท่านในฐานะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ประธานบัลลาร์ดมีโอกาสร่วมงานของพระเจ้าในหลายๆ ด้าน ท่านรับใช้เป็นผู้อํานวยการบริหารแผนกผู้สอนศาสนา และกํากับดูแลแผนกหลักสูตรและความสัมพันธ์ด้วย ท่านช่วยดูแลคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ของศาสนจักรด้วย

ในปี 1980 ท่านอนุมัติให้สร้างโบสถ์แห่งแรกในไนจีเรีย สี่ปีต่อมาท่านกลับไปแอฟริกา เดินทางไปเอธิโอเปียหลังเกิดความอดอยากเพื่อตัดสินใจว่าจะแจกจ่ายเงินทุนที่มาจากการอดอาหารพิเศษทั่วศาสนจักรอย่างไร เกลนน์ แอล. เพซ ผู้อํานวยการบริหารแผนกสวัสดิการของศาสนจักรในขณะนั้น ทั้งสองท่านประชุมกับสมาชิกคนเดียวของศาสนจักรในเอธิโอเปียในเวลานั้น เป็นผู้ดํารงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค ระหว่างการประชุมนั้นประธานบัลลาร์ดกล่าวคําสวดอ้อนวอนและอวยพรเอธิโอเปีย ตามที่บราเดอร์เพซเล่า “ท่านเรียกหาพลังอํานาจและสิทธิอํานาจของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคอันศักดิ์สิทธิ์และบัญชาองค์สสารต่างๆ ให้มารวมกันนําฝนมาสู่แผ่นดิน เพื่อเริ่มบรรเทาทุกข์คนที่ทนทุกข์มาหลายปี ฝนไม่ตกเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว มีการสวดอ้อนวอนนี้ในตอนเช้าวันอาทิตย์ที่แจ่มใสและแดดจ้า”

ต่อมาในวันนั้น บราเดอร์เพซเล่าว่า “ผมนั่งที่โต๊ะตัวเล็กๆ ขณะเขียนบันทึกส่วนตัวเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ผมออกไปที่ลานบ้านทันเวลาพอดีที่จะเห็นฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก … ผมลงไปที่โถงทางเดินและเคาะประตูห้องเอ็ลเดอร์บัลลาร์ด เมื่อท่านมาที่ประตู ผมบอกได้ว่าท่านรู้สึกตื้นตัน [อย่างที่ผมเป็น] เรากล่าวคําสวดอ้อนวอนน้อมขอบพระทัยและกลับไปสู่พื้นที่ส่วนตัวในห้องและความคิดของเราเอง นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าเราเดินทางไปที่ใด ฝนก็ตก”25 สำหรับประธานบัลลาร์ด นั่นเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต

เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดในเอธิโอเปีย

เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดเยือนเอธิโอเปียระหว่างเกิดความอดอยากในปี 1985 เพื่อคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการใช้เงินมากกว่า 6 ล้านดอลลาร์ที่สมาชิกศาสนจักรบริจาคระหว่างการอดอาหารพิเศษ

ประสบการณ์ที่น่าจดจําอีกอย่างหนึ่งคือในปี 1988 เมื่อประธานบัลลาร์ดจัดตั้งสเตคใหม่เจ็ดสเตคในลิมา เปรูในหนึ่งสุดสัปดาห์ เอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ดคุณปู่ของท่านอุทิศอเมริกาใต้สําหรับการสั่งสอนพระกิตติคุณในปี 1925 โดยมองเห็นล่วงหน้าถึงการเติบโตอันน่าทึ่งของศาสนจักรที่นั่น ประธานบัลลาร์ดกล่าวว่า “[ประสบการณ์นี้] ได้มอบ … ความรู้สึกพิเศษแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ารู้สึกถึงอิทธิพลของคุณปู่ในวิธีที่ค่อนข้างน่าตื่นเต้นที่รู้ว่าข้าพเจ้ากําลังทําให้คําพยากรณ์อันน่าทึ่งของท่านบางส่วนเกิดสัมฤทธิผล”26

การสอน

ตลอดการสอนทั้งหมดของท่าน ประธานบัลลาร์ดเน้นความสําคัญของการได้รับประจักษ์พยานและแบ่งปันข่าวสารพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูว่า “ถ้าเราไม่เข้าใจและเต็มใจสอนผู้อื่นถึงการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ แล้วใครจะสอนเล่า?”27 ท่านมักจะท้าทายสมาชิกให้กําหนดวันซึ่งจะหาคนที่พวกเขาจะแบ่งปันพระกิตติคุณให้ได้ และท่านติดตามผลความท้าทายเหล่านั้น

ท่านยกย่องบทบาทสําคัญของสตรีในบ้านและศาสนจักร สอนวิธีใช้สภาอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนงานของผู้สอนศาสนาเต็มเวลาและสมาชิกผู้สอนศาสนา ด้วยเหตุนี้เพื่อนอัครสาวกคนหนึ่งจึงเล่นคำว่าอักษรตัว “เอ็ม.” ในชื่อของท่านหมายถึง “ผู้สอนศาสนา”28

ท่านกระตุ้นผู้สอนศาสนาและสมาชิกทั่วโลกด้วยทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับงานเผยแผ่ศาสนา ที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ ท่านเตือนนักเรียน หลายคนเคยเป็นอดีตหรือผู้หวังเป็นผู้สอนศาสนาว่า “การเติบโตของศาสนจักร … แท้จริงแล้วอยู่ในมือท่านและในมือข้าพเจ้า และในมือของสมาชิกที่แข็งขันของศาสนจักร” ท่านกล่าวว่าเมื่อท่านเคยได้ยินว่าจะต้องแบ่งปันพระกิตติคุณกับทุกจิตวิญญาณที่มีชีวิต “ข้าพเจ้าจะพูดกับตนเองว่า … พระเจ้าทรงขอให้เราทําสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ [แต่] นั่นไม่จริงเลย เป็นไปไม่ได้หากการเป็นสมาชิกของศาสนจักรจะให้คำมั่นของตนในสิ่งที่พระองค์ทรงขอให้พวกเขาทํา และนั่นคือการมีส่วนอย่างแข็งขันในการนำพระกิตติคุณออกไปสู่แผ่นดินโลก”

“เราไม่ต้องกังวลกับการให้ศาสนจักรนี้เติบโต” ท่านกล่าว “พระเจ้าจะทรงจัดหาและพระเจ้าจะทรงยกขึ้น พระเจ้าจะทรงดลใจและพระเจ้าจะทรงทําให้งานของพระองค์เติบโตอย่างต่อเนื่อง … ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่าน จากนั้น และทรงอวยพรข้าพเจ้า ว่าเราจะมีความกล้าหาญ วิจารณญาณที่ดี วินัยส่วนตัวและการเตรียมพร้อม เพื่อเราจะพร้อมทําส่วนของเราทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ในการสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าทั่วแผ่นดินโลก”29

ประธานบัลลาร์ดและคนอื่นๆ ในสก็อตแลนด์

พบกับผู้นำรัฐบาลในสก็อตแลนด์เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2021 ประธานบัลลาร์ดเยือนสุสานที่ปู่ย่าของทวดท่านไปโบสถ์และถูกฝังไว้ที่บริเวณโดยรอบ

ประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู

ประจักษ์พยานที่ปลูกไว้ในวัยเด็กเข้มแข็งขึ้นระหว่างงานเผยแผ่ของท่าน และเสริมสร้างความเข้มแข็งตลอดชีวิตการรับใช้ของท่าน หยั่งรากในความเรียบง่ายของความจริงแห่งพระกิตติคุณเสมอ “ข้าพเจ้าเปล่งเสียงสู่คนทั้งโลกในประจักษ์พยานว่าข้าพเจ้ารู้โดยไม่ลังเลหรือมีคําถามว่าโจเซฟ สมิธเปิดสมัยการประทานนี้ผ่านการเปิดเผยจากสวรรค์และเริ่มการฟื้นฟูศาสนจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์สู่แผ่นดินโลก”30

ผู้นําศาสนจักรที่ศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวของพระวิหารโรม อิตาลี

กับฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองสําหรับพิธีอุทิศพระวิหารโรม อิตาลีในปี 2019

ท่านประกาศว่าศรัทธาของเรา “ต้องมีศูนย์กลางอยู่ในพระเยซูคริสต์ ในพระชนม์ชีพของพระองค์ ในการชดใช้ของพระองค์ และในการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์สู่แผ่นดินโลกในวันเวลาสุดท้าย …

“ไม่มีสิ่งใดน่าทึ่งหรือสําคัญในชีวิตนี้มากไปกว่าการรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ได้ตรัสจากสวรรค์อีกครั้งและทรงเรียกศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกให้สอนความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณอันเป็นนิจบนแผ่นดินโลกอีกครั้ง”31

แน่นอนว่าชั่วชีวิตของการรับใช้และการอุทิศตนของท่านในการเร่งงานของพระเจ้าช่วยให้ท่านเป็นคนที่พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านเป็น “ความเข้าใจพระกิตติคุณของข้าพเจ้าให้การนําทางข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าควรเป็นบิดาและปู่แบบใด ประจักษ์พยานที่ได้รับในวัยเยาว์ช่วยให้ข้าพเจ้าตอบรับทุกการเรียกในศาสนจักร รวมถึงการเรียกอันท่วมท้นในปัจจุบันให้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง ประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเมื่อนานมาแล้วตรงมุมถนนของอังกฤษเติบโตเป็นบรรทัดมาเติมบรรทัดและกฎเกณฑ์มาเติมกฎเกณฑ์ จนข้าพเจ้าจะยืนอยู่ต่อหน้าท่านได้ … และเป็นพยานในฐานะพยานพิเศษของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงพระชนม์และพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเรา ชีวิตข้าพเจ้าไม่เคยเป็นเหมือนเดิมตั้งแต่ข้าพเจ้ายึดจิตวิญญาณไว้กับความจริงของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์”32

หมายเหตุ

  1. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “การชดใช้และค่าของจิตวิญญาณเดียว,” เลียโฮนา, พ.ค. 2004, 104.

  2. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Purity Precedes Power,” Ensign, พ.ย. 1990, 35–36.

  3. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “ผู้สอนศาสนารุ่นเยี่ยมยอด,” เลียโฮนา, Nov. 2002, 58.

  4. ใน เคทลีน ลูเบค, “Elder M. Russell Ballard: True to the Faith,” Ensign, มี.ค. 1986, 6.

  5. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “จงทำงานอย่างทุ่มเท,” หรือ เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 29.

  6. ดู ลูเบค, “Elder M. Russell Ballard,” 6; Carolyn Hyde, On the Lord’s Errand: A Biography of Elder M. Russell Ballard of the Quorum of the Twelve Apostles (2007), 35–36.

  7. ดู ไฮด์, On the Lord’s Errand, 32.

  8. ดู ลูเบค, “Elder M. Russell Ballard,” 6; ไฮด์, On the Lord’s Errand, 36.

  9. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด “พระเจ้าทรงต้องการท่านเดี๋ยวนี้!Ensign, ก.ย. 2015, 31; เลียโฮนา, ก.ย. 2015, 12.

  10. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Sharing the Gospel Using the Internet,” Ensign, July 2008, 62.

  11. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Anchor to the Soul” (Brigham Young University devotional, Sept. 6, 1992), 5–6, speeches.byu.edu.

  12. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Prepare to Serve,” Ensign, พ.ค. 1985, 41–42.

  13. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “การติดตามผล,” หรือ เลียโฮนา, พ.ค. 2014, 78

  14. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด “ธิดาของพระผู้เป็นเจ้าเลียโฮนา, พ.ค. 2008 หน้า 132.

  15. บาร์บารา บี. บัลลาร์ด, ใน ลูเบค, “Elder M. Russell Ballard,” 9.

  16. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด “นิมิตเรื่องการไถ่คนตายเลียโฮนา, พ.ย. 2018, 73).

  17. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Choose to Serve” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์, 14 ม.ค. 1986), 2, speeches.byu.edu.

  18. ดูตัวอย่าง ประสบการณ์ของประธานบัลลาร์ดในฐานะอธิการในการช่วยเหลือวอร์ดของท่านระดมทุนเพื่อชำระค่าอาคาร (“The Blessings of Sacrifice,” Ensign, พ.ค. 1992, 76).

  19. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Let Us Think Straight” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์, 29 พ.ย. 1983), 2; speeches.byu.edu.

  20. ดู ไฮด์, On the Lord’s Errand, 21–22.

  21. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Hyrum Smith: ‘Firm as the Pillars of Heaven,’Ensign, พ.ย. 1995, 6.

  22. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “เดินทางต่อไป!เลียโฮนา, พ.ย. 2017, 105).

  23. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “เรียนบทเรียนจากอดีต,” เลียโฮนา, พ.ค. 2009, 37; เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Let Us Think Straight,” 6.

  24. ดู ไฮด์, On the Lord’s Errand, 49.

  25. เกลนน์ แอล. เพซ, ใน ไฮด์, On the Lord’s Errand, 260–61.

  26. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Reflections on the Life of Melvin J. Ballard” (address given at Cache Valley Heritage: Mormon Religious Leaders and Their Origins, พ.ค. 4, 1991), ใน ไฮด์, On the Lord’s Errand, 409–10.

  27. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “บัดนี้ถึงเวลาแล้ว,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001, 104.

  28. ดู ไฮด์, On the Lord’s Errand, 203.

  29. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Future Challenges for an International Church” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์, พ.ย. 8, 1984), speeches.byu.edu.

  30. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Marvelous Are the Revelations of the Lord,” Ensign, พ.ค. 1998, 32.

  31. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Anchor to the Soul,” 2.

  32. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “Anchor to the Soul,” 6.