2022
เปลี่ยน “ทำไม” ของดิฉันเป็น “อย่างไร”
พฤษภาคม 2022


ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาว

เปลี่ยน “ทำไม” ของดิฉันเป็น “อย่างไร”

ในช่วงการทดลองที่ยากที่สุดครั้งหนึ่ง การเปลี่ยนมุมมองช่วยดิฉันเสริมสร้างศรัทธาของตนเอง

หลังจากสองสามสัปดาห์ที่ยากในช่วงเป็นผู้สอนศาสนาใหม่ในออสเตรเลีย ดิฉันเริ่มคิดว่าการเป็นผู้สอนศาสนาไม่เหมาะกับดิฉันและดิฉันต้องกลับบ้าน ดิฉันบอกความรู้สึกกระวนกระวายใจนี้กับประธานคณะเผยแผ่ และหลังจากตรึกตรองอย่างหนักและสวดอ้อนวอน ท่านย้ายดิฉันไปอยู่เขตใหม่กับคู่คนใหม่ คู่คนนี้กับดิฉันเข้ากันได้ในทันที ความรู้สึกวิตกกังวลและซึมเศร้าที่เคยมีเริ่มหายไป แต่โดยที่รับใช้เป็นผู้สอนศาสนาได้เพียงสี่เดือน ดิฉันจึงยังรู้สึกเหมือนว่านับจากนี้จะยากขึ้นเรื่อยๆ

วันหนึ่ง ในตอนท้ายการประชุมดิสตริกท์ เราประหลาดใจที่ประธานคณะเผยแผ่มาเยี่ยมเรา ท่านยื่นโทรศัพท์ให้ดิฉันและบอกว่าคุณแม่โทรมา ดิฉันใจหายวาบและรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดิฉันน้ำตาคลอก่อนคุณแม่จะบอกด้วยซ้ำว่าแพทย์วินิจฉัยว่าเอลเลียตน้องชายของดิฉันเป็นมะเร็ง ดิฉันใจสลายทันที ในขณะนั้นดิฉันไม่ต้องการอะไรนอกจากอยู่กับครอบครัว แต่ขณะคุณแม่ปลอบดิฉัน ท่านบอกว่าศรัทธาและคำสวดอ้อนวอนของดิฉันจะเกิดผลในออสเตรเลียมากกว่ากลับบ้าน

ดิฉันโทรหาเอลเลียตและบอกเขาว่าดิฉันรักเขามาก เอลเลียตเป็นกำลังใจให้ดิฉันมากตลอดชีวิตของดิฉัน และดิฉันปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้อยู่เคียงข้างเขา ดิฉันจบการสนทนาของเราโดยสวดอ้อนวอนให้เขาเป็นภาษาซามัวและสัญญาว่าจะสอนภาษาพื้นถิ่นของครอบครัวเราให้กับเขาเมื่อดิฉันกลับบ้าน

ดึกคืนนั้นขณะสวดอ้อนวอน ดิฉันร้องไห้กับพระบิดาบนสวรรค์ และทูลถามพระองค์ว่า “ทำไม?” “ทำไมต้องเอลเลียต?” “ทำไมต้องครอบครัวเรา—อีกแล้ว?” เราเคยเห็นและรู้สึกถึงความเจ็บปวดของมะเร็งและผลอันน่ากลัวของเคมีบำบัดมาแล้ว ความคิดดิฉันเต็มไปด้วยความทรงจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับการต่อสู้กับมะเร็งมายาวนานของคุณพ่อและความเจ็บปวดที่ท่านประสบ “ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว?” ดิฉันอยากรู้ ดิฉันกำลังประสบคำถามคล้ายๆ กับที่คนทั่วไปถามดิฉันเรื่อยมาในฐานะผู้สอนศาสนา แต่กระนั้นคำตอบพื้นฐานของพระกิตติคุณที่ดิฉันให้กับพวกเขาตลอดมาก็ยังไม่ดีพอสำหรับดิฉัน

ขณะคุกเข่าสวดอ้อนวอนด้วยความเจ็บปวดและความสับสนในใจ ดิฉันรู้สึกท่วมท้นด้วยสันติสุข ดิฉันตัดสินใจสวดอ้อนวอนอีกครั้ง คราวนี้ดิฉันทูลถามพระบิดาบนสวรรค์ว่า “อย่างไร?” แทน “ทำไม?” “ข้าพระองค์จะให้การทดลองนี้เสริมสร้างศรัทธาและทำให้ข้าพระองค์เข้มแข็งได้อย่างไร? “การทดลองนี้จะมีผลต่อเอลเลียตและคนอื่นๆ ในครอบครัวอย่างไร?” “ความท้าทายนี้จะช่วยให้ข้าพระองค์เป็นผู้สอนศาสนาที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร?” “ข้าพระองค์จะใช้เวลาที่ยากนี้ช่วยนำสันติสุขมาให้คนที่ไม่รู้จักพระกิตติคุณและการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร?”

การเน้น “อย่างไร?” แทน “ทำไม?” ช่วยให้ดิฉันมองสิ่งต่างๆ ผ่านเลนส์แห่งศรัทธา การเปลี่ยนวิธีคิดทำให้ดิฉันเห็นคุณค่าคำตอบพื้นฐานของพระกิตติคุณอีกครั้งซึ่ง เป็น ความจริงนิรันดร์อย่างแท้จริง พระบิดาบนสวรรค์ทรงรักเรา แน่นอน การทดลอง ความเจ็บปวด และมะเร็งไม่ใช่การลงโทษ เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวไว้ว่า “จงทะนุถนอมภาระทางวิญญาณ [และทางกาย] ของท่านเพราะพระผู้เป็นเจ้าจะทรงสนทนากับท่านผ่านภาระเหล่านั้นและจะทรงใช้ท่านทำงานของพระองค์ถ้าท่านจะแบกภาระให้ดี” (“The Inconvenient Messiah,” Ensign, Feb. 1984, 70)

ดิฉันรู้สึกสงบและอบอุ่นใจมากในพระเยซูคริสต์ระหว่างช่วงเวลาที่ยากนี้ ดิฉันรู้ว่าพระองค์ทรงเคยรู้สึกสิ้นหวังเหมือนที่ดิฉันรู้สึก ทรงประสบทุกอย่างที่เอลเลียตจะรู้สึกและทนทุกข์ในอีกหลายเดือนข้างหน้ามาแล้วเช่นกัน ดิฉันพบความอบอุ่นใจอย่างมากจากพระคัมภีร์ คำพูดจากการประชุมใหญ่ จากประธานคณะเผยแผ่และคู่ที่น่ารักของดิฉัน ดิฉันไม่แน่ใจว่าดิฉันจะรับข่าวนั้นได้อย่างไรหากไม่รู้จักภาพที่ใหญ่กว่าและแผนนิรันดร์ที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีให้ครอบครัวเรา

บางครั้งดูเหมือนจะง่ายกว่าถ้าถามว่า “ทำไม?” และโทษพระบิดาบนสวรรค์สำหรับการทดลองที่เกิดขึ้นกับเรา แต่จากประสบการณ์นี้และประสบการณ์อื่นที่ตามมา ดิฉันรู้ว่าเราจะได้รับพรและการค้ำจุนในการทดลองของเราเสมอถ้าเราวางใจในความรักอันไม่สั่นคลอนและพระปรีชาญาณอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ (ดู แอลมา 36:6)

หลังจากเอลเลียตรับเคมีบำบัดหลายเดือนและดิฉันกลับจากงานเผยแผ่นานแล้ว ดิฉันยังคงนึกถึงประสบการณ์นี้ทุกครั้งที่เกิดการทดลอง ดิฉันอาจจะไม่มีวันรู้ว่าทำไมน้องชายต้องอดทนต่อการทดลองนั้น แต่ดิฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งเราจะมีคำตอบให้กับคำถามทั้งหมดของเรา ดิฉันรู้ในขณะนั้นว่าเมื่อดิฉันเปลี่ยนคำทูลถามพระบิดาบนสวรรค์จาก “ทำไม?” เป็น “อย่างไร?” ดิฉันสามารถหันไปพึ่งพระเยซูคริสต์และยอมให้การทดลองนี้ช่วยให้ดิฉันเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น