การให้ข้อคิดทางวิญญาณ 2019
“อย่าสงสัย, แต่จงเชื่อ”


“อย่าสงสัย, แต่จงเชื่อ”

การให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลกสำหรับคนหนุ่มสาว • 13 มกราคม 2019 • มหาวิยาลัยบริคัมยังก์–ฮาวาย

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ขอบคุณที่อยู่กับเราวันนี้ เราทราบว่าทุกท่านมีเรื่องอื่นต้องทำ ขอให้พระผู้เป็นเจ้าประทานพรสำหรับการเสียสละของท่าน ข้าพเจ้าขอบคุณท่านแทนพระเจ้าและศาสนจักรของพระองค์สำหรับศรัทธาและความซื่อสัตย์ของท่าน

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: ยินดีที่อยู่ที่นี่ค่ะ เพลงประสานเสียงอันไพเราะทำให้รู้สึกถึงพระวิญญาณในการประชุมนี้ เราสำนึกคุณสำหรับท่านที่นั่งบนยกพื้นและซาบซึ้งต่อบทบาทของพวกท่านในชีวิตของพวกเรา เราชื่นชมพวกท่านที่เป็นแบบอย่างของสานุศิษย์

เราได้รับการกระตุ้นเตือนให้สนทนาหัวข้อที่อยู่ในใจเรามาหลายเดือน: ศรัทธาและความสงสัย มิถุนายนปีก่อน เราเล่าอุปมาเรื่องหนึ่งในการถ่ายทอดการอบรมประจำปีครูเซมินารีและสถาบันศาสนา ในการเริ่มต้นวันนี้ เราจะเล่าอุปมาเรื่องเดียวกันนั้นให้ท่านฟัง

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ลองนึกภาพเรือพลิกคว่ำขณะกำลังแล่นกลางมหาสมุทร ท่านสวมชูชีพและว่ายน้ำอยู่หลายชั่วโมงไปหาสิ่งที่ท่านเชื่อว่าเป็นฝั่งใกล้สุด แต่ท่านไม่แน่ใจ ท่านสูญเสียน้ำไปมาก ทุกครั้งที่ท่านเริ่มว่าย ท่านจึงวิงเวียนศีรษะและเมื่อยล้า ท่านคาดว่าฝั่งน่าจะอยู่ห่างประมาณ 30 กิโลเมตรหรือ 18 ไมล์ ท่านกลัวตายเพราะท่านว่ายน้ำไกลขนาดนั้นไม่ได้ ท่านได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือเล็กแว่วมาไกลๆ ดูเหมือนเสียงจะมุ่งมาหาท่าน ความหวังว่าจะรอดชีวิตพุ่งทะยาน ขณะมองอยู่นั้น ท่านเห็นเรือประมงใกล้เข้ามา

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: “โอ ขอบคุณสวรรค์” ท่านคิด “กัปตันมองเห็นฉัน!” เรือจอด และชาวประมงผิวหยาบกร้านใจดีคนหนึ่งช่วยท่านขึ้นเรือ ท่านคลานขึ้นไปนั่งในเรืออย่างสำนึกคุณพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ชาวประมงยื่นกระติกน้ำกับแครกเกอร์โซดาให้ท่าน ท่านรับประทานอย่างหิวโหย น้ำกับแครกเกอร์โซดาเข้าไปบำรุงเลี้ยงร่างกายท่านให้กลับเป็นปกติ ท่านผ่อนคลายและมีความสุข ท่านอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน

เมื่อท่านเริ่มกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกดีขึ้น ท่านเริ่มสนใจบางอย่างที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน น้ำจากกระติกเหม็นเล็กน้อยและไม่ใช่น้ำแร่เอวียงหรือแปริเยที่ท่านชอบ แครกเกอร์ก็อร่อยดีแต่ที่ท่านต้องการจริงๆ คือเนื้อสำเร็จรูปตามด้วยครัวซองต์ช็อกโกแลต ท่านสังเกตเห็นเช่นกันว่าชาวประมงใจดีสวมรองเท้าบู๊ตและกางเกงยีนส์เก่าขาด มีคราบเหงื่ออยู่บนหมวกและดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยได้ยิน

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ท่านเห็นเช่นกันว่าเรือเก่ามากและมีรอยผุอยู่ฝั่งขวาของหัวเรือ สีเรือล่อน เก่า และลอกหลุด ท่านสังเกตเห็นเช่นกันว่าเมื่อชาวประมงคลายมือที่จับไม้คัดท้าย เรือจะเฉไปทางขวา ท่านเริ่มกังวลว่าเรือและกัปตันคนนี้จะไม่สามารถช่วยชีวิตได้อย่างที่ท่านต้องการ ท่านถามชาวประมงเกี่ยวกับรอยผุและไม้คัดท้าย เขาตอบว่าเขาไม่ห่วงเรื่องพวกนี้มากนักเพราะเขาคัดท้ายเรือไปมาเส้นทางเดิมทุกวันนานหลายสิบปี เรือนำเขาไปยังที่ซึ่งเขาต้องการไปอย่างปลอดภัยและวางใจได้เสมอ

ท่านตกใจ! เขาจะไม่ห่วงเรื่องรอยผุกับการคัดท้ายเรือได้อย่างไร ทำไมอาหารบำรุงไม่เป็นอย่างที่ท่านชอบมากกว่านี้ ยิ่งท่านจดจ่อกับเรือและชาวประมง ท่านยิ่งกังวล ประการแรกท่านสงสัยการตัดสินใจขึ้นเรือของท่าน ท่านวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ท่านขอให้ชาวประมงจอดเรือและให้ท่านกลับลงไปในน้ำ ถึงแม้ท่านยังอยู่ห่างจากฝั่ง 20 กว่ากิโลเมตรหรือ 12 ไมล์ แต่ท่านไม่สามารถทนอยู่บนเรือได้ ชาวประมงหยุดเรือและช่วยท่านกลับลงไปในมหาสมุทรด้วยความเศร้าใจ ท่านลอยคออยู่คนเดียวอีกครั้ง

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: อุปมาในเรื่องเล่านี้ก็คือเรือเปรียบเสมือนศาสนจักร ชาวประมงเปรียบเสมือนผู้ทำหน้าที่รับใช้ในศาสนจักร1จุดประสงค์เดียวของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคือช่วยงานของพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ที่จะทำให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าได้รับชีวิตนิรันดร์2โดยจัดเตรียมเส้นทางพันธสัญญา วิธีที่จะกลับไปยังพระบิดาบนสวรรค์ของเรา แม้ผู้ทำหน้าที่รับใช้ในศาสนจักรจะไม่ดีพร้อม แต่พวกเขาสำคัญยิ่งในการช่วยและสนับสนุนเราให้ไปตามเส้นทางพันธสัญญา

เรือกับชาวประมงสอนอะไรเราเกี่ยวกับศาสนจักร รอยผุกับสีลอกหลุดของศาสนจักรเปลี่ยนความสามารถของศาสนจักรในการให้ศาสนพิธีแห่งความรอดและความสูงส่งเพื่อช่วยให้เราเป็นเหมือนพระบิดาในสวรรค์หรือไม่ ถ้าชาวประมงต้องจับไม้คัดท้ายสองมือเพื่อให้เรืออยู่บนเส้นทาง นั่นไม่แสดงให้เห็นหรอกหรือว่าเขากับเรือสามารถพาเราไปยังที่ซึ่งเราต้องการไปอย่างปลอดภัยและไว้ใจได้ ท่านไม่ต้องเป็นผู้หยั่งรู้ที่ได้รับแต่งตั้งเหมือนสามีดิฉัน ก็ยังรู้ได้ว่าการกลับลงไปในน้ำแทนที่จะอยู่บนเรือมันอันตราย เมื่อเรามองไม่เห็นภาพรวม รอยผุเล็กๆ และสีที่หลุดลอกอาจดูเป็นเรื่องใหญ่ในความคิดของเรา

สมาชิกทุกคนต้องเป็นพยานด้วยตนเองถึงความจริงของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟู หากไม่ได้เปลี่ยนใจเลื่อมใสอย่างแท้จริง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอันล้ำลึกในใจ ท่านอาจเริ่มจดจ่อกับสิ่งที่เปรียบได้กับแครกเกอร์โซดาและสีล่อน

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ในการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายนปี 2018 ท่านกล่าวว่า “ท่านไม่ต้องสงสัยว่าอะไรจริง [ดูโมโรไน 10:5] ท่านไม่ต้องสงสัยว่าท่านจะวางใจใครได้อย่างปลอดภัย โดยผ่านการเปิดเผยส่วนตัว ท่านสามารถรับพยานของท่านเองว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า โจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ และนี่คือศาสนจักรของพระเจ้า ไม่ว่าคนอื่นจะพูดหรือทำอะไร ไม่มีใครสามารถช่วงชิงพยานที่เกิดขึ้นในใจและในความคิดท่านได้เกี่ยวกับความจริงนั้น”3ปัจจุบันการเป็นพยานนี้สำคัญยิ่งกว่าแต่ก่อน

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: จุดเริ่มต้นของประจักษ์พยานข้าพเจ้าเกิดขึ้นเมื่อข้าพเจ้าอยู่ในเมืองเยอตาบอร์ สวีเดน ข้าพเจ้าอายุ 11 ขวบ ประธานคณะเผยแผ่เชื้อเชิญให้เยาวชนทุกคนอ่านพระคัมภีร์มอรมอน ข้าพเจ้ารับคำท้าและเริ่มอ่าน อ่านไปได้ช่วงหนึ่ง ที่ปรึกษาท่านหนึ่งในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่บอกว่าเราควรสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับเรื่องที่เราอ่าน ข้าพเจ้าจำค่ำวันที่ข้าพเจ้าทำตามคำเชื้อเชิญได้ดี ข้าพเจ้าคุกเข่าข้างเตียง สวดอ้อนวอนอย่างเรียบง่ายเพื่อรู้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนจริงหรือไม่

ข้าพเจ้าไม่ได้ยินเสียง แต่ประหนึ่งพระผู้เป็นเจ้ารับสั่งว่า “เราบอกเจ้ามาตลอดว่าจริง” ประสบการณ์นั้นเปลี่ยนข้าพเจ้า เปลี่ยนชีวิตข้าพเจ้า เริ่มกระบวนการของความเชื่อ กระบวนการของการอยู่บนเส้นทางพันธสัญญา พยายามทำมากขึ้นและทำให้ดีขึ้น ในเมืองเยอตาบอร์ข้าพเจ้าเรียนรู้วิธีกลับใจ ในเมืองเยอตาบอร์ข้าพเจ้าได้ความรู้เกี่ยวกับพระผู้ไถ่ ในเมืองนั้นข้าพเจ้าเริ่มนับถือคนที่ขยายการเรียกและทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เยอตาบอร์กลายเป็น “ผืนน้ำแห่งมอรมอน” ของข้าพเจ้า 4

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: ท่านได้ความรู้เกี่ยวกับพระผู้ไถ่อย่างไร ท่านรู้สึกอย่างไร ถ้าลืม เราขอกระตุ้นเตือนท่านให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อนำความรู้สึกนั้นกลับมา ความรู้นี้และความรู้สึกเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของศรัทธา

ศรัทธาเป็นการเลือกที่แต่ละคนต้องทำ ศรัทธาไม่ใช่แค่เพ้อเจ้อให้บางสิ่งเป็นจริงและเพ้อฝันให้ตัวท่านเชื่อมั่น ศรัทธาคือความเชื่อมั่นในการดำรงอยู่ของสิ่งที่เรามองไม่เห็นในเนื้อหนัง เป็นหลักธรรมแห่งการกระทำเช่นกัน

“ศรัทธาต้องมีศูนย์กลางในพระเยซูคริสต์ [เพื่อ] ให้ศรัทธานำบุคคลสู่ความรอด … ศรัทธาได้รับการกระตุ้นจากการได้ยินพระกิตติคุณซึ่งสอนโดย[ครู]ที่มีสิทธิอำนาจซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมา [ดูโรม 10:14–17]. ปาฏิหาริย์ทั้งหลายไม่ได้ทำให้เกิดศรัทธา แต่ศรัทธาแรงกล้าพัฒนาจากการเชื่อฟังพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ศรัทธาเกิดจากความชอบธรรม [ดูแอลมา 32;40-43]”5ศรัทธาไม่ได้มาจากการเรียกร้องเครื่องหมายจากพระผู้เป็นเจ้าแต่จากการเชื่อฟังและทำตามพระบัญญัติ

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ให้เรามีศรัทธาเพื่อประทานพรให้เรา6ศรัทธาถอดสลักพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า คนๆ หนึ่งต้องตัดสินใจว่าเขาต้องการมีศรัทธา แล้วกระทำด้วยศรัทธาก่อนศรัทธาจึงจะเติบโตได้ แอลมาสอนว่า “แต่ดูเถิด, หากท่านจะตื่นและปลุกพลังของท่าน, แม้มาสู่การทดลองคำพูดข้าพเจ้า, และใช้อนุภาคหนึ่งของศรัทธา, แท้จริงแล้ว, แม้หากท่านทำไม่ได้มากไปกว่าปรารถนาที่จะเชื่อ, ก็ขอให้ความปรารถนานี้เกิดผลในท่าน, แม้จนท่านเชื่อในลักษณะจะให้ที่สำหรับส่วนหนึ่งของถ้อยคำข้าพเจ้า”7เพื่อให้ศรัทธาเติบโต เราต้องเลือกที่จะมีศรัทธาแล้วกระทำโดยศรัทธา

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: ความปรารถนาศรัทธาของเราต้องมีผลเป็นการกระทำ มีหลายวิธีที่เราจะแสดงศรัทธาโดยก้าวเท้าออกไป

หลักธรรมนี้มีกล่าวไว้ในคำสัญญาของพระคัมภีร์มอรมอนที่สามีดิฉันทำตามเมื่ออายุ 11 ขวบ “และเมื่อท่านจะได้รับเรื่องเหล่านี้, ข้าพเจ้าจะแนะนำท่านให้ทูลถามพระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, ในพระนามของพระคริสต์, ว่าเรื่องเหล่านี้จริงหรือไม่; และหากท่านจะทูลถามด้วยใจจริง, ด้วยเจตนาแท้จริง, โดยมีศรัทธาในพระคริสต์, พระองค์จะทรงแสดงความจริงของเรื่องให้ประจักษ์แก่ท่าน, โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์”8

เมื่อท่านเริ่มด้วยคำถามว่า “เรื่องเหล่านี้จะไม่จริงได้หรือ” นั่นนำไปสู่การเริ่มมีศรัทธาซึ่งจะเติบโตถ้ามีการบำรุงเลี้ยง “เรื่องเหล่านี้จะไม่จริงได้หรือ” เป็นคำถามที่ถือว่าเรื่องนี้จริงไว้ก่อน ตัวอย่างเช่น ถ้าดิฉันพูดว่า “เราจะไม่ขับรถจากโฮโนลูลูไปชายฝั่งทางเหนือหรือ” นั่นคือเชื่อไว้ก่อนว่าเราจะขับรถไปเช่นนั้น คำถามที่โมโรไนขอเราให้ถามเรื่องพระคัมภีร์มอรมอนมีศรัทธาเป็นแรงจูงใจซึ่งจะนำไปสู่ศรัทธาที่แรงกล้าขึ้นกว่าเดิม

ถ้าท่านเริ่มด้วยคำถามว่า “นี่จะไม่เป็นเท็จได้หรือ” นั่นนำไปสู่ความสงสัย และความสงสัยไม่เคยนำไปสู่ศรัทธา

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ครั้งหนึ่งขณะเยี่ยมการประชุมใหญ่สเตค ประธานสเตคขอให้ข้าพเจ้าพูดคุยกับชายคนหนึ่งที่ข้าพเจ้าจะเรียกว่าสตีเฟน สตีเฟนเคยเป็นสมาชิกที่ซื่อสัตย์ของศาสนจักร เขาเคยเป็นอดีตผู้สอนศาสนาและแต่งงานในพระวิหาร เขาเคยรับใช้อย่างซื่อสัตย์หลายปีแต่เริ่มมีความสงสัยเกี่ยวกับศาสนจักร ขณะคุยกับสตีเฟน เขาพูดว่าเขามีปัญหากับความจริงที่ว่าโจเซฟ สมิธเขียนหรือบอกให้จดนิมิตแรกสี่ฉบับ เขาคิดว่านี่อาจหมายความว่าโจเซฟกุเรื่องขึ้น

ข้าพเจ้าให้สตีเฟนติดต่อกับชายผู้วิจัยเรื่องนิมิตแรกสี่ฉบับนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน สตีเฟนคุยกับเจ้าหน้าที่คนนั้น เมื่อข้าพเจ้าพูดกับสตีเฟนครั้งต่อมาข้าพเจ้าถามว่า “คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับนิมิตแรก”

เขาตอบว่า “ผมรู้สึกดีเกี่ยวกับเรื่องนั้นเพราะได้รับคำตอบแล้ว ไม่มีอะไรกวนใจผมอีก แต่ตอนนี้ผมกังวลมากเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนที่ปฏิบัติกันในนอวูและหลังออกแถลงการณ์ในปี 1890 เรื่องนี้ทำให้ผมวุ่นวายใจ”

ข้าพเจ้าขอให้สตีเฟนคุยกับผู้ค้นคว้าวิจัยเรื่องเหล่านี้จากแหล่งข้อมูลต้นเรื่องที่เชื่อถือได้ หลังจากการสนทนาคราวนั้น ข้าพเจ้าติดต่อสตีเฟนและถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง

เขาตอบว่า “เรื่องนั้นไม่กวนใจผมอีกแล้ว ผมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาไขข้อกังวลของผมแล้ว แต่ตอนนี้ผมกังวลมากกับเรื่องที่ฐานะปุโรหิตถูกกันไว้ช่วงเวลาหนึ่งจากลูกหลานชาวแอฟริกัน”

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: น่าเศร้าที่สตีเฟนเลือกที่จะเป็นคนช่างสงสัยไม่รู้จบ สำหรับเขา เขาพอใจความสงสัยมากกว่าความรู้9และกำลังขุดคุ้ยความสงสัยที่เขาเพาะไว้เองในศรัทธา10เวลาผ่านไปความกังวลเก่าผ่านพ้น ความกังวลใหม่ก็ผ่านเข้ามาอีก ไม่ว่าจะมีคนที่พยายามตอบคำถามเหล่านี้มากเพียงใด เขาก็ยังพบอีกเรื่องที่เขาสงสัยได้เสมอ เขาจดจ่ออยู่กับรอยผุของเรือมากกว่าสมรรถนะของเรือที่จะนำเขาไปสู่พรแห่งการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ สิ่งที่สตีเฟนทำเป็นแบบหนึ่งของเกม “ตีหัวตุ่นกับประวัติศาสนจักร” รู้จักไหมครับ เกมของเด็กๆ ที่มีหัวตุ่นผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นมาจากช่องพอเราตีหัวตุ่นช่องนี้หัวตุ่นอีกหัวหนึ่้งก็จะโผล่ขึ้นมาอีกช่องหนึ่ง

แม้ข้อมูลทางปัญญาที่เพิ่มเข้ามาอาจแก้ข้อกังวลทางปัญญาได้ชั่วคราว แต่ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ ดังที่เปาโลกเขียนถึงชาวโครินธ์ว่า “แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ”11นอกจากนี้ยังต้องมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการเป็นพยานของพระวิญญาณด้วย

หลายคนมีคำถาม หลายคนมีความสงสัยเข้ามาในใจและหลายคนรู้สึกยากที่จะค้นพบจุดยืนทางวิญญาณ กระนั้นยังคงซื่อสัตย์และอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาต่อไป บ่อยครั้งที่พวกเขาสวดอ้อนวอนแล้วได้รับคำตอบ หลายสิบปีก่อนเอ็ลเดอร์ นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นได้รับคำตอบเมื่อสงสัยว่าท่านเตรียมตัวมากพอที่จะเข้าสู่สนามเผยแผ่หรือยัง ขณะท่านสวดอ้อนวอน ความรู้สึกที่เข้ามาคือ “เจ้าไม่รู้ทุกสิ่ง แต่เจ้ารู้มากพอ!”12บางครั้ง—ที่จริงบ่อยครั้ง—คำตอบของพระเจ้าคือ “เจ้ารู้มากพอที่จะอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาและรักษาบัญญัติของเรา”

เมื่อนีไฟถูกถามว่าท่านรู้จักพระจริยวัตรอันอ่อนน้อมของพระผู้เป็นเจ้าไหม ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้ว่า [พระผู้เป็นเจ้า] ทรงรักลูกๆ ของพระองค์ กระนั้นก็ตาม ข้าพเจ้าไม่รู้ความหมายของเรื่องทั้งหมด”13ท่านรู้มากพอ ในชีวิตนี้ เราไม่มีวันรู้ความหมายของเรื่องทั้งหมด แต่เรารู้มากพอ ชีวิตเราขึ้นอยู่กับต้นอ่อนของศรัทธาที่เติบโตขึ้นตามการกระทำด้วยศรัทธาของเรา

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: แสงสว่างไม่ได้สร้างจากความมืดฉันใดศรัทธาก็ไม่ได้และไม่มีวันสร้างจากความสงสัยฉันนั้น เมื่อเปโตรกำลังจะจมหลังจากพยายามเดินบนน้ำ พระองค์ไม่ได้ตรัสกับเปโตรว่า “เปโตร ท่านน่าจะสงสัยมากกว่านี้” ไม่ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ช่างมีความเชื่อน้อย ท่านสงสัยทำไม”14

ใน Lectures on Faith อธิบายความแตกต่างระหว่างศรัทธากับความสงสัยว่า “ที่ใดมีความสงสัยและความไม่แน่ใจ … ที่นั่นไม่มีศรัทธา ทั้งจะมีไม่ได้ เพราะความสงสัยและศรัทธาอยู่ในคนเดียวกันในเวลาเดียวกันไม่ได้ … คนที่ความคิดอยู่ภายใต้ความสงสัยและความกลัวจึงไม่อาจมีความเด็ดเดี่ยวมั่นคง และที่ใดไม่มีความเด็ดเดี่ยวมั่นคง ศรัทธาย่อมอ่อนแอ ที่ใดศรัทธาอ่อนแอบุคคลจะไม่สามารถต่อสู้กับการตรงกันข้าม ความยากลำบาก และความทุกข์ซึ่งพวกเขาจะต้องเผชิญเพื่อเป็นทายาทของพระผู้เป็นเจ้า และทายาทร่วมกับพระเยซูคริสต์ พวกเขาจะอ่อนระอาใจ ปฏิปักษ์จะมีอำนาจเหนือพวกเขาและทำลายพวกเขา”15

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับสตีเฟน เขาปล่อยให้ความสงสัยและความไม่แน่ใจครอบงำความคิด เมื่อเวลาผ่านไป เขาไม่มีพลังเผชิญความท้าทายที่สมาชิกของศาสนจักรต้องประสบ เขาอ่อนระอาใจ และศรัทธาหายไป

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: การมีคำถามเกี่ยวกับศาสนจักรและหลักคำสอนในนั้นเป็นเรื่องปกติและเป็นรากฐานของการเรียนรู้พระกิตติคุณ โจเซฟ สมิธเข้าใจเช่นนั้นเมื่อท่านอ่านว่า “ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ”16

แต่ข้อความต่อจากนั้นคือ “แต่จงขอด้วยความเชื่อ [ศรัทธา] และไม่สงสัย”17

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทูลถามพระผู้เป็นเจ้า โดยไม่สงสัยว่าพระองค์ประทานคำตอบให้ท่านได้ ข้อความต่อจากนั้นคือ “เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา คนๆ นั้นจงอย่าคิดเลยว่าจะได้รับสิ่ง‍ใดจากองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า เขาเป็นคนสองจิตสองใจไม่มั่น‍คงในบรร‌ดาทางของตน”18

เพื่อได้รับคำตอบอย่างที่โจเซฟ สมิธแสวงหา เพื่อได้รับคำตอบอย่างที่เราขาด เราต้องเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าด้วยใจที่เชื่อและความคิดที่ปรารถนาจะรู้เรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: เราชอบข้อความของเอ็ลเดอร์จอห์น เอ. วิดท์โซ อัครสาวกยุคแรกของสมัยการประทานนี้ ข้าพเจ้าจะถอดความสิ่งที่ท่านพูด ความสงสัย ที่ไม่สอบถามจากแหล่งช่วยที่เชื่อถือได้ย่อมไร้คุณค่าและคุณประโยชน์ใดๆ คนช่างสงสัยที่อยู่เฉย พอใจในตนเอง โดยไม่ยอมพยายามทุ่มเทค้นหาจากเบื้องบน ย่อมไปถึงความไม่เชื่อและหล่มความมืดอย่างหนีไม่พ้น ความสงสัยของเขาเติบโตเหมือนเห็ดพิษในเงาสลัวของจานเพาะเลี้ยงเซลล์ทางใจและทางวิญญาณของเขา สุดท้ายก็ตาบอดเหมือนตัวตุ่นในโพรงใต้ดิน เขาชอบใช้การเย้ยหยันแทนเหตุผล และความเกียจคร้านแทนการลงมือทำ และกลายเป็นนักวิชาการผู้เกียจคร้าน ความสงสัยไม่ผิดหากไม่ได้กลายเป็นจุดจบในตัวมันเองและของตัวมันเอง ความสงสัยที่ป้อนตัวมันเองให้โตและแพร่ความสงสัยมากขึ้นเป็นความชั่ว”19

คำพูดของเอ็ลเดอร์วิดท์โซยังคงเป็นจริง ความสงสัยที่อยู่เฉยไม่ทำให้รู้ความเป็นอยู่จริงของพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ไม่ทำให้รู้ว่าเรามีพระบิดาบนสวรรค์ที่ทรงรักและเมตตาเราผู้ทรงกำหนดแผนแห่งความรอดอันยิ่งใหญ่ เราสามารถรู้ความจริงของงานยุคสุดท้ายนี้ แต่เราต้องเลือกศรัทธา ไม่ใช่ความสงสัย และเราต้องไปหาคำตอบจากแหล่งช่วยที่ถูกต้อง

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: แอลมากล่าวถึงนี้หลักธรรมนี้ไว้เช่นกัน ท่านกล่าวว่า “และฉะนั้น, เขาที่ทำใจตนแข็งกระด้าง, ผู้เดียวกันนั้นย่อมได้รับพระวจนะน้อยลง; และแก่คนที่ไม่ทำใจตนแข็งกระด้าง, ก็จะประทานพระวจนะมากขึ้นเรื่อย ๆ, จนกว่าจะประทานให้เขารู้ความลี้ลับของพระผู้เป็นเจ้าจนเขารู้พระวจนะเหล่านั้นในความไพบูลย์. และแก่พวกเขาที่ทำใจตนแข็งกระด้าง, ก็จะประทานพระวจนะให้พวกเขาน้อยลงจนพวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความลี้ลับของพระองค์; และเมื่อนั้นพวกเขาย่อมถูกมารพาไปเป็นเชลย, และถูกนำลงไปสู่ความพินาศโดยความประสงค์ของเขา”20

ท่านจะขอคำปรึกษาด้านการเงินจากคนที่ล้มละลายและเป็นหนี้ไหม

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ท่านจะขอคำแนะนำด้านการแพทย์จากคนขายน้ำมันงูผู้หลอกลวงไหม

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: ท่านจะขอคำแนะนำวิธีตีเทนนิสท่าโฟร์แฮนด์ให้ดีขึ้นจากใคร—แฮคเกอร์สุดสัปดาห์หรือโรเจอร์ เฟเดอเรอร์

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ดังนั้นเหตุใดท่านจึงวางความผาสุกนิรันดร์ไว้กับผู้ล้มละลายทางวิญญาณทั้งที่พวกเขาล้มเหลวอยู่ในความสงสัยที่เขาเพาะไว้ในศรัทธา21หรือกับผู้ที่เยเรมีย์กล่าวไว้ว่า “ได้ทอดทิ้ง [พระคริสต์] ซึ่งเป็นน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิตแล้วสกัดบ่อน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นบ่อแตกที่ขังน้ำไว้ไม่ได้”22คนเหล่านี้เดินไปจากน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิตนั้นและต้องการให้ท่านวางใจในบางสิ่งที่ขังน้ำไว้ไม่ได้

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ได้ว่ามีพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์23โลกแห่งบล็อกไม่อาจแทนที่การศึกษาพระคัมภีร์และการอ่านถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกผู้มีชีวิตอยู่ได้ จงเสริมศรัทธาของท่านโดยหาคำตอบจากแหล่งช่วยที่วางใจได้

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ศาสดาพยากรณ์มอรมอนให้รูปแบบที่เราจะทำตามเมื่อจะตัดสินใจว่าเรื่องใดจริงหรือไม่

“ดังนั้น, สิ่งที่ดีทั้งปวงมาจากพระผู้เป็นเจ้า; และสิ่งที่ชั่วมาจากมาร; ...

แต่ดูเถิด, สิ่งที่เป็นของพระผู้เป็นเจ้าเชื้อเชิญและชักจูงให้ทำดีอยู่ตลอดเวลา; ดังนั้น, ทุกสิ่งที่เชื้อเชิญและชักจูงให้ทำดี, และรักพระผู้เป็นเจ้า, และรับใช้พระองค์, จึงได้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า.

“… สิ่งนี้มีไว้ให้ท่านเพื่อตัดสิน, เพื่อท่านจะรู้ความดีจากความชั่ว; และวิธีที่ท่านจะตัดสินชัดแจ้ง, เพื่อท่านจะรู้ด้วยความรู้อันสมบูรณ์, เหมือนดังความสว่างของกลางวันต่างจากกลางคืนที่มืด.”

“เพราะดูเถิด, พระวิญญาณของพระคริสต์ประทานให้มนุษย์ทุกคน, เพื่อเขาจะรู้ความดีจากความชั่ว; ดังนั้น, ข้าพเจ้าจึงแสดงวิธีตัดสินให้ท่าน; เพราะทุกสิ่งที่เชื้อเชิญให้ทำดี, และชักชวนให้เชื่อในพระคริสต์, ส่งมาโดยเดชานุภาพและของประทานของพระคริสต์; ดังนั้นท่านจะรู้ด้วยความรู้อันสมบูรณ์ว่านี่เป็นของพระผู้เป็นเจ้า.

แต่สิ่งใดก็ตามที่ชักชวนให้มนุษย์ทำชั่ว, และไม่เชื่อในพระคริสต์, และปฏิเสธพระองค์, และไม่รับใช้พระผู้เป็นเจ้า, เมื่อนั้นท่านจะรู้ด้วยความรู้อันสมบูรณ์ว่านี่เป็นของมาร”24

ง่ายๆ ค่ะ ถ้าการเลือกนำท่านให้ทำดีและเชื่อในพระคริสต์ สิ่งนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า ถ้าการเลือกนั้นชักจูงให้ท่านทำชั่วและปฏิเสธพระคริสต์ สิ่งนั้นมาจากมาร เมื่อท่านขึ้นมาบนเส้นทางพันธสัญญา ท่านจะรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ท่านเขวจากเส้นทางนั้น ที่ชักชวนท่านไม่ให้เชื่อในพระคริสต์ สิ่งนั้นผิด สิ่งที่ชักชวนให้ท่านเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า รักพระองค์ และรักษาพระบัญญัติ สิ่งนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านจะพลาดเรื่องสำคัญทางวิญญาณถ้าเลือกความสงสัยตลอดเวลา เติมเชื้อเพลิงด้วยคำตอบจากแหล่งช่วยที่ขาดศรัทธาและไม่ซื่อสัตย์25

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: กลับมาที่เรื่องอุปมา ผู้ที่เลือกอยู่บนเรือเก่า ผุ ที่มีสีล่อนต่อไปคือผู้ที่ตระหนักว่าเรือช่วยให้รอดจากการจมน้ำและส่งถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย พวกเขาขึ้นมาบนเส้นทางพันธสัญญาและอยู่บนเส้นทางพันธสัญญา จากนั้นเมื่อพวกเขาอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ สัญญาของชีวิตนิรันดร์ย่อมมาถึงพวกเขา เป็นของประทานสำคัญที่สุดที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ได้ โดยผ่านกระบวนนี้เราจะได้รู้จักพระเยซูคริสต์ รู้ถึงการทรงพระชนม์อยู่จริงของพระองค์ รู้ถึงความรักและความสงสารของพระองค์

หลักคำสอนและพันธสัญญากล่าวว่า “แก่บางคนมีให้ไว้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อรู้ว่า พระเยซูคริสต์คือพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า, และว่าพระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อบาปของโลก. แก่คนอื่นๆ มีให้ไว้เพื่อเชื่อถ้อยคำของพวกเขา, เพื่อพวกเขาจะได้มีชีวิตนิรันดร์ด้วยหากพวกเขาซื่อสัตย์ต่อไป26จะเห็นได้ว่ามีรางวัลเหมือนกันไม่ว่าท่านรู้หรือเชื่อ—ชีวิตนิรันดร์สำหรับคนซื่อสัตย์

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ในเดือนเมษายน 2009 ข้าพเจ้าได้รับการสนับสนุนเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในศาสนจักร ในเดือนตุลาคม ปี 2009 ข้าพเจ้าพูดที่การประชุมใหญ่สามัญ ข้าพเจ้ามุ่งหวังให้คุณพ่อได้ฟังการประชุมใหญ่ ท่านทำงานเป็นช่างไม้และช่างก่อสร้างมาตลอดชีวิต และด้วยวัย 92 ปี ท่านมีปัญหารุนแรงที่หลัง ท่านไม่สามารถมาศูนย์การประชุมใหญ่ได้ น้องสาวคนหนึ่งของข้าพเจ้าจึงจัดแจงให้ท่านดูการประชุมทางทีวีที่บ้านของท่านในซอลท์เลคซิตี้

หลังการประชุมข้าพเจ้าไปบ้านท่านเพื่อดูว่าท่านคิดอย่างไรกับคำพูดของข้าพเจ้า ท่านเป็นคนพูดน้อยมากและไม่กล่าวคำชมพร่ำเพรื่อ

ข้าพเจ้าถามว่า “พ่อดูการประชุมใหญ่หรือเปล่า”

ท่านตอบว่า “จ้ะ

ข้าพเจ้าถามว่า “พ่อได้ฟังผมพูดหรือเปล่า”

ท่านตอบว่า “จ้ะ

ข้าพเจ้าถามว่า “พ่อคิดอย่างไรครับ”

ท่านตอบว่า ”ก็ดีนะ พ่อเกือบภูมิใจ”

แต่หลังจากนั้นข้าพเจ้าทราบว่าค่ำวันนั้นท่านเสียสมาธิเล็กน้อยเพราะท่านต้องการเล่าความฝันของท่านในคืนก่อนให้ข้าพเจ้าฟัง ท่านไม่ใช่คนช่างฝัน ท่านไม่เคยคิดฟุ้งซ่าน ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านไม่เคยพูดปด ท่านซื่อสัตย์อย่างไม่มีชั้นเชิงเสมอ ท่านพูดว่า “พ่อฝันว่าพ่อตายและเห็นพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงโอบกอดพ่อและตรัสว่าบาปของพ่อได้รับการให้อภัยแล้ว เดล พ่อรู้สึกดีมาก” นั่นคือทั้งหมดที่ท่านพูด และข้าพเจ้าไม่ได้ถามอะไรอีก ท่านถึงแก่กรรมสองเดือนให้หลังขณะข้าพเจ้ากับรูธอยู่ในมาดากัสการ์

หลังจากเข้าร่วมศาสนจักรในเมืองลาร์ซโม ฟินแลนด์เมื่ออายุ 24 ปี คุณพ่อดำเนินชีวิตตามความสว่างและความรู้ที่ท่านได้รับ ท่านทำทั้งหมดที่ขอให้ท่านทำ ท่านเป็นคนหนึ่งที่คู่ควรรับของประทานแห่งพระวิญญาณเพื่อรู้ว่าพระเยซูคือพระคริสต์และทรงถูกตรึงกางเขนเพราะบาปของโลกและบาปของท่าน ความคู่ควรกับของประทานนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศและไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งฐานะปุโรหิต สิ่งนี้เป็นรางวัลที่สัญญาไว้สำหรับการเลือกศรัทธาและเส้นทางพันธสัญญา27

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: ดังนั้นเราจะพัฒนาและรักษาศรัทธาให้แข็งแกร่งได้อย่างไร ต้องทำงาน ท่านเคยอยู่ในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ไหม—สมมติว่าเป็นแคลคูลัส—และเฝ้าดูอาจารย์ทำโจทย์ ความรู้จากเขาถ่ายทอดมาถึงท่านโดยอัตโนมัติ เพียงแค่เฝ้าดูอาจารย์หาคำตอบไหม เสียใจด้วย ไม่ เพื่อจะมีความรู้—เหมือนที่อาจารย์มี—ท่านต้องทำโจทย์แคลคูลัสด้วยตนเอง ท่านต้องศึกษาทำแบบฝึกหัดจนท่านรู้สึกคุ้นเคยกับขั้นตอน สมการ และสัญลักษณ์

เช่นเดียวกัน การพบและเสริมสร้างศรัทธาให้แข็งแกร่งต้องทำงาน เราอาจได้รับแรงบันดาลใจจากคนที่มีศรัทธามากแต่ศรัทธาของคนอื่นไม่อาจถ่ายเทมาสู่เราด้วยขั้นตอนใด เราต้องศึกษาจากพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตด้วยตนเอง เราต้องสวดอ้อนวอน ซึ่งเป็นการสื่อสารกับพระบิดาบนสวรรค์จริงๆ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ สิ่งสำคัญยิ่งคือทุกสัปดาห์ต้องรับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรและระลึกว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาเราเพียงใดที่ประทานพระบุตรมาชดใช้บาปให้เรา การกระทำที่อุทิศตนเป็นส่วนบุคคลและส่วนตัวเหล่านี้เสริมสร้างและรักษาศรัทธา

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: ความรับผิดชอบแรกที่ข้าพเจ้ามีในฐานะสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองคือไปบอกแผนกประวัติศาสนจักรว่าข้าพเจ้าจะมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาของแผนกแทนเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ ท่านคงนึกภาพออก มี “การร้องไห้, พิลาปรำพัน, และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน”28 เมื่อพวกเขาทราบว่าจะมีคนมาแทนผู้ให้คำปรึกษาที่พวกเขารัก กระดาษคลีเน็กซ์ไม่พอใช้ทันที

งานมอบหมายส่วนหนึ่งของผู้ให้คำปรึกษาแผนกประวัติศาสนจักรคือข้าพเจ้าต้องอ่าน The Joseph Smith Papers ทุกเล่มนอกจากนี้ข้าพเจ้ายังอ่านเล่มแรกและส่วนแรกของเล่มสองของประวัติศาสนจักรชุดใหม่ที่เขียนในเชิงบรรยาย ชื่อหนังสือคือวิสุทธิชน29การอ่านทุกเรื่องที่โจเซฟ สมิธเขียนและพูดทำให้ประจักษ์พยานเรื่อง ท่านคือศาสดาพยากรณ์ที่ได้รับเลือกจากพระผู้เป็นเจ้าให้ฟื้นฟูงานของพระองค์บนแผ่นดินโลกเข้มแข็งขึ้น

โจเซฟ สมิธแน่วแน่ในประจักษ์พยานของท่านเสมอ ท่านมีความมั่นคง ท่านประพฤติตนอย่างผู้ที่เคยเห็นพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ โมโรไน ยอห์นผู้ถวายบัพติศมอห์า เปโตร ยากอบและยอห์น โมเสส อิไลอัสและเอลียาห์มาแล้วอยู่เสมอ ท่านแสดงตนชัดเจนว่าเป็นคนครอบครองแผ่นจารึกทองคำและแปลข้อความโบราณเหล่านั้นโดยของประทานและอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ท่านแสดงตนชัดเจนว่าเป็นคนได้รับการเปิดเผยจากพระเยซูคริสต์พระองค์เอง ท่านแสดงตนชัดเจนว่าเป็นคนได้รับฐานะปุโรหิตและกุญแจของการเป็นอัครสาวกผู้บริสุทธิ์

ข้าพเจ้ารู้ในวิธีที่มีพลังและเชื่อถือได้มากกว่าสิ่งที่ประสาทสัมผัสทั้งห้าสามารถตรวจพบและแสดงออกมาว่าโจเซฟ สมิธเห็นสิ่งที่ท่านกล่าวว่าเห็น แปลพระคัมภีร์มอรมอนโดยของประทานและอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า และได้รับฐานะปุโรหิตพร้อมกุญแจสำหรับความรอดของมนุษยชาติ ข้าพเจ้ารู้ว่านี่เป็นความจริง ข้าพเจ้ารู้ว่ากุญแจเหล่านั้นอยู่บนแผ่นดินโลกทุกวันนี้และประธานเนลสันเป็นผู้รับช่วงโดยชอบธรรมของโจเซฟ สมิธบนแผ่นดินโลก

สิ่งที่เราเห็นเป็นรอยผุและสีลอกหลุดบนเรือเก่าอาจได้รับความเห็นชอบและการนำทางจากเบื้องบนหากมองให้ไกลถึงนิรันดร พระเจ้าทรงดูแลรอยผุและสีลอกหลุดหรือไม่ก็ทรงใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อจุดประสงค์ของพระองค์ ข้าพเจ้าทราบด้วยตนเองว่าพระเจ้า พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลงานของพระองค์บนแผ่นดินโลกทุกวันนี้ ผู้รับใช้ของพระองค์รู้จักพระองค์ดี

ซิสเตอร์รูธ แอล. เรนลันด์: ด้วยความสำนึกคุณดิฉันเป็นพยานว่าดิฉันรู้จักพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด เมื่อเราใช้ศรัทธา ไม่สงสัย ในการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์และผลของการชดใช้นั้น ชีวิตเราจะได้รับพรนิรันดร์ ดิฉันสำนึกคุณที่พระองค์ทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์ในยุคนี้พร้อมพรทุกประการสำหรับบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์: พระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์และทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก​ ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานถึงความสงสาร ความรัก และความห่วงใยของพระองค์ต่อบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อชดใช้ให้ท่านและข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าได้รู้จักพระผู้ช่วยให้รอด ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงปรารถนาจะแก้ไขสิ่งต่างๆ ช่วยเยียวยาบาดแผล และสมานใจที่ชอกช้ำ

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้ท่านได้รับพรอันอุดมของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้ท่านมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์ “อย่าสงสัย, แต่จงเชื่อ”30ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่านให้เพิ่มศรัทธาในพระคริสต์โดยศึกษาพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต สวดอ้อนวอนและติดต่อสื่อสารกับพระบิดาบนสวรรค์และเตรียมตัวอย่างรอบคอบสำหรับการรับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรทุกสัปดาห์ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอวยพรท่านขณะท่านอุทิศตนเป็นส่วนบุคคลในส่วนของท่านและรับใช้และปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “อยู่ในเรือและจับให้แน่น!เลียโฮนา,พฤศจิกายน 2014, 89–92; และ เจราลด์ คอสเซ, “เกี่ยวกับคนล้วนๆ,เลียโฮนา,พฤษภาคม 2018, 111–13. ท่านกล่าวว่า “ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเคยเปรียบศาสนจักรกับรถสวยคันหนึ่ง เราทุกคนรักรถเมื่อรถสะอาดเป็นเงางาม แต่จุดประสงค์ของรถไม่ใช่เพื่อเป็นเครื่องยนต์โดดเด่นชวนมอง แต่เพื่อขับเคลื่อนคนในรถ.”

  2. ดู โมเสส 1:39.

  3. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน. “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 95.

  4. โมไซยาห์ 18:30.

  5. คู่มือพระคัมภีร์, “ศรัทธา,” scriptures.lds.org.

  6. ดู แอลมา 32:22.

  7. แอลมา 32:27.

  8. โมโรไน 10:4

  9. ถอดความจาก Michel de Montaigne, “On the Education of Children,” quoting Dante’sInferno: “For doubting pleases me more than knowing.”

  10. Paraphrased quote attributed to Elisabeth Elliot (1926–2015), a Belgian-born American Christian author and speaker.

  11. 1 โครินธ์ 2:14.

  12. นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น. “ท่านรู้มากพอ,เลียโฮนา,พย. 2008, 15.

  13. 1 นีไฟ 11:17.

  14. มัทธิว 14:31.

  15. Lectures on Faith[1985] 71.

  16. ยากอบ 1:5.

  17. ยากอบ 1:6.

  18. ยากอบ 1:6–8.

  19. ดู John A. Widtsoe,Evidences and Reconciliations[1960], 31–33.

  20. แอลมา 12:10–11.

  21. Paraphrased quote attributed to Elisabeth Elliot.

  22. เยเรมีย์ 2:13.

  23. ดู แอลมา 30:13-16.

  24. โมโรไน 7:12–13, 15–17.

  25. เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ศรัทธาไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่โดยการเลือก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2015, 65–68.

  26. หลักคำสอนและพันธสัญญา 46:13–14.

  27. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:67-68.

  28. แอลมา 40:13.

  29. สโนว์, สตีเวน อี. สโนว์ “วิสุทธิชน: เรื่องราวของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคสุดท้าย,” เลียโฮนา, ก.พ. 2018, 58-59.

  30. มอรมอน 9:27.

พิมพ์