ดิฉันเรียนรู้ว่าต้องแสดงปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อมีคนยอมรับว่าติดสื่อลามก
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
ดิฉันทราบมาหลายเดือนแล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่เพื่อนของดิฉันเพิ่งยอมรับเดี๋ยวนี้เองว่าเธอติดสื่อลามกมานานหลายปี หลักๆ ก็คือตลอดช่วงที่ดิฉันรู้จักเธอ
ขณะนั่งอยู่ในรถฟังเธอสารภาพ ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจ อย่าเข้าใจดิฉันผิด—การรู้ว่าเธอติดสื่อลามกมานานโดยที่ดิฉันไม่ทราบทำให้ดิฉันเจ็บปวดมาก—แต่ดิฉันดีใจที่ได้อยู่ตรงจุดที่ดิฉันสามารถตอบสนองด้วยความรักแทนการตัดสิน
ไม่มีเหตุอันควรให้ไร้เมตตา
บางครั้งการรู้ว่าสื่อลามกเป็นสิ่งชั่วร้ายอาจทำให้เรามองผู้อื่นในแง่ร้ายได้ ดิฉันทราบว่าดิฉันเคยเป็นเช่นนั้น เมื่อดิฉันอายุยังน้อย พอได้ยินเรื่องคนติดสื่อลามก ปฏิกิริยาในตัวดิฉันคือโกรธและถึงกับรังเกียจ แต่เมื่อเพื่อนเล่าปัญหาของเธอให้ฟัง ดิฉันเห็นใจเธอมากขึ้นเพราะดิฉันรู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าดิฉันมีบาปและความอ่อนแอ
เวลานี้ดิฉันรู้ว่าไม่มีเหตุอันควรให้ไร้เมตตา พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์พร้อมของเราทรงเสาะหาคนที่ถูกผู้อื่นเหยียดหยาม พระองค์ตรัสกับชาวสะมาเรียและคนบาป พระคริสต์ผู้ไม่อาจ “มองดูบาปด้วยระดับความยินยอมแม้เล็กน้อยที่สุด” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:31 ทรงมอง “ดูเราผู้ที่ไม่ดีพร้อมโดยไม่ทรงถอยหนีด้วยความรังเกียจและความหวาดกลัว”1 ด้วยเหตุนี้ขณะสนทนาเชิงลึกกับเพื่อน ดิฉันจึงพยายามคิดว่าพระเยซูจะทรงมีปฏิกิริยาอย่างไร เรื่องราวของหญิงที่ถูกจับฐานล่วงประเวณีช่วยให้ดิฉันรู้วิธีตอบสนอง
การตอบสนองด้วยความเห็นใจ
พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีที่ดำเนินชีวิตตามกฎของโมเสสในสมัยการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูไม่มีความเมตตาสงสารเท่าใดนัก มีบทลงโทษตายตัว มักจะโหดเหี้ยมสำหรับบาปแต่ละอย่างและกำหนดให้ขว้างหินใส่คนที่ล่วงประเวณี แต่เมื่อมีคนนำหญิงล่วงประเวณีมาหาพระเยซู พระองค์ไม่ทรงรังเกียจ—พระองค์ทรงเห็นใจเธอ แทนที่จะแสดงความยินดีเมื่อผู้กล่าวหาพบคนทำผิด พระองค์กลับเตือนผู้กล่าวหาให้นึกถึงบาปของตนเอง (ดู ยอห์น 8:3–7) ท้ายที่สุดแล้ว เรา “ทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” [โรม 3:23] พระคริสต์ไม่ทรงเอาโทษคนบาป และเราไม่ควรเอาโทษเช่นกัน (ดู ยอห์น 13:34–35)
พระคริสต์ตรัสกับหญิงนั้นทันทีที่ผู้กล่าวหา ซึ่งสำนึกผิด เดินจากไป พระองค์ตรัสเพียงไม่กี่คำแต่ลึกซึ้ง พระองค์ตรัสถามก่อนว่า “หญิงเอ๋ยพวกเขาไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?” และเมื่อเธอตอบว่าพวกเขาไปหมดแล้ว พระองค์ตรัสเพียงว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก” (ยอห์น 8:10-11)
การเอาโทษจะไม่ช่วยให้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลง แต่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทราบว่าความรักจะช่วยได้
ไปเถิดและอย่าทำบาปอีก
ความรักเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการช่วยให้คนบางคนเอาชนะสื่อลามก กระบวนการเยียวยาต่างกันไปในแต่ละคนเสมอ แต่มีขั้นตอนพื้นฐานบางอย่างที่ทุกคนจำเป็นต้องทำ กระตุ้นให้พวกเขาไปพบอธิการ อธิการจะมีแหล่งช่วยและเครื่องมือที่จะช่วย เมื่อเห็นสมควร ให้ช่วยพวกเขาระบุสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นของพวกเขาและวางแผนช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นเหล่านั้น กระตุ้นให้พวกเขาไปพบผู้เชี่ยวชาญหรือเข้ากลุ่มสนับสนุน รักและสนับสนุนพวกเขาต่อไปในแต่ละก้าวระหว่างทาง
พระคริสต์ทรงแสดงความรักต่อหญิงคนนั้นและทรงทำให้เธอรู้ว่าพระองค์ไม่ทรงต้องการให้เธออยู่ในบาปอีกต่อไป จิตกุศลที่แท้จริงไม่ได้หมายความว่าเราเพิกเฉยความผิดพลาดของผู้อื่น แต่ทำให้เราเห็นศักยภาพของพวกเขาและกระตุ้นให้เราช่วยพวกเขาก้าวเดินไปข้างหน้า
การเดินทางด้วยศรัทธา
ดิฉันรักเพื่อนอยู่แล้ว แต่ดิฉันรักเธอยิ่งกว่าเดิมหลังจากเธอเผยความลับของเธอ ไม่ว่าท่านหรือคนที่ท่านรักทำอะไรลงไป “เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะจมดิ่งลงไปลึกกว่าความสว่างอันไม่มีขอบเขตที่การชดใช้ของพระคริสต์จะส่องถึง”2
ถ้าท่านรู้จักคนที่ติดสื่อลามก อย่าหมดหวังในตัวพวกเขา! จงยื่นมือช่วยเหลือด้วยความรักและความเห็นใจเฉกเช่นพระผู้ช่วยให้รอดจะทรงทำ นั่นไม่ง่ายเสมอไป เพราะปัญหาเหล่านี้ไม่หายไปชั่วข้ามคืน จงอดทนกับคนที่ท่านรักและกับตัวท่านเอง การเรียนรู้ที่จะรักและเข้าใจคนที่กำลังประสบเรื่องยากบางอย่างไม่ง่ายหรืองดงามเสมอไป แต่ดิฉันวางใจว่าความรักทั้งหมดที่เราให้จะไม่สูญเปล่า ไม่ว่าการเดินทางของคนที่เรารักจะยาวไกลหรือบังเกิดผลอะไรก็ตาม