2020
ความจริงแปดประการจากนิมิตแรก
กุมภาพันธ์ 2020


ความจริงแปด ประการจากนิมิตแรก

ภาพ
illustration of the First Vision

ภาพประกอบโดย คริสโตเฟอร์ วอร์เมลล์

เช้าวันที่แจ่มใสของฤดูใบไม้ผลิเมื่อสองร้อยปีก่อนในชนบททางตอนเหนือของนิวยอร์ก ในป่าเงียบสงัด พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏต่อเด็กหนุ่มโจเซฟ สมิธ เหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้ยุติความไม่แน่ใจและการคาดเดานานหลายศตวรรษเกี่ยวกับพระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้า ความจำเป็นของการเปิดเผยต่อเนื่อง และความจริงนิรันดร์อื่นๆ ที่หลงลืมมานานหรือถูกความมืดทางวิญญาณบดบัง

ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์ (1920–2007) ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดผู้เรียกนิมิตแรกว่าเป็น “เหตุการณ์พิเศษสุดที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกตั้งแต่การฟื้นคืนพระชนม์” ได้สรุปความจริงแปดประการที่เหตุการณ์อันน่าทึ่งนี้นำกลับมาแผ่นดินโลก1 ขณะที่เราฉลองครบรอบ 200 ปี ของนิมิตแรกขอให้เราพิจารณาความจริงเหล่านี้และประจักษ์พยานมากมายของศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันผู้ให้พยานไม่เฉพาะความเป็นจริงของนิมิตแรกเท่านั้นแต่ถึงความจริงที่นิมิตแรกเปิดเผยด้วย

1. พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาของเราทรงดำรงอยู่ และทรงสร้างชายหญิงตามรูปลักษณ์ของพระองค์

“โจเซฟ สมิธเรียนรู้ในนาทีเหล่านั้น [ของนิมิตแรก] ไม่ว่าจะนานหรือชั่วครู่ เกี่ยวกับพระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้ามากกว่านักศาสนศาสตร์ที่รอบรู้ทั้งหลายของทุกยุคสมัยเคยเรียนรู้” —ประธาน กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ (1910–2008)2

“พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงมีพระกรรณไว้ฟังคำสวดอ้อนวอนของเรา พระองค์ทรงมีพระเนตรไว้ดูการกระทำของเรา พระองค์ทรงมีพระโอษฐ์ไว้ตรัสกับเรา พระองค์ทรงมีพระหทัยไว้รู้สึกเห็นใจและรักเรา พระองค์ทรงดำรงอยู่จริง พระองค์ทรงพระชนม์ เราเป็นบุตรธิดาของพระองค์ ได้รับการสร้างตามรูปลักษณ์ของพระองค์” —ประธาน โธมัส เอส. มอนสัน (1927–2018)3

2. พระเยซูทรงเป็นพระอติรูป แยกจากและแตกต่างจากพระบิดา

“ในนิมิตแรก โจเซฟ สมิธเห็นพระอติรูปที่แตกต่างกันสองพระองค์ พระสัตภาวะสองพระองค์ จึงทำให้เข้าใจชัดเจนว่าความเชื่อที่มีอยู่สมัยนั้นเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ไม่เป็นความจริง

“ตรงข้ามกับความเชื่อที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงลี้ลับเกินกว่าจะเข้าใจได้และไม่อาจรู้ได้ คือความจริงที่ว่าพระลักษณะแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าและความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์เป็นที่รู้ได้และเป็นกุญแจสู่ทุกสิ่งทุกอย่างในหลักคำสอนของเรา” —ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด4

ภาพ
First Vision

3. พระบิดาทรงประกาศว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระองค์

“เราแสดงประจักษ์พยานในฐานะอัครสาวกที่ได้การแต่งตั้งอย่างถูกต้องของพระองค์—ว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ พระบุตรผู้ทรงเป็นอมตะของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์อิมมานูเอลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งทุกวันนี้ทรงยืนอยู่ ณ เบื้องขวาพระหัตถ์พระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นความสว่าง ทรงเป็นชีวิต และความหวังของโลก ทางของพระองค์คือเส้นทางที่นำไปสู่ความสุขในชีวิตนี้และชีวิตนิรันดร์ในโลกที่จะมาถึง” —“พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก”5

4. พระเยซูทรงเป็นผู้ถ่ายทอดการเปิดเผยตามที่สอนในพระคัมภีร์ไบเบิล

“การเปิดเผยทั้งหมดตั้งแต่การตกล้วนผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเยโฮวาห์แห่งพันธสัญญาเดิม … พระบิดา [เอโลฮิม] ไม่เคยติดต่อกับมนุษย์โดยตรงและเป็นส่วนพระองค์ตั้งแต่การตก และพระองค์ไม่เคยปรากฏองค์ยกเว้นเพื่อแนะนำและเป็นพยานถึงพระบุตร” —ประธาน โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ (1876–1972)6

5. คำสัญญาของยากอบให้ทูลขอปัญญาจากพระผู้เป็นเจ้าเกิดสัมฤทธิผล

“ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธวางแบบแผนให้เราทำตามในการแก้ไขปัญหาของเรา เพราะคำสัญญาของยากอบที่ว่าถ้าเราขาดปัญญาให้เราทูลขอพระผู้เป็นเจ้า เด็กหนุ่มโจเซฟจึงนำคำถามนี้ไปทูลถามพระบิดาบนสวรรค์โดยตรง …

“ในทำนองเดียวกัน การแสวงหาของท่านจะเปิดอะไรให้ท่าน? ท่านขาดปัญญาเรื่องใด? ท่านรู้สึกว่าท่านต้องรู้หรือเข้าใจอะไรโดยด่วน? จงทำตามแบบอย่างของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ หาที่เงียบๆ ที่ท่านจะไปเป็นประจำได้ นอบน้อมถ่อมตนต่อพระผู้เป็นเจ้า ระบายความในใจต่อพระบิดาบนสวรรค์ของท่าน หันไปขอคำตอบและการปลอบโยนจากพระองค์” —ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน7

ภาพ
bible

6. โจเซฟเรียนรู้การดำรงอยู่จริงของสัตภาวะหนึ่งจากโลกที่มองไม่เห็นผู้พยายามทำลายท่าน

“ซาตานหรือลูซิเฟอร์หรือบิดาแห่งความเท็จ—ไม่ว่าท่านจะเรียกชื่อเขาอย่างไร—มีอยู่จริง เป็นตัวตนของความชั่วร้าย เจตนาของเขาคือความมุ่งร้ายทุกอย่าง และเขาตัวสั่นเมื่อแสงสว่างแห่งการไถ่ปรากฏทันทีที่นึกถึงความจริง … เขาต่อต้านความรักของพระผู้เป็นเจ้า การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ และงานแห่งสันติสุขและความรอดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาจะต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ทุกเมื่อ ทุกที่ที่เขาทำได้” —เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง8

7. มีการตกไปจากศาสนจักรที่พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนา—พระองค์รับสั่งไม่ให้โจเซฟนับถือนิกายใดเพราะนิกายเหล่านั้นสอนหลักคำสอนของมนุษย์

“การละทิ้งความเชื่อหรือการตกไปจากศาสนจักรดั้งเดิมที่พระเจ้าทรงจัดตั้ง … เป็นเรื่องที่ผู้มีส่วนช่วยสถาปนาศาสนจักรตั้งแต่แรกพยากรณ์ไว้ เปาโลเขียนถึงคริสต์ศาสนิกชนชาวเธสะโลนิกาผู้เฝ้ารอการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอดด้วยความกระตือรือร้นว่า ‘วันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการกบฏเสียก่อน’ (2 เธสะโลนิกา 2:3)” —ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด รักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง9

8. โจเซฟ สมิธกลายเป็นพยานสำหรับพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์

“ประจักษ์พยานของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับพระเยซูคือพระองค์ทรงพระชนม์ ‘เพราะ [ท่าน] เห็นพระองค์, แม้ทางพระหัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้า; และ [ท่าน] ได้ยินเสียงรับสั่งคำพยานว่าพระองค์ทรงเป็นพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระบิดา’ (คพ. 76:23; ดู ข้อ 22 ด้วย) ข้าพเจ้าขอให้ทุกท่านที่ได้ยินหรืออ่านข่าวสารนี้แสวงหาพยานเดียวกันถึงพระลักษณะของความเป็นพระผู้เป็นเจ้า การชดใช้ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ผ่านการสวดอ้อนวอนและการศึกษาพระคัมภีร์”—เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน10

อ้างอิง

  1. เจมส์ อี. เฟาสท์, “The Magnificent Vision Near Palmyra,” Ensign, May 1984, 67.

  2. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “Inspirational Thoughts,” Ensign, Aug. 1997, 3.

  3. โธมัส เอส. มอนสัน, “I Know That My Redeemer Lives,” ใน Conference Report, Apr. 1966, 63.

  4. ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์กับแผนแห่งความรอด,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 100.

  5. “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, ปกหน้าด้านใน.

  6. โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ, Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie (1955), 1:27.

  7. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน,“การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 95.

  8. เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “เราผองต้องถูกเกณฑ์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 56.

  9. เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “เราเป็นอย่างไรกันบ้าง” เลียโฮนา, ก.ค. 2000, 41.

  10. ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “หลักคำสอนของพระคริสต์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2012, 89.

พิมพ์