เจ้าคือโจเซฟ
ยามค่ำกับเอ็ลเดอร์คิม บี. คลาร์ก
การให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลกสำหรับคนหนุ่มสาว • 7 พฤษภาคม 2017 • ซอลท์เลคแทเบอร์นาเคิล
พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอบพระทัยที่ได้อยู่กับท่านค่ำคืนนี้ ข้าพเจ้ารักท่านอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าได้อยู่กับคนหนุ่มสาวของศาสนจักรนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรักและปีติ!
ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าขอเชื้อเชิญท่านเข้าร่วมสิ่งที่ข้าพเจ้าหวังว่าจะเป็นการเดินทางแห่งการค้นพบ ศรัทธา และการดลใจ ข้าพเจ้าจะพาท่านย้อนกลับไปสมัยแรกเริ่มของการฟื้นฟู เมื่อโจเซฟ สมิธยังหนุ่ม ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านเข้าสู่การเดินทางที่ข้าพเจ้าทำขึ้นมาเอง ข้าพเจ้าใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตศึกษาและสอนเกี่ยวกับผู้นำและองค์กรที่พวกเขานำ เป็นพรที่ข้าพเจ้าได้รู้จักผู้นำที่ยิ่งใหญ่หลายท่านและได้ทำงานร่วมกับองค์กรที่ดีที่สุดหลายองค์กรที่ผู้คน จัดตั้งขึ้นทั่วโลก แต่การเดินทางครั้งนี้เพื่อย้อนกลับไปสู่ประสบการณ์แรกเริ่มของโจเซฟในการฟื้นฟูได้เสริมความเชื่อมั่นของข้าพเจ้าว่าท่านกับข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนพื้นพิภพ นั่นคือศาสนจักรที่แท้จริงและดำรงอยู่ของพระเจ้า
ข้าพเจ้าต้องการพาท่านย้อนกลับไปในชีวิตของโจเซฟในยามที่ท่านเผชิญกับความไม่แน่นอนและความยากลำบาก ช่วงเวลาที่ท่านกำลังเรียนรู้ว่าตนเองเป็นใคร พระเจ้าคือใคร และพระเจ้าจะทรงงานกับท่านอย่างไร
จะถึงเวลานั้นเมื่อโจเซฟจะเป็นศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งการฟื้นฟู เมื่อท่านจะประณามคนยามติดอาวุธที่คุกริชมอนด์ด้วยพลังเปี่ยมล้นแม้จนยามเหล่านั้นจะตัวสั่น เมื่อท่านจะสถาปนาศาสนจักร ทำสิ่งอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ สั่งสอนพระกิตติคุณด้วยข้อคิดอันล้ำเลิศ สร้างเมืองและพระวิหาร ตลอดจนวางรากฐานสำหรับการรวมอิสราเอลและงานแห่งความรอดทั้งสองด้านของม่าน ข้าพเจ้าต้องการกลับไปในวันเวลานั้นเพราะในวันเวลาดังกล่าวมีไว้สำหรับโจเซฟเช่นเดียวกับที่วันเวลาในปัจจุบันมีไว้สำหรับท่าน ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีบทเรียนสำคัญให้ท่านเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าพระเยซูคริสต์และหลักคำสอนของพระองค์ และเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ จากวันเวลาที่โจเซฟยังหนุ่ม ข้าพเจ้ารู้ว่าในค่ำคืนนี้เมื่อท่านฟังด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ความรักและศรัทธาที่ท่านมีต่อพระองค์และต่อพระบิดาบนสวรรค์จะเพิ่มพูน ประจักษ์พยานของท่านถึงการฟื้นฟูและศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจะเข้มแข็งขึ้น
เรื่องราว
ข้าพเจ้าเริ่มเรื่องด้วยแผ่นจารึกทองคำ เมื่ออายุ 21 ปี โจเซฟได้รับแผ่นจารึกจากเทพโมโรไนเมื่อเดือนกันยายนปี 1827 พร้อมด้วยศิลาสองก้อนและคันธนูเงิน ซึ่งชาวนีไฟเรียกว่าเครื่องแปลความหมาย หรืออูริมกับทูมมิม1 ในฤดูใบไม้ร่วงต่อมา โจเซฟกับเอ็มมาภรรยาของท่านย้ายไปฮาร์โมนีย์ เพนน์ซิลเวเนีย บ้านเกิดของเอ็มมา เนื่องจากการข่มเหงที่รุนแรงในพอลไมรา นิวยอร์ก2
ที่ฮาร์โมนีย์ โจเซฟคัดลอกตัวอักษรจากแผ่นจารึกและศึกษาตัวอักษรเหล่านั้น ท่านขอให้มาร์ติน แฮร์ริสเพื่อนของท่านหาคนมาแปลแผ่นจารึก แต่มาร์ตินไม่ประสบความสำเร็จ3
จนเดือนกุมภาพันธ์ปี 1828 โจเซฟจึงตระหนักชัดเจนว่าท่านต้องแปลบันทึกเองด้วยความช่วยเหลือของเครื่องแปลความหมาย4 ในที่สุด โจเซฟเรียนรู้ที่จะแปลบันทึก “โดยของประทานและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”5
เอ็มมาซึ่งกำลังตั้งครรภ์บุตรคนแรกเป็นคนแรกที่ช่วยโจเซฟจดคำแปล เธอกับโจเซฟช่วยกันทำบันทึกจนกระทั่งเดือนเมษายนปี 1828 เมื่อมาร์ติน แฮร์ริสมาถึงฮาร์โมนีย์เพื่อเขียนให้โจเซฟ
โจเซฟแปลส่วนแรกของบันทึกเสร็จในเดือนมิถุนายน รวมถึงสิ่งที่ท่านเรียกว่าหนังสือของลีไฮ มาร์ติน แฮร์ริสต้องการนำต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือไปนิวยอร์กให้ภรรยากับครอบครัวของท่านดู โจเซฟขออนุญาตพระเจ้าสองครั้ง แต่ละครั้งคำตอบคือไม่ได้ มาร์ตินยืนกรานต่อไป และโจเซฟทูลขอพระเจ้าเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้พระเจ้าทรงอนุญาตแต่มีเงื่อนไขว่ามาร์ติน แฮร์ริสต้องสัญญาว่าจะให้เฉพาะภรรยาและคนอื่นอีกสองสามคนดูเท่านั้น ด้วยความดีใจ มาร์ตินรีบเดินทางไปพอลไมราพร้อมกับต้นฉบับ
แต่โจเซฟกังวล ในช่วงเวลานี้ โมโรไนมาเยี่ยม โจเซฟและตำหนิท่านที่ขออนุญาตครั้งแล้วครั้งเล่าให้มาร์ตินเอาต้นฉบับไป โจเซฟต้องคืนเครื่องแปลความหมายและแผ่นจารึกให้แก่โมโรไน6
กังวลแค่นั้นยังไม่พอ เอ็มมาให้กำเนิดทารกน้อย แต่เขาสิ้นชีวิต เอ็มมาเองก็เกือบจะสิ้นชีวิตด้วย โจเซฟอยู่เคียงข้างเธอตลอดสองสัปดาห์ เมื่อเอ็มมาเริ่มรู้สึกดีขึ้น เธอกระตุ้นให้โจเซฟไปติดตามผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาร์ตินและต้นฉบับดังกล่าว
วันที่โจเซฟกลับมาถึงพอลไมรา มาร์ติน แฮร์ริสยืนยันความกลัวที่สุดของโจเซฟ—ต้นฉบับหายไปแล้ว มารดาของโจเซฟบรรยายเหตุการณ์ตอนนั้นว่า
“โจเซฟ … ลุกขึ้นจากโต๊ะทันที ร้องอุทานเสียงดังว่า ‘มาร์ติน คุณทำต้นฉบับนั้นหายหรือ …’
“‘ครับ มันหายไปแล้ว’ มาร์ตินตอบ ‘ผมไม่รู้ว่าอยู่ไหน’
“‘โอ … !’ โจเซฟกล่าวพร้อมกำมือแน่น ‘หายไปหมดแล้ว! หายไปหมดแล้ว! ข้าพเจ้าจะทำเช่นไร ข้าพเจ้าทำบาปเสียแล้ว … ข้าพเจ้าควรจะพอใจกับคำตอบแรกที่ได้รับจากพระเจ้า …’ เขาร้องไห้คร่ำครวญ และเดินไปมาไม่หยุด …
“‘… ข้าพเจ้าสมควรได้รับคำตำหนิทุกอย่างจากเทพของพระผู้สูงสุด’
“… ดิฉันจะพูดอะไรเพื่อปลอบโยนเขาได้ เมื่อเขาเห็นทุกคนในครอบครัวคิดแบบเดียวกันกับเขา เพราะมีเสียงร่ำไห้และคร่ำครวญ ความโศกเศร้าอันขมขื่นที่สุดเต็มไปทั่วบ้าน … และเขายังคงเดินไปมา พร้อมกับร้องไห้เสียใจ จนตะวันลับฟ้า เมื่อเขากินอาหารบ้างเล็กน้อยตามคำวิงวอน
“เช้าวันต่อมา [เขา] ออกเดินทางกลับบ้าน เราจากกันด้วยใจที่หนักอึ้ง เพราะดูเหมือนว่าทุกสิ่งซึ่งเราคาดหวังไว้อย่างมาก … ในขณะนั้นได้หนีและหนีไปแล้วตลอดกาล”7
การเดินทางสี่วันกลับไปฮาร์โมนีย์ต้องยากมากสำหรับโจเซฟ เขากังวลเรื่องเอ็มมา และยังคงเศร้าโศกกับการสูญเสียบุตรคนแรก เขาทำต้นฉบับหายและไม่มีแผ่นจารึกหรือเครื่องแปลความหมายอีกต่อไป เป็นการเดินทางกลับบ้านที่ยาวนานมาก
โจเซฟตัดสินใจหันไปหาพระเจ้า8 ท่านบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากกลับไปฮาร์โมนีย์ว่า
“ไม่นานหลังจากข้าพเจ้ามาถึง ข้าพเจ้าเริ่มนอบน้อมถ่อมตนในการสวดอ้อนวอนสุดกำลังต่อพระพักตร์พระเจ้า และ ... ข้าพเจ้า [ทุ่มเท] จิตวิญญาณทั้งหมดในการวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า ว่าหากเป็นไปได้ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้รับพระเมตตาจากพระหัตถ์ของพระองค์และขอทรงยกโทษในเรื่องทั้งหมดที่ข้าพเจ้าทำลงไปซึ่งขัดกับพระประสงค์ของพระองค์9
“ข้าพเจ้ากำลังเดินออกไปไม่ไกลนัก เมื่อ … ผู้ส่งสารจากสวรรค์องค์ก่อนปรากฏและมอบอูริมกับทูมมิมแก่ข้าพเจ้าอีกครั้ง … ข้าพเจ้าทูลถามพระเจ้าโดยผ่านสิ่งเหล่านั้นและได้รับการเปิดเผยต่อไปนี้”10
การเปิดเผยที่โจเซฟได้รับบันทึกไว้ในหลักคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 3 เป็นการประณามอย่างรุนแรงและการเรียกให้กลับใจมากขึ้นด้วยคำสัญญา แรกสุดคือการประณาม
“และดูเถิด, เจ้า ล่วงละเมิด พระบัญชาและกฎของพระผู้เป็นเจ้า บ่อย เพียงไร, และดำเนินตาม การชักนำ ของมนุษย์.
“เพราะ, ดูเถิด, เจ้าไม่ควร กลัว มนุษย์ยิ่งกว่าพระผู้เป็นเจ้า. ถึงแม้มนุษย์จะถือว่าคำแนะนำของพระผู้เป็นเจ้าไร้ค่า, และ ดูหมิ่น พระวจนะของพระองค์—
“แต่เจ้าน่าจะซื่อสัตย์; และพระองค์ก็จะทรงยื่นพระพาหุของพระองค์มา ค้ำจุน เจ้าให้ต้านทาน ลูกดอก ไฟทั้งปวงของ ปฏิปักษ์; และพระองค์ก็จะประทับอยู่กับเจ้าใน ความทุกข์ร้อนทุกครั้ง”11
แรงจูงใจของโจเซฟมาจากการชักนำและความกลัวของมนุษย์เมื่อท่านทูลขออนุญาตพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ต้นฉบับแก่มาร์ติน แฮร์ริส โจเซฟเริ่มกลับใจ แต่พระเจ้าทรงสอนท่านว่ามีงานอีกมากที่ต้องทำให้ลุล่วง
“ดูเถิด, เจ้าคือโจเซฟ, และเจ้าได้รับเลือกให้ทำงานของพระเจ้า, แต่เพราะการล่วงละเมิด, หากเจ้าไม่ระวังเจ้าจะ ตก.
“แต่จงจำไว้, พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตา; ฉะนั้น, จงกลับใจจากสิ่งที่เจ้าทำไปซึ่งตรงกันข้ามกับคำบัญชาซึ่งเราให้เจ้า, และเจ้ายังได้รับเลือกอยู่, และได้รับเรียกมายังงาน อีก ”12
โมโรไนขอให้โจเซฟคืนเครื่องแปลความหมายและแผ่นจารึกแต่สัญญากับท่านว่า “หากเจ้าถ่อมตนและสำนึกผิดอย่างยิ่ง เจ้าอาจจะได้รับสิ่งเหล่านี้อีก”13 โจเซฟกลับใจต่อไปและไม่นานก็ได้รับแผ่นจารึกและเครื่องแปลความหมายจากโมโรไน14
ต่อมา โดยที่กังวลว่าการแปลจะช้าในช่วงฤดูหนาวปี 1829 โจเซฟทูลขอให้พระเจ้าทรงส่งคนจดบันทึกมาให้ท่านคนหนึ่ง15 ในเดือนเมษายน พระเจ้าทรงส่งออลิเวอร์ คาวเดอรีมาที่ฮาร์โมนีย์เพื่อทำงานเป็นคนจดบันทึกของโจเซฟหลังจากการเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันน่าอัศจรรย์ของออลิเวอร์16
ด้วยการมาถึงของออลิเวอร์ ขั้นตอนการแปลดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์
การแปลพระคัมภีร์มอรมอนเต็มไปด้วยปาฏิหาริย์และพรสำหรับโจเซฟ
อย่างไรก็ตาม ท่านกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำถามที่ว่าจะทำอย่างไรกับหนังสือของลีไฮ หากไม่มีบันทึกของลีไฮ ก็จะไม่มีเรื่องราวของครอบครัวลีไฮ การเดินทางสู่แผ่นดินที่สัญญาไว้ หรือต้นกำเนิดของชาวนีไฟและชาวเลมัน
ในเดือนพฤษภาคมปี 1829 พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อโจเซฟถึงแผนหนึ่งซึ่งวางไว้หลายศตวรรษ เพื่อจะมาแทนหนังสือของลีไฮซึ่งบัดนี้เรารู้จักกันว่าคือแผ่นจารึกชุดเล็กของนีไฟ แผ่นจารึกเหล่านี้มีบทสรุปของหนังสือของลีไฮและคำพยากรณ์ตลอดจนคำสอนของนีไฟและศาสดาพยากรณ์คนอื่นๆ งานเขียนเหล่านี้มีอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่ 1 นีไฟถึงถ้อยคำของมอรมอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า เก็บรักษาไว้หลายร้อยปี และมอรมอนเพิ่มเข้าไปในบันทึกภายใต้การกำกับดูแลของพระเจ้า17
โจเซฟกับออลิเวอร์ไม่ได้แปลหนังสือของลีไฮใหม่อีกครั้ง พระเจ้าทรงเตือนว่าคนชั่วร้ายได้เปลี่ยนแปลงต้นฉบับดั้งเดิมและกำลังซุ่มรอขัดขวางงานของพระเจ้า โจเซฟแปลแผ่นจารึกชุดเล็กของนีไฟและใส่งานแปลไว้ในช่วงต้นของพระคัมภีร์มอรมอน
การแปลพระคัมภีร์มอรมอนนำมาซึ่งประสบการณ์อัศจรรย์ ฐานะปุโรหิตได้รับการฟื้นฟู และโจเซฟกับออลิเวอร์ได้รับบัพติศมาและของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์18 มีพยานสิบเอ็ดคนเห็นแผ่นจารึกและแสดงประจักษ์พยานถึงความเป็นจริงของแผ่นจารึก
พระคัมภีร์มอรมอน พร้อมด้วยประจักษ์พยานของพยานทั้งหลาย ได้รับการตีพิมพ์ในปี 1830 มาร์ติน แฮร์ริส ผู้เป็นพยานคนหนึ่งจำนองฟาร์มของเขาเพื่อนำมาจ่ายค่าจัดพิมพ์
ข้าพเจ้ามีสมบัติสองชิ้นจากชุดสะสมซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของศาสนจักรที่อยากให้ท่านดู ชิ้นแรกคือหน้าหนึ่งจากต้นฉบับดั้งเดิมของพระคัมภีร์มอรมอน หน้านี้มีการแปลภาษาอังกฤษของ 1 นีไฟ 3:7
“ข้าพเจ้า จะ ไปและทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา, เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงให้ บัญญัติ แก่ลูกหลานมนุษย์, นอกจากพระองค์จะทรง เตรียม ทางไว้ให้พวกเขาเพื่อพวกเขาจะทำสำเร็จในสิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชาพวกเขา”
สมบัติชิ้นที่สองคือพระคัมภีร์มอรมอนฉบับแรก
สิ่งที่โจเซฟได้รับโดยการเปิดเผยตีพิมพ์ในพอลไมราและอยู่ที่นี่ในพระคัมภีร์มอรมอน เรื่องราวที่ข้าพเจ้าบอกท่านเกี่ยวกับโจเซฟสมัยหนุ่ม เกี่ยวกับเอ็มมา, มาร์ติน แฮร์ริส, ออลิเวอร์ คาวเดอรี, โมโรไน และพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง
เรื่องราวนี้มีความหมายต่อท่านอย่างไร
ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่าน พี่น้องที่รักทั้งหลาย ขอให้มองประสบการณ์ของท่านเองด้วยบริบทของเรื่องราวนี้ พระเจ้าทรงเตรียมและสอนท่าน ดังที่ทรงทำกับโจเซฟสมัยที่ท่านยังหนุ่ม มีบทเรียนสำคัญสำหรับท่านในประสบการณ์ของโจเซฟ ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าอยากจะมุ่งเน้นสามเรื่องได้แก่ ศรัทธาและความวางใจในพระเยซูคริสต์ การกลับใจ และพลังทางวิญญาณของพระคัมภีร์มอรมอน
บทเรียนบทที่ 1: ศรัทธาและความวางใจในพระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้าเริ่มด้วยบทเรียนบทที่ 1: ศรัทธาและความวางใจในพระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้าอยากให้ท่านคิดชั่วขณะหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ของโจเซฟเมื่อมาร์ติน แฮร์ริสขอให้โจเซฟทูลขอพระเจ้าเป็นครั้งที่สาม พระเจ้าทรงปฏิเสธไปแล้วสองครั้ง คำขอครั้งที่สามของมาร์ตินทำให้โจเซฟยุ่งยากใจ นี่เป็นการทดลองศรัทธาของท่าน
ลองคิดดู ในทางหนึ่ง โจเซฟมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์และพระบิดาบนสวรรค์ และได้รับพรด้วยประสบการณ์ทางวิญญาณอันน่าอัศจรรย์มากมาย ท่านได้เห็นและพูดกับพระบิดาและพระบุตร ท่านสนทนากับโมโรไนและศาสดาพยากรณ์คนอื่นๆ ท่านเพิ่งมีประสบการณ์พิเศษกับการแปลหนังสือของลีไฮโดยใช้เครื่องแปลความหมายและศิลาหยั่งรู้ของท่าน19
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โจเซฟมีอายุ 22 ปีและท่านกังวล ท่านมีภรรยาที่ดีเยี่ยมผู้ตั้งครรภ์บุตรคนแรก ท่านไม่มีเงิน ไม่มีการศึกษา และไม่มีวิธีจัดหาให้ครอบครัว ท่านถูกห้อมล้อมด้วยคนที่สงสัย คนที่ข่มเหงท่าน และท่านมีเพื่อนไม่กี่คน ไม่มีผู้ให้คำปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ ไม่มีคณะกรรมการบริษัท ไม่มีนายธนาคารที่จะให้เงินทุนและคำแนะนำ ท่านรู้ว่าท่านต้องจัดพิมพ์บันทึกให้ได้ แต่ท่านไม่รู้ว่าจะจ่ายค่าพิมพ์ได้อย่างไรหากมาร์ติน แฮร์ริสทิ้งท่านไป ชีวิตท่านเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แม้ท่านจะได้รับการประสาทประสบการณ์ทางวิญญาณมากมาย แต่โจเซฟ “กลัวมนุษย์ยิ่งกว่าพระผู้เป็นเจ้า”20 และเลือกทูลขอครั้งที่สาม ด้วยเหตูนี้จึงทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัยและเริ่มต้นเหตุการณ์อันนำไปสู่การสูญเสียต้นฉบับ กระนั้นพระเจ้าทรงเมตตาโจเซฟ พระองค์ทรงช่วยให้โจเซฟกลับใจโดยการดึงศรัทธาที่โจเซฟมีอยู่แล้วออกมา และพระองค์ทรงเตรียมวิธีเอาชนะการสูญเสียต้นฉบับไว้แล้ว
สถานการณ์ของท่านเหมือนสถานการณ์ของโจเซฟในหลายๆ ด้าน ท่านเป็นคนหนุ่มสาวมี่มีความกังวลและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานและครอบครัว เกี่ยวกับการศึกษาและการงาน การค้นหาสถานที่ของท่านในโลกนี้และในอาณาจักรของพระเจ้า ชีวิตท่านอาจมีความท้าทายและปัญหาอื่นๆ
เช่นเดียวกับโจเซฟ ท่านมีแหล่งช่วยเหลือและประสบการณ์ทางวิญญาณแล้ว ท่านได้สัมผัสถึงพระวิญญาณของพระเจ้าในการสวดอ้อนวอน ในพระคัมภีร์ ในการรับใช้ผู้อื่น ท่านได้ประสบกับความรัก พระคุณ และเดชานุภาพของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ในการกลับใจ ในศีลระลึก และในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์
เมื่อท่านเผชิญกับการทดลอง ซึ่งท่านจะเจอแน่นอน อย่าฟังคำแนะนำจากความกลัวของท่านหรือพึ่งพาการชักนำของมนุษย์ แต่ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านทำสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าทรงช่วยโจเซฟทำ ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำพลังทางวิญญาณมาสู่ชีวิตท่าน
หนึ่ง ให้ดึงประสบการณ์และแหล่งช่วยทางวิญญาณที่ท่านมีอยู่แล้วออกมาเพิ่มพูนศรัทธาและความวางใจในพระเยซูคริสต์ จงพึ่งพาพรทางวิญญาณที่ท่านเคยรู้สึกและได้รับเพื่อเป็นกำลังให้รุดหน้าต่อไปด้วยศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงเป็นพรที่สำคัญที่สุดเหนือพรทั้งปวง ความรักของพระองค์ไม่มีวันล้มเหลว พระองค์จะทรงอยู่กับท่านทุกครั้งที่ท่านมีปัญหา
สอง ให้ตั้งตารอด้วยดวงตาแห่งศรัทธาเพื่อดูพระผู้ช่วยให้รอดทรงงานในชีวิตท่าน พึงระลึกว่าพระเจ้าทรงเตรียมออลิเวอร์ คาวเดอรีให้เป็นผู้จดบันทึกของโจเซฟและช่วยท่านเอาชนะการสูญเสียบันทึก 116 หน้าด้วยแผ่นจารึกชุดเล็กของนีไฟ21 พระเจ้าทรงงานในชีวิตของโจเซฟ และพระองค์ทรงงานในชีวิตท่านด้วย ท่านมีอัตลักษณ์และจุดประสงค์นิรันดร์ และมีจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ พระเจ้ากำลังทรงงานในชีวิตท่านขณะนี้ พระองค์ทรงอยู่ข้างหน้าท่าน เปิดประตู เตรียมคนอื่นไว้ช่วยท่าน และเปิดทางให้ท่าน
บทเรียนบทที่ 2: การกลับใจ
ต่อไปเป็นบทเรียนบทที่ 2: การกลับใจ
เราจะย้อนกลับไปตอนที่โจเซฟพบว่าต้นฉบับหายไป โจเซฟรู้ว่าท่านทำบาปต่อพระเจ้าและล่วงละเมิดพระบัญชาของพระองค์ ท่านท่วมท้นด้วยความรู้สึกผิดและความโศกเศร้า แต่โจเซฟหันไปหาพระเจ้า ท่านพบปาฏิหาริย์แห่งการให้อภัยและปีติแห่งการไถ่
พระเจ้าทรงยกโจเซฟขึ้นสู่มาตรฐานที่สูงมาก โดยไม่มีข้อยกเว้น พระองค์ทรงปฏิบัติกับโจเซฟเฉกเช่นศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงประสงค์ให้โจเซฟเป็น โจเซฟกลัวมนุษย์มากกว่าพระผู้เป็นเจ้า ท่านวางใจในความเข้าใจของตนเองและไม่วางใจในพระผู้เป็นเจ้า สำหรับโจเซฟ การกลับใจเป็นมากกว่าแค่กล่าวว่า “ข้าพระองค์ทำผิดไป ข้าพระองค์ขอโทษที่ทำต้นฉบับหาย” โจเซฟต้องเอาชนะเจตคติ ความกลัว และอุปนิสัยในชีวิตที่เป็นสาเหตุให้ท่านทำบาป ท่านจำเป็นต้องเติบโต เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิตท่าน
โจเซฟต้องการเปลี่ยนแปลงใจซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อผ่านพระเมตตา ความรัก และเดชานุภาพของพระเยซูคริสต์เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่โจเซฟได้รับอย่างแน่นอน พระเจ้าทรงทราบศักยภาพในอุปนิสัยที่บ่งบอกความมีจิตใจสูงของโจเซฟ เมื่อพระองค์ตรัสกับโจเซฟว่า “เจ้าคือโจเซฟ … จงกลับใจ … , และเจ้ายังได้รับเลือกอยู่”22 ท่านเห็นได้จากพระดำรัสนั้นว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเอื้อมไปหาโจเซฟด้วยความรักและพระเมตตาของพระองค์ โดยปรารถนาให้โจเซฟเปลี่ยนแปลง
ท่านยังได้ยินพระเจ้าตรัสสอนโจเซฟด้วยว่าตัวตนที่แท้จริงของท่านเป็นใคร ท่านอาจจะเติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มชาวนาที่ยากจน ไร้การศึกษา แต่นั่นไม่ใช่อัตลักษณ์ที่แท้จริงของท่าน ท่านคือโจเซฟ ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ที่เลิศเลอซึ่งพระเยซูคริสต์จะทรง ฟื้นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณมายังแผ่นดินโลกผ่านท่าน
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกโจเซฟให้กลับใจ เป็นการเรียกให้โจเซฟเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุศักยภาพและเป็นอัตลักษณ์ที่แท้จริงของท่านผ่านเดชานุภาพแห่งการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงทนทุกขเวทนาทุกอย่างที่ โจเซฟประสบมาแล้ว ซึ่งเป็นจริง ยากและทุกข์ใจมาก พระเยซูคริสต์ทรงเสนอทางสู่การให้อภัยและการไถ่แก่โจเซฟ เป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ และหลายเดือน โจเซฟแสวงหาการให้อภัยจากพระเจ้าและพลังอำนาจแห่งการไถ่ของพระองค์ ท่านได้รับสิ่งเหล่านั้น
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าทรงตั้งมาตรฐานที่สูงมากสำหรับท่านเช่นกัน โดยไม่มีข้อยกเว้น พระองค์ทรงปฏิบัติกับท่านเฉกเช่นสานุศิษย์ผู้องอาจและมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งพระองค์ทรงประสงค์ให้ท่านเป็น แต่พระองค์ทรงรักท่านเช่นกัน เหมือนที่ทรงรักโจเซฟ บางครั้งเราทุกคนไม่อาจทำได้ดังหวัง และเราแต่ละคนต้องการพรของการกลับใจ
ดังที่ท่านเห็นจากประสบการณ์ของโจเซฟ การกลับใจเป็นมากกว่าแค่บอกพระเจ้าและอธิการของท่านว่าท่านทำผิด การทำบาปคือการหันไปจากพระเจ้า การกลับใจคือการหันกลับมาหาพระองค์ การกลับใจเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงใจและความคิด การเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เหมาะกับสถานการณ์ส่วนตัวของท่าน
ยิ่งกว่านั้น การกลับใจเป็นพรแก่ท่านอย่างต่อเนื่อง เป็นวิธีที่พระเจ้าทรงช่วยให้เราทำดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้นตลอดชีวิตเรา เป็นวิธีที่ท่านบรรลุศักยภาพและกลายเป็นอัตลักษณ์นิรันดร์ของท่านในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าและผู้ติดตามที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์
พี่น้องทั้งหลาย คำสัญญาเหล่านั้นเป็นจริง จงหันไปหาพระเจ้าพระเยซูคริสต์ กลับใจจากบาป และรักษาพระบัญญัติ พระองค์ทรงมีพระเมตตาอันไม่มีขอบเขต23 และดังที่โจเซฟสอนในเวลาต่อมาว่า “พระบิดาบนสวรรค์ของเรา … พระเมตตาและพรของพระองค์ไร้ขีดจำกัดเกินกว่าความพร้อมของเราที่จะเชื่อหรือรับ”24 พระเยซูคริสต์ทรงเลือกทนทุกข์เพื่อบาปของท่านรวมทั้งความเจ็บปวดและความโศกเศร้าทั้งหมดของท่านเพื่อพระองค์จะได้ทรงให้อภัย เยียวยา เปลี่ยนแปลง เสริมกำลัง และประทานพรท่านด้วยปีติ พระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่อย่างแท้จริง
บทเรียนบทที่ 3: พลังทางวิญญาณของพระคัมภีร์มอรมอน
ต่อไปเป็นบทเรียนบทที่ 3: พลังทางวิญญาณของพระคัมภีร์มอรมอน
เมื่อโจเซฟได้รับการอภัยบาปของท่านแล้ว ท่านชื่นชมยินดีที่ได้รับแผ่นจารึกและเครื่องแปลความหมายอีกครั้ง25 ประสบการณ์ที่ต้องสูญเสียต้นฉบับทำให้จิตวิญญาณท่านร้อนรุ่มถึงความสำคัญของพระคัมภีร์มอรมอนในงานของพระเจ้า ข่าวสารสำคัญของศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนคือการเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และหลักคำสอนของพระองค์ มีพลังทางวิญญาณในพระคัมภีร์เล่มนั้น
เราเห็นพลังนั้นได้ในประสบการณ์การแปลของโจเซฟ การแปลไม่ได้มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกล แต่เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณ และสอนโจเซฟถึงการปฏิบัติงานของพระเจ้าและพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นประสบการณ์แห่งการเปิดเผยสำหรับโจเซฟตั้งแต่ต้นจนจบ พระคัมภีร์มอรมอนสอนหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ให้โจเซฟ และพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านดำเนินชีวิตตามนั้น—เพื่อกระทำด้วยศรัทธาในพระเยซูคริสต์ เพื่อกลับใจ รับบัพติศมา และรับพระวิญญาณบริสุทธิ์26
พระเจ้าทรงอวยพรโจเซฟด้วยพลังทางวิญญาณที่เพิ่มขึ้นในประสบการณ์เหล่านี้ ตัวอย่างเช่น หลังจากท่านรับบัพติศมา ท่านบอกว่าท่าน “เปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” และ “ความตั้งใจและเจตจำนงที่แท้จริงของ [พระคัมภีร์]” “เปิดออกสู่ความเข้าใจ [ของท่าน]”27
พระเจ้าทรงใช้การออกมาของพระคัมภีร์มอรมอนเพื่อยกโจเซฟขึ้นมาเข้าใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น พระเจ้าทรงสอนโจเซฟและเสริมกำลังให้ท่านนำพระคัมภีร์เล่มนั้นออกมาด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระคัมภีร์มอรมอนสามารถเป็นประสบการณ์แห่งการเปิดเผยสำหรับท่าน เช่นเดียวกับที่เป็นได้สำหรับโจเซฟ
ศาสดาพยากรณ์ผู้เขียนพระคัมภีร์มอรมอนเห็นยุคสมัยของเรา พวกท่านเขียนถึงเรา ถ้อยคำของพวกท่านพูดกับสมัยของเรา ความต้องการ และจุดประสงค์ของเรา หากท่านเปิดใจเมื่ออ่านและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน พระวิญญาณบริสุทธิ์28 จะ “ทรงแสดงความจริงของเรื่องให้ประจักษ์แก่ท่าน”29 ท่านจะรู้ว่าพระเจ้าพระเยซูคริสต์คือพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของท่านและรู้ว่าโจเซฟ สมิธคือศาสดาพยากรณ์แห่งการฟื้นฟู
ไม่ว่าท่านจะเป็นสมาชิกของศาสนจักรหรือยังไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกมานานแล้วหรือเพิ่งเป็น ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านทำดังที่โจเซฟทำ—อ่านพระคัมภีร์มอรมอน สวดอ้อนวอนถึงพระคัมภีร์ และกระทำด้วยศรัทธาในพระเยซูคริสต์เพื่อกลับใจ รับบัพติศมา และรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปที่จะได้รับและรักษาศาสนพิธีและพันธสัญญาแห่งความรอดทุกอย่าง รวมถึงศาสนพิธีผนึกในพระวิหาร
ข้าพเจ้ารู้ถึงพลังของพระคัมภีร์มอรมอนจากประสบการณ์ส่วนตัวมากมาย ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าขอแบ่งปันหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยข้าพเจ้าเป็นหนุ่ม ข้าพเจ้ารับใช้งานเผยแผ่ศาสนาในเยอรมนีได้สองเดือน เป็นช่วงเวลาสองเดือนที่ยากลำบากและข้าพเจ้าท้อแท้ใจ เช้าวันหนึ่งข้าพเจ้าคุกเข่าสวดอ้อนวอนและทูลพระบิดาบนสวรรค์ถึงปัญหาของข้าพเจ้าว่า “พระบิดาบนสวรรค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ด้วย” ขณะที่ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งที่แตกต่างและชัดเจนราวกับมีใครบางคนยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า เสียงนั้นกล่าวว่า “จงเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า”
ข้าพเจ้านั่งอยู่บนเตียง เปิดพระคัมภีร์มอรมอนไปที่โมไซยาห์บทที่ 4 ข้อ 9 และ 10 อ่านถ้อยคำของกษัตริย์เบ็นจามิน
“จงเชื่อใน พระผู้เป็นเจ้า; จงเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่, และว่าพระองค์ทรง สร้าง สิ่งทั้งปวง, ทั้งในฟ้าสวรรค์และในแผ่นดินโลก; จงเชื่อว่าพระองค์ทรงมี ปรีชาญาณทั้งหมด, และเดชานุภาพทั้งหมด, ทั้งในฟ้าสวรรค์และในแผ่นดินโลก; …
“… จงเชื่อว่าท่านต้อง กลับใจ จากบาปของท่านและทิ้งมัน, และนอบน้อมถ่อมตนต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า; … และบัดนี้, หากท่าน เชื่อ สิ่งทั้งหมดนี้จงดูว่าท่าน ทำตาม นั้น”30
เมื่อข้าพเจ้าอ่านถ้อยคำเหล่านั้นข้าพเจ้ารู้สึกราวกับว่ากษัตริย์เบ็นจามินกำลังพูดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสัมผัสถึงอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในใจ ข้าพเจ้ารู้ว่านี่คือคำตอบของคำสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าต้องวางใจพระเจ้า กลับใจ และออกไปทำงาน ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงเวลานี้ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นที่มาแห่งพลังทางวิญญาณในชีวิตข้าพเจ้า
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนจะนำท่านไปหาพระเยซูคริสต์และหลักคำสอนของพระองค์ จงอ่าน ศึกษา สวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน สั่งสมไว้ในความนึกคิดและในใจท่านทุกวัน ตามที่ประธานมอนสันแนะนำให้เราทำ ทุกเวลาในชีวิตของท่าน พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราจะตรัสสันติสุขแก่จิตวิญญาณท่าน ยกท่าน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ท่าน และดึงท่านเข้าใกล้พระองค์มากยิ่งขึ้น ในพระคัมภีร์เล่มนั้น ด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ประจักษ์พยาน
บทเรียนทั้งสามบทนี้จากสมัยที่โจเซฟยังหนุ่มเป็นพยานถึงเดชานุภาพของพระเยซูคริสต์และหลักคำสอนของพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์ พระบุตรผู้ทรงพระชนม์ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ มีพระผู้ไถ่ พระองค์ทรงพระชนม์!
ข้าพเจ้าหวังและสวดอ้อนวอนว่าท่านจะเรียนรู้จากชีวิตของโจเซฟ แม้โจเซฟจะประสบปัญหาในช่วงวัยหนุ่ม แต่ท่านวางใจพระเจ้า และพระเจ้าประทานพรให้ท่านกลายเป็นศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งการฟื้นฟู โจเซฟทำงานศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า การฟื้นฟูเป็นความจริง! จงจำไว้ว่า พระเยซูคือพระคริสต์ และโจเซฟคือศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ มีสายลำดับกุญแจ สิทธิอำนาจ และพลังอำนาจฐานะปุโรหิตที่ไม่ขาดช่วงซึ่งเชื่อมโยงโจเซฟ สมิธกับโธมัส เอส. มอนสัน ประธานมอนสันคือศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกวันนี้ ทั้งหมดเป็นความจริง
ดังนั้น พี่น้องที่รักทั้งหลายทั่วทั้งแผ่นดินโลก ข้าพเจ้ากล่าวกับท่านค่ำคืนนี้ จงวางใจในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงทราบชื่อของโจเซฟ ทรงทราบชื่อของท่าน พระองค์ทรงรักท่านและทรงงานในชีวิตท่าน โดยพระเมตตา พระคุณ และความรัก ท่านบรรลุศักยภาพได้ และเช่นเดียวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ ท่านจะเอาชนะการทดลองทุกอย่างได้และกลายเป็นสิ่งที่ท่านถูกกำหนดให้เป็น นั่นคือ วิสุทธิชนยุคสุดท้ายผู้องอาจและซื่อสัตย์ ผู้นำในครอบครัวนิรันดร์ของท่านและใน ศาสนจักรที่แท้จริงและดำรงอยู่ของพระองค์ สานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เปี่ยมด้วยความสว่างและความรักของพระองค์ พร้อมจะรับพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง ข้าพเจ้ายืนยันสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน
© 2017 by Intellectual Reserve, Inc. All rights reserved. อนุมัติภาษาอังกฤษ: 3/17. อนุมัติการแปล: 3/17. แปลจาก “Thou Art Joseph.” Thai. PD60003848 425