ค้บพบคุณค่าแห่งสวรรค์ของดิฉัน
ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
หลังจากพยายามยอมรับตนเองอยู่หลายปี ในที่สุดดิฉันก็ประสบปาฏิหาริย์ที่ช่วยให้เข้าใจคุณค่านิรันดร์ของตนเอง
ตั้งแต่เด็ก ดิฉันมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวกับการยอมรับตนเอง ตอนแรก ชื่อเล่นที่ได้รับเพราะน้ำหนักตัวดูเหมือนไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดิฉันเริ่มเชื่อว่าคำพูดในแง่ลบเกี่ยวกับรูปกายภายนอกของดิฉันมีความหมายในแง่ลบเกี่ยวกับบุคลิกภาพของดิฉันด้วย
สมัยเป็นวัยรุ่น ดิฉันเริ่มตระหนักว่า แม้ดิฉันจะชอบลักษณะทางกายของตนเอง แต่รูปร่างของดิฉันไม่ตรงกับความคาดหวังทางโลก ดิฉันชอบบุคลิกภาพเงียบๆ ของดิฉัน แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนคาดหวังจากดิฉันเช่นกัน—ครูต้องการให้ดิฉันพูดแสดงความเห็นในชั้นเรียน เพื่อนผู้ชายชอบผู้หญิงที่พูดมากกว่านี้ และมีคนบอกดิฉันบ่อยครั้งว่าดิฉันต้องเข้าสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่ คุณค่าในตนเองของดิฉันเริ่มลดลงทีละนิด
ช่วงวัยสาวดิฉันซึมเศร้า ไม่สบายใจกับร่างกายตนเอง และสงสัยว่าเหตุใดพระเจ้าไม่ทรงทำให้ดิฉันสวยสักหน่อยและน่าสนใจกว่านี้ ดิฉันพยายามลดน้ำหนักมากกว่าที่ควร และน่าแปลกตรงที่ยิ่งพยายามลด น้ำหนักยิ่งเพิ่ม การเป็นสาวโสด เก็บตัว และน้ำหนักเกินดูเหมือนจะส่อแววไม่ดี
ดิฉันรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจว่าดิฉันจะเป็นแบบนี้ต่อไปแม้ไม่มีวันลดน้ำหนักได้อย่างที่ต้องการหรือจะเข้าสังคมมากขึ้น ถึงแม้จะเลิกเกลียดตัวเองได้มากแล้ว แต่ก็ยังมองไม่เห็นว่าดิฉันเป็นธิดาที่สวยงามและมีค่าของพระผู้เป็นเจ้า ดิฉันไม่พยายามหาคุณค่าของตนเอง
แสงสว่างที่ดิฉันต้องการ
วันหนึ่งปาฏิหาริย์เกิดขึ้นขณะที่ดิฉันกำลังอ่านคำพูดของซิสเตอร์แมรี เอ็น. คุกภรรยาของเอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุกแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองจากการให้ข้อคิดทางวิญญาณทั่วโลกสำหรับคนหนุ่มสาวเดือนกันยายนปี 2016 เรื่อง “จงหาปีติทุกวันในชีวิต” ดิฉันอ่านว่า “เมื่อเรามายังโลกนี้ เรานำคุณลักษณะแห่งสวรรค์มาด้วยในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า คุณค่าส่วนบุคคลของเรามาจากสวรรค์” ดิฉันรู้สึกประหนึ่งความคิดเปิดรับแสงสว่างที่ดิฉันต้องการอย่างยิ่งแต่คิดว่าดิฉันจะไม่มีวันได้รับ ดิฉันตระหนักว่าดิฉันเคยรู้สึกประหนึ่งว่าคิดผิดที่ชอบตัวเองเพราะดิฉันไม่ได้สวยและมีค่าในแบบที่ควรจะเป็น เวลานี้ดิฉันพร้อมยอมรับว่าดิฉันชอบบุคลิกภาพเฉิ่มๆ และเก็บตัวของดิฉัน ชอบผมหยิกหยอง จมูกเหมือนมันฝรั่ง รอยยิ้มกว้าง และแม้กระทั่งรูปร่างอ้วนของดิฉันที่ยังอ้วนอย่างที่ดิฉันต้องการ ดิฉันเริ่มสำนึกคุณต่อการเป็นงานสร้างของพระผู้เป็นเจ้า ดิฉันเข้าใจในท้ายที่สุดว่าพระองค์ไม่ได้สร้างผิด
หลังจากประสบปัญหาทางกายและทางอารมณ์นานหลายปี ในที่สุดดิฉันก็เรียนรู้ความจริงอย่างหนึ่งที่อาจชัดเจนสำหรับหลายๆ คนว่า คุณค่าของดิฉันไม่เกี่ยวกับโลกนี้! คุณค่านั้นมาจากสวรรค์ อยู่กับดิฉันตลอดมา แม้ดิฉันจะมองไม่เห็น ไม่ได้ตัดสินจากสื่อ จากเพื่อนวัยเดียวกัน หรือจากใครก็ตาม แต่จากพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเห็นดิฉันมีค่ามากพอที่จะให้พระผู้ช่วยให้รอดสิ้นพระชนม์เพื่อดิฉัน
รากฐานในพระคริสต์
การเรียนรู้จากพระวิญญาณเกี่ยวกับคุณค่าของดิฉันในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าเปลี่ยนดิฉันในหลายๆ ด้าน ดิฉันตกหลุมรักชีวิตอีกครั้ง ดิฉันรู้สึกสำนึกคุณมากขึ้นต่อพรนับไม่ถ้วน ดิฉันรู้สึกปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพยายามทำสิ่งถูกต้องมากขึ้น เชื่อในตนเองและในความฝันของดิฉันมากขึ้น นั่นทำให้ดิฉันต้องการเป็นคนอ่อนโยนและอดทนกับคนรอบข้างมากขึ้น นำดิฉันให้ใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น
เสียงของโลกเพรียกหาและตัดสิน แต่ตอนนี้ดิฉันมีความรู้แน่ชัดเกี่ยวกับคุณค่าของตนเองที่ดิฉันไม่ต้องการลืม ความรู้นั้นทำให้ดิฉันเกิดสันติสุขและปีติที่ดิฉันต้องการแบ่งปันให้ทุกคนที่พบ ดิฉันเรียนรู้ผ่านคำพูดให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งนั้นว่าคุณค่าในตนเองและความเชื่อมั่นในตนเองของดิฉันต้องมีรากฐานมั่นคงในพระคริสต์ทั้งนี้ “เพื่อเมื่อมารจะส่งลมอันมีกำลังแรงของเขามา, แท้จริงแล้ว, ลูกศรของเขาในลมหมุน, แท้จริงแล้ว, เมื่อลูกเห็บของเขาและพายุอันมีกำลังแรงของเขาทั้งหมดจะกระหน่ำมาบน [ดิฉัน], มันจะไม่มีพลังเหนือ [ดิฉัน] เพื่อลากเอา [ดิฉัน] ลงไปสู่ห้วงแห่งความเศร้าหมองและวิบัติอันหาได้สิ้นสุดไม่, เพราะศิลาซึ่งบนนั้น [ดิฉัน] ได้รับการสร้างขึ้น, ซึ่งเป็นรากฐานอันแน่นอน, รากฐานซึ่งหากมนุษย์จะสร้างบนนั้นแล้วพวกเขาจะตกไม่ได้” (ฮีลามัน 5:12)
ดิฉันสำนึกคุณต่อพระเจ้าและคุณค่านิรันดร์ที่พระองค์ทรงมองเห็นในเราทุกคน ดิฉันสำนึกคุณต่อสตรีที่ได้รับการดลใจเช่นซิสเตอร์คุกผู้พยายามดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและแบ่งปันปัญญาของพระกิตติคุณ ดิฉันสำนึกคุณต่อชีวิตนี้ ต่อปาฏิหาริย์ของร่างกายและสมอง ต่อคุณค่าแห่งสวรรค์ในตัวเราแต่ละคน