2021
การก้าวเข้าสู่สมาคมสงเคราะห์
กุมภาพันธ์ 2021


การก้าว เข้าสู่สมาคมสงเคราะห์

older and younger sisters in Relief Society

ปีที่แล้วซิสเตอร์บอนนี่ แอล. ออสคาร์สัน ประธานเยาวชนหญิงสามัญ และซิสเตอร์ลินดา เค. เบอร์ตัน ประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญ โพสต์คำขอไว้บนเพจเฟซบุคศาสนจักรของพวกเธอ พวกเธอขอให้เยาวชนหญิงและพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ ตลอดจนบิดามารดา ผู้นำ และครูที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเยาวชนหญิง บอกเล่าประสบการณ์ของพวกเขาเกี่ยวกับการก้าวจากเยาวชนหญิงเข้าสู่สมาคมสงเคราะห์ ประธานทั้งสองได้รับความเห็นจากทั่วโลก

เยาวชนหญิงจำนวนมากแสดงความตื่นเต้นกับการมีสตรีที่เข้มแข็งอยู่รายรอบ ส่วนอีกหลายคนยังลังเล

ต่อไปนี้เป็นความเห็นบางส่วนเกี่ยวกับวิธีทำให้การก้าวจากเยาวชนหญิงเข้าสู่สมาคมสงเคราะห์ง่ายขึ้น ความเห็นจัดแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ (1) เราจะทำอะไรได้บ้างในเยาวชนหญิง และ (2) เราจะทำอะไรได้บ้างในสมาคมสงเคราะห์

ในเยาวชนหญิง

1. เข้าร่วมพิธีเปิดของสมาคมสงเคราะห์

ผู้นำสมาคมสงเคราะห์หลายท่านเชื้อเชิญให้เยาวชนหญิงเข้าร่วมพิธีเปิดเดือนละครั้งและให้กุลสตรีมาเรียนเป็นครั้งคราว

จิล ผู้นำสมาคมสงเคราะห์คนหนึ่งแบ่งปันสิ่งที่วอร์ดของเธอทำ เธอเขียนว่า “เราท้าทายเยาวชนหญิงให้นั่งข้างๆ สตรีสมาคมสงเคราะห์คนหนึ่งก่อนการประชุมและถามไถ่ชีวิตเธอ นั่นช่วยให้เยาวชนหญิงเห็นว่าพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ไม่ต่างจากพวกเธอ”

2. ทำความรู้จักกันในสภาวะแวดล้อมทางสังคม

“ดิฉันจำได้ชัดเจนขณะช่วยทำอาหารกลางวันที่งานศพ” ราเชลเยาวชนหญิงคนหนึ่งเขียน “ดิฉันได้พูดคุยและหัวเราะกับพี่น้องสตรีคนอื่นๆ ที่อยู่ในครัว ดิฉันรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม พวกเธอแสดงความเชื่อมั่นในตัวดิฉัน นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับดิฉัน”

เบคาห์ สตรีสมาคมสงเคราะห์คนหนึ่งเริ่มทำความรู้จักเยาวชนหญิง เธอเขียนว่า “ดิฉันใช้สื่อสังคมเป็นเพื่อนกับเยาวชนและทำความรู้จักสิ่งที่พวกเธอรัก ด้วยเหตุนี้เราจึงเป็นเพื่อนกัน”

3. เรียนรู้จากสตรีที่รักสมาคมสงเคราะห์

“ดิฉันเติบใหญ่ในเมืองหนึ่งนอกสตอกโฮล์ม สวีเดน คุณแม่ของดิฉันเป็นโสด” บริทท์-มารีเขียน “ดิฉันอายุย่าง 13 ปีขณะที่คุณแม่กับดิฉันรับบัพติศมา เมื่อคุณแม่เข้าร่วมการประชุมคืนสมาคมสงเคราะห์ ท่านพาดิฉันไปด้วยเพื่อดิฉันจะได้ไม่ต้องอยู่บ้านคนเดียว เมื่อดิฉันอายุ 18 ปี ดิฉันรู้จักและรักพี่น้องสตรีทุกคน”

พอลาเขียนว่า “ตอนที่เป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสวัย 14 ปี ดิฉันพยายามรับใช้หญิงม่าย แม่ตัวคนเดียว และพี่น้องสตรีที่แข็งขันน้อย ไม่นานพวกเธอก็ชวนดิฉันไปร่วมกิจกรรมครอบครัวที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ วันอาทิตย์แรกของดิฉันในสมาคมสงเคราะห์ ดิฉันจึงรู้สึกว่ามีแม่เต็มห้อง”

“คุณแม่ คุณยาย และคุณป้าของดิฉันแบ่งปันประสบการณ์ของพวกท่านผ่านแบบอย่างของพวกท่าน” ลินด์เซย์เขียน “พวกท่านให้ดิฉันเข้าร่วมโครงการบำเพ็ญประโยชน์ด้วย ดิฉันอดใจรอจะเข้าร่วมสมาคมสงเคราะห์แทบไม่ไหว การเลื่อนชั้นไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหัน สมาคมสงเคราะห์เป็นที่ซึ่งดิฉันรู้สึกอยากไปเสมอ”

4. เป็นแบบอย่าง

“ดิฉันตื่นเต้นมากที่ได้ไปสมาคมสงเคราะห์” เอมิลีกล่าว “ดิฉันคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความจริงที่ว่าดิฉันรู้สึกสนิทกับผู้นำเยาวชนหญิงของดิฉัน พวกเธอปฏิบัติต่อดิฉันด้วยความเคารพมาก ดิฉันไม่มีความลังเลใดๆ ขณะเข้าร่วมกับพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์เพราะคิดว่าคงจะเป็นแบบเดียวกับพวกเธอ และเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

“ดิฉันต้องการให้ผู้นำเยาวชนหญิงพูดคุยกับดิฉันมากขึ้นเกี่ยวกับสมาคมสงเคราะห์ ความรัก และความเป็นพี่น้องสตรีที่นั่น” มาริสาเขียน

“ผู้นำมีอิทธิพลมากต่อการทำให้เยาวชนหญิงเห็นภาพรวมของสมาคมสงเคราะห์” เทสซาเขียน “ดิฉันคิดว่าสำคัญที่ผู้นำเยาวชนหญิงจะกระตุ้นเยาวชนหญิงเรื่องสมาคมสงเคราะห์และพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ควรยินดีต้อนรับ”

“ดิฉันคิดว่าผู้นำเยาวชนหญิงไม่น่าทำให้สมาคมสงเคราะห์ฟังเหมือนเป็นที่น่าเบื่อ” อแมนดาเขียน “เพราะดิฉันรู้สึกอย่างนั้นเมื่อไปที่นั่น”

ในสมาคมสงเคราะห์

sisters in Relief Society

5. ทำให้การเลื่อนชั้นเป็นมากกว่าเหตุการณ์ครั้งเดียว

ถึงแม้ประธานสมาคมสงเคราะห์หลายท่านทำสิ่งพิเศษเพื่อต้อนรับเยาวชนหญิงในวันแรกของเธอที่สมาคมสงเคราะห์ แต่มีคนแสดงความเห็นว่าผู้นำพึงตระหนักเช่นกันว่าการก้าวเข้าสู่สมาคมสงเคราะห์ไม่หยุดแค่นั้น

ราเควล ผู้นำสมาคมสงเคราะห์ในบราซิล แบ่งปันสิ่งที่ฝ่ายประธานของเธอทำดังนี้ “(1) เรามอบชุดต้อนรับให้เยาวชนหญิงแต่ละคนในวันอาทิตย์แรกของเธอ นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเสมอ (2) ในฐานะฝ่ายประธาน เราทำการอบรมบางอย่างเพื่อให้พวกเธอรู้ว่าพวกเธอมาหาเราได้ทุกเมื่อ (3) เราเสนอว่าต้องไม่เรียกเยาวชนหญิงไปปฐมวัยหรือเยาวชนหญิงทันที”

6. ทำให้บทเรียนประยุกต์ใช้ได้กับพี่น้องสตรีทุกคน

“ดิฉันโตมากับการสนทนาพระกิตติคุณอย่างลึกซึ้งกับคุณแม่” คริสตีเขียน “และพบว่าสมาคมสงเคราะห์มักจะเป็นเรื่องที่เราสนทนากันบ่อยๆ”

กิลเลียนเขียนว่า “ดิฉันโหยหาความเข้าใจอันลึกซึ้งทางวิญญาณและขอบคุณที่ได้รับ”

“ดิฉันพยายามโยงเข้ากับบทเรียนและกับพี่น้องสตรีที่ดูเหมือนจะอายุแก่กว่าดิฉันมาก” มาริสาเขียน

“ดิฉันตื่นเต้นที่ได้ยินทัศนะของสตรีผู้สามารถแบ่งปันวิสัยทัศน์กับดิฉันในเรื่องจุดประสงค์ของชีวิตมรรตัยที่ดิฉันยังไม่เคยเห็น” เอมิลีเขียน

7. นั่งเป็นเพื่อนในวันอาทิตย์

“ดิฉันไม่มีสมาชิกครอบครัวให้นั่งด้วย” ลาซีย์เยาวชนหญิงคนหนึ่งกล่าว “การที่พี่น้องสตรีกล่าว ‘สวัสดี’ หรือนั่งกับดิฉันสร้างความแตกต่างอย่างมาก”

เคลลี สตรีสมาคมสงเคราะห์กล่าวเช่นนั้น เธอเขียนว่า “ถ้ามีคนรู้สึกไม่เป็นที่ต้อนรับ เธอคงไม่อยากเข้าร่วมอีก”

น่าเศร้าใจที่นิกกีคือสตรีคนหนึ่งที่รู้สึกอึดอัด สิ่งที่เธอเขียนเตือนเราว่าเราทำได้มากกว่านั้นเสมอ “ในสถานการณ์เหมือนดิฉัน บางคนหายไปไม่แข็งขันอีกเลย สมาคมสงเคราะห์ต้องเป็นที่ซึ่งเราสามารถโอบกอดพี่น้องสตรีทุกวัย ไม่ว่าพวกเธอจะเป็นใครหรือพวกเธอทำอะไร”

คริสตอลร้องไห้ในวันแรกของเธอ เธอเขียนว่า “อดีตผู้นำเยาวชนหญิงของดิฉันโอบกอดดิฉันและชวนดิฉันไปนั่งกับเธอ ดิฉันนั่งกับบรรดาภรรยา คุณแม่ และคุณย่าคุณยายทั้งหลาย ดิฉันบอกเล่าความรู้สึก และพวกเธอฟัง เป็นครั้งแรกที่ดิฉันรู้สึกถึงพลังของการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสตรีที่กำลังพยายามเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น ดิฉันรู้สึกได้รับพรมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับโลกนี้”

8. เปิดโอกาสให้เยาวชนหญิงได้รับใช้

“พวกเธอขอให้ดิฉันเล่นเปียโนสำหรับการประชุมวันอาทิตย์ของเรา” เอมีเขียน “การรู้ว่าพวกเธอต้องการดิฉันช่วยให้ดิฉันมีความผูกพันกับพี่น้องสตรี เหมือนสิ่งที่ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008) กล่าวไว้ว่าสมาชิกใหม่ในศาสนจักรต้องมีเพื่อน งานมอบหมาย และการบำรุงเลี้ยงด้วยพระวจนะอันประเสริฐของพระผู้เป็นเจ้า [ดู “จงค้นหาลูกแกะและจงดูแลแกะเถิด,” เลียโฮนา, ก.ค. 1999, 142) ดิฉันต้องการสิ่งเดียวกัน”

เคท สตรีสมาคมสงเคราะห์คนใหม่เขียนว่า “ดิฉันทราบว่าดิฉันมีบทบาทสำคัญในสมาคมสงเคราะห์หลังจากได้รับเรียกเป็นครูสอน ดิฉันได้เรียนรู้มากมาย ดิฉันยังไม่แต่งงาน แต่รู้สึกว่าพร้อมจะแต่งงานและเป็นแม่ก็เพราะสมาคมสงเคราะห์”

ชาร์ลอตต์ เยาวชนหญิงเริ่มทำเช่นกัน เธอเขียนว่า “ดิฉันมองหาโอกาสรับใช้เพราะไม่ค่อยมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมสมาคมสงเคราะห์วันอาทิตย์ แต่โอกาสรับใช้มีมากมายและสอนให้ดิฉันรู้ความหมายของสมาคมสงเคราะห์”

9. รู้ว่าทุกคนต้อนรับและต้องการท่าน

บรูคเขียนว่า “แค่สตรีในวอร์ดของดิฉันปรารถนาจะถามเราว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับเรา เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ดิฉันทราบดีว่าถึงแม้สตรีเหล่านี้มีประสบการณ์ชีวิตต่างจากเรา แต่เรายังมีความหวัง ความฝัน และความกลัวโดยพื้นฐานเหมือนๆ กัน”

แต่รอบีนมีช่วงเวลาที่ยาก “ดิฉันเป็นคนใหม่และเป็นคนเดียวในสมาคมสงเคราะห์ที่อายุเท่านี้” เธอเขียน “ตอนแรกดิฉันรู้สึกไม่เข้าพวก” แต่รอบีนยังคงไปกับคุณแม่ “ดิฉันทำความรู้จักสตรีและรักสมาคมสงเคราะห์กับการเยี่ยมสอนมากขึ้นเรื่อยๆ”

เดโบราห์เขียนว่า “ดิฉันรู้ว่าตนเองเป็นสตรีสมาคมสงเคราะห์เมื่อบอนนีประธานสมาคมสงเคราะห์ขอให้ดิฉันช่วยทำความสะอาดอพาร์ตเมนต์ของสตรีคนหนึ่ง สตรีคนนั้นอยู่อย่างยากไร้และสิ้นชีวิตอย่างไม่คาดคิด ขณะค้นหาว่าอะไรเป็นจุดจบที่ยุ่งยากของชีวิต เราบังเอิญเห็นภาพครึ่งตัวของเธอสมัยเป็นเจ้าสาว ภาพหญิงสาวผมสีน้ำตาลที่มีแววตาสดใสและสวยน่าทึ่งในชุดเจ้าสาวผ้าซาตินสีขาวกำลังยิ้มให้เรา บอนนีพูดเบาๆ ว่า ‘เราจะจดจำเธอในภาพนี้’ ดิฉันรู้สึกรักสตรีคนหนึ่งที่ดิฉันไม่เคยพบมาก่อนในความเป็นมรรตัย เราเป็นพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ ดิฉันกับบอนนีเสร็จงานวันนั้นด้วยน้ำตาและการสวมกอด”

ขอให้เราเป็น “แวดวงพี่น้องสตรี” อย่างแท้จริงดังที่ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดอย่างอ่อนโยนถึงพวกเราเหล่าพี่น้องสตรีในสมาคมสงเคราะห์ ขอให้เราสร้างจากสิ่งที่เรามีเหมือนกัน การก้าวจากเยาวชนหญิงเข้าสู่สมาคมสงเคราะห์เป็นเส้นทางที่พระผู้เป็นเจ้าทรงวางไว้ให้เราเหล่าธิดาของพระองค์เติบโตและพัฒนา ดังคติพจน์ของสมาคมสงเคราะห์ที่ว่า “จิตกุศลไม่มีวันสูญสิ้น” (ดู 1 โครินธ์ 13:8)