ชีวิตใหม่ของเคย์ลี

โดย เดวิด ดิกสัน

นิตยสารศาสนจักร

เยาวชนหญิงคนนี้เดินทางไกลกว่าหลายไมล์เพื่อมาถึงสถานที่ซึ่งเธออยู่ในปัจจุบัน

ภูมิทัศน์โดยรอบ ไม่เหมือน สิ่งที่เธอคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย รัฐเทกซัสมีอากาศร้อน แห้ง และไม่มีวี่แววของหิมะเลย จึงเกือบเหมือนเป็นดาวเคราะห์ดวงใหม่ สำหรับเด็กหญิงที่เติบโตในอะแลสกาอย่างเคย์ลี ซี. ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เข้าใจได้

“สำหรับอะแลสกาในฤดูร้อน สภาพอากาศที่เราเรียกกันว่าอากาศร้อนคืออุณหภูมิใดก็ตามที่สูงกว่า 10 องศาเซลเซียส” เคย์ลีกล่าว “การอยู่ที่เทกซัสทำให้หายใจลำบาก เพราะอากาศภายนอกร้อนและชื้นมาก”

สำหรับเคย์ลี การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศจากอะแลสกาไปยังเทกซัสเป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีกมาก พ่อของเธอเพิ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์น่าสลดใจที่ไม่คาดคิด และแม่ของเธอไม่สามารถดูแลเคย์ลีกับน้องสาวอีกสองคนของเธอได้ ตอนนั้นเคย์ลีเป็นเด็กมัธยมต้นอายุ 13 ปี และน้องสาวสองคนของเธอ เจดาและรีอานนา อายุเพียง 10 และ 8 ขวบเท่านั้น

ครอบครัวของเธอจึงตัดสินใจว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือให้พี่น้องสามคนย้ายไปอยู่กับพี่สาวและสามีของเธอในเทกซัส

แม้เจนนี่ พี่สาวของเคย์ลี และแมตต์ สามีของเจนนี่ ยินดีต้อนรับพี่น้องทั้งสามคนอย่างเต็มใจ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ง่ายเลย

อย่างแรกคือสภาพอากาศ และยังมีข้อเท็จจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ว่า สำหรับพี่น้องที่มาจากเมืองขนาดเล็ก โรงเรียน ขนาดใหญ่ ในเทกซัสนั้นน่าหนักใจมาก

แล้วยังมีวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าโบสถ์อีกด้วย …

สิ่งต่างๆ ในแบบที่เคยเป็น

“ฉันชอบการเติบโตในอะแลสกา” เคย์ลีกล่าว “ฉันรักหิมะและความหนาวเย็น ฉันชอบออกไปข้างนอก ทุกอย่างช่างสวยงามเหลือเกิน ฉันชอบสเก็ตน้ำแข็ง ลากเลื่อน และทุกกิจกรรมที่ทำได้ในฤดูหนาว”

เธอยังชี้ให้เห็นถึงสิ่งอื่นๆ บางเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอะแลสกาด้วย “ฉันและเพื่อนๆ เห็นว่าการทำสิ่งที่ไม่ดีเป็นวิธีที่คุณจะได้รับความนิยม และสำหรับฉันแล้ว การได้รับความนิยมเป็นวิธีที่คุณจะมีความสุข ฉันจึงไม่ได้มุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง”

เพื่อนคนหนึ่งของเคย์ลีตั้งครรภ์ อีกคนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเพื่อนของเธอบางคนก็เริ่มมองโลกในแง่ร้ายอย่างสุดโต่งตลอดเวลา

“ฉันชอบใช้ชีวิตในอะแลสกา” เคย์ลีกล่าวอีกครั้ง “แต่ฉันจำเป็นต้องคิดจริงๆ ว่าชีวิตของฉันจะเป็นอย่างไรหากฉันยังอยู่ที่นั่น ตอนนี้เพื่อนหลายคนของฉันที่อะแลสกามีชีวิตที่ไม่ดี”

สิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนไป

เหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของเคย์ลีเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะสามารถเดินและพูดได้ด้วยซ้ำ ขณะที่เคย์ลียังอายุน้อยมาก เจนนี่พี่สาวของเธอพบผู้สอนศาสนาในมหาวิทยาลัยและเข้าร่วมกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย หลังจากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอะแลสกาปีแรก เจนนี่ก็ย้ายไปเรียนที่บีวายยู ไอดาโฮ ซึ่งเจนนี่พบกับแมตต์ สามีของเธอที่นั่น หลังจบการศึกษา แมตต์กับเจนนี่ก็ย้ายไปเทกซัส

เมื่อทั้งสองรับน้องๆ มาอยู่ด้วย แมตต์กับเจนนี่ตั้งกฎสองข้อเกี่ยวกับศาสนา “ข้อแรกคือพวกเธอจะต้องเข้าร่วมศาสนจักรกับเรา เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว” เจนนี่กล่าว “กฎข้อที่สองคือฉันและแมตต์จะไม่มีวันบังคับให้พวกเธอรับบัพติศมาหรือแม้แต่เข้าเรียนบทเรียนของผู้สอนศาสนา การทำเช่นนั้นต้องเป็นการตัดสินใจของพวกเธอเอง”

ดังนั้นเคย์ลีจึงเริ่มไปโบสถ์และกิจกรรมกลางสัปดาห์ด้วย ในตอนแรกการทำเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลกับเธอมากนัก “ฉันเข้าร่วมแต่ฉันไม่เชื่ออะไรเลย” เคย์ลีกล่าว “ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก”

อย่างไรก็ตาม เธอเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ “ทุกครั้งที่ฉันไปโบสถ์หรือเข้าร่วมกิจกรรมเยาวชน ฉันจะมีความสุข”

หลังจากสังเกตเห็นสิ่งนี้มาเป็นเวลาสองสามปี เคย์ลีก็พร้อมที่จะพบเพื่อนที่มีความพิเศษอย่างยิ่ง

ก้าวเล็กๆ ที่มีผลตอบแทนอย่างงาม

“ฉันพบกับแมดดี้้เพื่อนของฉันเมื่อเราย้ายไปอยู่อีกส่วนของเทกซัสช่วงฤดูร้อนก่อนเรียนเกรด 10” เคย์ลีกล่าว “เธอแนะนำตัวและกลายเป็นแบบอย่างที่ดียิ่งสำหรับฉัน”

เคย์ลีเล่าว่าแมดดี้มักจะดูร่าเริงและสนุกสนานเสมอ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อมิตรภาพของพวกเธอแน่นแฟ้นขึ้น เคย์ลีรอคอยที่จะเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมต่างๆ ของศาสนจักรมากขึ้น

“แมดดี้เป็นเพื่อนที่ดีมาก” เคย์ลีกล่าว

ถ่ายภาพโดย ออเบรย์ สต็อค

อิทธิพลอีกอย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเคย์ลีคือเซมินารี คราวนี้เคย์ลีเริ่มให้ความสนใจอย่างมากกับเนื้อหาการสอน ไม่เหมือนกับครั้งที่เธอเข้าโบสถ์ครั้งแรก “เหตุผลที่ฉันเริ่มใส่ใจเซมินารีมากขึ้นคือ คนรอบข้างฉันตอบคำถามและมีส่วนร่วมดีมาก ฉันต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น”

อย่างที่เขาว่ากันว่า ดวงดาวทั้งหลายเดินทางมาบรรจบกัน ระหว่างการเรียนพระคัมภีร์มอรมอนในเซมินารี การเห็นว่าพระกิตติคุณนำความสุขมาให้พี่สาวของเธอ พี่เขยของเธอ สมาชิกคนอื่นในวอร์ด และสร้างมิตรภาพที่สำคัญกับคนบางคน ทำให้เคย์ลีพร้อมที่จะตอบรับเมื่อแมดดี้ถามว่าเคย์ลีต้องการเรียนบทเรียนของผู้สอนศาสนาที่บ้านของเธอหรือไม่

จากนั้นเป็นต้นมา ทุกสิ่งก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เคย์ลีและน้องสาวของเธอซึ่งต่างก็มีเพื่อนขอให้เรียนบทเรียนที่บ้านของเพื่อน คนนั้น ได้ตัดสินใจรับบัพติศมาในวันเดียวกันด้วย

“ที่อะแลสกา ความสุขของฉันมาจากการเที่ยวกับเพื่อนๆ และพยายามทำตัวให้ได้รับความนิยม” เคย์ลีกล่าว “ตอนนี้ความสุขของฉันมาจากพระกิตติคุณ ฉันเรียนรู้มากมายจากสมาชิกคนอื่นๆ ที่นี่ ฉันเรียนรู้แล้วว่าความสุขและแสงสว่างมาจากพระเยซูคริสต์และพระบิดาบนสวรรค์”

ชีวิตที่มีพระกิตติคุณเป็นศูนย์กลาง

ประจักษ์พยานของเคย์ลีเกี่ยวกับพระกิตติคุณเติบโตขึ้น โดยสาเหตุหลักมาจากการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนอย่างใกล้ชิดในเซมินารี ทุกวันนี้พระคัมภีร์มอรมอนยังคงมีความสำคัญกับเธอเช่นเดิมดังที่เคยเป็น “พระคัมภีร์มอรมอนเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่นำความสุขมาให้ฉัน” เธออธิบาย “พระคัมภีร์เปลี่ยนฉันมาก ฉันต้องการให้ผู้อื่นรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ฉันจึงพยายามแบ่งปันพระคัมภีร์”

เธอพกพระคัมภีร์มอรมอนไปกับเธอทุกที่ที่เธอไป รวมทั้งที่โรงเรียนด้วย “มีการกระทำหลายอย่างของเด็กที่โรงเรียนซึ่งขับไล่พระวิญญาณ เช่น การใช้ภาษาที่หยาบคายหรือการพยายามมากเกินไปที่จะได้รับความนิยม” เคย์ลีกล่าว “การพกพระคัมภีร์มอรมอนไว้ในกระเป๋าเป้ช่วยให้ฉันจดจำเป้าหมายของฉัน: เพื่อรักษาพระวิญญาณและแบ่งปันด้านดีที่พระกิตติคุณนำมาให้เรา”

แต่เธอไม่รู้ว่าประจักษ์พยานของเธอจะมีโอกาสเติบโตหรือไม่ หากไม่มีแบบอย่างที่ซื่อสัตย์จากสมาชิกศาสนจักรคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง “สมาชิกศาสนจักรเป็นส่วนหนึ่งของการรับบัพติศมาของฉัน” เธอกล่าว “หากไม่มีแบบอย่างและแสงสว่างทางวิญญาณของพวกเขา ฉันอาจไม่ได้สังเกตเห็นอะไรที่แตกต่างออกไปในตัวพวกเขาและคงจะไม่ใส่ใจต่อสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศาสนจักรต่อไป”

จงมีความหวังเสมอ

แม้อดีตที่ผ่านมาเคย์ลีกับพี่น้องของเธอได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาพอสมควร แต่เคย์ลีก็พบความหวังต่ออนาคตของเธอ ซึ่งเป็นความหวังที่เธอต้องการส่งต่อให้กับผู้อื่นที่ประสบช่วงเวลาที่ยากลำบากในขณะนี้ด้วย

“อย่าลืมมุ่งไปข้างหน้าและให้ความสนใจกับด้านบวกของสิ่งต่างๆ” เคย์ลีกล่าว “และหากคุณสูญเสียคนที่คุณรัก ขอให้จำไว้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงมีแผนสำหรับคุณและคนอื่นๆ” เราจะสามารถอยู่กับครอบครัวของเราตลอดไปหากเราทำสิ่งที่ถูกต้อง”