“ของขวัญแห่งความหวังของเรา” เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน ธ.ค. 2021
จงตามเรามา
ของขวัญ แห่ง ความหวัง ของเรา
ประสบการณ์ของศาสดาพยากรณ์แสดงให้เราเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมอบความหวังให้เราได้หากเรามุ่งเน้นไปที่พระเยซูคริสต์
ท่านเคยมีวันที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดหรือไม่? ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านสามารถตอบได้ว่า “มี!” เราทุกคนมีประสบการณ์กับวันที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้ดำเนินไปอย่างที่เราหวัง การทำขนมปังของท่านไหม้ในมื้อเช้า ทำข้อสอบได้ไม่ดีพอ หรือโต้เถียงกับเพื่อนล้วนทำให้เป็นวันที่แย่
แต่ก็ยังมีความท้าทายอื่นๆ ที่ยากกว่านี้ เราอาจสูญเสียคนที่รัก เจ็บป่วยร้ายแรง หรือพบว่าคนที่เราห่วงใยออกไปจากศาสนจักร การทดลองแบบนี้จะทำให้ท่านรู้สึกว่ารับมือไม่ไหวและสามารถเกิดขึ้นยาวนานกว่าหนึ่งวัน มีปัญหามากมายในโลกที่เราอาจจะรู้สึกว่าบางครั้งสิ่งต่างๆ ก็สิ้นหวัง
แต่ความจริงคือ เรามีเหตุผลให้หวัง เสมอ มอรมอนกล่าวว่า “ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าท่านจะมีความหวังโดยผ่านการชดใช้ของพระคริสต์” (โมโรไน 7:41) ด้วยเหตุผลนี้เอง ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเคยกล่าวว่า “ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะดูสิ้นหวังเพียงใด จำไว้ว่าเราสามารถมีหวังได้เสมอ เสมอ!”1
จะมีเวลาใดที่จะจดจำสิ่งนี้ได้ดีไปกว่าช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นเวลาที่เราฉลองการประสูติของ “แสงสว่าง ชีวิต และความหวังของโลก”?2 พระคัมภีร์เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทำให้เราระลึกถึงความหวังของเราในพระเยซูคริสต์ อันที่จริง พระคัมภีร์เขียนขึ้นเพื่อเป็นพยานถึงพระองค์เพื่อที่เรา “จะได้มีความหวัง” (โรม 15:4)
หนึ่งในข่าวสารแห่งความหวังเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เกิดขึ้นในยุคมืดของประวัติศาสตร์ เกิดกับศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งกำลังผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายในชีวิต ข่าวสารดังกล่าวสอนเราว่าเราสามารถค้นพบความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราได้ในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ เนื่องจากความรักที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ที่ทรงมีต่อเราและพระคุณจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด
นิมิตสำหรับโลกที่ต้องการ
ปี 1918 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเป็นบททดสอบ โลกกำลังอยู่ท่ามกลางการระบาดทั่วโลก—เช่นเดียวกับที่เราพบเจอ การระบาดครั้งนั้นเกิดจากไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดไปทั่วโลกและคร่าชีวิตคนหลายล้านคน ขณะที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็ปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 1914 ความโหดเหี้ยมของสงครามก่อให้เกิดการทำลายล้าง ความตาย และความโศกเศร้าที่เกินจินตนาการ
เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติเหล่านี้ทั่วโลก หลายคนสงสัยว่า “ชีวิตหลังความตายมีจริงหรือไม่? เกิดอะไรขึ้นหลังจากเราตาย? ฉันจะได้พบคนที่ฉันรักอีกหรือไม่?”
ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ (1838–1918) ประธานศาสนจักรคนที่หกรู้สึกถึงความเศร้าสลดส่วนตัวในปี 1918 เช่นกัน บุตรชายคนโตของท่าน เอ็ลเดอร์ไฮรัม แม็ก สมิธ ซึ่งเป็นอัครสาวกสิ้นชีวิตอย่างไม่คาดคิด อีกไม่กี่เดือนต่อมา ไอด้าภรรยาของไฮรัมก็สิ้นชีวิต ทิ้งบุตรธิดาไว้ข้างหลังห้าคน3
ประธานสมิธเคยสูญเสียบุคคลที่รักมาก่อน ท่านอายุเพียงห้าขวบเมื่อบิดาของท่าน ไฮรัม สมิธ และลุงของท่าน ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ถูกสังหารเป็นมรณสักขีที่คุกคาร์เทจ แมรี ฟิลดิงก์ สมิธ มารดาของท่านสิ้นชีวิตเมื่อท่านอายุ 13 ปี นอกจากนี้ประธานสมิธยังสูญเสียซาราห์ ภรรยาของท่าน รวมทั้งลูกอีก 13 คน4
แต่ความตายเหล่านี้ในปี 1918 ทำให้เกิดความโศกเศร้าครั้งใหม่ ประธานสมิธหันไปหาการศึกษาพระคัมภีร์และการสวดอ้อนวอน เพื่อแสวงหาการปลอบโยนความโศกเศร้าของท่าน ขณะที่ท่านอ่านพันธสัญญาใหม่และไตร่ตรองการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:1–3) ท่านได้รับนิมิตเกี่ยวกับโลกวิญญาณ ท่านเห็นวิญญาณของผู้ชอบธรรมที่รอคอยด้วยหวังว่าจะได้รับการปลดปล่อยจากความตาย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:11–15) ท่านยังได้เห็นพระผู้ช่วยให้รอดทรงสั่งสอนพระกิตติคุณให้แก่บรรดาผู้ที่อยู่ในโลกวิญญาณในระหว่างช่วงเวลาแห่งการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ด้วย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:19) และท่านได้เห็นพระผู้ช่วยให้รอดทรงส่งบรรดาคนรับใช้ผู้ชอบธรรมไปสอนผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ฟังพระกิตติคุณในชีวิตนี้
นิมิตนี้มาถึงเมื่อโลกต้องการความหวังเป็นอย่างยิ่ง ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด รักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง สอนว่านิมิตนี้ “เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในแผนของพระบิดาบนสวรรค์สำหรับบุตรธิดา ความรักที่แลกด้วยการไถ่ของพระคริสต์ และอำนาจอันหาใดเทียบได้ของการชดใช้”5
ความจริงที่เปี่ยมด้วยความหวัง
บรรดาวิญญาณที่ประธานสมิธพบเห็นในนิมิตของท่าน มองการแยกจากกันระหว่างวิญญาณออกจากร่างกายเมื่อสิ้นชีวิตว่า “เป็นพันธนาการ” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:50) นิมิตของประธานสมิธทำให้เราแน่ใจว่า “พันธนาการ” นี้ไม่คงทนถาวร โดยผ่านพระผู้ช่วยให้รอด เราจึงมีความหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้รับการฟื้นคืนชีวิตและ “รับความสมบูรณ์แห่งปีติ” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:17)
นิมิตนี้ยังทำให้เรามั่นใจด้วยว่าพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงเตรียมหนทางสำหรับวิญญาณทุกดวงเพื่อให้มีโอกาสได้รับความรุ่งโรจน์แห่งซีเลสเชียลและความสุขนิรันดร์กับพระองค์ เป็นความจริงสำหรับผู้ที่มีชีวิตอยู่และ “ตายโดยปราศจากความรู้ถึงพระกิตติคุณ [นี้] ผู้ที่จะรับไว้” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:7)
เราไม่จำเป็นต้องรอถึงชีวิตหน้าเพื่อจะมีความหวัง ตอนนี้เราสามารถรู้สึกถึงความหวังได้เพราะเราวางศรัทธาและความวางใจในพระเยซูคริสต์ ความหวังเป็นของประทานแห่งพระวิญญาณ (ดู โมโรไน 8:26) และมาถึงเราเนื่องจากการชดใช้ของพระคริสต์
วิธีพิเศษที่จะทำให้รู้สึกถึงความหวัง
เมื่อประธานสมิธไตร่ตรองถึงพระกิตติคุณและการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ท่านได้รับการเปิดเผยที่นำการปลอบโยนและความหวังมาสู่ท่านและโลกที่มีปัญหานี้ การไตร่ตรองเป็นมากกว่าแค่การคิด หมายถึงการระลึกถึงบางสิ่งอย่างลึกซึ้ง และช่วยให้ท่านรู้สึกถึงความหวังมากขึ้น หาเวลาในช่วงคริสต์มาสนี้เพื่อไตร่ตรองถึงพระผู้ช่วยให้รอด
นึกถึงการประสูติ พระชนม์ชีพ พระดำรัสสอน และการชดใช้ของพระองค์ว่ามีความหมายอย่างไรสำหรับท่าน เรื่องนี้สามารถเปิดใจท่านและช่วยให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ “พูดให้ความสงบแก่จิตใจท่าน” (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:23) ซึ่งสามารถเป็นพรแก่ชีวิตท่านด้วยแสงสว่างและความหวัง แม้ชีวิตจะยากลำบากก็ตาม
เราได้รับการกระตุ้นให้ “มุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์, โดยมีความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง, และความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง” และหากเรา “มุ่งหน้า, ดื่มด่ำพระวจนะของพระคริสต์, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว, ดูเถิด, พระบิดาตรัสดังนี้: เจ้าจะมีชีวิตนิรันดร์” (2 นีไฟ 31:20)