“หลักธรรม—อะไร,” แนวทางสำหรับค่ายโควรัมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน (2019)
“หลักธรรม—อะไร,” แนวทางสำหรับค่ายโควรัมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน
หลักธรรม—อะไร
อยู่กับพวกเขา
ในบรรดาปัจจัยที่สำคัญที่หล่อหลอมประจักษ์พยานของเยาวชนชายคือความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่นผู้แน่วแน่ในพระกิตติคุณ ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างเพื่อน บิดามารดา และผู้นำสำคัญต่อการทำให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสในเยาวชนชายลึกซึ้งขึ้น
ค่ายให้โอกาสใช้เวลาที่มีความหมายกับเยาวชนชายแต่ละคน ขณะที่ท่านทำความรู้จักใจและความปรารถนาของเยาวชนชาย ความทะเยอทะยานและความกลัวของพวกเขา พรสวรรค์และความอ่อนแอของพวกเขา พวกเขาจะรู้ว่าท่านห่วงใย เมื่อพวกเขารู้ว่าท่านห่วงใย อิทธิพลที่นำทางของท่านจะนำพวกเขาไปสู่พระผู้ช่วยให้รอด
การอยู่กลางแจ้งจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เยาวชนชายสามารถเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นเมื่อพวกเขาทำงานด้วยกัน บรรลุงานที่ท้าทาย สนุกสนาน และเรียนรู้ที่จะปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น ในฐานะผู้นำโควรัมและผู้ให้คำปรึกษา ท่านสามารถเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติศาสนกิจได้เมื่อท่านหนุนใจผู้อื่น เสริมสร้างความสัมพันธ์กับและพัฒนาความวางใจในบรรดาเยาวชนชาย และช่วยให้ทุกคนมีส่วนร่วม พวกเขาเรียนรู้โดยการดู—จากนั้นทำ
ท่านมีโอกาสยอดเยี่ยมในการปฏิบัติต่อเยาวชนชายแต่ละคนในวิธีต่อไปนี้:
-
สวดอ้อนวอนให้เยาวชนชายแต่ละคนก่อนมาค่ายและแต่ละวันระหว่างค่าย
-
ใช้เวลาทำความรู้จักเยาวชนชายแต่ละคน
-
พึงแน่ใจว่าเยาวชนชายแต่ละคนมีส่วนร่วมและรู้สึกว่าเป็นที่รัก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา ขาดการสนับสนุน หรือเริ่มหลงไป
-
ทำความดีและการรับใช้ง่ายๆ และเชิญเยาวชนชายทำแบบเดียวกัน
-
เตรียมแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านทั้งโดยไม่เตรียมและในสภาวการณ์ที่วางแผนไว้
เชื่อมโยงพวกเขากับสวรรค์
ค่ายเปิดโอกาสที่พิเศษและยั่งยืนในการเชื่อมโยงเยาวชนชายกับพระบิดาบนสวรรค์ของพวกเขา ผู้นำโควรัมและผู้ให้คำปรึกษาวางแผนแต่ละวันโดยถามว่า “เราจะสร้างโอกาสใดเพื่อให้เยาวชนชายแต่ละคนมีประสบการณ์ทางวิญญาณของตนเอง?” จุดประสงค์หลักของการเข้าค่ายคือเพื่อช่วยเยาวชนชายเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระกิตติคุณ เยาวชนชายแต่ละคนควรกลับจากค่ายโดยมีรู้ดีขึ้นเกี่ยวกับแหล่งการนำทางทางวิญญาณและทางโลก
ขณะที่ท่านวางแผนสอนที่ค่าย พิจารณาความรู้และทักษะที่จะช่วยเยาวชนชายแต่ละคนทำหน้าที่ฐานะปุโรหิตของเขาให้เกิดสัมฤทธิผลและเตรียมเขาเป็นผู้สอนศาสนาที่ขยันหมั่นเพียร สามีที่ซื่อสัตย์ และบิดาที่เปี่ยมด้วยความรัก จัดให้มีโอกาสที่สมดุลเพื่อรับใช้ผู้อื่นและพัฒนาตนเองทางวิญญาณ สังคม ร่างกาย และสติปัญญา (ดู ลูกา 2:52) ให้พิจารณากิจกรรมที่เน้นย้ำนิสัยที่ศักดิสิทธิ์และกิจวัตรที่ชอบธรรมของการศึกษาพระคัมภีร์ประจำวัน การสวดอ้อนวอนส่วนตัว การกลับใจ การเชื่อฟัง และการถือปฏิบัติวันสะบาโตด้วย
เยาวชนชายมักได้รับเพิ่มเติมจากการสนทนาพระกิตติคุณกว่าการฟังการบรรยายเกี่ยวกับพระกิตติคุณ ใช้ทุกโอกาสเพื่อให้เยาวชนชายได้พูดเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา ค่ายสามารถเปิดโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการที่จะเชื่อมโยงเยาวชนชายกับสวรรค์
ให้พวกเขานำ
เช่นเดียวกับทุกคน เยาวชนชายปรารถนาที่จะรู้สึกว่าเป็นที่ต้องการ พวกเขาต้องการรู้สึกว่าท่านวางใจและได้รับงานมอบหมายที่สำคัญ เยาวชนชายที่รู้สึกไม่ค่อยสนใจเรื่องความรับผิดชอบฐานะปุโรหิตของเขามีแนวโน้มจะรู้สึกหนักใจเนื่องจากโลก
เยาวชนชายพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำเมื่อพวกเขาวางแผนและนำค่าย ผู้ให้คำปรึกษาสามารถช่วยเยาวชนชายเรียนรู้ในการนำโดยการสนับสนุนและชี้นำขณะที่ฝ่ายประธานโควรัมวางแผนค่าย ช่วยพวกเขาเรียนรู้วิธี:
-
รับใช้
-
สอน
-
มอบหมายงาน
-
สื่อสารความคาดหวัง
-
ติดตามงานมอบหมาย
พิจารณาสิ่งที่เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์กล่าวไว้: “เราประเมินความสามารถพวกเขาต่ำและประเมินประสบการณ์พวกเขาสูง” (“You Can Teach in the Savior’s Way” [การประชุมการอบรมผู้นำทั่วโลก, 5 พ.ย. 2016], broadcasts.ChurchofJesusChrist.org)
นอกจากฝ่ายประธานโควรัมแล้ว สามารถมอบหมายความรับผิดชอบด้านต่างๆ ของค่ายให้เยาวชนชายคนอื่นด้วย ผู้ให้คำปรึกษาโควรัมช่วยสนับสนุน สอน และชี้นำเยาวชนชายให้ประสบความสำเร็จในการทำให้งานมอบหมายของพวกเขาเกิดสัมฤทธิผลเพื่อว่าเยาวชนทุกคนจะเรียนรู้ที่จะนำ
ผู้นำโควรัมหารือกับฝ่ายอธิการและผู้ให้คำปรึกษาโควรัมขณะที่พวกเขาวางแผน ดำเนินการ และประเมินค่าย พวกเขามอบหมายงานให้กับเยาวชนชายอื่นๆ ในโควรัม
ผู้ให้คำปรึกษาควรยั้งความต้องการรับความรับผิดชอบที่เป็นของเยาวชนชายมาทำเอง