2019
การผจญภัยของท่านผ่านความเป็นมรรตัย
มีนาคม 2019


การผจญภัยของท่าน ผ่านความเป็นมรรตัย

จากการให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลกสำหรับคนหนุ่มสาว “การผจญภัยของความเป็นมรรตัย” ปราศรัยโดยเอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟและซิสเตอร์แฮเรียต อุคท์ดอร์ฟ ที่ศูนย์การประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018

จงเชื่อ—และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับท่าน ให้ใจท่านเอนเอียงไปทางพระองค์—และพระองค์จะทรงนำทางท่านตลอดการเดินทาง

Elder and Sister Uchtdorf with young adults at the Conference Center

เป็นโอกาสดีที่ได้อยู่กับท่านวันนี้ และได้สัมผัสถึงวิญญาณ พละกำลัง และพลังของท่าน ข้าพเจ้ามีความสุขมากที่ท่านมีโอกาสฟังซิสเตอร์อุคท์ดอร์ฟ แฮเรียตเป็นแสงตะวันของชีวิตข้าพเจ้า ทุกคนที่รู้จักเธอล้วนรักเธอ เธอเป็นบุคคลที่ทำให้คนรอบข้างดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น แน่นอนว่าเธอมีอิทธิพลเช่นนั้นต่อข้าพเจ้า

เราเพิ่งฉลองวันครบรอบแต่งงานปีที่ 55 ของเรา เมื่อเรามองดูลูกสองคนของเราและคู่ครองของพวกเขา หลานหกคนกับครอบครัวของพวกเขา และเหลนสี่คนของเรา เราพิศวงต่อการผจญภัยครั้งใหญ่ในชีวิตเรา

ยุคของคำตอบฉับพลัน

ความคิดที่น่าสนใจเกิดขึ้นขณะข้าพเจ้ากำลังเตรียมสำหรับการประชุมนี้ ใช่แล้วเป็นความจริง สมัยที่ข้าพเจ้าอายุ 18 ถึง 30 ปีแทบจะมองไม่เห็นในกระจกหลังของข้าพเจ้า แต่แม้จะอายุขนาดนี้แล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่ายังหนุ่มอยู่ข้างใน อันที่จริง คนสูงวัยส่วนใหญ่คิดว่าเราเป็นคนหนุ่มสาวที่แค่อยู่มานานมากเท่านั้น

เมื่อท่านมองดู “รุ่นพี่ที่สูงวัย” อย่างพวกเรา ท่านอาจจะแปลกใจที่เรามีหลายอย่างเหมือนกับคนรุ่นท่านมากกว่าที่ท่านคิด ข้าพเจ้าเชื่อว่าความต่างระหว่างบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ไม่ว่าจะอายุเท่าใด มีเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความเหมือน ตัวอย่างเช่น หลายท่านมีคำถามเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและเกี่ยวกับตัวท่าน—คำถามพื้นฐานที่ลึกซึ้งซึ่งคล้ายกับคำถามที่คนอายุมากกว่าท่านเคยถาม เช่น

“พระผู้เป็นเจ้ามีจริงหรือ พระองค์ทรงห่วงใยหรือไม่”

“ฉันอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่”

“ทำไมบางครั้งฉันรู้สึกว่างเปล่า หนักใจ ถูกมองข้าม หรือโดดเดี่ยว”

“ทำไมพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงแทรกเข้ามาในชีวิตฉัน”

“ทำไมพระองค์ไม่ทรงตอบคำสวดอ้อนวอน”

“ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้ฉันประสบกับความเสียใจ ความเจ็บป่วย หรือเรื่องเศร้า”

คำถามเหล่านี้ตอบได้ยาก

ในยุคของคำตอบฉับพลันยุคนี้—ยุคซึ่งความรู้ที่ดูเหมือนสมบูรณ์และอยู่เหนือการรับรู้หาได้ทางกูเกิลเท่านั้น—บางครั้งเราหงุดหงิดเมื่อคำตอบของคำถามส่วนตัวซึ่งเร่งด่วนและสำคัญที่สุดมาช้า เราทูลความในใจต่อสวรรค์และทั้งหมดที่เราได้คือ “เคอร์เซอร์รอ” ที่หมุนวนจนหงุดหงิด

เราไม่ชอบรอ

เมื่อเราต้องรอนานกว่าสองสามวินาทีให้โปรแกรมค้นหาคำตอบ เราอาจคิดว่าการเชื่อมต่อขัดข้อง พอเราหงุดหงิด เราอาจจะทิ้งการค้นหา แต่เมื่อเป็นคำถามนิรันดร์ เรื่องของจิตวิญญาณ เราต้องอดทนมากกว่านี้

ใช่ว่าคำตอบทั้งหมดมีค่าเท่าเทียมกัน คำตอบที่มาจากปัญญาของโลกหรือความเห็นยอดนิยมได้มาง่าย แต่จะหมดค่าอย่างรวดเร็วเมื่อทฤษฎีหรือแนวโน้มใหม่ๆ เกิดขึ้น คำตอบจากสวรรค์—คำตอบนิรันดร์—มิอาจประมาณค่าได้ บ่อยครั้งต้องเสียสละ ลงมือทำ และอดทนจึงจะได้รับคำตอบเหล่านี้

คำตอบเหล่านี้คุ้มค่ากับการรอคอย

จุดประสงค์ของข้าพเจ้าคือให้พยานชัดแจ้งว่าพระบิดาในสวรรค์ทรงรู้จักท่าน ทรงได้ยินท่าน และจะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน เมื่อใจท่านเอนเอียงไปทางพระองค์และพยายามเดินตามทางของพระองค์ พระองค์จะทรงแทรกเข้ามาในชีวิตท่านและนำทางท่านขณะท่านเดินทางฝ่าการผจญภัยครั้งใหญ่และน่าตื่นเต้นนี้ของความเป็นมรรตัย

การต่อจุด

นักนวัตกรรมคนหนึ่งในสมัยของเรา สตีฟ จ็อบส์ของแอปเปิ้ลมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า “คุณต่อจุดล่วงหน้าไม่ได้ คุณต่อได้เฉพาะจุดย้อนหลังเท่านั้น คุณจึงต้องวางใจว่าจุดจะต่อกันเองในอนาคต”1

เขาหมายความว่าอย่างไร ในปลายศตวรรษที่ 19 ศิลปินเช่นจอร์จ เซอราต์และปอล ซินยัคเริ่มวาดภาพสไตล์ใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ Neo-impressionism (ลัทธิประทับใจใหม่) เทคนิคของพวกเขาประกอบด้วยการแต้มสีเป็นจุดเล็กๆ บนผืนผ้าใบ เมื่อดูใกล้ๆ จุดเหล่านี้ดูเหมือนกระจายกันอยู่สะเปะสะปะไม่เป็นระเบียบ แต่เมื่อท่านดูภาพรวมทั้งหมด ท่านจะเห็นได้ว่าจุดผสมกลมกลืนเป็นสีต่างๆ อย่างไรและในที่สุดสีประกอบเป็นทัศนียภาพที่สวยงามอย่างไร สิ่งที่เคยดูเหมือนไร้แบบแผนและยุ่งเหยิงเริ่มมีความหมาย

Paul Signac painting

พระราชวังพระสันตะปาปาในอาวีญง โดย ปอล ซินยัค จาก Getty Images

บางครั้งชีวิตเราเป็นเหมือนศิลปะแนว neo-impressionism (ลัทธิประทับใจใหม่) จุดสีที่แต่งแต้มช่วงเวลาและเหตุการณ์ประจำวันของเราบางครั้งดูยุ่งเหยิงไม่เชื่อมต่อ เราไม่เห็นความมีระเบียบในนั้น เรานึกภาพไม่ออกว่ามีจุดประสงค์

แต่เมื่อเราถอยออกมามองในมุมมองนิรันดร์ เมื่อเรามองดูชีวิตเราในกรอบพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เราจะเริ่มเห็นว่าจุดต่างๆ มากมายในชีวิตเราเชื่อมต่อกันอย่างไร เราอาจจะยังมองไม่เห็นทั้งภาพ แต่ด้วยความอดทนเราจะเห็นได้มากพอจะวางใจว่ามีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมสวยงาม เมื่อเราพยายามวางใจพระผู้เป็นเจ้าและติดตามพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ วันหนึ่งเราจะเห็นผลผลิตที่เสร็จสมบูรณ์ และเราจะรู้ว่าพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้ากำลังชี้ทางและนำทางก้าวเดินของเรา

เราจะรู้ว่าองค์อัครศิลปินทรงมีแผนสำหรับจุดที่ไร้แบบแผนเหล่านั้นเสมอ เราจะเห็นว่าพระองค์ทรงขยายพรสวรรค์ของเรา เตรียมโอกาส และนำเราไปสู่ความเป็นไปได้อันน่ายินดีเกินกว่าเราจะจินตนาการหรือทำสำเร็จได้ด้วยตัวเราเอง ข้าพเจ้าเห็นมาแล้วในชีวิตข้าพเจ้าเอง

การผจญภัยในความเป็นมรรตัยของข้าพเจ้า

เมื่อข้าพเจ้ายังเด็ก ครอบครัวข้าพเจ้าต้องหนีออกจากบ้านสองครั้งและต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ทั้งสองครั้งนั้นแสดงให้เห็นแจ่มแจ้งว่าผู้คนในที่อยู่ใหม่ของเราถือว่าเรา “ด้อย” กว่าพวกเขา ท่ามกลางเด็กวัยเดียวกัน สำเนียงของข้าพเจ้าบอกชัดว่าเป็นคนนอก และเป็นเหตุให้พวกเขาหัวเราะเยาะ

ความบอบช้ำทางใจและความเครียดของการย้ายถิ่นฐานทำให้ข้าพเจ้าเรียนไม่ทันและเสียการเรียนหนึ่งปีเต็ม ในเยอรมนีตะวันออก ข้าพเจ้าเรียนภาษารัสเซียเป็นภาษาที่สอง ภาษานี้ยากแต่ข้าพเจ้าเรียนได้ แต่ในเยอรมนีตะวันตก ข้าพเจ้าต้องเรียนภาษาอังกฤษ

ดูเหมือนไม่อยู่ในวิสัยที่ข้าพเจ้าจะเรียนได้! ข้าพเจ้าเชื่อว่าปากข้าพเจ้าไม่ได้มีไว้พูดภาษาอังกฤษ

ในช่วงวัยรุ่น ข้าพเจ้าหลงรักหญิงสาวน่าทึ่งที่สุดคนหนึ่ง เธอมีดวงตากลมโตสวยสีน้ำตาล น่าเสียดายที่เธอดูเหมือนไม่สนใจข้าพเจ้าแม้แต่น้อย

ตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างไร้สาระและดิ้นรนอยู่ในเยอรมนีหลังสงครามผู้ดูเหมือนจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตไม่มากนัก

แต่มีเรื่องดีๆ สองเรื่องเกื้อหนุนให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ ข้าพเจ้ารู้ว่าครอบครัวรักข้าพเจ้า ครูในโรงเรียนและในศาสนจักรกระตุ้นให้ข้าพเจ้าตั้งเป้าหมายสูงเสมอ ข้าพเจ้ายังจำได้เมื่อผู้สอนศาสนาชาวอเมริกันวัยหนุ่มคนหนึ่งสอนหลักธรรมนี้จากพระคัมภีร์ว่า “ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ฝ่าย [ท่าน] ใครจะขัดขวาง [ท่าน] ได้”2

มีบางอย่างเกี่ยวกับหลักธรรมนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดพลังอย่างมาก “ถ้าเป็นเช่นนั้น” ข้าพเจ้าคิด “ข้าพเจ้าจะกลัวทำไม”

ข้าพเจ้าจึงเชื่อ และวางใจพระผู้เป็นเจ้า

ช่วงหนึ่งข้าพเจ้าอยู่ในโปรแกรมฝึกหัด ครูคนหนึ่งท้าทายให้ข้าพเจ้าตั้งเป้าหมายสูงขึ้นและเข้าโรงเรียนภาคค่ำเพื่อศึกษาวิศวกรรมเครื่องกล ข้าพเจ้าต้องทำงานเพิ่มหลายอย่าง แต่ทำให้ค้นพบว่าข้าพเจ้าหลงใหลการบิน! ข้าพเจ้าตกใจเมื่อทราบว่าข้าพเจ้าต้องรู้ภาษาอังกฤษจึงจะเป็นนักบินได้ แต่ข้าพเจ้าอยากเป็นนักบิน และดูเหมือนปากข้าพเจ้าเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่เป็นไปไม่ได้อีก

ด้วยแรงจูงใจใหม่ ความตั้งใจใหม่ว่าจะขยันขันแข็ง และวางใจพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าเดินก้าวเล็กๆ ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าข้าพเจ้าสามารถทำได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ราบรื่นตลอด

เมื่ออายุ 19 ปีข้าพเจ้าเดินทางไปเมืองแซนแอนโทนีโอ รัฐเทกซัสเพื่อเริ่มฝึกเป็นนักบินกองทัพอากาศ บนเครื่องบิน ข้าพเจ้านั่งข้างๆ ชายที่พูดสำเนียงเทกซัส ข้าพเจ้าตกใจเมื่อรู้ว่าภาษาอังกฤษที่อุตส่าห์เรียนมาช่างไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่พวกเขาพูดกันในเทกซัสเอาเสียเลย!

Elder Uchtdorf in pilot school

ที่โรงเรียนฝึกนักบินยากมากเช่นกัน โปรแกรมที่นั่นมีการแข่งขันสูงมาก ทุกคนชิงกันให้ได้ที่หนึ่ง ข้าพเจ้ารู้ทันทีว่าข้าพเจ้าเสียเปรียบเพราะเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด

ครูสอนการบินตักเตือนข้าพเจ้าเกี่ยวกับข้อเสียเปรียบอีกอย่างหนึ่ง—นั่นคือข้าพเจ้าใช้เวลามากที่โบสถ์ สมาชิกศาสนจักรต้อนรับข้าพเจ้าเข้าในสาขาและในบ้านของพวกเขา เราสร้างโบสถ์ด้วยกันที่บิกสปริงก์ รัฐเทกซัส ครูกังวลว่ากิจกรรมเหล่านั้นจะทำให้ข้าพเจ้าเสียโอกาสได้ขั้นสูง ข้าพเจ้าไม่คิดเช่นนั้น ข้าพเจ้าจึงวางใจพระผู้เป็นเจ้าและทำสุดความสามารถ

ข้าพเจ้าเรียนภาษาอังกฤษ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนอยู่ ข้าพเจ้าจบการฝึกนักบิน—และได้ที่หนึ่งในชั้น ข้าพเจ้ากลายเป็นนักบินขับไล่และต่อมาเป็นกัปตันสายการบิน และสาวสวยนัยน์ตาสีน้ำตาลคนนั้นกลายเป็นภรรยาข้าพเจ้า

ทำสิ่งเล็กน้อยให้สมบูรณ์แบบ

มีบทเรียนในนี้หรือไม่ ข้าพเจ้าคิดว่ามีหลายบท!

บทเรียนหนึ่งอาจเป็นว่า อย่าหนักใจกับภารกิจยุ่งยากใหญ่โตมากมายของชีวิต ถ้าท่านตั้งใจจะทำสิ่ง “ง่ายๆ”—สิ่ง “เล็กน้อย” ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงขอให้ท่านทำ—และท่านทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด สิ่งใหญ่ๆ จะตามมา

สิ่งเล็กน้อยและง่ายบางอย่างเหล่านี้ที่ท่านสามารถทำได้สมบูรณ์แบบคือการศึกษาพระคัมภีร์ ดำเนินชีวิตตามพระคำแห่งปัญญา เข้าร่วมการประชุมที่โบสถ์ สวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริง จ่ายส่วนสิบและเงินบริจาค

จงทำสิ่งเหล่านี้แม้เมื่อท่านไม่อยากทำ “การเสียสละ” เหล่านี้อาจดูเล็กน้อย แต่สำคัญ เพราะ “การเสียสละนำมาซึ่งพรจากสวรรค์”3

ในแง่หนึ่ง การเสียสละเล็กๆ น้อยๆ และเรียบง่ายของท่านคือจุดของการดำเนินชีวิตประจำวันที่ประกอบเป็นภาพวาดชิ้นเอกของชีวิตท่าน ท่านอาจไม่เห็นตอนนี้ว่าจุดเชื่อมต่อกันอย่างไร และท่านยังไม่ต้องเห็น ขอเพียงมีศรัทธามากพอสำหรับชั่วขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ตอนนี้ จงวางใจพระผู้เป็นเจ้า และ “จากสิ่งเล็กน้อย [จะ] บังเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่”4

reading scriptures

วางใจพระผู้เป็นเจ้า

ตอนนี้ท่านอาจจะคิดว่า “แน่ละ เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ ทุกอย่างดีสำหรับท่านนี่นา ท่านเป็นอัครสาวก ฉันเป็นเพียงสมาชิกธรรมดาของศาสนจักร พระองค์ไม่ทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของฉัน ไม่ทรงนำทางชีวิตฉัน ถ้ามีแผนสำหรับฉัน แผนนั้นคงมีคุณภาพต่ำ แผนมือสอง แผนที่ให้มาเพื่อปลอบใจฉัน”

เพื่อนที่รักทั้งหลาย ท่านเป็นบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ พระผู้เป็นเจ้าของจักรวาล พระองค์ทรงรักท่าน ทรงต้องการให้ท่านประสบความสำเร็จ ทรงมีแผนเตรียมไว้เพื่อความสำเร็จของท่าน จงจำที่สตีฟ จ็อบส์พูด “คุณต่อจุดล่วงหน้าไม่ได้ คุณต่อได้เฉพาะจุดย้อนหลังเท่านั้น”

เมื่อข้าพเจ้าอายุเท่าท่านข้าพเจ้าไม่ทราบว่าชีวิตจะพาไปทางใด ข้าพเจ้าไม่เห็นจุดเชื่อมต่อกันตรงหน้าข้าพเจ้า

แต่ข้าพเจ้าวางใจพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าฟังคำแนะนำของครอบครัวที่รักและเพื่อนที่ฉลาด ปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่องด้วยศรัทธา โดยเชื่อว่าถ้าข้าพเจ้าทำสุดความสามารถในขณะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทรงดูแลภาพรวม

พระองค์ทรงดูแล

พระองค์ทรงทราบจุดสิ้นสุดจากจุดเริ่มต้นเมื่อข้าพเจ้าไม่ทราบ

ข้าพเจ้ามองไม่เห็นอนาคต แต่พระองค์ทรงมองเห็น

แม้ในช่วงยากลำบากเหล่านั้นเมื่อข้าพเจ้าคิดว่าตนถูกทอดทิ้ง พระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า—ตอนนี้ข้าพเจ้าเห็นเช่นนั้น

ในสุภาษิตเราพบคำสัญญาอันยิ่งใหญ่นี้ “จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง

“จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น”5

ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่ามีเครื่องหมายปรัศนีอยู่ท้ายข้อนั้น ไม่เลย ข้าพเจ้าคิดว่าควรมีเครื่องหมายอัศเจรีย์!

ท่านจึงต้องถามตัวท่านเองว่า “ฉันมีศรัทธามากพอจะเชื่อพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ ฉันยินดีวางใจหรือไม่ว่าพระองค์ทรงรักฉันและทรงต้องการนำทางฉัน”

อันที่จริง ท่านอาจทำหลายๆ อย่างได้ดีอยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้าขอให้ท่านเชื่อว่าชีวิตท่านจะดีขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดถ้าท่านพึ่งพระผู้เป็นเจ้าให้ทรงนำทางก้าวเดินของท่าน พระองค์ทรงรู้สิ่งที่ท่านไม่สามารถรู้ได้ และพระองค์ทรงเตรียมอนาคตไว้ให้ท่านซึ่งท่านไม่อาจจินตนาการได้ อัครสาวกเปาโลผู้ยิ่งใหญ่เป็นพยานว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์”6

ท่านต้องการให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงนำทางท่าน อวยพรท่าน และเกื้อหนุนท่านหรือไม่

ถ้าต้องการ จงเชื่อ

จงรักพระองค์

แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจท่าน

เดินในทางของพระองค์—ซึ่งหมายถึงการรักษาพระบัญญัติ ให้เกียรติพันธสัญญาของท่าน ทำตามคำสอนของศาสดาพยากรณ์ และสดับฟังการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณ

จงทำสิ่งนี้และพระผู้เป็นเจ้าจะ “ทรงทำให้ท่านทวีขึ้นพันเท่า และทรงอวยพรท่านดังที่ทรงสัญญากับท่านแล้วนั้น!”7

ข้าพเจ้าเข้าใจว่านี่อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยากสำหรับบางคน ท่านไม่ต้องไปอยู่ในวัฒนธรรมปัจจุบันก็ได้ยินเสียงโต้แย้งที่บั่นทอนกำลังใจหรือแม้เย้ยหยันความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าโดยรวมและในศาสนาของเราโดยเฉพาะ

เสียงเหล่านั้นดังขึ้นในสมัยของเราด้วยการสื่อสารที่ก้าวหน้าจนตามแทบไม่ทัน นั่นเป็นความท้าทายของท่าน แต่เป็นสิทธิพิเศษของท่านเช่นกัน

ข้าพเจ้ามั่นใจว่าท่านจะพบวิธีรับมือกับความท้าทายนั้นในวิธีของพระเจ้า! นี่เป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยในความเป็นมรรตัยของท่าน วิธีที่ท่านผจญภัยจะส่งผลอย่างมากต่ออนาคตและบทบาทของท่านในงานของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก

กระนั้นก็ตาม สิ่งที่ท่านกำลังประสบในชีวิตไม่ได้แปลกแหวกแนวแต่อย่างใด คนรุ่นท่านไม่ใช่รุ่นเดียวที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าถูกท้าทายและเย้ยหยัน อันที่จริง นี่ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบมรรตัยสำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า

“ถ้าพวกท่านเป็นของโลก” พระเยซูรับสั่งกับสาวกของพระองค์ “โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้โลกจึงเกลียดชังท่าน”8

ท่านอาจจะยอมรับความเป็นไปได้เช่นกันว่าทันทีที่ท่านให้คำมั่นว่าจะติดตามพระผู้ช่วยให้รอด คนของอาคารใหญ่และกว้างจะไม่เห็นด้วย—บางครั้งก็พูดออกมาให้ได้ยิน9 พวกเขาอาจถึงขั้นพยายามกลั่นแกล้งและทำให้ท่านขายหน้า

แต่จำไว้ว่าท่านไม่ต้องตอบพวกเขา ท่านตอบพระผู้เป็นเจ้า วันหนึ่งท่านจะยืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์เพื่อรายงานชีวิตท่าน

พระองค์จะตรัสถามว่าท่านทำอะไรเพื่อเอาชนะการล่อลวงของโลกและเดินตามเส้นทางแห่งความชอบธรรม พระองค์จะตรัสถามว่าท่านติดตามพระผู้ช่วยให้รอดหรือไม่ ท่านรักเพื่อนบ้านหรือไม่ ท่านพยายามอยู่บนเส้นทางของการเป็นสานุศิษย์หรือไม่

women singing

จำไว้ว่าท่านจับปลาสองมือไม่ได้ ท่านไม่สามารถรับพรอันหาใดเทียบได้ของการเป็นสานุศิษย์พร้อมๆ กับรักษาบันทึกสมาชิกภาพของท่านไว้ในวอร์ดบาบิโลนที่หนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่ต้องให้คำมั่นกับพระคริสต์และเดินตามเส้นทางของพระองค์

สักวันบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าจะรู้ว่าอะไรถูกต้อง—รวมถึงคนที่เวลานี้เย้ยหยันความจริง พวกเขาจะคุกเข่าและสารภาพว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอดของโลก10 พวกเขาจะรู้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขา

ในวันนั้นจะชัดเจนว่าพระสุรเสียงของพระองค์เป็นเสียงเดียวที่สำคัญจริงๆ

ท่านจะรู้แน่นอนว่าท่านได้รับพรเพียงใดเพราะท่านจรรโลงศรัทธา รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า รับใช้เพื่อนมนุษย์ และสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก เพื่อนที่รักทั้งหลาย จงเชื่อ—และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับท่าน ให้ใจท่านเอนเอียงไปทางพระองค์—และพระองค์จะทรงนำทางท่านขณะท่านเดินทางผ่านการผจญภัยครั้งใหญ่และน่าตื่นเต้นนี้ของชีวิตมรรตัย

“มันไม่สำคัญ”

เมื่อเราพูดถึงการยอมให้พระผู้เป็นเจ้านำทางชีวิตเรา ข้าพเจ้าอยากขยายความเรื่องหนึ่ง ท่านอาจไม่ชอบสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจะบอกท่าน เมื่อท่านทูลถามพระผู้เป็นเจ้าว่าต้องทำอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจในชีวิตท่าน—รวมถึงการตัดสินใจในเรื่องสำคัญบางเรื่อง—พระองค์อาจไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน ความจริงคือบางครั้งสิ่งที่ท่านตัดสินใจหาสำคัญไม่ ตราบใดที่ท่านอยู่ในพันธสัญญาพื้นฐานและหลักธรรมของพระกิตติคุณ

ในหลายกรณี สิ่งที่ท่านตัดสินใจอาจไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ท่านทำหลังจากทำการตัดสินใจนั้น

ตัวอย่างเช่น ชายหญิงคู่หนึ่งอาจเลือกแต่งงานกันทั้งที่บางคนในครอบครัวเห็นว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน แต่ข้าพเจ้ามีความหวังมากกับชายหญิงคู่นี้ถ้าหลังจากตัดสินใจแล้ว พวกเขาซื่อสัตย์ภักดีต่อกันและต่อพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของพวกเขา โดยปฏิบัติต่อกันด้วยความรักและความอ่อนโยน และโดยใส่ใจความต้องการทางอารมณ์ วิญญาณ และทางโลกของอีกฝ่าย—โดยทำสิ่งเล็กน้อยอย่างสม่ำเสมอ—พวกเขาจะกลายเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน

ส่วนคู่ที่ไม่เหมาะสมกันคือคู่ที่คิดว่าตนเลือกคน “สมบูรณ์แบบ” และจากนั้นคิดว่างานยากผ่านไปแล้ว หากพวกเขาหยุดคบหากัน เลิกสื่อสารกัน เริ่มคิดว่าตนสำคัญและถือตนเองเป็นใหญ่—คู่นี้กำลังอยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ความเศร้าเสียใจ

หลักธรรมเดียวกันนี้ประยุกต์ใช้ได้กับการเลือกอาชีพ ข้าพเจ้ามีความหวังมากกับคนเหล่านั้นผู้เลือกอาชีพที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าแต่ทำสุดความสามารถเพื่อหาวิธีทำให้งานน่าสนใจและท้าทาย

ข้าพเจ้ามีความหวังน้อยกว่ากับคนเหล่านั้นผู้เลือกอาชีพที่ฟังดูน่าประทับใจแต่ระหว่างทางกลับหมดไฟก่อนจะประสบความสำเร็จในอาชีพนั้น อันที่จริง ความสำเร็จในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานจะเป็นคุณลักษณะสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่คนรุ่นท่านจะต้องพัฒนาเพื่อรับมือกับอนาคต

ดังนั้นพระเจ้าทรงต้องการให้ท่านดำเนินการตัดสินใจในเรื่องสำคัญอย่างไร

พระดำรัสสอนออลิเวอร์ คาวเดอรีและโจเซฟ สมิธเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามาก พระเจ้ารับสั่งกับคนทั้งสองว่า “เจ้าต้องศึกษาไตร่ตรองในความคิดของเจ้า; จากนั้นเจ้าต้องถามเราว่ามันถูกต้องหรือไม่”11

พระบิดาบนสวรรค์ประทานสมองและหัวใจให้ท่านแล้ว หากท่านวางใจพระองค์ พระองค์จะทรงช่วยให้ท่านใช้ทั้งสองสิ่งนี้อย่างถูกต้องในการตัดสินใจ

สำหรับการตัดสินใจหลายเรื่อง ท่านมีทางเลือกดีๆ มากกว่าหนึ่งทาง เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับโจเซฟและเพื่อนๆ ของท่าน พระเจ้าทรงใช้วลีที่น่าสนใจขณะพวกท่านแสวงหาการนำทางจากพระองค์ “มันไม่สำคัญ”12

แต่พระเจ้าทรงเพิ่มเติมทันทีว่า “ขอเพียงให้เจ้าซื่อสัตย์”13

งานของท่านคือตัดสินใจให้ดีที่สุดตามข้อมูลที่มีให้ท่านบนพื้นฐานของคุณค่าและหลักธรรมพระกิตติคุณ จากนั้นพยายามสุดกำลังเพื่อทำหน้าที่ของท่านให้สำเร็จ—และจงซื่อสัตย์

จงทำเช่นนั้น และจุดจะเชื่อมต่อกัน

บางทีการได้ยินว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่จำเป็นต้องให้รายละเอียดแผนการเดินทางของชีวิตท่านอาจทำให้ท่านผิดหวัง แต่ท่านต้องการให้บอกรายละเอียดทุกอย่างของชีวิตท่านจริงหรือ ท่านต้องการให้คนบอกทางลัดแก่ชีวิตก่อนท่านจะมีโอกาสคิดหาทางออกด้วยตนเองจริงหรือ นั่นจะเป็นการผจญภัยที่ไหนกัน

เพื่อนที่รักทั้งหลาย ท่านผ่านการผจญภัยในความเป็นมรรตัยแค่ครั้งเดียว การเดินทางที่ออกแบบไว้ให้แต่ละคนพร้อมข้อมูลเสร็จสรรพและคำตอบให้แก่คำถามสำคัญทั้งหมดของชีวิตจะไม่ช่วงชิงความรู้สึกว่าท่านทำสำเร็จและความมั่นใจในพระเจ้าและในตนเองมากขึ้นหรอกหรือ14

เพราะพระผู้เป็นเจ้าประทานสิทธิ์เสรีแก่ท่าน จึงมีหลายทิศทางให้ท่านเลือกไปและยังคงบรรลุผลสำเร็จในชีวิต ความเป็นมรรตัยเป็นเรื่องราวการผจญภัยแบบเปิดกว้างให้ท่านเลือกเอง ท่านมีพระบัญญัติ ท่านมีพันธสัญญา ท่านมีคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ที่ได้รับการดลใจ และท่านมีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นมากเกินพอจะนำท่านสู่ความสุขในชีวิตมรรตัยและปีตินิรันดร์ นอกเหนือจากนั้น จงอย่าสิ้นหวังหากท่านทำการตัดสินใจบางอย่างไม่สมบูรณ์แบบ นั่นเป็นวิธีที่ท่านเรียนรู้ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัย!

ไม่มีการผจญภัยใดราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ แต่หากท่านซื่อสัตย์ ท่านมั่นใจได้ว่าตอนจบจะมีความสุข ลองพิจารณาตัวอย่างของโยเซฟแห่งอียิปต์ ชีวิตของเขาย่อยยับในหลายๆ ด้าน เขาถูกพี่ชายขายไปเป็นทาส เขาถูกโยนเข้าเรือนจำทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิด แม้สภาวการณ์เลวร้ายทั้งหมดถาโถมมาที่เขา แต่เขาธำรงศรัทธา เขาวางใจพระผู้เป็นเจ้า เขาพยายามทำให้ดีที่สุด ปีแล้วปีเล่า—แม้เมื่อดูเหมือนเขาถูกมองข้ามและถูกทอดทิ้ง—เขาเชื่อ โยเซฟมีใจเอนเอียงไปทางพระผู้เป็นเจ้าเสมอ และพระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดีได้15

ปัจจุบัน 4,000 กว่าปีให้หลัง เรายังคงพบแรงบันดาลใจในเรื่องราวของโยเซฟ

การผจญภัยของท่านอาจไม่น่าตื่นเต้นเร้าใจ แต่จะมีทั้งขาขึ้นและขาลง ฉะนั้น จงจดจำแบบอย่างของโยเซฟ ซื่อสัตย์เสมอ เชื่อ จงซื่อสัตย์ อย่าขื่นขมระทมใจ อย่าเป็นอันธพาล รักพระผู้เป็นเจ้า รักเพื่อนมนุษย์ของท่าน วางใจพระเจ้า แม้สถานการณ์เหมือนไร้ความหวัง

ท่านอาจมองไม่เห็นจนล่วงเลยไปมากแล้ว แต่ท่านจะมองย้อนกลับไปและรู้ว่าพระเจ้าทรงชี้ทางและนำทางท่าน

และจุดต่างๆ เชื่อมต่อกันแล้ว

couple praying

สิ่งที่พึงจดจำห้าข้อ

ข้าพเจ้าขอให้ท่านจดจำห้าข้อต่อไปนี้

หนึ่ง รู้ว่าคำตอบของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับคำถามลึกซึ้งที่สุดของท่านอาจใช้เวลาสักหน่อยและอาจมาในวิธีที่ท่านคาดไม่ถึง คำตอบของพระผู้เป็นเจ้ามีค่านิรันดร์ คำตอบเหล่านี้คุ้มกับการรอคอย

สอง มีศรัทธาสักนิด ให้ใจท่านเอนเอียงไปทางพระผู้เป็นเจ้า จงเชื่อว่าท่านมีความสำคัญต่อพระผู้เป็นเจ้า และวางใจว่าพระองค์จะทรงทำให้ท่านเป็นมากกว่าที่ท่านจะทำให้ตนเองเป็นได้ เรียนรู้จากพระองค์ รักพระองค์ เชื่อพระองค์ พูดกับพระองค์เป็นประจำอย่างจริงจัง ฟังพระสุรเสียงของพระองค์

สาม เดินบนเส้นทางแห่งการเป็นสานุศิษย์ให้ดีที่สุด อย่าท้อใจ แค่ทำสิ่งเล็กน้อยให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ท่านทำได้ และสิ่งใหญ่จะลงตัว

สี่ อย่าปล่อยให้เสียงที่คอยบั่นทอนกำลังใจชักนำท่านออกจากช่วงวิถีของศรัทธา พึงจำไว้ว่า ท่านไม่ต้องตอบคนที่วิพากษ์วิจารณ์ท่าน ท่านตอบพระบิดาในสวรรค์ของท่าน คุณค่าของพระองค์ต่างหากที่มีผล

ห้า ตัดสินใจให้ดีที่สุดโดยทำตามการกระตุ้นเตือนที่มาสู่ใจและความคิดของท่าน พยายามทำสุดความสามารถจนสำเร็จ มีศรัทธา และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงอุทิศความพยายามที่จริงใจของท่านเพื่อประโยชน์ของท่าน16

ทำสิ่งนี้และสุดท้ายทุกอย่างจะดี

เมื่อท่านพยายามติดตามพระผู้ช่วยให้รอด ความมั่นใจของท่านจะเพิ่มขึ้น17 เมื่อท่านดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และเปิดใจรับแสงสว่างของพระคริสต์ ความรักที่ท่านมีต่อพระผู้เป็นเจ้าจะสุกงอมและท่านจะสามารถรักเพื่อนบ้านได้มากขึ้น

ทั้งหมดนี้จะทำให้ท่านเกิดปีติและมีความสุข

จะทำให้ท่านเกิดสันติ

วันหนึ่ง จะทำให้ท่านได้รับรัศมีภาพนิรันดร์

ในวันนั้น ท่านจะหวนนึกถึงการผจญภัยอันน่าหวงแหนและตื่นเต้นนี้ของความเป็นมรรตัย และท่านจะเข้าใจ ท่านจะเห็นว่าจุดต่างๆ เชื่อมต่อกันเป็นลวดลายสวยงาม ล้ำเลิศเกินกว่าท่านจะจินตนาการได้

ด้วยความสำนึกคุณสุดพรรณนา ท่านจะเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมีความรัก พระคุณ และพระเมตตาล้นเหลือ ทรงดูแลท่าน ทรงอวยพรท่าน และทรงนำทางท่านอยู่เสมอขณะที่ท่านเดินมาหาพระองค์