2019
พันธสัญญาเป็นโล่ป้องกัน
มีนาคม 2019


คนหนุ่มสาว

พันธสัญญาเป็น โล่ป้องกัน

ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา

พลังอำนาจและความคุ้มครองที่สัญญาไว้กับผู้สวมการ์เม้นท์พระวิหารอย่างซื่อสัตย์ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์ แต่มาจากพระผู้เป็นเจ้า

young adult looking over railing at the city

การชอบสวมใส่การ์เม้นท์พระวิหารของดิฉันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ถึงแม้เนื้อผ้าของการ์เม้นท์จะบางเบาและพอสวมใส่จนชินก็แทบไม่รู้ตัวว่าสวมอยู่ แต่สิ่งที่การ์เม้นท์หมายถึง พรที่มากับการ์เม้นท์ และการแสดงออกภายนอกของคำมั่นสัญญาภายในต่อพระผู้เป็นเจ้า—และความรักที่ดิฉันมี ต่อ พระผู้เป็นเจ้า—ทำให้การสวมการ์เม้นท์ทุกวันเป็นประสบการณ์ที่สวยงามทางวิญญาณ เป็นสันติสุข เป็นพลัง เป็นความสงบ เป็นอำนาจ เป็นความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพรในชีวิตดิฉันมากเท่าที่ดิฉันปฏิบัติต่อการ์เม้นท์นั้น

บางครั้งมีคนคิดว่าการ์เม้นท์เป็นเพียงชุดชั้นใน หรือเป็นเพียงมาตรฐานความสุภาพเรียบร้อยที่มุ่งหมายจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าอะไรที่พวกเขาสวมใส่ได้และอะไรไม่ได้—เป็นบรรทัดฐานกำหนดว่าอะไรเหมาะสมและอะไรไม่เหมาะสม ถึงแม้การสวมใส่การ์เม้นท์อย่างถูกต้องจะส่งเสริมความสุภาพเรียบร้อย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามมาตรฐานของโลก) แต่การ์เม้นท์ของฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์มีความหมายมากยิ่งกว่านั้น

มุมมองนิรันดร์อันเปี่ยมด้วยพลัง

ดิฉันได้รับเอ็นดาวเม้นท์ของตนเองขณะเตรียมแต่งงานในพระวิหารเมื่ออายุ 19 ปี ถึงแม้สภาวการณ์เลวร้ายส่งผลให้การแต่งงานครั้งนั้นสิ้นสุด แต่ดิฉันซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาเสมอ และพันธสัญญาเหล่านั้นที่ดิฉันทำกับพระเจ้ายังอยู่เหมือนเดิม ดิฉันยังคงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา และพันธสัญญาค้ำจุนดิฉัน ดิฉันไม่ได้ถูกทิ้งให้เผชิญการทดลองตามลำพังและดิฉันเข้มแข็งขึ้นเพราะการทดลองเหล่านั้น

ดิฉันได้รับพรมากมายเพราะถือใบรับรองพระวิหารอย่างต่อเนื่อง เพราะสวมใส่การ์เม้นท์ถูกต้องตามคำแนะนำ และเพราะรักษาพันธสัญญาที่ดิฉันทำในพระวิหาร แม้จะไม่สามารถแจกแจงพรจากการเชื่อฟังนี้ได้ครบถ้วน แต่พรที่สังเกตเห็นชัดที่สุดคือดิฉันยังคงมีมุมมองที่ถูกต้องและมีสิ่งเตือนใจให้เลือกถูกต้องเสมอแม้เมื่อคนรอบข้างไม่ได้เลือกอย่างนั้น—และแม้เมื่อการเลือกของผู้อื่นทำให้ดิฉันเจ็บปวด

ดิฉันทำผิด เยอะมาก ในชีวิตช่วง 11 ปีที่ผ่านมา (ช่วงเลวร้ายที่สุดรวมถึงการหย่าร้าง ความกระเสือกกระสนด้านการเงิน อาชีพที่ล้มเหลว และอุปสรรคส่วนตัว) แต่การสวมใส่การ์เม้นท์ตลอดเวลาและการเข้าพระวิหารเป็นประจำช่วยให้ดิฉันรู้ว่าชีวิตนี้มีมากกว่าการทดลองที่ดิฉันประสบขณะนั้น—ไม่ว่าแต่ละช่วงจะยากหรือเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม

เพราะสองสิ่งนี้ช่วยให้ดิฉันอยู่ใกล้ชิดพระวิญญาณเสมอ การกระตุ้นเตือนภายในที่ดิฉันเลือกทำตามจึงนำดิฉันออกจากอันตรายทางกาย—และให้ความหวังแรงกล้าตลอดจนมุมมองที่ไกลถึงนิรันดรซึ่งนำทางดิฉันผ่านจุดมืดเมื่อดิฉันรู้สึกเหมือนไม่มีพลังก้าวไปข้างหน้าทางอารมณ์และทางกายอีก สันติสุขดังกล่าวยังคงค้ำจุนดิฉันขณะความท้าทายและการทดลองใหม่ๆ เกิดขึ้น

พรจากพระวิหารที่ดิฉันประสบเริ่มตั้งแต่พรวันต่อวันที่บางครั้งเรามองข้าม (อย่างเช่นสันติสุขในใจและการกระตุ้นเตือน) ไปจนถึงพรอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ ยั่งยืน และเห็นชัด (เช่นการผนึกกับครอบครัวเราชั่วนิรันดร์) ประสบการณ์ของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว—แต่พรมาถึงเราเสมอในจังหวะเวลาที่เหมาะสมของพระเจ้าเมื่อเรารักษาพันธสัญญาของเรา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 82:10) การสวมใส่การ์เม้นท์เป็นวิธีสำคัญส่วนตัวของการแสดงให้พระเจ้าทรงเห็นว่าเราจดจำพันธสัญญาของเรา

ความคุ้มครองต่อเนื่องทางวิญญาณ

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายพรประการหนึ่งที่เราคาดหวังได้เมื่อเราสวมใส่การ์เม้นท์อย่างถูกต้อง “การ์เม้นท์เป็นเครื่องหมายแทนพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสริมความสุภาพเรียบร้อย เป็นโล่และเครื่องป้องกันผู้สวมใส่”1

โล่นี้สามารถคุ้มครองเราจากสิ่งที่นีไฟเรียกว่า “ลูกศรเพลิงของปฏิปักษ์” (1 นีไฟ 15:24) ถ้าเราจะคำนวณว่าซาตานยิงลูกศรใส่เราวันละกี่ดอก ดิฉันคิดว่าเขายิงหลายดอกมาก เราอยู่ในโลกที่มุ่งหมายจะทำลายสิ่งที่เราเชื่ออย่างไม่หยุดหย่อน ภาพและข่าวสารที่ไม่เหมาะสมรายล้อมเราทุกที่ ตามด้วยการกดดันให้ใช้สารอันตรายหรือฝ่าฝืนกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ รุนแรงกว่านั้นคือการกดดันและการล่อลวงให้โต้เถียงและไร้เมตตา ถ้าไม่ต่อหน้าก็ทางออนไลน์ เยาะเย้ยหรือเหยียดหยามผู้อื่นเพราะแสดงความคิดเห็นหรือความเชื่อของพวกเขา หรือล้อเลียนบางคนด้วยเรื่องเล็กๆ อย่างเช่นใช้ไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง ถ้าเราเอาใจใส่การโจมตีทางวิญญาณเหล่านี้ เราจะรู้สึกเฉื่อยชาและรู้สึกถึงการเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้น้อยลง

“ลูกศรเพลิง” ที่ซาตานยิงใส่เรามีมากมายนับไม่ถ้วนและอันตรายเสมอ เอ็ลเดอร์ทาเนียลา บี. วาโคโลแห่งสาวกเจ็ดสิบกล่าวว่า “สิ่งล่อใจและการล่อลวงของชีวิตหลายอย่าง ‘ร้ายกาจเหมือนหมาป่า’” ถ้าอย่างนั้นเราจะคุ้มครองตัวเราอย่างไร ต่อมาในคำพูดเดียวกัน ท่านเสริมว่า “ข้าพเจ้าสัญญาว่าการมีส่วนร่วมในศาสนพิธีและการให้เกียรติพันธสัญญาที่เกี่ยวข้องจะนำความสว่างและความคุ้มครองอันน่ามหัศจรรย์มาสู่ท่านในโลกที่มืดลงทุกวัน”2

ถ้า “ลูกศร” ที่ซาตานยิงใส่ท่านทุกวันเป็นของมีคมที่ท่านมองเห็นและรู้สึกได้ ท่านจะทิ้งโล่ไว้ที่บ้านไหม ท่านจะเมินความรู้เรื่องวิธีป้องกันตนเอง—หรือเส้นทางไปถึงสถานที่หลบภัยหรือไม่ ท่านจะเลื่อนการทำหรือรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าออกไปไหมเมื่อพระองค์ทรงสัญญาว่าพันธสัญญาเหล่านั้นจะช่วยให้ท่านมีชัยชนะ

Meridian Idaho Temple

พลังแห่งพันธสัญญาในความก้าวหน้าของเรา

ความคุ้มครองที่การ์เม้นท์มอบให้ไม่ได้มาจากเวทมนตร์ใดๆ ในตัวการ์เม้นท์ตามที่มีคนเชื่ออย่างผิดๆ แต่ความคุ้มครองที่สัญญาไว้คือความคุ้มครองที่พระเจ้าประทานให้ทางกายและทางวิญญาณเมื่อเรารักษาพันธสัญญาและแสดงความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ทุกวัน

พันธสัญญาพระวิหารและการ์เม้นท์ ไม่ใช่ สำหรับคนดีพร้อม แต่มีไว้ช่วยป้องกันและคุ้มครองคนไม่ดีพร้อมที่กำลังพยายามสุดความสามารถเพื่อเป็นคนดีขึ้น คนที่กลับใจเมื่อผิดพลาดและเดินหน้าต่อไป คนเช่นท่านและดิฉัน

เหมือนเรารับส่วนศีลระลึกทุกสัปดาห์เพื่อระลึกถึงและต่อพันธสัญญาบัพติศมาของเรา การสวมใส่การ์เม้นท์ทุกวันเป็นสิ่งเตือนใจให้นึกถึงพันธสัญญาที่เราทำในพระวิหาร เราต้องการสิ่งเหล่านี้ตลอดการเดินทางของเราเพื่อเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น

นอกจากความคุ้มครองแล้ว การรักษาพันธสัญญาของเราและการสวมใส่การ์เม้นท์เป็นวิธีแสดงให้พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นทุกวันว่าเรารักพระองค์ และเราจะทำตามพระบัญญัติของพระองค์ เพราะ เรารักพระองค์—และนั่นเป็นหนทางให้เราได้รับพรมากมายที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์จะประทานแก่เรา พระองค์ทรงรักเรามากเกินกว่าเราจะเข้าใจได้ ทรงต้องการให้เราปลอดภัยและมีความคุ้มครองที่พระองค์ทรงสัญญา

ได้รับพรทุกวัน

เราทุกคนต่อสู้ทางวิญญาณทุกวัน ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม พันธสัญญาที่ทำในพระวิหารและรักษาในชีวิตทุกวันจะช่วยให้เราชนะสงครามต่อสู้กับบาปและซาตาน แต่เราต้องเตรียม—และซื่อสัตย์ต่อจากนั้น

ดิฉันดีใจที่ตัดสินใจไปพระวิหาร—และที่ตัดสินใจต่อจากนั้นว่าจะรักษาพันธสัญญาของดิฉัน ดิฉันได้รับพรทุกวันเพราะการเลือกของดิฉันและเพราะสวมใส่การ์เม้นท์อย่างถูกต้องตามที่ดิฉันสัญญาว่าจะทำ นั่นทำให้ดิฉันปลอดภัยเสมอ เตือนดิฉันให้นึกถึงพันธสัญญาของดิฉัน แสดงให้พระผู้เป็นเจ้าเห็นว่าดิฉันรักพระองค์มากกว่าโลก และดิฉันจะทำสิ่งที่พระองค์ทรงขอให้ทำ

อ้างอิง

  1. บอยด์ เค. แพคเกอร์, The Holy Temple (1980), 75.

  2. ทาเนียลา บี. วาโคโล, “ศาสนพิธีแห่งความรอดจะนำความสว่างอันน่ามหัศจรรย์มาสู่เรา,” เลียโฮนา, พฤษภาคม 2018, 40, 41.