การประชุมใหญ่มาถึงแล้วและผ่านไป แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?
อาจเป็นเรื่องยากที่จะรู้วิธีประยุกต์ใช้คําสอนทั้งหมดกับชีวิตเราได้อย่างแท้จริง
การประชุมใหญ่สามัญเป็นช่วงเวลาที่เราชื่นชอบที่สุดช่วงหนึ่งของปี—เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะยกระดับจิตใจและเตือนเราให้นึกถึงพรและหน้าที่รับผิดชอบของเราในฐานะสานุศิษย์ของพระคริสต์ แต่บางครั้งเราลืมได้ง่ายว่าข่าวสารมี ไว้เพื่อ อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจบการประชุมใหญ่!
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเตือนให้เรานึกถึงความสําคัญของการประชุมใหญ่สามัญเมื่อท่านขอให้เราทําให้ “การประชุมใหญ่เป็นเวลาดื่มด่ำข่าวสารจากพระเจ้าผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ จงเรียนรู้วิธีนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตท่าน”1
การประชุมใหญ่สามัญ คือ เวลารับการดลใจ แต่สําคัญที่ต้องจดจําว่านั่นคือการนําทางที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ จริงๆ แล้ว—การประชุมใหญ่—คือการเปิดเผยและพระคัมภีร์ยุคปัจจุบัน
ดังนั้นขณะที่เรากล่าวลากันไปจนกว่าจะถึงการประชุมใหญ่ครั้งต่อไปเช่นนี้ เราจะทำอย่างไรให้ตนเองประยุกต์ใช้คําสอนที่เพิ่งได้ยินมาได้อย่างแท้จริง เราจะดื่มด่ำถ้อยคําของผู้นําที่เปี่ยมด้วยรักของเราต่อไปอย่างไร โดยไม่เหนื่อยหน่ายจากการพยายามทํามากเกินไปในคราวเดียว
ถึงแม้ประสบการณ์และสภาวการณ์ของทุกคนจะแตกต่างกัน แต่ต่อไปนี้เป็นเกร็ดน่ารู้สี่ข้อที่จะช่วยให้ท่านใช้การประชุมใหญ่สามัญให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้:
ทบทวนคําปราศรัยต่างๆ
อาจเป็นเรื่องยากที่จะให้การเปิดเผย 10 ชั่วโมงฝังลึกอยู่ในใจและความคิดท่านทั้งหมดในคราวเดียว! แต่ช่วงหกเดือนระหว่างการประชุมใหญ่แต่ละครั้งให้เวลาเราทบทวนคําพูดและเตือนตนเองให้นึกถึงคําสอนล่าสุดจากศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกของเรา
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) แนะนำว่า “หกเดือนต่อจากนี้ [เลียโฮนา] ฉบับการประชุมใหญ่ของท่านควรวางอยู่ข้างงานมาตรฐานและได้รับการอ้างอิงบ่อยๆ”2
ท่านอาจจะประหลาดใจกับถ้อยคําหรือหลักธรรมที่โดดเด่นสําหรับท่านเป็นครั้งที่สอง ขณะที่ท่านฟังหรืออ่านข่าวสารจากการประชุมใหญ่ตลอดเดือนต่อๆ ไป ขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงช่วยท่านระบุสิ่งที่ท่านควรสนใจเป็นพิเศษ สวดอ้อนวอนขอความเข้าใจและการนําทางว่าจะประยุกต์ใช้สิ่งเหล่านั้นกับท่านโดยเฉพาะได้อย่างไร
อย่าละเลยบันทึกของท่าน
พวกเราหลายคนจดบันทึกหรือความประทับใจขณะฟังการประชุมใหญ่ แต่หลังจากนั้น เรามักปล่อยให้บันทึกเหล่านั้นถูกฝุ่นเกาะ ประเด็นของบันทึกเหล่านั้นคือเพื่อนึกถึงประสบการณ์และความประทับใจทางวิญญาณ และไตร่ตรองความจริงที่โดดเด่นสําหรับท่าน
จัดเวลาทบทวนบันทึกที่ท่านเขียนเป็นประจํา (การเก็บบันทึกไว้ในที่ซึ่งท่านเข้าไปใช้บ่อยๆ จะช่วยให้ท่านไม่ลืม) และมีส่วนในการศึกษาอย่างลึกซึ้งกว่าเดิมในคําปราศรัยการประชุมใหญ่ที่สัมผัสใจท่านเหล่านั้น
ประธานเฮนรีย์ บี.อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดสอนเราว่า “ถ้าท่านวางใจพระผู้เป็นเจ้ามากพอที่จะฟังข่าวสารของพระองค์เกี่ยวกับการให้กําลังใจ การแก้ไขสิ่งผิด และการนําทางจากผู้รับใช้ของพระองค์ ท่านจะพบสิ่งเหล่านั้น”3 บันทึกของท่านจะเปิดเผยสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านมุ่งเน้น (และถ้าท่านไม่ได้จดบันทึก ยังไม่สายเกินไป—ที่จะจดบางสิ่งขณะกลับมาดูข่าวสารอีกครั้ง!)
วางแผนที่สามารถทำได้
ประธานเนลสันสอนเช่นกันว่า “เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงทราบว่าท่านต้องการเอื้อมไปหาพระองค์อย่างแท้จริง—เมื่อพระองค์ทรงสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ใจท่านปรารถนาที่สุดคือการดึงพลังของพระองค์เข้ามาในชีวิตท่าน—พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำทางให้ท่านรู้แน่ชัดว่าท่านควรทำสิ่งใด [ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:63]”4
เมื่อท่านค้นพบข่าวสารที่ท่านรู้สึกได้รับการกระตุ้นเตือนให้ท่านพัฒนาแล้ว ให้วางแผนว่าท่านจะรวมหลักธรรมหรือพฤติกรรมนั้นไว้ในชีวิตท่านอย่างไร อย่าหนักใจกับความรู้สึกเหมือนท่านต้องประยุกต์ใช้ทุกคําปราศรัยในคราวเดียว การตั้งเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ทําได้จะช่วยท่านทําการเปลี่ยนแปลงที่จัดการได้ ทีละก้าว! หรือตามที่เอ็ลเดอร์ไมเคิล เอ. ดันน์แห่งสาวกเจ็ดสิบสอน “ดีขึ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์!”5
จงอดทนและไม่ย่อท้อ
การเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้ามักเกิดขึ้นช้าๆ และนั่นไม่เป็นไร! จงอดทนกับตนเอง สิ่งสําคัญคือพยายามต่อไปและเปิดการสนทนากับพระบิดาบนสวรรค์ในการสวดอ้อนวอนต่อไป เอ็ลเดอร์ดันน์เตือนเราด้วยว่า: “ถึงแม้เราจะไม่ดีพร้อม แต่เราต้องตั้งใจสะท้อนความไม่ย่อท้อของเราด้วยความอดทน เมื่อทำเช่นนั้น รางวัลมีค่าของความชอบธรรมที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกิดปีติและสันติสุขที่ท่านแสวงหา”6
ถ้าท่านไม่ย่อท้อ และ อดทน ท่านจะเห็นความแตกต่างที่การประยุกต์ใช้คําสอนในการประชุมใหญ่สามัญสามารถทําให้เกิดขึ้นในชีวิตท่านได้
เป้าหมายของการประชุมใหญ่สามัญไม่เพียงได้ยินพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นแต่ช่วยให้เราเป็นสานุศิษย์ที่ดีขึ้นของพระคริสต์ด้วย การประยุกต์ใช้ข่าวสารในชีวิตนําทางเราเข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น และความพยายามเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างที่ท่านทำเช่นนั้นคือการก้าวหนึ่งก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง จงดําเนินต่อไป และท่านจะเห็นศรัทธาของท่านในพระองค์และความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับพระกิตติคุณของพระองค์เติบโต—และชีวิตท่านเปลี่ยนไป!