2022
เดินตามเส้นทางแห่งความสุข
มกราคม 2022


เดินตามเส้นทางแห่งความสุข

เราสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ที่ชอบธรรม เปี่ยมความหวังได้ในทุกภูมิภาคของโลกถ้าพวกเขามีฐานมั่นคงในพระผู้ช่วยให้รอด

African family praying

ภาพถ่ายโดย จิม ลิลลีย์ไวท์

หลายปีก่อน ลูกพี่ลูกน้องรุ่นน้องบางคนได้รับมอบหมายให้ทำโครงการรับใช้ที่ฟาร์มของคุณตาโครซิเออร์ คิมบัลล์ รางวัลคือ พวกเขาได้รับสัญญาว่าจะได้รับประทานเค้กทำเองที่แสนอร่อยของคุณยายคลารา1

เมื่องานเสร็จ พวกเขาก็ตรงดิ่งไปที่ครัวเพื่อรับรางวัล แต่คุณตา ขวางประตูครัวไว้ ลูกพี่ลูกน้องข้าพเจ้า เคธี กัลโลเวย์ ซึ่งขณะนั้นอายุประมาณ 14 ปี จำได้ว่าท่านนั่งลงที่ม้าเล่นเปียโนแล้วเชิญลูกพี่ลูกน้องเหล่านั้นนั่งบนพื้น ท่านขอบใจที่พวกเขาขยันทำงานแล้วบอกว่าจะบอกเรื่องสำคัญบางอย่างแก่พวกเขาก่อนให้รับประทานเค้ก

“สักวันหนึ่งในชีวิตจะถึงเวลาที่พวกเธอจะต้องรู้และทำสิ่งที่ตากำลังจะเล่าให้ฟัง” ท่านกล่าว

ท่านอธิบายว่าปู่ของท่าน ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ (1801–1868) และบรรพชนผู้บุกเบิกคนอื่นๆ เผชิญกับเรื่องท้าทายทางกายที่ยากลำบาก คุณตาเล่าว่าผู้บุกเบิกเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าเพื่อความอยู่รอด พวกเขาต้องร่วมมือกันทำงาน รักและรับใช้กัน

“นี่คือตำนานอันยิ่งใหญ่ที่บรรพชนทิ้งไว้ให้พวกเธอ!” ท่านพูดพลางน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม

“ในการเรียกของตาในฐานะผู้ประสาทพรและตาของพวกเธอ เมื่อมองตามเส้นทางแห่งเวลา … ตาปวดร้าวใจแทนพวกเธอ” ท่านกล่าว “พวกเธอจะเผชิญเรื่องท้าทายทางอารมณ์และทางวิญญาณที่บรรพชนผู้บุกเบิกส่วนใหญ่ของพวกเธอจะไม่มีวันนึกถึง”

นอกเสียจากว่าคนรุ่นที่เยาว์วัยกว่าจะให้เกียรติตำนานอันยิ่งใหญ่แห่งความรักและการรับใช้ของผู้บุกเบิก ท่านเสริม “พวกเธอหลายคนจะล้มเหลวเพราะไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตนเอง”

จากนั้น ด้วยการเชื่อมโยงแบบวิญญาณต่อวิญญาณ คุณตาคิมบัลล์สรุปว่า “เราต้องการกันและกัน นอกจากการแบ่งปันประจักษ์พยานถึงพระกิตติคุณของเราแก่กัน หน้าที่ของเราคือต้องรัก รับใช้ เสริมสร้างความเข้มแข็ง บำรุงเลี้ยง ช่วยเหลือและสนับสนุนกัน … โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวของเรา ขอให้จำไว้ว่าในยุคสุดท้ายนี้ ความอยู่รอดของพวกเธออาจขึ้นอยู่กับความเต็มใจที่จะร่วมมือกันทำงานและที่จะรักและรับใช้กัน ทีนี้ ไปกินเค้กกันเถอะ!”

เราต้องการกันและกัน

group of people in India

ภาพถ่ายโดย เวนดี กิบบ์ส คีเลอร์

จากภาพของความสับสนวุ่นวายทางโลกรอบตัวเรา และช่างเหมือนกับที่คุณตาโครซิเออร์ คิมบัลล์เห็นล่วงหน้า เราต้องการกันและกัน เราต้องการครอบครัวที่เปี่ยมรัก โควรัมและสมาคมสงเคราะห์ที่เต็มไปด้วยการรับใช้ สาขา วอร์ด และสเตคที่ค้ำจุนกัน

“พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้เราทำงานด้วยกันและช่วยเหลือกัน” ประธานเนลสันกล่าว “นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ทรงส่งเรามาแผ่นดินโลกในครอบครัวและจัดเราอยู่ในวอร์ดและสเตค นั่นคือเหตุผลที่ทรงขอให้เรารับใช้และปฏิบัติศาสนกิจต่อกัน นั่นคือเหตุผลที่ทรงขอให้เราอาศัยอยู่ ใน โลกแต่ไม่เป็น ของ โลก เราสามารถประสบความสำเร็จด้วยกันได้มากมายยิ่งกว่าที่เราจะทำได้คนเดียว”2

ชีวิตในสถานะที่สองของเรายากลำบาก เพราะการตกของอาดัมและเอวา เราจึงต้องเผชิญขวากหนาม การทดลองและการล่อลวง ประสบการณ์เช่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนแห่งความสุข แต่เราช่วยกันต้านมรสุมชีวิตได้

เช่นเดียวกับอาดัมและเอวา ผู้ถูก “[ส่ง] … ออกไปจากสวนเอเดน” (ปฐมกาล 3:23) เราถูกส่งออกมาจากบ้านก่อนมรรตัยเพื่อการเตรียมพร้อมของเรามายังโลกแห่งการตกนี้ เช่นเดียวกับอาดัมและเอวา เราชื่นชมยินดีในความรู้ของเราเรื่องแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับบุตรธิดาของพระองค์

“และในวันนั้นอาดัมถวายพระพรพระผู้เป็นเจ้าและอิ่มเอม, และเริ่มพยากรณ์เกี่ยวกับครอบครัวทั้งปวงของแผ่นดินโลก, โดยกล่าวว่า : ขอพระนามแห่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเจริญด้วยพระสิริเถิด, เพราะเนื่องจากการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าดวงตาของข้าพเจ้าจึงเปิด, และในชีวิตนี้ข้าพเจ้าจะมีปีติ, และอีกครั้งในเนื้อหนังข้าพเจ้าจะเห็นพระผู้เป็นเจ้า

“และเอวา, ภรรยาท่าน, ได้ยินเรื่องทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้และยินดี, โดยกล่าวว่า : หากมิใช่เพราะการล่วงละเมิดของเรา เราจะไม่มีวันได้มีพงศ์พันธุ์, และจะไม่มีวันรู้ความดีและความชั่ว, และปีติของการไถ่ของเรา, และชีวิตนิรันดร์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ปวงชนที่เชื่อฟัง” (โมเสส 5:10–11; ดู 2 นีไฟ 2:25 ด้วย)

“จุดประสงค์ส่วนหนึ่งของพระองค์”

ทำให้เกิด “ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์” ของเราคือ “งานและ … รัศมีภาพ” ของพระบิดา (โมเสส 1:39) “เราคือ” ดังที่ประธานเนลสันสอน “จุดประสงค์ส่วนหนึ่งของพระองค์”3

ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองประกาศว่าในฐานะบุตรและธิดาที่เป็นวิญญาณในอาณาจักรก่อนชีวิตมรรตัย เรา “รู้จักและนมัสการพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระบิดานิรันดร์ของ [เรา] และยอมรับแผนของพระองค์ ซึ่งตามแผนนั้นบุตรธิดาของพระองค์จะได้รับร่างกายอันเป็นเนื้อหนัง และได้รับประสบการณ์ทางโลกเพื่อพัฒนาไปสู่ความดีพร้อม และในที่สุดจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ของพวกเขาเป็นทายาทแห่งชีวิตนิรันดร์”4 และประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด เพิ่งสอนเมื่อไม่นานมานี้ว่า “ภายใต้แผนของพระบิดาบนสวรรค์ [พระเยซูคริสต์] ‘ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก’ (หลักคำสอนและพันธสัญญา 14:9) เพื่อให้เราแต่ละคนได้มีประสบการณ์มรรตัยอันจำเป็นต่อการแสวงหาจุดหมายอันสูงส่งของเรา”5

พระคัมภีร์และศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายทำให้เห็นชัดเจนในบทบาทอันสำคัญยิ่งของร่างกายเราในแผนของพระผู้เป็นเจ้า จุดหมายของเราคือกลับไปยังที่ประทับของพระองค์พร้อมร่างกายที่ฟื้นคืนชีวิตและได้รับความสูงส่งแล้วเพื่ออาศัยอยู่ที่นั่นเป็นครอบครัวนิรันดร์

“ความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่น ความสามารถในการจดจำและกระทำตามความจริง และความสามารถในการเชื่อฟังหลักธรรมและศาสนพิธีแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้รับการขยายผ่านร่างกายของเรา” เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าว “ในความเป็นมรรตัย เราได้รับประสบการณ์ถึงความอ่อนโยน ความรัก ความเมตตา ความสุข ความเศร้า ความผิดหวัง ความเจ็บปวด แม้กระทั่งการท้าทายด้านความจำกัดของร่างกายในแบบที่จะเตรียมเราสู่ความเป็นนิรันดร์”6

สอนเรื่องพระคริสต์

a family sitting around a table

ในวันเวลาแห่งความสงสัยและไม่แน่นอนเหล่านี้ ความรู้เรื่องแผนแห่งความสุขสำคัญยิ่งนักต่อความอยู่รอดทางวิญญาณของเรา แต่เราไม่สามารถคาดหวังให้โลกบำรุงเลี้ยงลูกๆ ของเราด้วยหลักธรรมแห่งความสุขนิรันดร์ ในฐานะบิดามารดา เราจำเป็นต้องสอนลูกๆ ของเราเกี่ยวกับจุดกำเนิดและจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ของพวกเขา

เราเริ่มด้วยการช่วยให้พวกเขาพัฒนาประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแผนแห่งความรอด ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ที่ชอบธรรม เปี่ยมความหวังได้ทุกภูมิภาคของโลกถ้าพวกเขามีฐานมั่นคงในพระผู้ช่วยให้รอด

ในกิจกรรมยามค่ำที่บ้าน ระหว่างการสวดอ้อนวอนและศึกษาพระคัมภีร์เป็นครอบครัว ผ่านกิจกรรมและประเพณีครอบครัว และแม้ในช่วงเวลาของการแก้ไข “เราพูดถึงพระคริสต์, เราชื่นชมยินดีในพระคริสต์, เราสั่งสอนเรื่องพระคริสต์, เราพยากรณ์ถึงพระคริสต์, … เพื่อลูกหลานของเราจะรู้ว่าพวกเขาจะมองหาแหล่งใดเพื่อการปลดบาปของพวกเขา” (2 นีไฟ 25:26)

เราช่วยให้ลูกๆ ของเราเข้าใจว่าในแผนแห่งความรอด การกลับใจเป็น “หลักสูตรตลอดชีวิต”7 ซึ่งนำความหวังและการเยียวยาที่ปลดภาระจิตวิญญาณและทำให้อนาคตสดใส

ขณะลูกๆ ของเราพัฒนาศรัทธาในการชดใช้ของพระคริสต์ พวกเขาจะรู้ว่าไม่มีอะไรที่สิ้นหวังและพระเจ้าทรงกางพระพาหุรอคอยพวกเขาอยู่ เราช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่า “ไม่ว่า [เรา] ต้องทิ้งสิ่งใดไว้เบื้องหลังเพื่อไปตามเส้นทางกลับบ้านบนสวรรค์ [ของเรา] วันหนึ่งจะดูเหมือนว่าท่านไม่ได้เสียสละสิ่งใดเลย”8

รวบรวมลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้า

เราไม่ไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์เพียงคนเดียว ในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เรามีหน้าที่พิเศษที่จะเชิญคนอื่นๆ ในการเดินทางสู่บ้านบนสวรรค์ของเรา โลกจำเป็นต้องมีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายผู้เต็มใจที่จะส่องแสงแห่งการฟื้นฟูผ่านประจักษ์พยาน แบบอย่าง และความเต็มใจที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณของพวกเขา เมื่อเราส่องแสง เรารวบรวม

“เมื่อเราพูดถึง การรวบรวม” ประธานเนลสันกล่าว “เราเพียงแต่กล่าวความจริงพื้นฐานนี้: บุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์ในทั้งสองด้านของม่านสมควรได้ยินข่าวสารพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ พวกเขาตัดสินใจด้วยตนเองว่าพวกเขาอยากจะรู้มากขึ้นหรือไม่”9

และดังนั้น เราจึงแบ่งปันประจักษ์พยานของเราในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ตามที่คุณตาโครซิเออร์แนะนำ เรารักและรับใช้ เสริมสร้างความเข้มแข็งและบำรุงเลี้ยง รวมทั้งช่วยเหลือและสนับสนุนคนที่เรารักและเพื่อนบ้านของเรา

ขณะเราช่วยคนอื่นตามเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ เรากำลังช่วยตัวเราเองไปตามเส้นทางเดียวกันด้วย “จะทรงรับเข้าไปในอาณาจักรของพระบิดาเพื่อจะไม่ออกไปอีก, แต่จะพำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในสวรรค์ชั่วนิรันดร์” (3 นีไฟ 28:40)

อ้างอิง

  1. หลังจากแมรีย์ เลนอรา โรเบิร์ตส์ ภรรยาคนแรกสิ้นชีวิต คุณตาโครซิเออร์ คิมบัลล์แต่งงานกับคลารา ลูกพี่ลูกน้องของภรรยาคนแรก ลูกๆ เรียกเธอว่า “ป้าคลารา” หลานๆ เรียกเธอว่า “คุณยาย”

  2. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “สิ่งที่เราเรียนรู้และจะไม่มีวันลืม,” เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 79.

  3. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ร่างกายของท่าน: ของประทานอันงดงามที่พึงหวงแหน,” เลียโฮนา, ส.ค. 2019, 50.

  4. “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” ChurchofJesusChrist.org.

  5. ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำอะไรเพื่อเราบ้าง?,” เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 77.

  6. เดวิด เอ. เบดนาร์, “เราเชื่อในการเป็นคนบริสุทธิ์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 41.

  7. ลินน์ จี. รอบบินส์, “เจ็ดสิบครั้งคูณเจ็ด,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 22.

  8. โฮเซ เอ. เทียเซียรา, “จงจำทางกลับบ้าน,” เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 94.

  9. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ความหวังอิสราเอล” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับเยาวชนทั่วโลก, 3 มิถุนายน 2018), HopeofIsrael.ChurchofJesusChrist.org.