หนุ่มสาวรายสัปดาห์
เชื่อโดยไม่เห็น—ข้อคิดจากสมาชิกทั่วโลก
ตุลาคม 2024


ดิจิทัลเท่านั้น

เชื่อโดยไม่เห็น—ข้อคิดจากสมาชิกทั่วโลก

เราจะมีศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไรถ้าเราไม่เห็นพระองค์?

ผู้หญิงศึกษาพระคัมภีร์กับกลุ่มคน

การเสด็จเยือนผู้คนในทวีปอเมริกาของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างแน่นอนสำหรับทุกคนที่เห็นปาฏิหาริย์ของพระองค์ แต่คนที่ไม่เคยเห็นพระองค์จะได้รับพยานส่วนตัวถึงพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร?

โชคดีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงบัญชาคนที่พระองค์เสด็จเยือนให้เขียนประสบการณ์ของพวกเขาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้คนที่ไม่เคยเห็นพระองค์ (ดู 3 นีไฟ 16:4) และถึงแม้เราส่วนใหญ่จะไม่เห็นพระผู้ช่วยให้รอดด้วยตาทางกายภาพ แต่เอ็ลเดอร์เดวิด บี. เฮจท์ (1906–2004) สอนว่า เมื่อพูดถึงการเห็นพระผู้ช่วยให้รอด “คําว่า เห็น มีอีกมากมายหลายความหมาย เช่น การรู้จักพระองค์ ดูออกว่าเป็นพระองค์ จำพระองค์และงานของพระองค์ได้ เห็นความสำคัญของพระองค์ หรือเข้าใจพระองค์”

แล้วอะไรช่วยให้ท่านมีประจักษ์พยานในพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ แม้ว่าท่านจะไม่เคยเห็นพระองค์จริงๆ?

ต่อไปนี้เป็นคําตอบบางส่วนจากสมาชิกทั่วโลก

เป็นพยานถึงผลจากคำสอนของพระองค์

“สันติสุขและปีติที่มาจากการทําตามคําสอนของพระองค์เป็นเครื่องเตือนใจให้นึกถึงอิทธิพลของพระองค์ในชีวิตผมเสมอ ความเชื่อในพระเยซูคริสต์มักได้รับการสนับสนุนจากประสบการณ์ส่วนตัว การยืนยันทางวิญญาณ การศึกษาพระคัมภีร์ การสวดอ้อนวอน การผูกมิตรในชุมชน และการเป็นพยานถึงผลลัพธ์เชิงบวกของคำสอนของพระองค์ที่มีต่อตนเองและผู้อื่น”

เนฟี สเตที, โบแนร์ แคริบเบียนเนเธอร์แลนด์

ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา

“การเชื่อโดยไม่เห็นหมายถึงการดําเนินชีวิตด้วยศรัทธา เราอาจรู้สึกถูกล่อลวงให้ต้องการทูลถามพระเจ้าว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นจริงหรือ แต่ฉันเชื่อมั่นว่าเราใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดเมื่อเราใช้ศรัทธา ถึงแม้จะไม่เคยเห็นพระองค์ แต่ฉันยังรู้จักตัวตนของฉันเองในฐานะธิดาของพระผู้เป็นเจ้าและสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน และความรักของพระองค์ไม่มีวันสิ้นสุด แม้ไม่เห็น แต่ฉันดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา

“ฉันเรียนรู้ความจริงของพระกิตติคุณเมื่ออายุ 19 ปี เวลานี้ เพราะศรัทธา ชีวิตฉันจึงเต็มไปด้วยพร พระคัมภีร์ คําสอนจากศาสดาพยากรณ์ และถ้อยคําที่พูดในการประชุมใหญ่สามัญเป็นพรแก่ชีวิตฉันทุกวันและให้ความกล้าหาญที่จะมีศรัทธาต่อไป แม้ว่าจะมองไม่เห็นพระคริสต์ แต่ฉันเห็นแสงสว่างของพระองค์ในชีวิต”

อันวู, ฮานอย, เวียดนาม

วางใจพระผู้เป็นเจ้าในยามยากลําบาก

“อัครสาวกเปาโลสอนว่า ‘ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น’ (ฮีบรู 11:1) เมื่อเราเชื่อโดยไม่มีหลักฐาน เท่ากับเราเปิดตนเองสู่ความเป็นไปได้ไม่รู้จบ สําหรับฉัน ศรัทธาเป็น หลักฐานยืนยันความเข้มแข็งจากการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของเรา และความรู้นั้นเพิ่มความสามารถให้ฉันคิดแบบซีเลสเชียล

“ในเดือนมิถุนายน 2023 ฉันหกล้มและข้อศอกหักอย่างรุนแรงในขณะที่สามีไม่อยู่เพราะไปปฏิบัติหน้าที่ผู้นำทางศาสนาในยูกันดา ฉันได้รับความช่วยเหลือมากมายจากครอบครัวและเพื่อนๆ แต่เมื่อตระหนักว่าต้องได้รับความช่วยเหลือมากเพียงใดเพื่อทําสิ่งเรียบง่าย ฉันเกือบจะหลงไปสู่ความสงสารตนเอง ลูกสาวเตือนฉันว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงห่วงใยเราและฉันต้องวางใจในพระเจ้า

“การวางใจพระผู้เป็นเจ้าในยามยากลําบากเช่นนั้นทําให้ฉันมีความหวัง ทําให้ฉันเชื่อว่าพระองค์จะไม่มอบอะไรให้ฉันมากเกินกว่าที่ฉันจะรับมือได้ การรู้ว่าพระวิญญาณของพระองค์สถิตกับฉันตลอดเวลาทําให้ฉันมีความหวังและสันติสุขในช่วงเวลาท้าทาย เวลานี้ หลังจากผ่านไปนานกว่า 7 เดือน อาการบาดเจ็บก็แทบจะมองไม่เห็น”

โจเซฟีน บาดดู, ไนโรบี เคนยา

รับรู้พระหัตถ์ของพระองค์ผ่านผู้อื่น

“ผมเคยเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าในชีวิตผมผ่านผู้อื่น บางครั้งรู้สึกเหมือนพระเจ้าทรงรู้ว่าผมมีปัญหาในการให้ตนเองได้รับประโยชน์จากความสงสัยหรือการเชื่อมั่นในตนเอง แต่เมื่อฟันฝ่าชีวิต ผมสามารถรับรู้พระหัตถ์ของพระองค์ผ่านผู้อื่นที่ช่วยให้ผมเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตนเองและมองตนเองอย่างที่พระองค์ทรงมอง

“ผมเห็นสิ่งนั้นผ่านพ่อแม่ที่เลี้ยงดูผมมา เพื่อนๆ ที่สนับสนุนผมในช่วงเปลี่ยนผ่านในวิทยาลัย คู่ผู้สอนศาสนาในคณะเผยแผ่ที่นําทางผมผ่านงานเผยแผ่มา รวมถึงศาสตราจารย์ในวิทยาลัยที่ใส่ใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับการศึกษาและความผาสุกของผม

“ทุกครั้งที่พวกเขารับใช้ผม ผมรู้สึกว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงอยู่ที่นั่นด้วย”

ไมเคิล อาวาลอส ไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา

เชื่อในจังหวะเวลาของพระองค์

“ฉันเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้านับครั้งไม่ถ้วนในชีวิต แต่ประจักษ์พยานสำคัญที่สุดของฉันมาจากการทดลองที่อดทนมานาน 10 ปี

“ฉันตั้งท้องลูกสาวคนที่สองแต่แท้งเมื่ออายุได้เจ็ดสัปดาห์ ฉันจําได้ว่าร้องไห้และทูลวิงวอนพระเจ้าแต่ก็คิดว่า ‘พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงมีแผนที่สำคัญกว่าสิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้สำหรับลูกน้อยคนนี้อย่างแน่นอน’ ปีต่อมาฉันตั้งครรภ์แล้วแท้งอีก ฉันทูลถามว่า ‘พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?’ (มัทธิว 27:46)

“ในที่สุดเราก็ตั้งครรภ์อย่างปาฏิหาริย์และมีลูกสาวที่แข็งแรง

“แต่นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการทดลองนี้ น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเรามีเรื่องแท้งบุตรอีกสี่ครั้งติดต่อกัน

“หลังจากย้ายไปยังพื้นที่ใหม่และหาผู้ให้บริการทางการแพทย์คนใหม่ ฉันก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลิ่มเลือด ด้วยข้อมูลนี้แพทย์และฉันจึงวางแผน ฉันสู้ต่อไปจนมีลูกที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงสองคน!

“จังหวะเวลาของพระเจ้าสมบูรณ์แบบ บทเรียนนี้เป็นบทเรียนที่ยากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเรียนรู้มา พระองค์ทรงเตรียมทางให้ท่านและวางผู้คนและประสบการณ์ในชีวิตของท่านเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ท่าน”

วิคกีย์ มาฮาโน เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา

อ้างอิง

  1. David B. Haight, “Temples and Work Therein,” Ensign, Nov. 1990, 61.