4. การฟื้นฟู, เอกสารหลักผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอน (2018)
4. การฟื้นฟู
4.1. พระผู้เป็นเจ้าทรงฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์ในยุคสุดท้ายโดยทรงสถาปนาความจริง สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต และศาสนจักรของพระองค์ขึ้นอีกครั้งบนแผ่นดินโลก ศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณทำนายถึงการฟื้นฟูพระกิตติคุณในยุคสุดท้าย (ดู อิสยาห์ 29:13–14; กิจการของอัครทูต 3:19–21)
4.2. การฟื้นฟูเริ่มต้นในปี 1820 พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ทรงปรากฏต่อโจเซฟ สมิธเพื่อตอบคำสวดอ้อนวอนของท่าน และทรงเรียกท่านเป็นศาสดาพยากรณ์แห่งการฟื้นฟู (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:15–20)
4.3. พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นพยานในยุคสุดท้ายถึงพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ ในฐานะศาสดาพยากรณ์แห่งการฟื้นฟู โจเซฟ สมิธแปลพระคัมภีร์มอรมอนด้วยของประทานและอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า (ดู คพ. 135:3) พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ร่วมกับพระคัมภีร์ไบเบิล และมีความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณ (ดู เอเสเคียล 37:15–17) พระคัมภีร์มอรมอนยังเป็นพยานถึงการเรียกโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์และความจริงของการฟื้นฟู
4.4. ในฐานะส่วนหนึ่งของการฟื้นฟู พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งเทพผู้ส่งสารมาฟื้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนและฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเด็ค จากนั้นพระองค์ทรงกำกับดูแลให้จัดตั้งศาสนจักรของพระองค์ขึ้นใหม่บนแผ่นดินโลกในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 เนื่องจากศาสนจักรได้รับการจัดตั้งจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจึงเป็น “ศาสนจักรที่แท้จริงและดำรงอยู่แห่งเดียวตลอดทั้งพื้นพิภพ” (คพ. 1:30)
ข้ออ้างอิงที่เกี่ยวข้อง: อาโมส 3:7; เอเฟซัส 2:19–20; เอเฟซัส 4:11–14; คพ. 13:1; คพ. 76:22–24; คพ. 107:8
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง: พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์; ศาสดาพยากรณ์และการเปิดเผย
การละทิ้งความเชื่อ
4.5. มีความต้องการสำหรับการฟื้นฟูความจริง สิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต และศาสนจักรของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสุดท้ายเพราะการละทิ้งความเชื่อ การละทิ้งความเชื่อเกิดขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งคนหรือมากกว่านั้นปฏิเสธความจริงแห่งพระกิตติคุณ
4.6. หลังจากการตรึงกางเขนของพระผู้ช่วยให้รอดและความตายของอัครสาวกของพระองค์ ผู้คนมากมายปฏิเสธความจริงที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสถาปนาไว้ (ดู 2 เธสะโลนิกา 2:1–3) หลักธรรมพระกิตติคุณและพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์บางส่วนถูกบิดเบือนหรือสูญหาย มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้รับความเห็นชอบเกิดขึ้นในองค์การศาสนจักรและศาสนพิธีฐานะปุโรหิต เพราะความชั่วร้ายที่แพร่ไปทั่ว พระเจ้าจึงทรงถอดถอนสิทธิอำนาจและกุญแจของฐานะปุโรหิตจากแผ่นดินโลก แม้จะมีคนดีและซื่อสัตย์มากมายผู้นมัสการพระผู้เป็นเจ้าตามความสว่างที่พวกเขามีและได้รับคำตอบการสวดอ้อนวอน แต่โลกก็ถูกทิ้งไว้โดยปราศจากการเปิดเผยจากสวรรค์ผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต ช่วงเวลานี้เรียกว่าการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่
4.7. มีช่วงเวลาอื่นๆ อีกตลอดประวัติศาสตร์โลกที่มีการละทิ้งความเชื่อทั่วไปเกิดขึ้น
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง: ศาสดาพยากรณ์และการเปิดเผย; ฐานะปุโรหิตและกุญแจฐานะปุโรหิต; ศาสนพิธีและพันธสัญญา
สมัยการประทานพระกิตติคุณ
4.8. เมื่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าตกอยู่ในสภาพของการละทิ้งความเชื่อ พระองค์ทรงเอื้อมออกไปหาพวกเขาด้วยความรักโดยทรงเรียกศาสดาพยากรณ์และประทานพรแห่งพระกิตติคุณแก่ผู้คนอีกครั้งผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ ช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงเปิดเผยความจริง ประทานสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต และศาสนพิธีเรียกว่าสมัยการประทาน เป็นช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงมีผู้รับใช้ที่ได้รับสิทธิอำนาจอย่างน้อยหนึ่งคนบนแผ่นดินโลก ผู้ซึ่งดำรงฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์และมีภาระหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ในการเผยแพร่พระกิตติคุณและประกอบศาสนพิธีในนั้น
4.9. สมัยการประทานต่างๆ ได้แก่ สมัยอาดัม เอโนค โนอาห์ อับราฮัม โมเสส พระเยซูคริสต์ และอื่นๆ การฟื้นฟูพระกิตติคุณยุคสุดท้าย ซึ่งพระเจ้าทรงเริ่มต้นผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบสมัยการประทาน
4.10. ในทุกสมัยการประทาน พระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์พยายามสถาปนาไซอัน ไซอันหมายถึงผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าผู้มีใจบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งเดียวกันในความชอบธรรม และดูแลซึ่งกันและกัน (ดู โมเสส 7:18) ไซอันยังหมายถึงสถานที่ซึ่งผู้มีใจบริสุทธิ์อาศัยอยู่
4.11. ทุกวันนี้เราอยู่ในสมัยการประทานสุดท้าย—สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา เป็นสมัยการประทานเพียงสมัยเดียวที่จะไม่สิ้นสุดลงด้วยการละทิ้งความเชื่อ ในที่สุดแล้วศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจะเติมเต็มทั้งแผ่นดินโลกและจะดำรงอยู่ตลอดไป (ดู ดาเนียล 2:44)
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง: ศาสดาพยากรณ์และการเปิดเผย; ฐานะปุโรหิตและกุญแจฐานะปุโรหิต; ศาสนพิธีและพันธสัญญา