เมื่อความชั่วดูเหมือนความดี และความดีดูเหมือนความชั่ว
จากคำปราศรัยให้ข้อคิดทางวิญญาณเรื่อง “A Banquet of Consequences: The Cumulative Result of All Choices” ที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 ดูบทความเต็มเป็นภาษาอังกฤษได้ที่ speeches.byu.edu
วิธีที่ปฏิปักษ์พยายามบิดเบือนลักษณะและบ่อนทำลายพรของการดำเนินชีวิตตามแผนของพระบิดา
มุมเจ้าเล่ห์ที่สุดมุมหนึ่งของปฏิปักษ์ในการพยายามขัดขวางแผนแห่งความสุขของพระบิดาในสวรรค์คือคำสอนปลิ้นปล้อนของเขาที่ว่าไม่มีอิทธิพลชั่วหรือมาร (ดู 2 นีไฟ 28:22) และการที่เขาพยายามเปลี่ยนนิยามความชั่วเป็นความดีและความดีเป็นความชั่ว ความมืดเป็นความสว่างและความสว่างเป็นความมืด ขมเป็นหวานและหวานเป็นขม (ดู 2 นีไฟ 15:20)
บางครั้งเรียกสิ่งนี้ว่าการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์—“เมื่อวิธีการคิดหรือการทำบางสิ่งที่ปรกติถูกแทนที่ด้วยวิธีใหม่และไม่เหมือนเดิม”1 ด้วยเหตุนี้จึงเห็นสิ่งต่างๆ ตรงกันข้ามกับที่เป็นจริง ในนวนิยายอมตะเรื่อง The Screwtape Letters ซี.เอส.ลิวอิสเขียนจากมุมมองของมารอาวุโส ลิวอิสสับเปลี่ยนค่านิยมดั้งเดิมโดยใช้ถ้อยคำประชดประชันเพื่อทำให้ความชั่วดูเหมือนความดีและความดีดูเหมือนความชั่ว2
เช่นเดียวกัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนข้าพเจ้ามีการพบปะพูดคุยที่ก่อให้เกิดประเด็นโต้แย้งกับผู้ชำนาญการโฆษณาคนหนึ่งที่นานาประเทศยกย่อง เราสนทนากันเรื่องอิทธิพลของความชั่วและผลของการเลือกที่ไม่ดี
เขานึกภาพเรื่องสมมติที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งซึ่งลูซิเฟอร์กำลังประชุมกับบริษัทตัวแทนโฆษณา ปฏิปักษ์บรรยายสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตนว่า เขากับผู้ติดตามเขากบฏและไม่ยอมรับแผนของพระบิดา และเข้าใจว่าพวกเขาไม่สามารถชนะพระผู้เป็นเจ้าได้ ลูซิเฟอร์เข้าใจว่าขณะที่แผนของพระบิดาเกี่ยวข้องกับปีติและความสุข แต่แผนของเขาส่งผลให้เกิดความทุกข์และความเศร้าหมอง ลูซิเฟอร์อธิบายให้ผู้บริหารโฆษณาฟังว่า ปัญหาคือจะดึงดูดผู้ติดตามอย่างไร
เป็นอันว่าความหวังเดียวที่ลูซิเฟอร์จะประสบผลสำเร็จคือปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือบิดเบือนค่านิยม—อีกนัยหนึ่งคือ ทำให้แผนของพระบิดาเกิดความทุกข์และความเศร้าหมอง และทำให้แผนของซาตานเกิดปีติและความสุข
การประชุมสมมติครั้งนี้มีจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์ ความจริงคือศัตรูผู้เป็นอริต่อแผนพระบิดาไม่เพียงพยายามบ่อนทำลายหลักคำสอนและหลักธรรมของแผนเท่านั้น แต่พวกเขาพยายามบิดเบือนลักษณะของพรที่มาจากแผนด้วย ความพยายามในเบื้องต้นของพวกเขาคือทำให้สิ่งที่ดี ชอบธรรม และเปี่ยมปีติดูเหมือนเศร้าหมอง
ข้าพเจ้าจะพูดถึงความพยายามบางอย่างของปฏิปักษ์เพื่อบิดเบือนลักษณะและบ่อนทำลายพรของการดำเนินชีวิตตามแผนของพระบิดา
พระคำแห่งปัญญา
ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเห็นชีวิตเพื่อนหลายคนของข้าพเจ้าตกอับและบางครั้งถูกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำลาย การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เพียงเกี่ยวกับหลักคำสอนของศาสนจักรเท่านั้น แต่เกี่ยวกับสุขภาพและความสุขของทุกคนด้วย วิสุทธิชนยุคสุดท้ายสามารถเป็นเสียงสำคัญในการให้ความรู้แก่สังคมเกี่ยวกับผลของปัญหานี้
ในแผนของพระบิดา พระคำแห่งปัญญา—ที่ประทานให้เพราะ “ความชั่วและแผน … [ของ] คนช่างคบคิด”—ให้หลักธรรมด้านสุขภาพ “ปรับให้เข้ากับความสามารถของคนอ่อนแอและคนอ่อนแอที่สุดจากวิสุทธิชนทั้งปวง” อีกทั้งอรรถาธิบายรายละเอียด รวมทั้งบอกว่า “เหล้าองุ่นหรือเครื่องดื่มแรง [เครื่องดื่มแอลกอฮอล์] … ไม่ดี” ยาสูบและเครื่องดื่มร้อน (ชาและกาแฟ) “มิใช่สำหรับร่างกาย” (คพ. 89:4, 3, 5, 8–9)
การเปิดเผยนี้สนับสนุนหลักปฏิบัติที่ดีต่อสุขภาพพร้อมคำสัญญา ซึ่งสัญญาว่าคนที่ดำเนินอยู่ในการเชื่อฟังพระบัญชาดังกล่าว “จะได้รับพลานามัย … และจะพบปัญญาและขุมทรัพย์แห่งความรู้” (คพ. 89:18–19)3
ผู้สนับสนุนยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แสดงให้เห็นการบิดเบือนที่ปฏิปักษ์ใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน
กระนั้นแม้แต่บริษัทโฆษณาที่สร้างเรื่องราวสมมติก็ยังทำให้การใช้ยาสูบเป็นเรื่องดีได้ยากในทุกวันนี้ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ (1805–1844) ได้รับพระคำแห่งปัญญาโดยการเปิดเผยในปี 1833 ในปี 1921 ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ (1856–1945) ได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้ขอร้องวิสุทธิชนทุกคนดำเนินชีวิตตามพระคำแห่งปัญญาอย่างครบถ้วนมากขึ้น4 เวลานั้น การตลาดรวมทั้งความมีเสน่ห์ชวนฝันในภาพยนตร์ทำให้การสูบบุหรี่ดูทันสมัย เจนโลก และสนุก จนกระทั่งในปี 1964 อีก 43 ปีต่อมา กรมการแพทย์ทหารของสหรัฐสรุปว่า “การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและมีความสำคัญมากพอที่สหรัฐจะดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม”5
สถิติปัจจุบันเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ไม่มีใครโต้แย้ง คนสูบมีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน และมะเร็งปอดมากกว่าคนไม่สูบ ประมาณการว่าการสูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 25 เท่า6
ดังนั้นสิ่งที่ปฏิปักษ์แสดงให้เห็นว่าทันสมัย เจนโลก และสนุก แท้จริงแล้วส่งผลให้หลายล้านคนเกิดความทุกข์และสิ้นชีวิตในท้ายที่สุด
งานวิจัยชิ้นนี้มีข้อคิดสำคัญสามประการ หนึ่ง ความสุขของผู้ใหญ่สัมพันธ์กันมากกับความสุขวัยเด็กในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักและความอาทรจากพ่อแม่7 สองคือความสำคัญของชีวิตสมรสที่สมบูรณ์มั่นคงต่อความสุขชั่วชีวิต8 สามคือผลเสียของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อความสำเร็จและความสุขในชีวิตสมรสและชั่วชีวิต การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อครอบครัวหนึ่งในสามของสหรัฐและเกี่ยวพันกับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหนึ่งในสี่ ทั้งยังมีบทบาทค่อนข้างมากในการสิ้นชีวิต สุขภาพย่ำแย่ และความสำเร็จที่ลดน้อยลง9
บทความขึ้นปก Washington Post เมื่อเร็วๆ นี้ที่อ้างอิงกับข้อมูลสุขภาพของสำนักงานกลางสหรัฐรายงานว่า “สตรีในอเมริกาดื่มมากกว่าและบ่อยกว่ามารดาหรือย่ายายของพวกเธอ และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฆ่าพวกเธอมากเป็นประวัติการณ์” บทความสรุปว่า “วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในปัจจุบันไม่สนับสนุนประโยชน์ที่อ้างว่าได้จากการดื่มพอเหมาะพอดี” และ “ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากมะเร็งดูเหมือนจะสูงตามระดับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”10
ในสามสี่ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลกพยายามลดการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะเชื่อมโยงกับพฤติกรรมต่อต้านสังคมขั้นรุนแรง รวมทั้งการล่วงละเมิดทางเพศและปัญหาสุขภาพร้ายแรง โดยเฉพาะจากการดื่มมากเกินไป เวลานี้ผลกระทบร้ายแรงของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อสมองเด็กมีหลักฐานทางการแพทย์ชัดเจน11
ขณะยกปัญหาด้านสุขภาพขึ้นกล่าว ข้าพเจ้าไม่ได้พยายามจำแนกผลร้ายแรงอื่นๆ ของการใช้แอลกอฮอล์ เช่น อุบัติเหตุขณะขับรถด้วยความมึนเมา ผู้ชายพยายามล่วงละเมิดทางร่างกายและทางเพศเพราะขาดสติเนื่องจากใช้แอลกอฮอล์ และผลต่อสมองของทารกในครรภ์เพราะสตรีใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์12
ปัจจุบันเราเห็นกลุ่มคนชั่วร้ายกำลังผลักดันการเสพกัญชาเพื่อความเพลิดเพลินให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายประหนึ่งการสูบบุหรี่ การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการระบาดของฝิ่น13 ยังไม่เป็นภัยต่อสังคมมากพอ
การเลือกในครอบครัว
การเลือกในครอบครัวมีรูปแบบคล้ายกัน ในแผนของพระบิดาอธิบายบทบาทของครอบครัวไว้อย่างชัดเจน
ใน “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” เราอ่านได้ว่า “ครอบครัวได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า การแต่งงานระหว่างชายและหญิงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อแผนนิรันดร์ของพระองค์ เด็กมีสิทธิ์ถือกำเนิดภายในพันธะของการสมรสและได้รับการเลี้ยงดูจากบิดามารดาที่รักษาคำปฏิญาณของการแต่งงานด้วยความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ความสุขในชีวิตครอบครัวส่วนมากจะสำเร็จได้เมื่อมีพื้นฐานบนคำสอนของพระเจ้าพระเยซูคริสต์”14
การป่าวประกาศทางเลือกที่ขัดกับแผนดังกล่าวโดยตรงและไม่เอื้อต่อชีวิตสมรสและครอบครัวถือเป็นเรื่องปรกติธรรมดามากในโลกทุกวันนี้ ในการปรับเปลี่ยนอีกกระบวนทัศน์หนึ่ง เช่น
• การให้ชายและหญิงเลือกให้การศึกษาและอาชีพมาก่อนการแต่งงานและครอบครัว
• การเจตนาเลือกไม่มีบุตรหรือมีบุตรน้อย15 หรือสิ้นสุดการตั้งครรภ์เมื่อไม่สะดวก
• การเลือกประพฤติผิดศีลธรรมแทนสถาบันศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงาน
เป้าหมายของปฏิปักษ์คือสตรีและป้ายสีว่าการเป็นมารดาเป็นทางตันของงานน่าเบื่อ ส่วนเป้าหมายที่มุ่งไปยังผู้ชาย เขาบอกว่าการเป็นบิดาไม่สำคัญและความซื่อสัตย์ภักดีเป็นเรื่อง “ล้าสมัย” ความหมางเมินและการปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมือนวัตถุเพราะสื่อลามกเป็นเหตุคือตัวอย่างของการให้ความประพฤติผิดศีลธรรมเข้ามาแทนที่สถาบันศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงาน ทั้งหมดนี้ยืนยันการหันเหอันน่ากลัวไปจากความจริงและความชอบธรรมที่ปฏิปักษ์แสวงหา
ทางเลือกที่ไม่เหมาะสมถูกเบี่ยงเบนว่าเหมาะสมในการช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางโลกของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ผลของการเลือกเช่นนั้น จำนวนเฉลี่ยของเด็กที่หญิงคนหนึ่งจะให้กำเนิดในช่วงชีวิตเธอจึงลดลงอย่างน่าใจหาย ประมาณกันว่า 46 เปอร์เซ็นต์ของมนุษย์โลกอยู่ในประเทศที่อัตราการเกิดต่ำกว่า 2.1—อัตราที่จำเป็นต่อการทำให้ประชากรคงที่ ประเทศส่วนใหญ่แถบยุโรปและเอเชียต่ำกว่าระดับนี้ อิตาลีและญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดประมาณ 1.3 คาดว่าประชากรญี่ปุ่นจะลดจาก 120 ล้านคนเหลือ 100 ล้านคนภายในปี 205016
บางคนเรียกจำนวนประชากรที่ลดลงทั่วโลกว่า “เหมันต์ด้านประชากรศาสตร์”17 หลายประเทศมีเด็กไม่พอทดแทนรุ่นที่ใกล้สิ้นชีวิต
ข้าพเจ้าขอแบ่งปันความเป็นจริงอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ากังวลมาก ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ที่จริงจังในเยรูซาเล็มปี 2016 ที่ Children’s Memorial (อนุสรณ์สถานของเด็ก) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ World Holocaust Remembrance Center (ศูนย์รำลึกการสังหารหมู่ของโลก) เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกับข้าพเจ้าพร้อมด้วยผู้นำชาวยิวอเมริกันสองคนวางพวงหรีดไว้อาลัย เชื่อกันว่าเด็กชาวยิวกว่าหนึ่งล้านคนเสียชีวิตระหว่างการสังหารหมู่18
ขณะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ข้าพเจ้ารู้สึกสะเทือนใจ ข้าพเจ้ายืนอยู่ด้านนอกเพื่อสงบจิตสงบใจขณะหวนนึกถึงความน่าสยดสยองของประสบการณ์ดังกล่าวและนึกขึ้นได้ทันทีว่าเฉพาะในสหรัฐมีการทำแท้งทุกสองปีมากเท่าจำนวนเด็กชาวยิวที่เสียชีวิตในการสังหารหมู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง19
เด็กชาวยิวถูกสังหารเพราะพวกเขาเป็นยิว และไม่มีการกระทำเยี่ยงนี้ในประวัติศาสตร์ทั้งหมด แต่ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บปวดมากกับการสูญเสียเด็ก การนำเด็กเข้ามาในโลกเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์ในแผนแห่งความสุขของพระบิดาในสวรรค์ของเรา เราด้านชาและเกรงกลัวอันสืบเนื่องจากการทำแท้งอย่างกว้างขวางจนพวกเราหลายคนไม่ยินดียินร้ายและไม่รับรู้ เห็นชัดว่าปฏิปักษ์กำลังโจมตีคุณค่าของเด็กในหลายระดับ
เราจำเป็นต้องจัดการเรื่องการทำแท้งอย่างระมัดระวัง นี่เป็นปัญหาที่การตัดสินลงโทษส่วนตัวหรือข้อกล่าวหาจากผู้พิพากษาไม่น่าจะแก้ไขได้ มีคนเตือนว่าอย่าตัดสินเรือ—หรือชายหรือหญิง—โดยไม่เข้าใจระยะทางเดินเรือและมรสุมที่เผชิญ20 ข้าพเจ้าขอเสริมว่า คนจำนวนมากผู้มีส่วนในความประพฤติอันน่ารันทดใจนี้ไม่มีประจักษ์พยานในพระผู้ช่วยให้รอดหรือความรู้เรื่องแผนของพระบิดา
แต่สำหรับคนที่เชื่อว่าเราต้องชี้แจงต่อพระผู้เป็นเจ้า—และแม้สำหรับหลายคนที่นับถือศาสนาต่างจากเรา—นี่เป็นเรื่องเศร้าเหลือเกิน เมื่อท่านรวมการทำแท้งเข้ากับเหมันต์ด้านประชากรศาสตร์ที่เราเพิ่งสำรวจ ทั้งหมดนี้เป็นมลทินทางศีลธรรมขั้นรุนแรงของสังคมเรา
ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ (1895–1985) สอนว่า “องค์ประกอบหลักที่ส่งผลมหาศาลต่อความสุขสูงสุดของชีวิตแต่งงาน—คือการให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตร … ศาสนจักรไม่สามารถเห็นชอบหรือไม่เอาผิด … มาตรการซึ่ง … จำกัดครอบครัวอย่างมาก”21
เกี่ยวกับจำนวนและระยะห่างของการมีบุตร พึงคำนึงถึงสุขภาพของมารดา และสามีภรรยาควรทำการตัดสินใจร่วมกับการสวดอ้อนวอน22 คนนอกไม่ควรตัดสินการตัดสินใจเช่นนั้น วิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์บางคนไม่สามารถมีบุตรได้หรืออาจไม่มีโอกาสแต่งงาน พวกเขาจะได้รับพรทุกประการที่การพิพากษาครั้งสุดท้าย23
อย่างไรก็ตาม ลูซิเฟอร์สนับสนุนการทำแท้งและการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์อันน่ากลัวทำให้คนจำนวนมากเชื่อมั่นว่าเด็กทำให้เสียโอกาสและมีความทุกข์แทนที่จะมีปีติและความสุข
ในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เราต้องอยู่แนวหน้าสุดของการเปลี่ยนแปลงจิตใจและความคิดในเรื่องความสำคัญของเด็ก การโจมตีครอบครัวที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดถึงสุดท้ายแล้วส่งผลให้เกิดความทุกข์โศกและความเศร้าหมอง
พระเจ้าทรงประกาศว่างานของพระองค์และรัศมีภาพของพระองค์คือ “ทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์” (โมเสส 1:39) แผนได้รับการสถาปนาผ่านครอบครัว สมาชิกครอบครัวทุกคนสำคัญ และบทบาทของพวกเขาสวยงาม มีเกียรติ และสมบูรณ์
ถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวบอกชัดเจนเกี่ยวกับผลของการเลือกที่ไม่สอดคล้องกับแผนของพระบิดา อีกทั้งประกาศอย่างชัดเจนไม่คลุมเครือว่า “เราเตือนว่าการแตกสลายของครอบครัวจะนำภัยพิบัติมาสู่ตัวบุคคล ประชาคม และประชาชาติดังที่ศาสดาพยากรณ์ในสมัยโบราณและปัจจุบันพยากรณ์ไว้”24
อรรถาธิบายการพิพากษาครั้งสุดท้ายและผลสะสมของการเลือกที่ไม่สอดคล้องกับแผนแห่งความสุขของพระบิดาได้อย่างชัดเจน
ในชีวิตสมรสทั้งหมดและในการเลี้ยงดูบุตรธิดา มีความท้าทายและการเสียสละ แต่รางวัลทั้งในชีวิตนี้และในนิรันดรสวยงามอย่างน่าทึ่ง รางวัลเหล่านั้นมาจากพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักเรา
รุ่งเรืองในแผ่นดิน
ข้อพระคัมภีร์ที่คุ้นเคยทั่วพระคัมภีร์มอรมอนมีสองส่วน ส่วนแรกอ่านได้ว่า “ตราบเท่าที่ลูกจะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าลูกจะรุ่งเรืองอยู่ในแผ่นดิน” ส่วนที่สองอ่านได้ว่า “ตราบเท่าที่ลูกจะไม่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าลูกจะถูกตัดขาดจากที่ประทับของพระองค์” (ดูตัวอย่างใน แอลมา 36:30) เห็นชัดว่าการมีพรของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเชื่อฟังเป็นองค์ประกอบหลักของการรุ่งเรืองในแผ่นดิน
นอกจากนี้ คำสอนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรถือว่าการมีเพียงพอกับความต้องการของเราเป็นมาตรวัดความรุ่งเรืองทางโลกได้ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของลูซิเฟอร์ในเรื่องนี้คือยกระดับการแสวงหาความมั่งคั่งและการได้ของฟุ่มเฟือยที่มองเห็นได้ง่ายมาก ดูเหมือนบางคนหมกมุ่นกับการทำให้ตนมีวิถีชีวิตแบบคนมั่งคั่งและมีชื่อเสียง ความมั่งคั่งเกินเหตุไม่ได้สัญญากับสมาชิกที่ซื่อสัตย์ ทั้งไม่นำความสุขมาให้แต่อย่างใด
วิสุทธิชนยุคสุดท้ายเคยรุ่งเรืองมาแล้ว หลักการเงินที่ชาญฉลาดมีดังนี้
• แสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าก่อน
• ทำงาน วางแผน และใช้จ่ายอย่างฉลาด
• วางแผนเผื่ออนาคต
• ใช้ความมั่งคั่งเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
วัตถุประสงค์ของลูซิเฟอร์
นอกจากจะบอกว่าพรเป็นความเศร้าหมองแล้ว ลูซิเฟอร์ยังหมายมั่นทำลายแผนของพระบิดาอย่างลับๆ และทำลายศรัทธาในพระเยซูคริสต์และหลักคำสอนของพระองค์ด้วย ไม่เคยมีการประกาศโจมตีพระคัมภีร์ไบเบิลและความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ในชั่วชีวิตข้าพเจ้ามากเท่าปัจจุบัน ดังที่พระคัมภีร์ทำนายไว้ ลูซิเฟอร์กำลังใช้แผนสารพัดอย่างเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว
แผนหนึ่งคือปฏิปักษ์ชักนำให้เราหลงผิด อีกแผนหนึ่งคือเป็นทหารรับจ้างคนหนึ่งของเขา เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์ (1926–2004) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวไว้อย่างจับใจว่า “น่าเศร้าเหลือเกินที่คนจำนวนมากเป็นทหารรับจ้างของปฏิปักษ์ … และ … ถูกซื้อตัวด้วยราคาต่ำมาก สถานภาพเล็กน้อย เงินนิดหน่อย คำเยินยอสักหน่อย ชื่อเสียงสักนิด พวกเขาก็เต็มใจทำตามคำสั่งของคนที่สามารถมอบ ‘รางวัล’ ชั่วแล่นทุกประเภทแต่ไม่มีเงินตราซีเลสเชียล”25
ไม่น่าจะมีตัวอย่างใดแสดงให้เห็นผลของการเป็นทหารรับจ้างได้ดีกว่านิมิตของลีไฮเกี่ยวกับต้นไม้แห่งชีวิตและอาคารใหญ่และกว้างในพระคัมภีร์มอรมอน คนในอาคารชี้นิ้วมาที่คนยึดราวเหล็กและแม้กระทั่งรับส่วนผลของต้นไม้นั้นแล้ว คนรับส่วน “มีความละอาย, อันเนื่องมาจากผู้ซึ่งกำลังเยาะเย้ยพวกเขาอยู่; และพวกเขาตกลงไปในทางที่ต้องห้ามและหายไป” (1 นีไฟ 8:27–28)
ด้วยเหตุนี้ การเลือกที่ไม่ดีจึงส่งผลขม เหม็นเน่า น่าสะอิดสะเอียน และน่าสังเวช
ลองเปรียบเทียบสิ่งนี้กับผลอันน่ายินดีที่สัญญาไว้กับท่านที่ซื่อสัตย์ ท่านจะ “เปี่ยมด้วยรัศมีภาพของพระเจ้า” และ “ถูกพระวิญญาณชำระให้บริสุทธิ์จนถึงการทำให้ร่างกาย [ของท่าน] ใหม่อีกครั้ง” และทั้งหมดที่พระบิดามีจะประทานแก่ท่าน (คพ. 84:32, 33; ดู ข้อ 34–38 ด้วย)
ในการพิพากษาครั้งสุดท้าย อาหารทางวิญญาณที่เราดื่มด่ำจะอร่อย มีรสชาติ หอมหวาน ชุ่มฉ่ำ บำรุงเลี้ยง อิ่มเอม และจะทำให้ใจเราชื่นชมยินดี เมื่อเรา “มาเฝ้าพระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล, และดื่มด่ำสิ่งที่ไม่เสื่อมถอย, ทั้งเน่าเปื่อยไม่ได้” (2 นีไฟ 9:51) เราจะสามารถเดินไปตามทางแคบและวิถีคับแคบที่จะนำเราไปหาพระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล “เพราะพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าคือพระนามของพระองค์” (2 นีไฟ 9:41)