เพื่อนของฉันมีคำถามเกี่ยวกับพระกิตติคุณ: จะทำอย่างไรถ้าฉันไม่มีคำตอบ?
ฉันไม่ทราบว่าตนมีคำตอบที่จะช่วยเพื่อนร่วมห้องหรือเปล่า แต่พระวิญญาณทรงช่วยให้ฉันพบคำตอบที่ต้องการ
“ฉันคิดว่าตัวเองไม่เคยรู้สึกถึงพระวิญญาณหรือความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อฉัน”
คำพูดเหล่านี้จากเพื่อนร่วมห้องที่มหาวิทยาลัยทำให้ฉันเศร้ามาก เราสนทนาลงลึกในเรื่องพระกิตติคุณซึ่งดูเหมือนเธอจะมีคำถามมากกว่าที่ฉันจะตอบได้
ฉันจะอธิบายได้อย่างไรว่าฉันรู้สึกถึงความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อคนที่คิดว่าตนไม่เคยรู้สึกถึงความรักนั้น? ฉันจะช่วยให้เธอพบคำตอบของคำถามพระกิตติคุณได้อย่างไรในเมื่อฉันไม่มีคำตอบทั้งหมด? จะทำอย่างไรถ้าฉันแบ่งปันบางอย่างที่อาจทำให้เข้าใจผิด?
เพราะรู้สึกอยากช่วยเธอมากฉันจึงสวดอ้อนวอนในใจเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะสนทนากันไปเรื่อยๆ พระคัมภีร์หลายข้อเกี่ยวกับหัวข้อนั้นก็ประดังเข้ามาในความคิด (ฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อการศึกษาพระคัมภีร์และชั้นเรียนสถาบันในช่วงเวลานั้น) ความคิดและจิตใจฉันเต็มไปด้วยความจริงมากมายจนคิดจะแบ่งปันความจริงทั้งหมดกับเธอเพราะอยากเผยหลักฐานของความจริงพระกิตติคุณเอามากๆ และโน้มน้าวเธอให้เชื่อความจริงนั้น แต่ฉันรู้สึกว่าพระวิญญาณทรงกระตุ้นเตือนให้เลือกแบ่งปันเพียงสองเรื่องที่ประยุกต์ใช้กับคำถามของเธอได้ดีที่สุด
ฉันเล่าประสบการณ์บางอย่างของตนเองเพื่อให้เธอรู้ที่มาของคำตอบ และทำให้ฉันสามารถแสดงประจักษ์พยานได้ด้วย มีคำถามบางข้อที่ฉันรู้สึกว่าตนไม่คู่ควรจะตอบ และยอมรับกับเธอว่าฉันไม่ได้รู้ทุกเรื่อง แต่ฉันมีศรัทธา
รู้สึกทำได้ไม่ดีพอ
ดูเหมือนการสนทนาสำเร็จราบรื่น แต่เวลาที่เหลือของคืนนั้นฉันกลับตั้งคำถามกับความพยายามของฉัน ฉันรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีพอ ฉันไม่รู้คำตอบทั้งหมดและรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำมากพอเพื่อช่วยเธอ
แต่ก่อนเข้านอนฉันอ่านหลักคำสอนและพันธสัญญาภาค 100 ข้อ 6 และ 7 สะดุดตาฉัน ในนั้นกล่าวว่า:
“เพราะจะให้มันแก่เจ้าในโมงนั้นนั่นเอง, แท้จริงแล้ว, ในชั่วขณะนั้นนั่นเอง, สิ่งที่เจ้าจะกล่าว.
“… เจ้าจะประกาศในนามของเรา, ในความสำรวมแห่งใจ, ในวิญญาณแห่งความอ่อนโยน, ในสิ่งทั้งปวง”
ฉันใคร่ครวญการสนทนาของเราและประหลาดใจยิ่งนักที่ข้อพระคัมภีร์และคำพูดอ้างอิงเหล่านั้นมาเร็วมาก พระวิญญาณตรัสกับใจฉันและฉันรู้ว่าพระองค์ทรงนำให้รู้ว่าต้องพูดอะไร ฉันรู้สึกมั่นใจว่าฉันตอบ “ในความสำรวมแห่งใจ, ในวิญญาณแห่งความอ่อนโยน” ฉันรู้ว่าทำถูกแล้วที่ห้ามตนเองใช้ข้อเท็จจริงและหลักฐานมาโน้มน้าวเธอให้เชื่อหรือแบ่งปันเฉพาะความจริงที่คิดว่าเธอควรได้ยินตอนนั้น
ประสบการณ์นี้ช่วยให้ฉันตระหนักว่าพระผู้เป็นเจ้าเอาพระทัยใส่เพื่อนร่วมห้องของฉันและเราทุกคนมาก
เราสามารถพึ่งพระวิญญาณให้แบ่งปันความจริง
การสนทนาครั้งนี้อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักในชีวิตเธอ แต่ทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น ฉันไม่ได้คาดหวังให้คำพูดของฉันทำให้เพื่อนร่วมห้องมีประจักษ์พยานแน่วแน่ทันที และไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเข้าใจแง่มุมบางอย่างของพระกิตติคุณดีขึ้นและรู้สึกสงบมากขึ้น
ฉันรู้ว่าคำตอบของฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่รู้เช่นกันว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักและรักบุตรธิดาแต่ละคนของพระองค์ และทรงนำฉันให้พูดสิ่งที่จะช่วยเธอได้มากที่สุด ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดกล่าวว่า “การได้ฟังถ้อยคำของหลักคำสอนสามารถหว่านเมล็ดแห่งศรัทธาในใจ”1
ด้วยเหตุนี้แม้เพื่อนร่วมห้องยังมีคำถาม แต่ความจริงที่ฉันแบ่งปันกับเธอน่าจะช่วยให้ประจักษ์พยานของเธอเติบโตและเข้มแข็งกว่าที่ฉันรู้ และสำหรับฉันการแบ่งปันความจริงเหล่านั้นทำให้ประจักษ์พยานของฉันมั่นคงในเรื่องที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักบุตรธิดาของพระองค์มากเพียงใด ฉันรู้ว่าเมื่อเรากล้าแบ่งปันสิ่งที่อยู่ในใจเราและพึ่งพาพระวิญญาณ พระองค์จะทรงนำทางเราให้รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อแบ่งปันความรักและแสงสว่างของพระเยซูคริสต์ให้กับคนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะกับคนที่กำลังแสวงหาความจริง