2 นีไฟ 9:50–52

“จงมาเฝ้าพระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล”

ท่านเคยคาดหวังความสุขที่ยิ่งใหญ่จากบางสิ่งบางอย่าง แต่ผิดหวังในภายหลังหรือไม่? เจคอบสรุปการเทศนาของเขาโดยให้คำแนะนำชาวนีไฟให้หลีกเลี่ยงการใช้เวลาหรือเงินในสิ่งที่จะไม่ให้ความพึงพอใจที่ยั่งยืน เขาเชื้อเชิญคนเหล่านั้นมาหาพระเยซูคริสต์และดื่มด่ำพระพรจากพระกิตติคุณ บทเรียนนี้มีเจตนาจะช่วยให้ท่านรู้สึกถึงความปรารถนาในการแสวงหาพรและความพึงพอใจ ซึ่งมีแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ให้ได้

กิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นไปได้

สนองความหิวและความกระหาย

ลองนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตเมื่อท่านหิวหรือกระหายน้ำมากๆ

• อาหารหรือเครื่องดื่มใดที่น่าพึงพอใจและเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้? อาหารหรือเครื่องดื่มอะไรที่ไม่เหมาะสม? เพราะเหตุใด?

ท่านอาจสังเกตได้ว่าวิญญาณก็เหมือนกับร่างกายของเราที่ต้องการการบำรุงเลี้ยงและความพึงพอใจ

• มีวิธีใดบ้างที่เราจะจัดหาการบำรุงเลี้ยงและความพึงพอใจแบบยั่งยืนให้กับวิญญาณของเรา?

• มีสิ่งใดบ้างที่ผู้คนจะหันไปหาเพื่อความพึงพอใจจนทำให้รู้สึกว่างเปล่าทางวิญญาณ?

• ท่านคิดว่าเหตุใดบางครั้งผู้คนจึงหันไปหาสิ่งที่ไม่นำมาซึ่งความพึงพอใจที่ยั่งยืน?

ลองคิดดูว่าคำถามต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของตัวท่านเองอย่างไร

• มีสิ่งที่ทำให้ท่านหันไปหาความสุขและความอิ่มเอม แต่ไม่ตอบสนองต่อความปรารถนาหรือไม่? อะไรที่ช่วยให้ท่านรู้สึกถึงความสงบสุขและความสุขแบบยั่งยืนในชีวิต?

• ขณะศึกษาในวันนี้ ให้มองหาความจริงที่จะช่วยให้ท่านได้รับพรและความพึงพอใจ ซึ่งมีแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่จะให้ได้

“ดื่มด่ำสิ่งที่ไม่เสื่อมถอย”

ทวนความจำจากการศึกษา 2 นีไฟ 9:27–49 ว่าเจคอบเตือนผู้คนของเขาไม่ให้ร่วมทำบาป จากนั้นเจคอบจึงสรุปคำกล่าวของเขาด้วยคำเชื้อเชิญที่สำคัญ

อ่าน 2 นีไฟ 9:50–52 เพื่อมองหาคำเชื้อเชิญที่เจคอบส่งไปให้ผู้คนของเขา

• มีถ้อยคำหรือวลีใดบ้างจากข้อเหล่านี้ที่ท่านพบว่าสำคัญ? เพราะเหตุใด?

• ข้อเหล่านี้ช่วยให้ท่านเข้าใจถึงความปรารถนาที่พระเยซูคริสต์ทรงมีต่อเราอย่างไร? ข้อเหล่านี้สอนอะไรท่านเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้เรา?

ความจริงอย่างหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากข้อเหล่านี้คือ เมื่อเรามาหาพระเยซูคริสต์ จิตวิญญาณของเราอิ่มเอม

ใช้การอ้างโยงเพื่อเพิ่มความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การค้นหาข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านกำลังศึกษาอาจเป็นหนทางที่ช่วยเพิ่มความเข้าใจและความซาบซึ้งในสิ่งที่มีอยู่ในพระคัมภีร์

ฝึกทักษะนี้โดยการหาข้ออ้างโยงที่เกี่ยวข้องกับคำสอนใน 2 นีไฟ 9:50–52

ลองสร้างแผนภาพที่คล้ายกันกับสิ่งต่อไปนี้ในสมุดบันทึกการศึกษา แล้วเขียน “2 นีไฟ 9:50–52” ตรงกลางวงกลม เมื่อท่านพบพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องและต้องการจดจำ ให้เขียนข้ออ้างอิงในวงกลมอีกวงได้

ขั้นตอนแรกในการค้นหาข้ออ้างโยงอาจเป็นการมองหาข้ออ้างอิงในพระคัมภีร์และหัวข้อที่ระบุในเชิงอรรถ ต่อไปให้ลองหาคำสำคัญจาก 2 นีไฟ 9:50–52 แล้วค้นหาคำเหล่านั้นหรือคำที่เกี่ยวข้องใน คู่มือพระคัมภีร์ คู่มือเฉพาะเรื่อง หรือฟังก์ชันการค้นหา คลังข้อมูลพระกิตติคุณ

นี่คือคำหรือวลีที่ท่านอาจค้นหา: มาหา; น้ำดำรงชีวิต; ความพึงพอใจ; สดับฟัง; งานเลี้ยง; การสวดอ้อนวอน; การน้อมขอบพระทัย; ชื่นชมยินดี

1. ทำสิ่งต่อไปนี้ให้เสร็จ:

   • ข้ออ้างโยงอย่างน้อยสองข้อใดที่ท่านพบ?

   • ข้ออ้างโยงเพิ่มความเข้าใจหรือความซาบซึ้งในคำสอนของ 2 นีไฟ 9:50–52 อย่างไร?

การประยุกต์ใช้สิ่งที่ท่านเรียนรู้

นึกถึงสิ่งที่ท่านเรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ในวันนี้ และวิธีที่คำสอนเหล่านี้จะเป็นพรแก่ท่านได้ในสภาวการณ์ปัจจุบัน

2. เพื่อช่วยให้ท่านประมวลผลสิ่งที่ได้เรียนรู้ โปรดตอบคำถามต่อไปนี้อย่างน้อยสองข้อ:

   • วันนี้ท่านเรียนรู้หรือรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่ท่านต้องการจดจำ?

   • การเลือกติดตามพระเยซูคริสต์จะทำให้จิตวิญญาณของท่านมีความพึงพอใจอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?

   • มีทางเลือกที่เจาะจงแบบใดบ้างที่ท่านอาจทำได้ เพื่อนำความพึงพอใจอย่างยั่งยืนมาสู่ชีวิตท่านโดยผ่านพระเยซูคริสต์?

ทางเลือก: ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่?

2 นีไฟ 9:50–51 เจคอบหมายความว่าอย่างไรเมื่อเขากล่าวว่า “ไม่เสียเงินตราและไม่คิดราคา”

ทุกคนสามารถรับพรที่พระเยซูคริสต์ประทานให้ ไม่ว่าจะมีสถานะทางการเงินหรือคุณสมบัติทางโลกอื่นใด แม้พรเหล่านี้ไม่ได้เรียกร้องเงินตรา แต่ก็มีบางอย่างให้เราต้องทำเพื่อให้ได้มา ฉันจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวบรวมอิสราเอลได้จากที่ใด?

เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า:

เมื่อเราถูกขอให้ทำเรื่องยากๆ แม้เรื่องที่ขัดกับความปรารถนาในใจ พึงระลึกว่าความภักดีที่เราปฏิญาณต่ออุดมการณ์ของพระคริสต์ต้องเป็นความจงรักภักดีสูงสุดในชีวิตเรา ถึงแม้อิสยาห์จะรับรองกับเราว่าอุดมการณ์นี้ “ไม่ต้องเสียเงินและค่าใช้จ่าย” [อิสยาห์ 55:1]—แต่นั่นคือ—เราต้องพร้อมสละ “อย่างน้อยทุกอย่าง” ดังถ้อยคำที่ที. เอส. เอเลียตเขียนไว้ [“ลิตเติล กิดดิงก์” ใน ที. เอส. เอเลียต: บทกวีที่รวบรวมไว้, 1909–1962 (1963), 209] (เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ “ทรัพย์สิ่งของจำนวนมาก” เลียโฮนา พ.ย. 2021, 9)

ประธานมาเรียน จี. รอมนีย์ (1897–1988) แห่งฝ่ายประธานสูงสุดสอนว่า:

เมื่อชีวิตโลกสิ้นสุดลงและสิ่งต่างๆ ปรากฏในมุมมองที่แท้จริง เราจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและตระหนักถึงสิ่งที่พระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ได้บอกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าผลของพระกิตติคุณเป็นเพียงวัตถุประสงค์เดียวที่คู่ควรแก่ความพยายามอย่างเต็มที่ของชีวิต ผู้ครอบครองจะได้รับความมั่งคั่งที่แท้จริง ซึ่งมั่งคั่งในมุมมองด้านคุณค่าของพระเจ้า (มาเรียน จี. รอมนีย์, ใน Conference Report, ต.ค. 1949, 39)

สิ่งที่พระเยซูคริสต์ประทานแก่เราแตกต่างจากความสุขของโลกอย่างไร?

เอ็ลเดอร์ยูลิซีส ซวาเรส แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า:

คนทุกหนแห่งกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่าง สิ่งที่พวกเขากำลังมองหาอย่างแท้จริงในแบบของตนเอง ก็คือความสุข แต่ความจริงแล้วมีคนจำนวนมากไม่มีความสุข “เพราะพวกเขาหารู้ไม่ว่าจะพบได้จากที่ใด” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 123: 12)

เพราะไม่รู้ว่าจะพบความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนได้จากที่ใด พวกเขาจึงมองหาในสิ่งที่นำความพอใจมาให้ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น—เช่น การซื้อของ แสวงหาเกียรติและคำสรรเสริญจากโลกผ่านพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือมุ่งแต่ความสวยงามและความดึงดูดทางร่างกาย

ความพึงพอใจมักเข้าใจผิดว่าเป็นความสุข ดูเหมือนว่ายิ่งผู้คนแสวงหาความพึงพอใจชั่วครู่ชั่วยามมากเพียงใด พวกเขายิ่งมีความสุขน้อยลงเพียงนั้น โดยปกติความพึงพอใจจะดำรงอยู่เพียงช่วงสั้นๆ (Ulisses Soares, “Paths to True Happiness,” Ensign, Apr. 2018, 14)