2023
พระบัญญัติ—แหล่งรวมคำเชื้อเชิญและพรที่สวยงาม
มีนาคม 2023


ดิจิทัลเท่านั้น

พระบัญญัติ—แหล่งรวมคำเชื้อเชิญและพรที่สวยงาม

ฉันต้องการทำทุกอย่างที่พระเจ้าทรงขอ แต่สงสัยว่าตัวเองจะมีเวลาทำทุกอย่างที่ทรงขอได้อย่างไร

มือตวงน้ำออกจากแหล่งน้ำ

ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัย พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้แต่ละคนละทิ้งทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อติดตามพระองค์ (ดูตัวอย่างใน มัทธิว 8:18–22; มาระโก 3:31–35; มาระโก 10:17–22)

แม้จะไม่ทรงขอให้เราทิ้งเรือประมงหรือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเรา แต่สองวิธีที่จะทรงขอให้เราสละทั้งหมดให้พระองค์คือผ่านเวลาและการเชื่อฟังของเรา1

เนื่องด้วยกิจกรรมทั้งหมดที่เราต้องทำเป็นประจำทุกวัน เราอาจรู้สึกหนักใจกับการทำทุกอย่างที่พระเจ้าและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์เชื้อเชิญให้เราทำ ตัวอย่างเช่น:

  • สวดอ้อนวอนอย่างมีความหมายและไม่เร่งรีบ

  • ศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนเป็นประจำทุกวัน

  • ศึกษา จงตามเรามา ทุกสัปดาห์

  • เข้าพระวิหารเป็นประจำ (ในที่ที่สามารถเข้าได้)

  • ค้นคว้าและสร้างสาแหรกประวัติครอบครัวของเราและทำงานศาสนพิธีแทนคนตาย

  • แบ่งปันพระกิตติคุณ

  • ปฏิบัติศาสนกิจ

  • เข้าร่วมกิจกรรมยามค่ำที่บ้าน

  • จดบันทึกส่วนตัว

  • รับใช้ในการเรียก ในบ้านของเรา และในชุมชน

  • ยอมรับคำเชื้อเชิญให้ศึกษาหัวข้อเฉพาะจากผู้นำศาสนจักร (เช่น คำเชื้อเชิญของประธานเนลสันให้ศึกษาข้อพระคัมภีร์ทั้งหมดเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด2 หรือศึกษาเกี่ยวกับอำนาจฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า3)

  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ในขณะรักษาสมดุลระหว่างครอบครัว มิตรภาพ ความรับผิดชอบในบ้าน งาน ตารางเวลาของลูกๆ และความสนใจอื่นๆ ท่านอาจรู้สึกหวาดกลัวหรือรู้สึกว่าทำทั้งหมดข้างต้นไม่ได้ ฉันเคยเป็นแบบนั้นมาแล้ว และบางครั้งก็ยังกังวลอยู่ แต่ตอนนี้ฉันมองความคิดนี้ต่างจากเดิมเพราะการกระตุ้นเตือนที่ได้รับเมื่อหลายปีก่อน

ครั้งหนึ่งเมื่อฉันสวดอ้อนวอนทูลถามว่าจะติดตามพระผู้ช่วยให้รอดให้ดีขึ้นได้อย่างไร พระองค์ทรงย้ำเตือนว่าฉันน่าจะทำทุกอย่างข้างต้นให้เต็มที่มากขึ้น แม้จะมีบางอย่างที่ฉันทำสม่ำเสมอ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่ทำบ้างไม่ทำบ้าง

ฉันนึกถึงข่าวสารจากศาสดาพยากรณ์สองเรื่องด้วยที่เป็นแรงบันดาลใจให้พยายามทำ ทั้งหมด นั้นให้สม่ำเสมอ :

  • 1 นีไฟ 3:7: “ข้าพเจ้าจะไปและทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา, เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงให้บัญญัติแก่ลูกหลานมนุษย์, นอกจากพระองค์จะทรงเตรียมทางไว้ให้พวกเขา เพื่อพวกเขาจะทำสำเร็จในสิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชาพวกเขา”

  • เมื่อประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดพูดในการประชุมใหญ่สามัญเรื่องการเขียนหลักฐานยืนยันพระหัตถ์ของพระเจ้าในชีวิตครอบครัวของท่านในแต่ละวัน ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจดวันละสามสี่บรรทัดทุกวันเป็นเวลาหลายปี ไม่ขาดแม้แต่วันเดียวไม่ว่าจะเหนื่อยเพียงไรหรือจะต้องเริ่มงานเช้าตรู่แค่ไหนในวันรุ่งขึ้น”4

ฉันตัดสินใจวางใจในถ้อยคำของนีไฟและจดจำว่าพระเจ้าจะไม่ประทานพระบัญญัติใดๆ (หรือพระบัญญัติทั้งชุด) ที่พระองค์จะไม่ทรงช่วยฉันรักษา และฉันได้รับแรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นตั้งใจของประธานอายริงก์ด้วยในการเชื่อฟังคำเชื้อเชิญให้จดบันทึกทุกวันอย่างซื่อสัตย์แม้ในเวลาที่ท่านรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะจด ประธานอายริงก์มีตารางงานที่ยุ่งเหยิง แต่ถ้าท่านเชื่อฟังได้ทั้งที่เหนื่อย ฉันรู้ว่าตัวเองย่อมทำได้เหมือนกัน

ฉันจึงตัดสินใจมีศรัทธามากขึ้นว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยให้ฉันทำทุกอย่างที่ทรงเชื้อเชิญให้ทำได้สำเร็จ ฉันสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์และพยายาม “ปรึกษาพระเจ้า” ด้วย (แอลมา 37:37) เพื่อทราบเวลาหรือความถี่ที่เหมาะสมที่ฉันควรอุทิศให้กับคำเชื้อเชิญและพระบัญญัติแต่ละข้อ ฉันรู้ว่าบางอย่างทำสำเร็จได้ง่ายเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นสานุศิษย์ประจำวันของฉันอยู่แล้ว และยอมรับด้วยว่าฉันอาจทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ประวัติครอบครัว ได้ไม่นานเท่าคนอื่น แต่รู้ว่าฉันสามารถทำ บางอย่าง เป็นประจำได้ ฉันวางใจตามที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสัญญาไว้ ว่าในสถานการณ์เหล่านี้ “พระเจ้าทรงรักความพยายาม”5 ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงเห็นคุณค่าเหรียญทองแดงของหญิงม่าย (ดู ลูกา 21:1–4) และทุกสิ่งที่ฉันสามารถถวายให้ได้ ท้ายที่สุดแล้ว เราแต่ละคนสามารถถวายได้ต่างกันในเวลาต่างกันในชีวิตเรา หรือแม้กระทั่งในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์

หลังจากวางแผนร่วมกับการสวดอ้อนวอนแล้วว่าจะทำสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำเป็นประจำให้สำเร็จเท่าที่จะทำได้ ฉันสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือและพลังจากสวรรค์เพื่อทำตามแผนนั้น ฉันพึ่งพาคำสัญญาจากประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) ด้วยเมื่อท่านแนะนำว่า:

“เมื่อเราให้พระผู้เป็นเจ้ามาเป็นอันดับแรก เรื่องอื่นทั้งหมดจะลงตัวหรือออกไปจากชีวิตเรา ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าจะควบคุมการเรียกร้องทางอารมณ์ของเรา การเรียกร้องเวลาของเรา ความสนใจที่เราเสาะแสวงหา และการจัดลำดับความสำคัญของเรา

“เราควรให้พระผู้เป็นเจ้าอยู่หน้า คนอื่นทั้งหมด ในชีวิตเรา”6

ฉันตัดสินใจให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกในตารางเวลา ในการกระทำ และในใจของฉัน และทิ้ง “แห” ในเชิงเปรียบเทียบและอุทิศถวายชีวิตฉันแด่พระองค์ให้ดีขึ้น

นั่นหมายถึงการทำเรื่องทางวิญญาณตลอด 24 ชั่วโมงหรือเปล่า? ไม่ใช่หมายถึงการใช้เวลาทุกนาทีอ่านพระคัมภีร์หรือทำประวัติครอบครัว แต่หมายถึงการตั้งใจอัญเชิญพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์เข้ามาในแต่ละช่วงของวัน การหันใจฉันมาหาทั้งสองพระองค์แบบนั้นย้ำเตือนฉันว่าทุกสิ่งที่เป็นฝ่ายโลกเป็นฝ่ายวิญญาณด้วย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:34–35) และว่าพระเจ้าทรงสามารถเป็นจุดสนใจของฉันในการงานทั้งหมด (ดู แอลมา 34:17– 27) และหมายถึงการจดจ่ออยู่กับเรื่องสำคัญที่สุดขณะที่ฉันเพียรพยายามเป็นสานุศิษย์ที่ตั้งใจมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เริ่มสร้างความแตกต่างและเป็นหนทางให้เชื่อฟังได้ดีขึ้น ถ้าฉันใช้โทรศัพท์ไม่กี่นาทีตอนเช้า ฉันจะใช้เวลานั้นกับแอปสาแหรกครอบครัวของ FamilySearch แทนที่จะเลื่อนหน้าจอบนโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ ขณะต่อแถว ฉันสามารถโทรสั้นๆ ส่งข้อความไปปฏิบัติศาสนกิจกับเพื่อน หรือพูดคุยกับคนที่อยู่ใกล้ๆ7 ฉันจบวันด้วยการจดบันทึกแทนที่จะจบด้วยความบันเทิง ฉันตื่นมาพร้อมจุดสนใจที่ดีกว่าเดิมและมีตารางประจำวันที่จะให้ความสำคัญกับการศึกษาทางวิญญาณก่อนจะเกิดสิ่งล่อใจอื่นๆ ของวันนั้น ฉันทำตามคำแนะนำของประธานเนลสันให้ “หาเวลานัดกับพระเจ้าเป็นประจำ—เพื่ออยู่ในพระนิเวศน์บริสุทธิ์ของพระองค์—แล้วรักษานัดดังกล่าวด้วยความเที่ยงตรงและปีติ”8 ฉันรู้ตัวว่ามีหลายช่วงที่มักถูกสิ่งดีๆ หันเหความสนใจและพยายามใช้เวลานั้นทำสิ่งดีที่สุดแทน9

และท่านรู้อะไรไหม? ฉันสามารถทำทุกอย่างได้ตามตารางเวลาของฉัน และ ยังมีเวลาสนุกกับอย่างอื่นด้วย ดูเหมือนไม่สมเหตุสมผลที่ฉันสามารถหาเวลาทำทุกอย่างได้ แต่ฉันรู้ว่านี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่พระเจ้าทรงทำปาฏิหาริย์ในชีวิตเราซึ่งเราไม่สามารถอธิบายได้

ตามที่ซิสเตอร์มิเชลล์ ดี. เครก ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานเยาวชนหญิงสามัญสอน: “ดิฉันกับท่านถวายสิ่งที่มีแด่พระคริสต์ได้ พระองค์จะทรงขยายความพยายามของเรา สิ่งที่ท่านต้องถวายมีมากเกินพอ—แม้ท่านมีความเปราะบางและความอ่อนแออย่างมนุษย์—ถ้า ท่านพึ่งพาพระคุณของพระผู้เป็นเจ้า”10 ฉันรู้สึก (และยังคงรู้สึก) ว่าคำสัญญาเกิดสัมฤทธิผลในชีวิต และพบว่าตารางเวลาของฉันเครียด น้อยลง ไม่ใช่มากขึ้นเมื่อฉันพยายามทำทั้งหมดที่พระเจ้าทรงขอให้ทำ ฉันพบว่าพระบัญญัติและคำเชื้อเชิญของพระเจ้านำความมั่งคั่งเข้ามาในชีวิตฉันมากกว่าสิ่งอื่นใดจะนำเข้ามาได้

แม้ฉันไม่ควรแปลกใจกับสิ่งที่เริ่มเกิดขึ้นเมื่อฉันลงมือทำด้วยศรัทธาที่เกิดขึ้นใหม่และประสบปาฏิหาริย์ที่ฉันสามารถทำทั้งหมดที่พระเจ้าทรงขอได้ แต่ฉันยังรู้สึกทึ่งที่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงช่วยให้ฉันทำสำเร็จในสิ่งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะทำไม่ได้ในตารางเวลาของฉัน (ดู ลูกา 1:37) พระเจ้าไม่เพียง “เตรียมทางไว้ให้ [ฉัน] เพื่อ [ฉัน] จะทำสำเร็จในสิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชา” ฉันเท่านั้น แต่ปีติและสัมฤทธิผลเข้ามาในชีวิตฉันมากเกินคาดด้วย และฉันเริ่มตระหนักว่าความพยายามเหล่านี้เกี่ยวข้องกับตัวตนที่ฉัน จะเป็น มากกว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่11 ส่วนใหญ่ของการ จะเป็น นั้นทำให้ฉันเห็นว่าใจฉันเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้น และช่วยให้ฉันเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น

เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเคยกล่าวไว้ว่า “บางครั้งบางคนสับสนโดยคิดว่าพระบัญญัติคือข้อบังคับหรือขีดจำกัดที่ทำให้ชีวิตซับซ้อน นำเอาโอกาสหรือความสุขหรือความพอใจไปจากชีวิต ในความเป็นจริงพระบัญญัติคุ้มครองเราและนำทางเราสู่ความสุข พระบัญญัติไม่ได้มีไว้เพื่อบังคับแต่เพื่อทำให้เป็นไปได้—เปิดทางให้เราบรรลุในชีวิตนี้และชีวิตหน้า—ตามที่เราปรารถนาจริงๆ และตามที่พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงรักเราทรงต้องการสำหรับเรา

“…  ได้โปรดอย่าพร่ำบ่นเกี่ยวกับพระบัญญัติ อย่าพูดว่า ‘ฉันไม่ต้องการอีก’ แต่จงพูดว่า ‘ต้องการอีก ต้องการอีก ฉันต้องการก้าวหน้า ฉันต้องการมีความสุข ฉันต้องการเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์ พระบัญญัติแสดงให้ฉันเห็นวิธีทำเช่นนั้น พระบัญญัติเปิดเส้นทางตรงหน้าฉัน’”12

ขณะที่ฉันพยายามทำสุดความสามารถอย่างซื่อสัตย์เพื่อเชื่อฟังคำเชื้อเชิญของศาสดาพยากรณ์แต่ละเรื่อง นั่นกำลังช่วยให้ฉันดำเนินชีวิตได้ดีขึ้นบนเส้นทางพันธสัญญาและเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น ผู้ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีพร้อมของการเชื่อฟังทั้งหมดที่พระบิดาขอจากพระองค์ ระหว่างทางฉันตระหนักว่าการจัดลำดับความสำคัญของพระบัญญัติและคำเชื้อเชิญของศาสดาพยากรณ์เหล่านี้ไม่เกี่ยวกับการทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่เกี่ยวกับวิธีดำเนินชีวิตเพื่อช่วยให้ฉันเติบโต ฉันมองว่าพระบัญญัติและคำเชื้อเชิญของศาสดาพยากรณ์เป็นโอกาสให้ฉันได้ให้เกียรติพันธสัญญาพระวิหารขณะอุทิศถวายใจ และตารางเวลา แด่พระเจ้าเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรักต่อพระองค์และความปรารถนาจะเป็นเหมือนพระองค์ เมื่อฉันพยายามให้เกียรติพันธสัญญาเหล่านั้น ฉันรู้สึกถึงความเป็นจริงของการได้รับ “พลังความสามารถในการทำทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้ [ฉัน] ทำ”13

ตอนนี้ฉันชอบนึกภาพคำเชื้อเชิญแต่ละเรื่องจากพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นแหล่งกักเก็บปีติและพรที่รอเราอยู่หากเราเลือกลงน้ำ พระบิดาบนสวรรค์ทรงประสงค์จะประทานพรแก่เราเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ และพระองค์ทรงจัดเตรียมพระบัญญัติที่ยอมให้พรเหล่านั้นมาจากการเชื่อฟังของเรา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 130:20–21) เราเพียงต้องเลือกวางใจพระองค์และพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการช่วยเรารักษาพระบัญญัติทั้งหมดของพระองค์ เมื่อเราถวายใจ มือ และเวลาแด่พระองค์ เราจะเห็นพระองค์ทรงทำปาฏิหาริย์ในชีวิตเรา

อ้างอิง

  1. เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่าอุปมาเรื่องเศรษฐีหนุ่ม “เป็นอุทาหรณ์สำคัญเกี่ยวกับการใช้ความมั่งคั่งและความขัดสนของคนจน แต่สุดท้ายแล้วนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความภักดีหมดใจต่อหน้าที่รับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยากดีมีจนเราแต่ละคนต้องมาหาพระคริสต์ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวต่อพระกิตติคุณเหมือนที่ทรงคาดหวังจากชายหนุ่มคนนี้ ถ้าพูดตามภาษาเยาวชนสมัยนี้คือเราต้องประกาศตนว่า ‘ทุ่มสุดตัว’” (“ทรัพย์สิ่งของจำนวนมาก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2021, 8)

  2. ดู รัสเซล เอ็ม. เนลสัน, “I Studied More Than 2,200 Scriptures about the Savior in Six Weeks: Here Is a Little of What I Learned,” Inspiration (บล็อก), ก.พ. 28, 2017, ChurchofJesusChrist.org.

  3. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ทรัพย์สมบัติทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 79.

  4. เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “โอ้จงจำ จงจำไว้,” เลียโฮนา, พ.ย. 2007, 84.

  5. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, อ้างอิงใน จอย ดี. โจนส์, “การเรียกที่สูงส่งเป็นพิเศษเลียโฮนา, พ.ค. 2020, 16.

  6. Ezra Taft Benson, “The Great Commandment—Love the Lord,” Ensign, May 1988, 4.

  7. ดู มิเชลล์ ดี. เครก, “ตาที่จะมองเห็น,” เลียโฮนา, พ.ย. 2020, 16.

  8. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นแบบอย่าง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 114.

  9. ดู ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “ดี ดีกว่า ดีที่สุด,” เลียโฮนา,, พ.ย. 2007, 133–137.

  10. มิเชลล์ ดี. เครก, “ความไม่พอใจอย่างพระเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 54.

  11. ดู ดัลลิน เอช.โอคส์, “การท้าทายเพื่อที่จะเป็น,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001, 47. ฉันชอบคำพูดอ้างอิงนี้จากเอ็ลเดอร์ลินน์ จี. ร็อบบินส์แห่งสาวกเจ็ดสิบด้วย: “เราหลายคนทำรายการสิ่งที่ต้อง ทำ เพื่อเตือนตนเองถึงสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จ แต่ไม่ค่อยมีใครเขียนรายการสิ่งที่่ต้อง เป็น เพราะเหตุใดเล่า? สิ่งที่ต้อง ทำ เป็นกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่กาเครื่องหมายทิ้งได้เมื่อ ทำเสร็จ แต่สิ่งที่ต้อง เป็น ไม่มีวันเสร็จสิ้น ท่านไม่สามารถกาเครื่องหมาย สิ่งที่ต้องเป็น ได้” (“เจ้าควรเป็นคนอย่างไรเล่า,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 131)

  12. ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “บันไดสู่ความสุข,” เลียโฮนา, ก.ย. 2013, 47.

  13. About the Temple Endowment,” temples.ChurchofJesusChrist.org.