การให้ข้อคิดทางวิญญาณคริสต์มาส
คริสต์มาส—เทศกาลที่จะรัก รับใช้ และให้อภัยกัน


2:3

คริสต์มาส—เทศกาลที่จะรัก รับใช้ และให้อภัยกัน

ดิฉันชอบเห็นความตื่นเต้นและความคาดหวังของเด็กๆ ตลอดช่วงเทศกาลคริสต์มาส! ดิฉันจำความคาดหวังของตนเองได้สมัยเป็นเด็กปฐมวัยเติบโตในอาร์เจนตินา มีอยู่ปีหนึ่ง ครูปฐมวัยขอให้เราทำความสะอาดของเล่นเก่าๆ ของเรา สระผมให้ตุ๊กตา และซ่อมแซมเสื้อผ้าของตุ๊กตาเพื่อเราจะได้บริจาคให้เด็กเล็กๆ ที่ต้องอยู่โรงพยาบาลในวันคริสต์มาส

ในระหว่างสัปดาห์ขณะที่ดิฉันกำลังทำความสะอาดตุ๊กตาเก่า คุณแม่ถามว่าดิฉันกำลังทำอะไร ดิฉันอธิบายว่าครูปฐมวัยขอให้เราทำ และคุณแม่ตอบว่า “ลูกควรให้ของเล่นดีๆ ชิ้นหนึ่งกับเด็กๆ ด้วย”

ดิฉันจึงถามท่านว่า “ทำไมต้องทำอย่างนั้นคะ”

คุณแม่พูดบางอย่างที่ยังอยู่ในใจดิฉันจนถึงทุกวันนี้ ท่านบอกว่า “คริส การให้ที่ดีจริงคือการให้สิ่งของที่เราชอบมาก สิ่งของที่เราไม่อยากให้ใครเพราะเราชื่นชอบ สิ่งที่การให้ของเราคือการเสียสละ นั่นคือของประทานที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมอบให้เรา พระองค์ทรงส่งพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์—ไม่ใช่ใครอื่น พระองค์ทรงส่งพระบุตรที่รักและดีพร้อมเพื่อเราจะได้กลับไปอยู่กับพระองค์อีกครั้ง”

ปีนั้นเมื่อดิฉันให้ของเล่นที่ชื่นชอบที่สุด ดิฉันเข้าใจดีขึ้นเล็กน้อยถึงของประทานที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมอบให้เรา นั่นคือพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อเราด้วยความรักและคำนึงถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง

ทุกปี ส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของเรา คุณพ่อดิฉันจะอ่านพระคัมภีร์ให้ทุกคนฟัง เรื่องราวอันสวยงามของลูกา

“อยู่​มา​คราว‍นั้น มี​รับ‍สั่ง​จาก​จักร‌พรรดิ​ออ‌กัส‌ตัส​ให้​จด​ทะ‌เบียน‍สำ‌มะโน‌ครัว​ทั่ว​ทั้ง​แผ่น‍ดิน …

“คนทั้ง‍หลายต่างก็ไปจดทะ‌เบียนที่เมืองของตน

“โย‌เซฟก็เดิน‍ทางจากเมืองนา‌ซา‌เร็ธแคว้นกา‌ลิ‌ลี ไปที่เมืองของดาวิดชื่อเบธ‌เล‌เฮมในแคว้นยู‌เดียด้วย เพราะ‍ว่าเขาเป็นวงศ์‍วานและเชื้อ‍สาย ของดาวิด …

“เขาไปจดทะ‌เบียนพร้อมกับมา‌รีย์หญิงที่เขาหมั้นไว้แล้วและกำลังตั้ง‍ครรภ์

“ขณะเขาทั้ง‍สองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มา‌รีย์จะคลอด‍บุตร

“นางจึงคลอด‍บุตร‍ชายหัว‍ปี เอาผ้า‍อ้อมพันและวางไว้ในราง‍หญ้า เพราะ‍ว่าไม่‍มีที่ว่างในโรง‍แรมสำหรับพวก‍เขา

“ใน​แถบ​นั้น​มี​พวก​คน​เลี้ยง​แกะ​อยู่​กลาง​ทุ่ง​กำลัง​เฝ้า​ฝูง‍แกะ​ของ​เขา​ใน​เวลา​กลาง‍คืน

“มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก

“ทูต‍สวรรค์​องค์​นั้น​กล่าว​กับ​เขา‍ทั้ง‍หลาย​ว่า อย่า​กลัว​เลย เพราะ​เรา​นำ​ข่าว‍ดี​มา​ยัง​พวก‍ท่าน เป็น​ความ​ยินดี​อย่าง‍ยิ่ง​ที่​จะ​มา​ถึง​คน​ทั้ง‍หลาย

“เพราะว่าในวัน‍นี้ พระ‍ผู้‍ช่วย‍ให้‍รอดของพวก‍ท่านคือพระ‍คริสต์องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้ามาประ‌สูติที่เมืองของดาวิด

“นี่จะเป็นหมาย‍สำคัญสำหรับพวก‍ท่าน คือท่านจะพบพระ‍กุมารนั้นพันผ้า‍อ้อมนอนอยู่ในราง‍หญ้า

“ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า

“พระ‍สิริจงมีแด่พระ‍เจ้าในที่สูง‍สุดส่วนบนแผ่น‍ดินโลก สันติ‍สุขจงมี ท่าม‍กลางมนุษย์ทั้ง‍หลายที่พระ‍องค์โปรด‍ปรานนั้น”1

พี่น้องทั้งหลาย วันนี้เราจะเบิกบานใจกับสันติสุขอย่างเดียวกันท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายได้อย่างไร

ขณะที่ดิฉันไตร่ตรองคำถามนี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคำนึงว่าคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งการให้ ดิฉันนึกถึงการกระทำสามอย่าง—อันที่จริงคือของขวัญสามอย่างที่เราแต่ละคนให้ได้ แน่นอนว่าเราให้ของขวัญเหล่านี้ตลอดปี แต่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอันแสนวิเศษนี้เราระลึกถึงของประทานแห่งพระบุตรของพระบิดาและพิจารณาว่าเราจะทำตามแบบอย่างของพระองค์อย่างไรขณะที่เราเพิ่มพูนความสามารถและความปรารถนาส่วนตัวที่จะให้

1. คริสต์มาสคือเทศกาลที่จะให้ความรัก

พระบิดาในสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดของความรัก พระคัมภีร์ที่โปรดปรานข้อหนึ่งสอนว่า “พระ‍เจ้า​ทรง​รัก​โลก​ดัง‍นี้ คือ​ได้​ประ‌ทาน​พระ‍บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ‍องค์ เพื่อ​ทุก‍คน​ที่​วาง‍ใจ​ใน​พระ‍บุตร​นั้น​จะ​ไม่​พินาศ แต่​มี​ชีวิต​นิ‌รันดร์”2

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนโดยเป็นแบบอย่างให้เรารักทุกคน พระองค์ทรงสอนเช่นกันให้เรารักพระผู้เป็นเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

เอ็ลเดอร์จอห์น เอ. วิดท์โซอธิบายว่า

“ธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้และสมบูรณ์ของความรักนั้นเราอาจไม่เข้าใจ แต่มีการทดสอบซึ่งอาจทำให้ตระหนักได้

“ความรักพบในความจริงเสมอ … การโกหกหลอกลวง หรือการละเมิดกฎศีลธรรมอื่นๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าไม่ได้รัก ความรักดับสลายท่ามกลางความโป้ปดมดเท็จ … ฉะนั้น … คนที่กล่าวคำเท็จกับคนรักของตน หรือกระทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริงต่อคนรัก เขาไม่ได้รักเธอจริง

“ยิ่งไปกว่านั้น ความรักจะไม่ก่อความขุ่นเคือง ทำร้ายจิตใจ หรือทำร้ายร่างกายคนรัก … ความโหดร้ายคือการละทิ้งความรัก … ดังความจริงละทิ้งความเท็จ …

“ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนเชิงบวก ความรักช่วยเหลือคนรัก หากมีความต้องการ ความรักพยายามจัดหามาให้ หากมีความอ่อนแอ ความรักจะเข้าแทนที่ด้วยพลัง … ความรักที่ไม่ช่วยเหลือคือรักจอมปลอมหรือรักลวง

“การทดสอบเหล่านี้แม้จะดี แต่มีที่ดีกว่า รักแท้เสียสละเพื่อคนรัก … นั่นคือการทดสอบสุดท้าย พระคริสต์ทรงอุทิศพระองค์เอง ทรงสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อเรา และโดยการนั้นประกาศก้องถึงความเป็นจริงของความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพี่น้องมรรตัยของพระองค์”3

พระบิดาในสวรรค์ทรงเชื้อเชิญเราทุกคน บุตรธิดาของพระองค์ ให้เผื่อแผ่และเสียสละเพื่อความรักนี้ “จงให้เขา” พระผู้ช่วยให้รอดตรัส “แล้ว​พวก‍ท่าน​จะ​ได้​รับ​ด้วย​”4 “ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​ได้​รับ​เปล่าๆ ก็​จง​ให้​เปล่าๆ”5

2. คริสต์มาสคือเทศกาลที่จะให้การรับใช้

พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้คนด้วยพระองค์เอง ทรงยกคนที่ถูกกดขี่ ประทานความหวังแก่คนที่ท้อถอย และเสาะหาคนที่หลงทาง พระองค์ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็น ทรงรักษาผู้ป่วยและคนพิการเพื่อพวกเขาจะเดินได้ และทรงชุบชีวิตคนตาย

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ดิฉันคิดถึงผู้สอนศาสนา—เอ็ลเดอร์ ซิสเตอร์ ผู้สอนศาสนาอาวุโส และประธานคณะเผยแผ่ทั่วโลก—ผู้เป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์ ได้ให้เวลาและการรับใช้ของพวกเขาแก่มนุษยชาติทั้งปวง ดิฉันคิดถึงพี่น้องทุกคนผู้ใช้เวลาหลายชั่วโมงรับใช้อย่างซื่้อสัตย์ในการเรียกของตน และในช่วงเวลานี้เช่นกัน ดิฉันคิดถึงชายหญิงทุกคนผู้กำลังรับใช้ในกองทัพเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราปลอดภัย ขอบคุณสำหรับการรับใช้ของท่าน!

ถึงแม้เราจะไม่ได้รับใช้พระเจ้าหรือรับใช้ชาติของเราเต็มเวลา แต่โอกาสที่เราจะรับใช้นั้นไม่มีขีดจำกัด คำพูดและการกระทำที่ดีสามารถยกภาระและให้กำลังใจได้! พระบิดาในสวรรค์ทรงเชื้อเชิญให้เรารับใช้ และเมื่อเราทำเช่นนั้น “พระ‍มหา‍กษัตริย์​จะ​ตรัส​ตอบ​ว่า ‘เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​ว่า ซึ่ง​พวก‍ท่าน​ได้​ทำ​กับ​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ที่​เล็ก‍น้อย​ที่​สุด​ใน​พี่‍น้อง​ของ​เรา​นี้ ก็​เหมือน​ทำ​กับ​เรา​ด้วย’”6

3. คริสต์มาสคือเทศกาลที่จะให้อภัย

การให้อภัยผู้อื่นนำมาซึ่งสันติสุขและปีติในชีวิตเรา ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์สอนว่า “ไม่มีสิ่งใดนำพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้ามาสู่เราได้มากกว่าการเป็นคน … มีเมตตา เห็นอกเห็นใจ มีจิตกุศล อดกลั้น และให้อภัย ไม่มีสิ่งใดนำปีติมาสู่เราได้มากกว่าความพร้อมและเต็มใจให้อภัยการล่วงเกินของเพื่อนบ้าน ไม่มีสิ่งใดนำการกล่าวโทษมาสู่เราได้มากกว่าการทำใจแข็งกระด้าง มีความรู้สึกขุ่นเคืองและอาฆาตแค้นคนรอบข้าง”7

เพื่อจะได้รับการให้อภัยบาปของเรา เราต้องให้อภัยผู้อื่น

การให้อภัยผู้อื่นทำให้เราเอาชนะความรู้สึกโกรธ ขมขื่น หรือผูกพยาบาทได้ และใครจะอยากรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นในช่วงคริสต์มาส การให้อภัยยังสามารถเยียวยาบาดแผลทางวิญญาณและนำมาซึ่งสันติสุขตลอดจนความรักที่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นจะประทานให้ได้

พระบิดาในสวรรค์ทรงต้องการให้เรากลับใจและให้อภัยทุกคน—รวมทั้งตัวเราเอง เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์กล่าวว่า “ไม่ว่าท่านจะคิดว่าพลาดโอกาสไปแล้วกี่ครั้ง ไม่ว่าท่านจะรู้สึกว่าทำผิดพลาดไปมากเพียงใด หรือคิดว่าท่านไม่มีพรสวรรค์ หรือไม่ว่าท่านจะรู้สึกว่าเดินทางไกลจากบ้านจากครอบครัวและพระผู้เป็นเจ้ามากเพียงใด ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าท่าน ไม่ได้ เดินทางไปไกลเกินเอื้อมพระหัตถ์แห่งความรักของพระเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะจมดิ่งลงไปลึกกว่าความสว่างอันไม่มีขอบเขตจากการชดใช้ของพระคริสต์จะส่องถึง”8

พี่น้องทั้งหลาย ในเทศกาลคริสต์มาสนี้ ขอให้เราทุกคนให้ของขวัญที่ดีที่สุด ขอให้เราเสียสละของเล่นที่เราโปรดปรานด้วยใจสำนึกคุณ—ไม่ใช่ของที่เราใช้จนเก่าแล้ว ขอให้เราให้ของขวัญแห่งความรัก ของขวัญแห่งการรับใช้ผู้คนรอบข้าง และของขวัญอันแท้จริงแห่งการให้อภัย เพราะเมื่อเรากลับใจ พระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลทรงให้อภัยเรา ดิฉันเป็นพยานว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย ประมุขแห่งสันติสุข พระผู้ช่วยให้รอด พระผู้ไถ่ และมิตรแท้ของเรา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน