เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน
จริงหรือ?
เมษายน 2024


“จริงหรือ?” เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน, เม.ย. 2024

จงตามเรามา

เจคอบ 4

จริงหรือ?

ใช่ จริงสิ ศาสดาพยากรณ์เจคอบสอนถึงกุญแจสู่ความเข้าใจความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ศีรษะมนุษย์

“พูดจริงหน่อย” “เอาจริงหน่อย” “อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหน่อย” บางครั้งผู้คนก็พูดแบบนี้เมื่อพวกเขาคิดว่ามีบางคนไร้เดียงสาหรือกำลังคิดเพ้อฝัน

และจริงที่ว่า—การเมินเฉยต่อความจริงอาจเป็นปัญหาจริงๆ ได้ (ตัวอย่างเช่น ท่านคงไม่อยากให้มีคนที่คิดว่ากฎแห่งแรงดึงดูดใช้กับพวกเขาไม่ได้หรอก นั่นอาจจะลงเอยไม่ดีนัก)

แต่ ความเป็นจริง นั้นยิ่งใหญ่—ใหญ่กว่าที่หลายคนรู้ อันที่จริง ส่วนที่ใหญ่ที่สุดและสําคัญที่สุดของความเป็นจริงนั้นอยู่ไกลเหนือจากชีวิตนี้และโลกทางกายภาพที่เรารับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรามาก ซึ่งสามารถรับรู้ได้ทางวิญญาณเท่านั้น

ศาสดาพยากรณ์เจคอบในพระคัมภีร์มอรมอนสอนความจริงสําคัญบางประการเกี่ยวกับความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่กว่านี้และวิธีที่เราจะรู้และเข้าใจความเป็นจริงนั้น

เพราะเหตุใด?

เจคอบสอนผู้คนของเขาเกี่ยวกับความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ พระเยซูคริสต์และบทบาทของพระองค์ในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ และเจคอบกล่าวว่า “อย่าประหลาดใจที่ข้าพเจ้าบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่าน; เพราะเหตุใดจึงไม่พูดถึงการชดใช้ของพระคริสต์, และเข้าถึงความรู้อันสมบูรณ์เกี่ยวกับพระองค์, และยังเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีวิตและโลกที่จะมาถึงเล่า?” (เจคอบ 4:12)

ในคํากล่าวนี้ เจคอบสอนความจริงสําคัญบางประการดังนี้:

  • มีสิ่งที่มากกว่าชีวิตนี้—คือการฟื้นคืนชีวิต

  • มีสิ่งที่มากกว่าโลกนี้—คือ “โลกที่จะมาถึง”

  • สําคัญที่สุดคือพระเยซูคริสต์ทรงทําให้ทั้งหมดนี้เป็นไปได้สําหรับเราผ่านการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์

  • เราสามารถได้รับความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

นั่นเป็นความจริงอันยิ่งใหญ่ และดังที่เจคอบกล่าวไว้ เหตุใดจะไม่พูดถึงเล่า?

จากนั้นเจคอบมีบางอย่างจะพูดเกี่ยวกับวิธีที่เขารู้เรื่องเหล่านี้และพูดอย่างแจ้งชัดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

“เรื่องดังที่มันเป็นจริง”

เจคอบสอนว่า “เพราะพระวิญญาณรับสั่งความจริงและไม่รับสั่งเท็จ ดังนั้น, พระองค์รับสั่งถึงเรื่องดังที่มันเป็นจริง, และถึงเรื่องดังที่มันจะเป็นจริง” (เจคอบ 4:13)

โดยผ่านพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เราจะรู้ความจริงได้— ความจริงทั้งหมดของ “เรื่องดังที่มันเป็นจริง” เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?

ข้อเท็จจริงคือความเข้าใจส่วนใหญ่ของบุคคลเกี่ยวกับความเป็นจริง—ทั้งทางร่างกายและทางวิญญาณ—ขึ้นอยู่กับ การวางใจ

เราวางใจประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราเพื่อให้เราได้รับประสบการณ์โดยตรงกับความเป็นจริงทางกายภาพ เราวางใจแหล่งข้อมูลภายนอกเช่นกัน—บิดามารดา ครู หนังสือ บทความ เว็บไซต์ ภาพถ่าย แผนที่ วีดิทัศน์—ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเวลาผ่านไป เราตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยประสบกับสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง หรือเราเห็นข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้น

เฉกเช่นเราเรียนรู้ที่จะวางใจประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรา เราสามารถเรียนรู้ที่จะวางใจความสามารถของเราในความรู้สึกถึงเรื่องทางวิญญาณ

และเราต้องเรียนรู้ที่จะวางใจแหล่งข้อมูลภายนอกบางอย่างในเรื่องทางวิญญาณ เราต้องมีศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ วางใจในพระองค์และความรักของพระองค์ เราต้องวางใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องวางใจศาสดาพยากรณ์ พระคัมภีร์ และแหล่งอื่นๆ ของความจริงที่ได้รับการเปิดเผย และเราต้องวางใจในประจักษ์พยานของผู้อื่น

เมื่อเราใช้ศรัทธาและการวางใจ เราสามารถมีประสบการณ์ทางวิญญาณด้วยตนเองและเห็นความจริงทางวิญญาณที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เราจะเห็นความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งเจคอบพูดถึง:

พระเยซูคริสต์มีจริง การพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์มีจริง การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์มีจริง การฟื้นคืนชีวิตของเรามีจริงเช่นกัน ชีวิตนี้มีจริง และชีวิตหลังความตายก็มีจริง แผนของพระบิดาบนสวรรค์มีจริง นี่เป็นเรื่องดังที่มันเป็นจริงและจะเป็นจริง การน้อมรับความเป็นจริงนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ตลอดกาล