1 นีไฟ 13–14

“มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า”

หลังจากนิมิตของการละทิ้งความเชื่อและการทำลายล้างผู้คนปรากฏขึ้นในที่สุด นีไฟเห็นว่าศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังจะทำให้คำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิลเสื่อมทรามและต่อสู้กับวิสุทธิชนของพระเจ้า ลองนึกภาพปีติของนีไฟที่รู้ว่าพระกิตติคุณอาจได้รับการฟื้นฟู ซึ่งเป็นพรแก่คนทั้งปวงที่ยอมรับคำสอนและพันธสัญญาของพระผู้ช่วยให้รอด บทเรียนนี้มีจุดประสงค์จะช่วยให้ท่านเข้าใจความสำคัญของพันธสัญญา และเพิ่มความปรารถนาในการทำและรักษาพันธสัญญา

หมายเหตุ: 1 นีไฟ 13:20–42 จะสอนรายละเอียดเพิ่มเติมในบทเรียนถัดไป

พระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในประวัติศาสตร์

ลองนึกภาพว่าท่านเห็นนิมิตเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา รวมถึงในยุคสมัยของเรา

• เหตุการณ์ใดที่ท่านคิดว่าอาจเห็นในนิมิตนี้? เพราะเหตุใด?

ศาสดาพยากรณ์นีไฟเห็นนิมิตที่รวมเหตุการณ์สำคัญจากช่วงเวลานี้ด้วย สังเกตสิ่งที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันประกาศเกี่ยวกับนิมิตของนีไฟ:

เราได้นั่งแถวหน้าเพื่อเป็นพยานเหตุการณ์สดในสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์นีไฟเห็นเฉพาะในนิมิต …

พี่น้องของข้าพเจ้า ท่านอยู่ในบรรดาชายหญิงและเด็กเหล่านั้นที่นีไฟเห็น จงนึกถึงเรื่องนั้น! (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ฟังพระองค์” เลียโฮนา, พ.ค. 2020, 88)

ขณะศึกษา 1 นีไฟ 13–14 ให้มองหาหลักฐานของเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในเหตุการณ์ที่นำไปสู่ยุคของเราเช่นเดียวกับสัญญาสำคัญที่พระเจ้าจะทำให้เกิดสัมฤทธิผลในชีวิตของท่าน

1. ทำกิจกรรมต่อไปนี้ให้เสร็จ:

อ่านข้อพระคัมภีร์และจับคู่สิ่งที่อธิบายไว้ในข้อกับเหตุการณ์ที่ระบุด้านล่าง หมายเหตุ: คนต่างชาติที่ใช้ในข้อเหล่านี้ หมายถึงผู้ที่ไม่ได้มาจากหรือไม่ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของยูดาห์

1 นีไฟ 13:12–13, 16–19	บันทึกของชาวนีไฟ (พระคัมภีร์มอรมอน) และพระคัมภีร์อื่นๆ ยืนยันความจริงที่อยู่ในบันทึกของชาวยิว (พระคัมภีร์ไบเบิล) และฟื้นฟูความจริงอันแจ้งชัดและมีค่า
1 นีไฟ 13:23–26	การค้นพบและการล่าอาณานิคมโดยคนต่างชาติในแผ่นดินที่สัญญาไว้
1 นีไฟ 13:35–36, 39–40	บันทึกของชาวยิว (พระคัมภีร์ไบเบิล) ถูกศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังทำให้เสื่อม
1 นีไฟ 14:7–10	งานอันน่าอัศจรรย์ (การฟื้นฟูพระกิตติคุณ) จะออกมา คนต่างชาติเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธพรของงานนั้น

• ท่านคิดว่าคำพยากรณ์เหล่านี้มีนัยสำคัญอย่างไร?

“พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า … นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง” แก่ผู้ที่เดินทางไปยังแผ่นดินที่สัญญาไว้ตามนิมิตของนีไฟ (1 นีไฟ 13:12–13) นีไฟยังเห็นด้วยว่า “เดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” ทรงอยู่กับพวกเขา (ดู 1 นีไฟ 13:16, 18–19)

• ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าจากข้อเหล่านี้?

• ความเข้าใจนี้เกี่ยวกับพระองค์จะเป็นพรแก่ชีวิตของท่านในตอนนี้อย่างไร?

การเข้าถึงเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตเรา

นีไฟเห็นถึงยุคสุดท้ายและเห็นการฟื้นฟูศาสนจักรของพระเยซูคริสต์และการต่อต้านที่ศาสนจักรต้องเผชิญ ท่านเห็นพรซึ่งทรงสัญญาไว้แก่ผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ที่รักษาพันธสัญญาด้วย

อ่าน 1 นีไฟ 14:12–14 เพื่อมองหาสิ่งที่นีไฟเรียนรู้เกี่ยวกับสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคสุดท้าย

• ท่านเห็นอะไรที่โดดเด่นจากคำอธิบายของนีไฟเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์และสมาชิกในยุคสมัยของเรา? เพราะเหตุใด?

• หลักธรรมใดที่ท่านอาจระบุได้จากข้อ 14?

หลักธรรมหนึ่งที่เราจะเรียนรู้ได้จากข้อเหล่านี้คือ ถ้าเรารักษาพันธสัญญา เราจะมีความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าเป็นอาวุธ

• ท่านได้ทำหรือจะทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร?

• มีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้ท่านจดจ่ออยู่กับการรักษาพันธสัญญาที่ทำไว้?

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนถึงความหมายของการมีความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าเป็นอาวุธในรัศมีภาพที่ยิ่งใหญ่:

วลีที่ว่า “มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่” [1 นีไฟ 14:14] ไม่เพียงเป็นแนวคิดที่ดีหรือตัวอย่างภาษาพระคัมภีร์ที่ไพเราะเท่านั้น แต่พรเหล่านี้ประจักษ์ชัดในชีวิตสานุศิษย์ยุคสุดท้ายนับไม่ถ้วนของพระเจ้า …

… ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าทุกวันนี้มีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าได้เห็นศรัทธา ความกล้าหาญ มุมมอง ความพากเพียร และปีติที่ขยายเกินความสามารถมนุษย์—และมีเพียงพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่ทรงให้ได้ (เดวิด เอ. เบดนาร์, “มีเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่” เลียโฮนา, พ.ย. 2021, 29–30)

• อะไรคือตัวอย่างที่เป็นไปได้ของผู้คนในวัยของท่านที่ “มีความชอบธรรมเป็นอาวุธ”?

• เมื่อใดที่ท่านประสบกับบางส่วนของพร “ที่มีแต่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่ทรงให้ได้”?

 

Standing in Holy Places

A young woman reflects on the blessings of walking the covenant path as she makes her journey to the temple.

หญิงสาวพิจารณาถึงพรของการเดินตามเส้นทางพันธสัญญาขณะเดินทางไปยังพระวิหาร

2. ไตร่ตรองและตอบคำถามอย่างน้อยสองข้อต่อไปนี้:

• มีการกระทำใดในชีวิตประจำวันที่บอกถึงความสำคัญของพันธสัญญาที่ท่านทำไว้?

• ทำไมท่านถึงต้องการเดชานุภาพที่มาจากการทำพันธสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์?

• ท่านจะอัญเชิญพรจากการทำและให้เกียรติพันธสัญญากับพระบิดาสวรรค์เข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่มากขึ้นได้อย่างไร?

คำตอบแบบทดสอบ: 1-ข, 2-ค, 3-ก, 4-ง

ทางเลือก: ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมใช่หรือไม่?

1 นีไฟ 13 คำว่า “คนต่างชาติ“ ในพระคัมภีร์มอรมอนหมายถึงอะไร?

คนต่างชาติ อาจหมายถึง “ประชาชาติต่างๆ ” ซึ่งจะกล่าวถึง (1) คนที่ไม่ใช่เชื้อสายแห่งอิสราเอล (2) คนที่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลหรือไม่มีพระกิตติคุณ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อสายของพวกเขา และ (3) คนที่ไม่ได้มาจากหรือไม่ได้อยู่ในแผ่นดินแห่งยูดาห์ ตัวอย่างเช่น ใน 1 นีไฟ 13:3–13 เรียกนักแสวงบุญและนักล่าอาณานิคมในพื้นที่ของทวีปอเมริกาว่าคนต่างชาติ ใน 1 นีไฟ 13:38 เรียกคนที่นำพระคัมภีร์มอรมอนออกมาว่าคนต่างชาติ คนต่างชาตินำพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาและพระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่าออกมาด้วย (ดู 1 นีไฟ 13:39; หลักคำสอนและพันธสัญญา 109:60)

1 นีไฟ 13:12 ผู้ที่อยู่ในนิมิตของนีไฟคือใคร?

ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899–1994) ระบุว่า คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นชายคนหนึ่งในบรรดาคนต่างชาติ:

พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจ “ชายผู้หนึ่งในบรรดาคนต่างชาติ” (1 นีไฟ 13:12) ผู้ซึ่งพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าทรงนำไปสู่การค้นพบแผ่นดินอเมริกาอีกครั้ง และนำแผ่นดินใหม่ที่อุดมสมบูรณ์นี้ไปสู่ความสนใจของผู้คนในยุโรป แน่นอนว่าชายผู้นั้นคือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้เป็นพยานว่าเขาได้รับการดลใจในสิ่งที่ทำ

“พระเจ้าของเรา” โคลัมบัสกล่าว “ทรงปลดเปลื้องความคิดของข้าพเจ้า ส่งข้าพเจ้าไปสู่ท้องทะเล และให้ข้าพเจ้ามีไฟในการกระทำนั้น บรรดาผู้ที่ได้ยินถึงเรื่องของข้าพเจ้า ต่างบอกว่าข้าพเจ้าโง่เขลา ทั้งเยาะเย้ย ทั้งหัวเราะเยาะ แต่จะมีใครบ้างที่สงสัยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจข้าพเจ้านั้นเป็นเรื่องจริง?” (Jacob Wasserman, Columbus, Don Quixote of the Seas, pp. 19–20) (The Teachings of Ezra Taft Benson [1988], 577)

1 นีไฟ 14:10 ศาสนจักรสองแห่งที่กล่าวถึงมีอะไรบ้าง?

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์กล่าวว่า “ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง” ที่นีไฟพูดถึงคือ “ปรัชญาหรือองค์กรใดก็ตามที่คัดค้านความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า และ ‘การเป็นเชลย’ ซึ่ง ‘ศาสนจักร’ นี้หมายมั่นนำวิสุทธิชนไปจะไม่ใช่การกักขังทางกายมากเท่ากับการเป็นเชลยของความคิดผิดๆ” (“ยืนเป็นพยานของพระผู้เป็นเจ้า” เลียโฮนา, มี.ค. 2015, 32)

พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพรแก่ผู้มีความชอบธรรมในยุคสุดท้ายอย่างไร?

เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า

พี่น้องทั้งหลาย เราอยู่ในยุคก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าที่ผู้เชื่อเฝ้ารอมานานหลายยุคหลายสมัย เราอยู่ในยุคของสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม ยุคของภัยธรรมชาติ ยุคที่โลกเกิดความสับสนและความโกลาหล

แต่เราอยู่ในเวลาอันเรืองโรจน์ของการฟื้นฟูเช่นกัน เมื่อนำพระกิตติคุณมาให้ชาวโลก—เวลาที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่า พระองค์ “จะยกผู้คนบริสุทธิ์ … ขึ้น [หลักคำสอนและพันธสัญญา 100:16] และจะทรงเตรียม “ความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า” ให้เป็นอาวุธของพวกเขา [1 นีไฟ 14:14]

เราปลาบปลื้มในวันเวลาเหล่านี้และสวดอ้อนวอนให้เราสามารถเผชิญความลำบากและความไม่แน่นอนอย่างกล้าหาญ (นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 119)

เราจะได้รับพรจากการเดินตามเส้นทางแห่งพันธสัญญาได้อย่างไร?

อ่าน ดู หรือฟังคำปราศรัยของเอ็ลเดอร์ ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันเรื่อง “เหตุใดจึงเป็นเส้นทางพันธสัญญา” (เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 116–119)

เหตุใดจึงเป็นเส้นทางพันธสัญญา

เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันอธิบายองค์ประกอบห้าประการที่บอกความหมายของการอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาและกระตุ้นให้เราเอาใจใส่การเรียกของศาสดาพยากรณ์ให้อยู่บนเส้นทาง