การถ่ายทอดประจำปี
ผู้แจ้งข่าวดี


16:34

ผู้แจ้งข่าวดี

การถ่ายทอด S&I ประจำปี 2023

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2023

บราเดอร์แชด เอช เว็บบ์: สมัยก่อนถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดถ้าได้รับเลือกให้เป็นผู้แจ้งข่าวดี โดยเฉพาะเป็นผู้แจ้งเรื่องชัยชนะในสงคราม เมื่อ 490 ปีก่อนคริสตกาล ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อฟีดิปปิเดสได้รับเลือกให้แจ้งข่าวกับพลเมืองที่เป็นทุกข์ในกรีซว่ากองทัพของพวกเขากอบกู้ชาติได้โดยการเอาชนะผู้รุกรานชาวเปอร์เซีย ตำนานเล่าว่าฟีดิปปิเดสวิ่งตลอดทางตั้งแต่หุบเขามาราธอนไปถึงเอเธนส์เพื่อประกาศข่าวดีนั้น 2,500 กว่าปีให้หลัง คนที่อยู่ในสภาพดีกว่าผมมากยังคงรำลึกถึงการวิ่งครั้งนั้นโดยการวิ่งมาราธอนของตนเอง

อิสยาห์อ้างแนวคิดเรื่องการเป็นผู้แจ้งข่าวดีเมื่อท่านกล่าวว่า:

“และคนเหล่านี้คือผู้ประกาศสันติ, ผู้นำข่าวประเสริฐแห่งความดีมา, ผู้ประกาศความรอด; และกล่าวแก่ไซอัน: พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าทรงปกครอง! …

“… โอ้งดงามเพียงใดเล่าบนภูเขาคือเท้าของพวกเขา!

“และ … งดงามเพียงใดเล่าบนภูเขาคือเท้าของคนเหล่านั้น … [ที่ยังประกาศ] สันติ?”1

พระคัมภีร์สามข้อนี้เปลี่ยนทุกอย่างสมัยผมเป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่มที่ท้อแท้และคิดถึงบ้าน ความหมายของข้อเหล่านี้เปิดใจและความคิดผมให้รับความจริงที่ว่าผมได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้แจ้งข่าวประเสริฐสุดที่โลกจะเคยได้ยิน ความสิ้นหวังและความสงสารตัวเองถูกแทนที่ด้วยความหวังและความสำนึกคุณ ผมไม่เคยลืมเช้าวันนั้นเมื่อผมเข้าใจครั้งแรกผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าผมต้องเป็นตัวแทนของพระผู้ช่วยให้รอดในการแจ้งข่าวดีเรื่องความรักอันหาที่เปรียบมิได้ การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ และการเอาชนะบาปและความตายของพระองค์

ทุกๆ วันที่คุณเดินเข้าห้องเรียน คุณคือผู้แจ้งข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ขอบคุณสำหรับการประกาศสันติในโลกของความแตกแยกและความร้าวฉาน สำหรับการนำแสงสว่างและความจริงเข้ามาในโลกที่รู้สึกได้ว่ามืดมนและเต็มไปด้วยความสับสน นี่คือศาสนจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ คุณถูกเตรียมไว้และได้รับเลือกให้เป็นผู้แจ้งสันติกับเยาวชนและคนหนุ่มสาวของศาสนจักรของพระเจ้า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์ สอนพระกิตติคุณ และพากเพียรสอนในวิธีของพระองค์!

ปีที่แล้วเราได้มีโอกาสเรียนรู้จากเอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟเมื่อท่านแนะนำคู่มือเล่มใหม่ การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด ผมชอบที่คู่มือเล่มใหม่นี้เน้นแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ในฐานะพระปรมาจารย์ ดังที่เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟกล่าวว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการเป็นครูที่ดีขึ้นคือเป็นผู้ติดตามที่ดีขึ้นของพระเยซูคริสต์”2

เพราะมี การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด ให้ใช้แล้ว เราจึงเลิกใช้ คู่มือการสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด ไม่ได้มุ่งหมายให้เป็นแหล่งช่วยอบรม แต่จุดประสงค์คือเพื่อให้นิยามและคำอธิบายเกี่ยวกับการเรียนรู้และการสอนที่มีประสิทธิภาพ เซมินารีและสถาบันเคยผลิตแหล่งช่วยอบรมมาแล้วและจะผลิตต่อไปเพื่อช่วยคุณประยุกต์ใช้หลักธรรมที่สอนไว้ใน การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด แหล่งช่วยเหล่านี้มีองค์ประกอบบางส่วนของ คู่มือการสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ ที่เป็นพรแก่นักเรียนมาหลายปี

ผมรู้ว่าคุณหลายคนใช้เวลาเยอะมากศึกษา การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด และไตร่ตรองคำถามประเมินตนเอง ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่คุณทำเพื่อเป็นครูสอนพระกิตติคุณเหมือนพระคริสต์

เพื่อปรับปรุงสื่อการอบรมของเราให้ดีขึ้น ผมจึงขอประกาศการปรับเปลี่ยนคำแถลงวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการของเซมินารีและสถาบันด้วย ก่อนจะบอกคำแถลงวัตถุประสงค์อันใหม่ ผมขอบอกต้นสายปลายเหตุบางอย่าง ตลอดสองปีที่ผ่านมา เราเน้นเรื่องการจัดหาประสบการณ์ที่พาผู้เรียนให้เปลี่ยนใจเลื่อมใส เชื่อมโยงกับชีวิต และเป็นส่วนหนึ่ง และเน้นทำให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวเข้าถึงประสบการณ์เหล่านั้นมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องตระหนักว่าหลักธรรมเหล่านี้มีค่าไม่เท่ากัน จุดประสงค์สูงสุดคือจัดหาประสบการณ์ที่เชื้อเชิญให้นักเรียนของเราเรียนรู้พระกิตติคุณและเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระเยซูคริสต์ลึกซึ้งขึ้น

การเชื่อมโยงกับชีวิตและการเป็นส่วนหนึ่งก็สำคัญ แต่เป็นผลลัพธ์ทางอ้อม สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีบรรลุจุดประสงค์ที่เมื่อใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะพาเราไปถึงเป้าหมายการเปลี่ยนใจเลื่อมใสโดยตรงของเรา การเชื่อมโยงกับชีวิตที่พาไปถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใสเป็นมากกว่าการพูดถึงสิ่งที่นักเรียนของเราสนใจ ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับความก้าวหน้าและความสุขนิรันดร์ของเรามากไปกว่าพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ แผนแห่งความรอดเป็นแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับลูกทุกคนของพระองค์ มีการเชื่อมโยงกับชีวิตทันทีและมีความสำคัญนิรันดร์กับลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า

การเชื่อมโยงกับชีวิตที่พาไปถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใสเกิดขึ้นเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้นักเรียนเข้าใจแผนของพระผู้เป็นเจ้า บทบาทสำคัญของพระเยซูในแผนนั้น และความสำคัญของพระกิตติคุณในชีวิตประจำวันของเรา การเชื่อมโยงกับชีวิตที่พาไปถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใสช่วยให้นักเรียนเห็นว่าพระคัมภีร์และคำสอนของศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสภาวการณ์และความต้องการของพวกเขาอย่างไร ช่วยให้พวกเขาตระหนักว่าพระกิตติคุณตอบคำถามเรื่องจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างไร มันเกิดขึ้นเมื่อพวกเขารู้สึกได้รับการดลใจให้ลงมือทำด้วยศรัทธาในพระเยซูคริสต์และประสบสัมฤทธิผลของพรที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงสัญญาไว้ นั่นคือการเชื่อมโยงกับชีวิตที่พาไปถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใส

จริงเช่นกันที่การเป็นส่วนหนึ่งไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย เพราะเราใช้คำว่า เป็นส่วนหนึ่ง หลายด้านมาก จึงเกิดความเข้าใจผิดบางครั้งเกี่ยวกับสิ่งที่เราหมายถึงเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งในบริบทพระกิตติคุณ พวกเราหลายคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย พอโตขึ้น ผมเป็นส่วนหนึ่งในทีมกีฬาหลายทีม เพื่อนร่วมทีมเป็นเพื่อนสนิทของผม แน่นอนผมรู้สึกทุ่มเทในเป้าหมายของพวกเราเพื่อจะประสบความสำเร็จ การเป็นส่วนหนึ่งแบบนั้นดีและสำคัญ แต่การเป็นส่วนหนึ่งที่พาไปถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใสมีมากกว่านั้น

เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันสอนในการประชุมใหญ่สามัญที่ผ่านมาว่าหลักคำสอนเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งมีสามส่วน ได้แก่ การรวบรวมผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า การรับใช้และการเสียสละ และความเป็นศูนย์กลางของพระเยซูคริสต์ในการเป็นส่วนหนึ่ง3 แนวคิดเหล่านี้คือหัวใจของสิ่งที่เราหมายถึงเมื่อเราพูดถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่พาไปถึงการเปลี่ยนใจเลื่อมใส แน่นอนว่าการเป็นส่วนหนึ่งรวมถึงการรักและเคารพกันด้วย รวมถึงหลักธรรมที่นำเรามาหาพระผู้ช่วยให้รอดและร่วมอุดมการณ์ของพระองค์เมื่อเราช่วยกันเดินบนเส้นทางพันธสัญญากลับไปหาพระองค์

พรของการเป็นส่วนหนึ่งที่มีพระกิตติคุณเป็นศูนย์กลางที่แท้จริงรวมถึงความสัมพันธ์เชิงพันธสัญญาด้วย การเป็นส่วนหนึ่งตามที่่นิยามผ่านเลนส์ของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูช่วยให้เรารู้อัตลักษณ์แท้จริงและความสัมพันธ์นิรันดร์ของเรากับพระบิดาในสวรรค์ พันธสัญญาของเรามีขึ้นเพราะความรักที่ทรงมีต่อเราและเชื่อมโยงเรากับพระองค์ กับครอบครัวเรา และกับเหล่าสมาชิกที่สัญญาว่าจะแบกภาระของกันและกัน การเป็นส่วนหนึ่งแบบนี้นำไปสู่การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์

ตอนนี้ผมจะกลับมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำแถลงวัตถุประสงค์ของเรา ซึ่งอนุมัติโดยคณะกรรมการการศึกษาของศาสนจักร ในการพยายามกำหนดให้การเปลี่ยนใจเลื่อมใสเป็นวัตถุประสงค์โดยตรงของประสบการณ์การสอนและการเรียนรู้ทั้งหมดของเรา คำแถลงวัตถุประสงค์จึงอ่านได้ว่า “จุดประสงค์ของเราคือช่วยให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ลึกซึ้งขึ้น มีคุณสมบัติคู่ควรรับพรพระวิหาร เตรียมตนเอง ครอบครัว และคนอื่นๆ ให้พร้อมมีชีวิตนิรันดร์อยู่กับพระบิดาในสวรรค์” การปรับเปลี่ยนนี้จะช่วยเราจัดการอบรมและการพยายามสร้างประสบการณ์การเรียนรู้โดยหวังว่าจะช่วยให้นักเรียนเป็นสานุศิษย์ชั่วชีวิตของพระเยซูคริสต์ได้ บทบาทของครูที่ระบุไว้ใน การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด จะยังช่วยให้เราเข้าใจบทบาทของครูมากขึ้นในการช่วยให้นักเรียนเปลี่ยนใจเลื่อมใสลึกซึ้งขึ้น เราได้อัปเดตเนื้อหาเรื่องดำเนินชีวิต สอน และบริหารด้วย ซึ่งคุณหาอ่านได้บนเว็บไซต์ S&I

ไม่ว่าจะเปลี่ยนหรือจะเน้นอะไรในการพยายามสอนพระกิตติคุณอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนคือเราจะให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง เน้นผู้เรียน และอิงพระคัมภีร์ เราจะพยายามทำให้ประสบการณ์การสอนและการเรียนรู้ของเราเต็มไปด้วยการดลใจและพยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ ทั้งหมดที่เราทำควรทำให้เราเปลี่ยนใจมาเลื่อมใสพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูลึกซึ้งขึ้นเพราะพระองค์ทรงเป็นคำตอบของความท้าทายและคำถามของพวกเขา พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าแห่งการปลดปล่อยและการไถ่ของพวกเขา

ตอนนี้ ผมอยากประกาศอีกเรื่องที่อนุม้ติโดยคณะกรรมการการศึกษาของศาสนจักร เช่นเคย ผมขอบอกต้นสายปลายเหตุบางอย่างของคำประกาศนั้นก่อน โดยคราวนี้จะใช้หลักธรรมที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอน ผมเพิ่งสังเกตว่าในอุปมาเรื่องผู้หว่าน พระเยซูตรัสว่าเมล็ดออกผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง และสามสิบเท่าบ้าง สิ่งที่สำคัญต่อผมในการอ่านครั้งนี้คือเมล็ดเหล่านี้งอกออกมาจากสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงเรียกว่าดินดี ไม่ใช่ข้างทาง พื้นหิน หรือเมล็ดที่ตกกลางต้นหนาม แต่คือดินดี

ทำให้ผมสงสัยว่าวิธีกำหนดหน่วยกิตรายวิชาของเราในปัจจุบันคล้ายๆ กับการยอมรับเฉพาะคนที่ออกผลร้อยเท่าหรือเปล่า ขณะไม่ยอมรับและไม่ขอบคุณความพยายามและความทุ่มเทของคนที่ออกผลหกสิบเท่าและสามสิบเท่า นักเรียนทุกคนมีการสนับสนุนจากครอบครัว ความเข้าใจในพระกิตติคุณ และคำมั่นสัญญาส่วนตัวในระดับแตกต่างกัน แน่นอนว่าเราควรมีความคาดหวังสูง แต่เราควรระวังด้วยว่าอย่าทำให้คนที่ทำสุดความสามารถแล้วในสภาวการณ์ของตนท้อแท้

ข้อเหล่านี้ทำให้เราสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมที่จะรักษามาตรฐานสูงและหาทางปรับแต่งวิธีของเรา เราจะหาทางกระตุ้นและรับรู้การเติบโตและความก้าวหน้าทุกระดับตามเส้นทางพันธสัญญาและช่วยให้นักเรียนทุกคนของเราประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า? เราจะสนับสนุนพวกเขาในการพยายามศึกษาพระคัมภีร์และเรียนรู้พระกิตติคุณโดยมีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นเพื่อให้นักเรียนพัฒนานิสัยและรูปแบบที่จะอยู่กับพวกเขานานกว่าเวลาในชั้นเรียนได้หรือเปล่า?

ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอประกาศเรื่องต่อไปนี้สำหรับเซมินารี: การประเมินการเรียนรู้จะเปลี่ยนจากการประเมินรายบุคคลเป็นการทบทวนแบบกลุ่ม ซึ่งจะทำให้มั่นใจว่านักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาที่นำเสนอ คนที่เชี่ยวชาญเนื้อหาอาจจะช่วยคนอื่นๆ ได้เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ส่วนของการประเมินเกี่ยวกับความเชื่อและการประยุกต์ใช้จะยังเป็นแบบฝึกหัดรายบุคคลที่ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้แต่ละคนสำรวจตนเอง ข้อกำหนดการอ่านกำลังเปลี่ยนด้วยและจะไม่ต้องอ่าน 75 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนวันในแต่ละเทอมอีก

เพื่อให้ได้หน่วยกิตรายวิชาจนสำเร็จการศึกษา นักเรียนเซมินารีจะต้องอ่านข้อที่เลือกไว้ให้จากพระคัมภีร์ในแต่ละเทอม ตัวอย่างเช่น ในช่วงเทอมแรกของหลักคำสอนและพันธสัญญา—ประวัติศาสนจักร นักเรียนจะอ่านโจเซฟ สมิธ—ประวัติ จากนั้นจะขอให้พวกเขาตั้งเป้าหมายการอ่านส่วนตัวเพิ่มเติมให้ชัดเจนด้วยความคาดหวังสูงว่าจะเติบโตขึ้น เป้าหมายส่วนตัวเหล่านี้ควรสะท้อนความสามารถของนักเรียน ตอบรับความพยายามและความก้าวหน้าของแต่ละคน

ครูจะกระตุ้นนักเรียนให้ติดตามความก้าวหน้าของเป้าหมายตัวเองด้วยและกระตุ้นให้ทำจนบรรลุเป้าหมาย ครูจะกระตุ้นนักเรียนให้อ่านข้อพระคัมภีร์ที่มอบหมายไว้ใน จงตามเรามา ในสัปดาห์เซมินารี ทั้งเป็นส่วนตัวและกับครอบครัว อีกทั้งกระตุ้นนักเรียนให้ศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนตัวหรือกับครอบครัวด้วย ในอนาคตอันใกล้ เราจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้คุณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ รวมถึงรายละเอียดการนำไปปฏิบัติ เส้นเวลา และจะทำอย่างไรกับเทอมก่อนเมื่อไม่เป็นไปตามข้อกำหนด

ตอนนี้ผมขอแบ่งปันบางอย่างที่ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์กล่าวไว้เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ท่านพูดว่า “เพื่อทำสิ่งนี้ให้ดีครูจะต้องให้ความสนใจเป็นการส่วนตัวมากขึ้น จะมีภาระเพิ่มขึ้น แต่เป็นภาระที่ครูควรดีใจที่ได้แบกเพราะการปฏิบัติศาสนกิจส่วนตัวของพวกเขาสำคัญเท่าๆ กับการสอนในห้องเรียน ถ้าจะมีใครที่ทำได้ ก็ครูของคุณนั่นแหละ พวกเขายอดเยี่ยม”

ผมเห็นด้วยกับประธานอายริงก์ครับ พวกคุณยอดเยี่ยม ผมตระหนักด้วยว่าการขยับออกจากมาตรฐานอันเข้มงวดมาที่เป้าหมายส่วนตัวจะเรียกร้องเวลาและความสนใจจากคุณมากขึ้น แต่เราจะทำอะไรได้เพื่อเป็นพรแก่นักเรียนได้มากไปกว่าการช่วยพวกเขาสร้างนิสัยในการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัวทุกวันโดยมีเหตุผลที่ถูกต้องเป็นแรงจูงใจ?

สุดท้าย ข้อกำหนดการเข้าเรียนจะยังเหมือนเดิม ได้โปรดช่วยให้นักเรียนเห็นว่าประสบการณ์ที่พวกเขามีในชั้นเรียนจะทำให้พวกเขาเข้าใจพระกิตติคุณเพิ่มขึ้นและมีศรัทธาลึกซึ้งขึ้น นี่คือสาเหตุที่พวกเขาต้องเข้าเรียน ไม่ใช่แค่รับหน่วยกิต นักเรียนที่เข้าใจเรื่องนี้จะอยากเรียนให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ของเวลาทั้งหมด

ในสถาบันเราจะดำเนินการตามข้อกำหนดเดิมเรื่องหน่วยกิต แต่จะเน้นเหตุผลชัดเจนที่จูงใจให้เข้าร่วมและมีส่วนในกระบวนการเรียนรู้ เหตุผลอย่างเช่นทำให้ศรัทธาลึกซึ้งขึ้น เข้าใกล้พระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น และเรียนรู้หลักคำสอนของพระองค์ช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าทำไม ช่วยพวกเขาตั้งเป้าหมายที่ดึงพวกเขามาใกล้พระองค์มากขึ้น และกระตุ้นพวกเขาให้รับผิดชอบต่อพระองค์

นักเรียนหลายคนเพิ่งเริ่มเรียนและเพิ่งได้รับเชิญเป็นครั้งแรกให้เตรียมที่ปลูกเมล็ดแห่งศรัทธาในชีวิต แทนที่จะกังวลว่าพวกเขายังไม่มีประสบการณ์ทั้งหมดที่ผู้เรียนที่โตกว่าเคยมี เราควรปลาบปลื้มที่พวกเขาปรารถนาจะเชื่อ เมื่อพวกเขาเห็นว่าผลนั้นดี เราควรชื่นชมยินดีกับพวกเขาและฉลองของขวัญนั้นจากพระบิดาในสวรรค์ แล้วเราจะสามารถอดทนรอด้วยกันเพื่อวันที่เมล็ดจะกลายเป็นต้นไม้งอกงามไปสู่ชีวิตอันเป็นนิจ

ผมเชื้อเชิญให้คุณศึกษา การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด อย่างละเอียดต่อไป และพิจารณาว่าพระเจ้าทรงอยากสอนอะไรคุณเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใส การเชื่อมโยงกับชีวิต และการเป็นส่วนหนึ่ง โปรดพิจารณาหลักธรรมเบื้องหลังการเปลี่ยนคำแถลงวัตถุประสงค์และข้อกำหนดรายวิชาของเราอย่างถี่ถ้วนด้วย ใช้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างรอบคอบในลักษณะที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นพรแก่นักเรียนทุกคนของคุณ

สุดท้าย ผมเชื้อเชิญให้คุณมุ่งความสำคัญที่พระเยซูคริสต์ต่อไปในความพยายามทั้งหมด พิจารณาร่วมกับการสวดอ้อนวอนว่าคุณจะทำอย่างไรเพื่อเรียนรู้จากพระองค์ เรียนรู้ที่จะทำตามแบบอย่างของพระปรมาจารย์ เรียนรู้ที่จะพึ่งพระคุณและความรักของพระองค์ให้มากขึ้นขณะพากเพียรที่จะเป็นพรแก่คนที่คุณรัก ผมเป็นพยานว่าพระองค์ทรงเป็นทางนั้น ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน